ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รถ SUV ราคาถูก ไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ตอบโจทย์ทุกครอบครัว 2025
By
–
11 June 2025
87
การเลือกซื้อรถยนต์สำหรับครอบครัวในยุคปัจจุบัน รถ SUV ราคาถูก กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะให้ประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย ทั้งความสูงในการขับขี่ที่มองเห็นทางได้ดี พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง และความสามารถในการบรรทุกสิ่งของได้มาก ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับใครที่มีงบประมาณ ไม่เกิน 1 ล้านบาท และกำลังมองหารถ SUV ที่คุ้มค่า วันนี้เราได้รวบรวมรถยนต์ SUV ที่น่าสนใจมาให้ทุกท่านได้พิจารณา พร้อมข้อมูลรายละเอียดสเปค ราคา และจุดเด่นของแต่ละรุ่น เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการจริง
Toyota Yaris Cross – ไฮบริดน่าใช้
Toyota Yaris Cross เป็นรถ SUV ไฮบริดขนาดกะทัดรัดที่มีราคาเริ่มต้น 789,000 บาท ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและเทคโนโลジีที่ทันสมัย
จุดเด่นของ Toyota Yaris Cross:
- ระบบไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันเยี่ยม
 - Toyota Safety Sense 2.0 มาตรฐาน
 - พื้นที่เก็บของหลากหลายช่วง
 - การรับประกันที่เชื่อถือได้จาก Toyota
 - ค่าบำรุงรักษาไม่สูงมาก
 
รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับครอบครัวเล็กที่ต้องการความประหยัดในการใช้งานประจำวัน โดยเฉพาะการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ระบบไฮบริดจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
MG ZS – คุ้มค่าระดับพรีเมียม
MG ZS เป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัดที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัย และฟีเจอร์ครบครันในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและครอบครัวใหม่
ข้อดีเด่นของ MG ZS:
- ราคาเริ่มต้นที่น่าสนใจ
 - ระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่
 - ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ASEAN NCAP
 - การรับประกันยาวนานถึง 5 ปี
 - ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสมเหตุสมผล
 
รถรุ่นนี้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถที่ดูดี ใช้งานครบครัน และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยไม่ต้องจ่ายเงินสูงเกินไป MG ยังให้การบริการหลังการขายที่ดี ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้งานในระยะยาว
Honda WR-V – ความเชื่อถือจากฮอนด้า
Honda WR-V มีราคาอยู่ที่ 799,000 บาท ซึ่งเป็นรถ SUV ที่ได้รับการพัฒนาจากฐานของ Honda City ทำให้มีความเชื่อถือสูงและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่ไม่สูงมาก
ไฮไลท์ของ Honda WR-V:
- เครื่องยนต์ทนทานจาก Honda
 - ระบบเกียร์ CVT ที่นุ่มนวล
 - Honda SENSING ระบบความปลอดภัยขั้นสูง
 - ห้องโดยสารกว้างขวางเหนือระดับ
 - เครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
 
Honda WR-V เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Honda และต้องการรถที่ใช้งานง่าย ทนทาน พร้อมค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้ การบริการหลังการขายของ Honda ที่มีมาตรฐานสูงก็เป็นจุดแข็งสำคัญอีกประการหนึ่ง
Nissan Kicks – ดีไซน์โดดเด่น
Nissan Kicks มีราคา 779,900 บาท เป็นรถ SUV ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ พร้อมเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
จุดแข็งของ Nissan Kicks:
- ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นและทันสมัย
 - ระบบ e-POWER ที่ประหยัดน้ำมัน
 - เทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility
 - ห้องโดยสารที่มีพื้นที่ใช้สอยดี
 - ระบบกันสะเทือนที่นุ่มนวล
 
รถรุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความแตกต่างและชอบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Nissan Kicks มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดน้ำมันและมีประสิทธิภาพสูง
Hyundai Creta – ครบครันทุกฟีเจอร์
Hyundai Creta มีราคา 789,000 บาท เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถ SUV ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ครบครันและการรับประกันที่ดี
ความโดดเด่นของ Hyundai Creta:
- ระบบความปลอดภัยครบครัน
 - การรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
 - ห้องโดยสารสุดหรูสำหรับกลุ่มราคานี้
 - ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ใช้งานง่าย
 - ความประหยัดน้ำมันในระดับดี
 
Hyundai Creta ตอบโจทย์ครอบครัวที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุด การรับประกันที่ยาวนานช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจในการใช้รถระยะยาว และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอีกด้วย
MG ZS EV – อนาคตไฟฟ้า
MG ZS EV มีราคา 599,000 บาท ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่มีราคาเข้าถึงได้ที่สุดในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้า
ข้อดีของ MG ZS EV:
- ราคาถูกที่สุดในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้า
 - ระยะการขับขี่ต่อการชาร์จครั้งเดียวใช้ได้
 - ค่าใช้จ่ายในการขับขี่ต่ำมาก
 - ระบบความปลอดภัยครบครัน
 - การบำรุงรักษาง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป
 
รถไฟฟ้ารุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องลงทุนสูงมาก และมีการใช้งานส่วนใหญ่ในเมืองหรือระยะทางไม่ไกลมาก ค่าใช้จ่ายในการขับขี่ที่ต่ำมากจะช่วยประหยัดเงินในระยะยาว
Mazda CX-30 – พรีเมียมในราคาย่อมเยา
Mazda CX-30 มีราคา 869,000 บาท ซึ่งแม้จะเข้าใกล้ขีดจำกัดงบประมาณ 1 ล้านบาท แต่ก็มอบคุณภาพและความหรูหราที่คุ้มค่าการลงทุน
จุดเด่นของ Mazda CX-30:
- คุณภาพการประกอบที่ยอดเยี่ยม
 - ดีไซน์ KODO ที่หรูหราและทันสมัย
 - เครื่องยนต์ SKYACTIV ประหยัดน้ำมัน
 - ระบบช่วงล่างที่ขับขี่สนุก
 - ระบบเสียงและอินโฟเทนเมนต์คุณภาพสูง
 
Mazda CX-30 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและคุณภาพในการขับขี่ที่เหนือกว่า รถรุ่นนี้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
รถ SUV ราคาถูกไม่เกิน 1 ล้านบาทในปี 2025 มีให้เลือกหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเชื่อถือ หรือความหรูหรา การเลือกรถที่เหมาะสมควรพิจารณาจากการใช้งานจริง งบประมาณ และความต้องการเฉพาะของแต่ละครอบครัว เพื่อให้ได้รถที่ใช้งานได้อย่างมีความสุขและคุ้มค่าที่สุด
ส่องรถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ไม่เกิน 4 แสนบาท
MR.CARROตุลาคม 11, 2017
4 minutes read
สำหรับใครหลายๆ คน ที่ตอนนี้ อาจจะเพิ่งแต่งงาน หรือกำลังเริ่มสร้างครอบครัว หรือมีลูกอยู่แล้ว 1-2 คน และกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองซักคัน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือ ไปผ่อนบ้าน หรือใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่าเทอมลูก เป็นต้น (แต่คนโสดจะซื้อไปใช้ ก็ได้เช่นกันนะครับ)

โดยรถยนต์ที่เหมาะสมหน่อย ก็คงหนีไม่พ้นรถยนต์แนวๆ MPV ที่นั่งได้หลายคน ขนของก็ได้ ไปได้กันทั้งครอบครัว ในราคาตัวรถที่ไม่แพงจนเกินไปนัก

MR.CARRO ขอแนะนำรถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ในราคาไม่เกิน 400,000 บาท ที่น่าซื้อมาใช้ ให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ.

1. Toyota Avanza F600 / F650
Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) ถือเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง นำเข้าจากอินโดนีเซีย ชื่อรุ่นมาจากคำว่า “Avanzato” ในภาษาอิตาลี หรือ “Advance” ในภาษาอังกฤษ … ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2547 เป็นต้นมา ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ “Compact Multi – Purpose Vehicle” ที่มีความคุ้มค่า ขนาดห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ “Tall Boy” หลังคาทรงสูง รองรับผู้โดยสารในการเดินทางได้ถึง 7 คน วางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ Flex And Fold ปรับได้อิสระ สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งเพื่อบรรทุกสัมภาระ พร้อมด้วยความคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน อัตราการดูแลรักษาต่ำ

Toyota Avanza เจเนอเรชั่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส K3-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. (120 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2551 อัพเกรดเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. (141 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …
โดย Avanza (F600) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 145,000 – 360,000 บาท

ส่วน Toyota Avanza ในโมเดลที่ 2 เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2555 พลิกโฉมสู่ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ออกแบบใหม่หมด ทั้งภายนอกและภายใน แถมรองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่่นั่งเหมือนเดิม

สำหรับ Toyota Avanza ในโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 101 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.6 กก.-ม. (133 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …
โดย Avanza (F650) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 300,000 – 550,000 บาท

2. Toyota Wish
จากรถที่เคยนำเข้ามาโชว์ก่อนเปิดตัว Toyota Wish (โตโยต้า วิช) ในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนเมษายน 2546 ก่อนจะเปิดจำหน่ายในบ้านเราเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2546 สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์ในบ้านเรามาก เพราะผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเป็นแห่งที่ 2 ของโลกต่อจากประเทศญี่ปุ่น ช่วงแรกสร้างยอดขายเป็นที่น่าพอใจ รูปทรงดูทันสมัย แม้เวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2548 แต่เนื่องจากกลุ่มตลาดที่ซ้ำซ้อนกับ Toyota Innova และยอดขายที่ตกมากช่วงปลายอายุตลาด ไม่คุ้มกับการผลิต Wish ก็เลยต้องหายจากตลาดไป …

Toyota Wish ในประเทศไทย จะมีเบาะนั่ง 6-7 ที่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 19.6 กก.-ม. (192 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT + Sport Sequential
โดย Wish ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 255,000 – 480,000 บาท

3. Toyota Innova
Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า) ถูกพัฒนาขึ้นมาจากโครงการ IMV (Innovative International Multi-Purpose Vehicle) มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทของ “โตโยต้า” โดยเป็นโมเดลที่ 2 ของโตโยต้า ภายใต้โครงการ IMV ที่เปิดตัวทำตลาดในไทยเดือนตุลาคม 2547 และเป็นรถแนว MPV รุ่นที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาก ทั้งในกลุ่มคนที่มีครอบครัว หรือในกิจการรถแท็กซี่ก็ตาม นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย มีทั้งแบบ 7 และ 8 ที่นั่ง …

Toyota Innova โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก
ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก ในเดือนตุลาคม 2551 และครั้งที่สองในวันที่ 7 กันยายน 2554 พร้อมกับตัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกไป

Toyota Innova โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง
มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. (182 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D4-D Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. (260 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
โดย Innova ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 230,000 – 500,000 บาท (เป็นราคาโดยประมาณ สำหรับรุ่นก่อนปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2)

4. Honda Stream
การมาของ “Honda Stream” (ฮอนด้า สตรีม) ทำให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่ม MPV 7 ที่นั่ง ตื่นตัวขึ้นมากกว่าเดิม ด้วยรูปทรงที่ดูสวยงาม มุมด้านข้างดูโค้งมนพริ้วไหว ใช้พื้นฐานโครงสร้างเดียวกับ Civic โดยขยายช่วงล้อและยืดฐานล้อ ให้มีขนาดห้องโดยสารใหญ่เพียงพอสำหรับนั่งได้ 7 ที่นั่ง เปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อกันยายน 2545 โดยนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย
ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่วางใน CR-V รหัส K20A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. (191 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด S-Matic
ต่อมา … เพิ่มรุ่นพิเศษ “Stream Sports Version” ใส่ชุดสเกิร์ตรอบคัน ไฟตัดหมอก และกระจังหน้าแบบใหม่

พอในปี 2547 Honda ก็ได้ปรับโฉม Stream กันอีกครั้ง … แต่การมาของ Toyota Wish ก็ทำให้ Honda Stream ยอดขายตกวูบ และในที่สุดก็เลิกขายในไทยไป หลังจากมีการเปลี่ยนโฉมใหม่ …
โดย Stream ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 190,000 – 360,000 บาท

5. Mitsubishi Space Wagon
ช่วงที่ตลาดรถ MPV กำลังหอมหวาน มิตซูบิชิ ก็กระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2547 ด้วยการส่ง “Mitsubishi Space Wagon” (มิตซูบิชิ สเปซแวกอน) เป็น Mid-Size Minivan ที่ใหญ่กว่าคู่แข่ง ชิงส่วนแบ่งการตลาด ด้วยจุดขาย 2 ส่วน คือ ภาพลักษณ์หรูหรา ราคาไม่แตกต่างหรือใกล้เคียงมากกับคู่แข่ง และจุดขายส่วนที่ 2 คือ Multi Purpose ซึ่งทำให้รถยนต์สำหรับผู้บริหาร ไม่ใช่แค่การนั่งจากที่บ้านไปที่ทำงาน แต่หมายถึงใช้รถเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่ ส่วนในโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550

ทั้งนี้ ชื่อ “Space Wagon” เป็นที่รู้จักและคุ้นหูคนไทยมานาน ตั้งแต่ Mitsubishi นำเข้า Space Wagon (หรือ Mitsubishi Chariot ในญี่ปุ่น) เข้ามาขาย ส่วนในต่างประเทศใช้ชื่อว่า “Grandis”

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4G69 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.1 กก.-ม. (224 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด INVECS-II
โดย Space Wagon ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 299,000 – 600,000 บาท

6. Suzuki APV
ซูซูกิ เริ่มกระโดดลงมาเล่นในตลาดรถ MPV ครั้งแรก โดยส่ง “Suzuki APV” (ซูซูกิ เอพีวี) ตัวโชว์มาก่อนในช่วงงาน Motor Expo ปี 2547 ก่อนจะวางจำหน่ายจริงในช่วงเดือนมีนาคม 2548 โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากจากครอบครัวคนไทย เพราะนั่งได้มากถึง 8 ที่นั่ง รวมไปถึงตลาดรถแท็กซี่เองก็มีซื้อไปใช้เช่นกัน อีกทั้ง ซูซูกิ ยังนำมาดัดแปลงเป็นรถกระบะบรรทุกขนาดเล็กอย่าง “Carry” อีกด้วย และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2551

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16A แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. (127 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
โดย APV ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 180,000 – 350,000 บาท

7. Suzuki Ertiga
Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติกา) รับช่วงสานต่อความสำเร็จต่อจากรุ่น APV พัฒนาให้ดีขึ้นในทุกมิติ เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนมีนาคม 2556 รถอเนกประสงค์แบบ MPV 7 ที่นั่ง ชูความสะดวกสบายสามารถปรับใช้งานได้หลากหลาย เจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร รหัส K14B แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.3 กก.-ม. (130 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20
โดย Ertiga ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 340,000 – 550,000 บาท

8. Chevrolet Zafira
Chevrolet Zafira (เชฟโรเลต ซาฟิร่า) เป็นการเปิดศักราชของ GM ภายใต้บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยลงทุนตั้งโรงงานประกอบที่ จ.ระยอง และทำตลาด Zafira ด้วยแบรนด์ Chevrolet เป็นรุ่นแรก (ไม่ใช้แบรนด์ Opel ในไทยอีกต่อไป) เปิดตัวในช่วงปี 2542 เป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง รูปทรงกะทัดรัด ภายในห้องโดยสารออกแบบหรูหรา มีเบาะนั่งแบบ Flex7 สามารถพับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นจุดเด่นของ Zafira
มีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส Z18XE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ECOTEC ให้แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

และเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร รหัส Z22SE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ECOTEC ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 22.3 กก.-ม. (203 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
โดย Zafira ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 89,000 – 180,000 บาท

9. Proton Exora

Proton Exora (โปรตอน เอ็กซ์โซร่า) เป็นการกลับมาของ บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ที่หันกลับมาขายแบรนด์ “Proton” (โปรตอน) รถยนต์จากประเทศมาเลเซีย กับรถแนว MPV 7 ที่นั่ง เปิดตัวไปในเดือนพฤศจิกายน 2552 มาพร้อมรูปทรงสง่างาม หรูหรา ตั้งแต่หัวจรดท้าย ดีไซน์ตัวถังตามหลัก Aerodynamics ภายในกว้างขวาง มีแอร์สำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ด้วย
สำหรับ Exora และ Exora Prime มาพร้อมเครื่องยนต์ Campro ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CPS และท่อไอดีแปรผัน VIM ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. (150 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด … มีรุ่นติดตั้งแก๊ส LPG ให้เลือกด้วยนะ

ในปี 2555 จึงนำเข้า Exora Turbo มาเป็นตัวเลือกในตลาดเพิ่มอีกหนึ่งแบบ มีเฉพาะรุ่น High-Line มาพร้อมเครื่องยนต์ CFE ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. (205 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที
โดย Exora ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 185,000 – 340,000 บาท

10. KIA Carens
KIA Carens (เกีย คาเรนส์) เป็นรถรุ่นเดียวในกลุ่ม Mini MPV ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ภายในห้องโดยสารกว้างและยาว สูงโปร่ง เพียงพอกับ 7 ที่นั่ง และประหยัดน้ำมัน เป็นรถที่นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ และเป็นรถมือสองที่หายากในบ้านเราอีกหนึ่งรุ่น

ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบเรียง CRDi Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 25.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
โดย Carens ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 180,000 – 260,000 บาท
Mr.CARRO หวังว่ารถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ไม่เกิน 4 แสนบาท ที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจหลายๆ คนกันนะครับ
	    	
		    

