ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับรถ SUV ประหยัดน้ำมันที่น่าซื้อในปี 2025
หากคุณกำลังมองหารถ SUV คันใหม่ที่ทั้งตอบโจทย์การใช้งานและช่วยประหยัดน้ำมันในระยะยาว คุณมาถูกที่แล้ว! ปี 2025 มาพร้อมกับตัวเลือกหลากหลายที่เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัด บทความนี้ เงินให้ใจได้คัดสรร 10 อันดับรถ suv ประหยัดน้ำมันที่โดดเด่นทั้งในด้านสมรรถนะ ความคุ้มค่า และดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว
1. Toyota Yaris Cross Hybrid
Toyota Yaris Cross Hybrid เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV ขนาดเล็กที่สามารถใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัว มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 26.3 กม./ลิตร ซึ่งนับว่าเป็น รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในกลุ่มนี้ อีกทั้งยังมีดีไซน์ทันสมัยและฟังก์ชันครบครัน เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติและระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง
– ราคา : เริ่มต้น 789,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : ประหยัดน้ำมันมาก เหมาะกับการใช้งานในเมือง
2. Honda HR-V e:HEV
Honda HR-V e:HEV เป็นรถ SUV ขนาดกลางที่เน้นความประหยัดและความสปอร์ต มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด e:HEV ที่ผสานระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ช่วยให้ได้อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 25.6 กม./ลิตร พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่างหน้าจอสัมผัส 8 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย และการออกแบบภายในที่กว้างขวาง
– ราคา : เริ่มต้น 1,149,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : มีเทคโนโลยีไฮบริดที่ตอบโจทย์การเดินทางในเมืองและต่างจังหวัด
3. Mitsubishi Pajero Sport Diesel
สำหรับคนที่มองหา SUV ขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและการเดินทางไกล Mitsubishi Pajero Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร VG-Turbo ที่ให้กำลังแรงแต่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดี โดยมีอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยประมาณ 13-15 กม./ลิตร จุดเด่นคือความแข็งแกร่งในการขับขี่และพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง
– ราคา : เริ่มต้น 1,389,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลและครอบครัวใหญ่
4. Mazda CX-5
Mazda CX-5 ใช้ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ระบบ GVC Plus หนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ Skyactiv-Vehicle Dynamics เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตรมีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.5 กม./ลิตร พร้อมด้วยการออกแบบที่หรูหราและระบบขับขี่ G-Vectoring Control Plus ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงในทุกการขับขี่
– ราคา : เริ่มต้น 1,530,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : สมรรถนะยอดเยี่ยมและประหยัดน้ำมัน
5. Nissan Kicks e-POWER
Nissan Kicks e-POWER เป็น SUV ไฮบริดที่ไม่ใช้เครื่องยนต์โดยตรงในการขับเคลื่อน แต่มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวทำงานหลัก ทำให้ได้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม 23.4 กม./ลิตร พร้อมดีไซน์ทันสมัยและฟีเจอร์ล้ำยุค เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
– ราคา : เริ่มต้น 889,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าพร้อมเทคโนโลยี e-POWER
6. Hyundai Tucson Hybrid
Hyundai Tucson Hybrid รถประหยัดน้ำมันมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมกว่า 230 แรงม้า และอัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 22 กม./ลิตร รถรุ่นนี้โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่ทันสมัยและฟังก์ชันช่วยจอดอัตโนมัติ
– ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : ดีไซน์โฉบเฉี่ยวและเทคโนโลยีครบครัน
7. Kia Sportage Hybrid
Kia Sportage Hybrid เป็น SUV อีกหนึ่งรุ่นที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ด้วยอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 20.4 กม./ลิตร พร้อมห้องโดยสารที่เงียบและพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่
– ราคา : เริ่มต้น 1,750,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : ห้องโดยสารกว้างและการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม
8. Mercedes-Benz GLA 200
Mercedes-Benz GLA 200 รถประหยัดน้ำมันด้วยดีไซน์สปอร์ตหรูหรา พร้อมกระจังหน้า Diamond Grille และไฟท้าย LED ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ ภายในกว้างขวางและทันสมัย พร้อมซันรูฟพาโนรามิค เครื่องยนต์เบนซิน 1,332 ซีซี เทอร์โบ กำลัง 163 แรงม้า ขับขี่ประหยัดพลังงาน รองรับน้ำมัน E85
– ราคา : เริ่มต้น 2,750,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : ขับขี่ประหยัดพลังงาน รองรับน้ำมัน E85 และภายในกว้างขวางพร้อมฟีเจอร์ทันสมัย
9. Subaru Forester e-Boxer
Subaru Forester e-Boxer รถประหยัดน้ำมันใช้เทคโนโลยีไฮบริดที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ Boxer และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ได้อัตราการประหยัดน้ำมันประมาณ 18 กม./ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน
– ราคา : เริ่มต้น 1,450,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะและความมั่นคง
10. BMW X5 Plug-in Hybrid
BMW X5 Plug-in Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขนาด 3.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 313 แรงม้า พร้อมการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 113 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ SUV หรูหราและเทคโนโลยีล้ำยุค
– ราคา : เริ่มต้น 5,099,000 บาท
– ข้อดีน่าซื้อ : ความหรูหราและระยะขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
สรุป
การเลือก รถ SUV ประหยัดน้ำมัน ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพิจารณาเลือกจากรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณของคุณคือกุญแจสำคัญ หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด ลองพิจารณารุ่นที่เราแนะนำ และเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละรุ่นเพื่อให้ได้รถที่ตอบโจทย์มากที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
5 รถประหยัดน้ำมันปี 2023 พร้อมแชร์ทริคประหยัดน้ำมัน
ข่าวสารรถ | 27 มิ.ย. 2566

ราคาน้ำมันที่กลับมาพุ่งทะยานสูงขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจากที่ช่วงโควิดที่ผ่านมาราคาน้ำมันลดลงไปอย่างมาก ทำเอาคิดหนักก่อนจะเดินทางไปไหนมาไหน ยิ่งตอนนี้ราคาน้ำมันกลับมาแพงกว่าแต่ก่อนเสียอีก การเลือกซื้อหารถในอดีตที่ดูจากดีไซน์ความหรูหราเป็นหลัก แต่สำหรับนักขับรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและทุนทรัพย์ของตัวเองแล้ว ตอนนี้ต่างมองหารถประหยัดน้ำมันกันหลายคน แม้ว่าจะมีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาเป็นตัวแทนแล้วก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาสำหรับการชาร์จไฟที่ยังคงต้องใช้เวลานานอยู่ จึงทำให้การเลือกใช้งานรถพลังงานน้ำมันยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญที่ไม่อาจขาดได้ในเวลานี้
แน่นอนว่าราคาน้ำมันที่สูงมาก หากต้องเลือกซื้อรถที่ซดน้ำมันกันอย่างแรง แบบสตาร์ตหนึ่งทีกินน้ำมันไปหนึ่งลิตร รับรองมีสิทธิ์หมดตัวกันเป็นแน่ ทางผู้ออกแบบรถยนต์ชั้นนำทั้งหลายต่างแข่งขันประดิษฐ์คิดค้นรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีอัตราประหยัดพลังงานที่สูงขึ้น เรียกว่าอาจเทียบเคียงกับการใช้พลังงานไฟฟ้ากันเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการซื้อรถของคนยุคใหม่ อะไรที่สะดวกและประหยัดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการตัดสินใจในการถอยรถคันใหม่ออกมาใช้งานกันเลยทีเดียว บทความนี้จะรวมเคล็ดลับขับรถประหยัดน้ำมัน รวมถึงรถรุ่นไหน ประหยัดน้ำมันที่สุดในปี 2023 อ่านด้านล่างได้เลย
5 อันดับรถประหยัดน้ำมัน ปี 2023
ในปี 2023 ขณะที่หลาย ๆ ค่ายส่งรถยนต์ส่งรถพลังงานไฟฟ้าออกมาเป็นตัวเลือกอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีค่ายรถหลายแห่งที่ส่งรถประหยัดน้ำมันออกมาเป็นทางเลือก ที่สำคัญยังมีการพัฒนารูปแบบของเครื่องยนต์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันอีกด้วย มีรถรุ่นไหนที่ได้ชื่อว่าประหยัดน้ำมันได้มาก รู้ใจขอรวบรวมเอาไว้ให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกันดังต่อไปนี้

1. Suzuki Swift
เรียกว่าปาดหน้ามาแรงแซงทางโค้งกันเลยก็ว่าได้กับค่ายรถยนต์ซูซูกิที่เป็นเพียงแค่ค่ายรถทางเลือกในอดีต อีกทั้งได้รับความนิยมอยู่ในกลุ่มแคบ ๆ เท่านั้น แต่นับจากที่ซูซูกิได้ส่งเจ้านกนางแอ่นพันธุ์จิ๋ว หรือ Swift ออกมา เรียกว่าครองใจนักขับรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยว งดงาม แถมมีขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีตรอกซอกซอยเยอะแยะไปทั่ว ที่สำคัญอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงของเจ้านกนางแอ่นตัวน้อยขึ้นชื่อว่า ประหยัดพลังงานและคุ้มค่ามากที่สุดจนทุกสำนักยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของรถยนต์พลังงานน้ำมันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวลานี้ โดยอัตราการประหยัดพลังงานของ Suzuki Swift นั้นประหยัดน้ำมันได้ถึง 23 กม./ลิตร แถมยังสามารถใช้น้ำมัน E20 ที่มีราคาถูกได้อีกด้วย

2. Honda City e:HEV
อีกหนึ่งค่ายรถยักษ์ใหญ่ที่ครองใจนักขับชาวไทยมาอย่างยาวนาน กับค่ายรถยนต์ฮอนด้าที่เป็นผู้นำนวัตกรรมการออกแบบยานยนต์มาทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าฮอนด้าจะไม่ได้ลงสนามของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังสำหรับปี 2023 แต่ฮอนด้าก็ยังออกแบบรถยนต์ทางเลือกที่เป็นมิตรและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่าง Honda City e:HEV ที่ถือเป็นการผสานความเป็นตำนานของรถในซีรีส์ City ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ทันสมัยอย่าง e:HEV ที่เป็นการใช้พลังงานน้ำมันควบคู่ไปกับพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการแปลงพลังงานขณะที่รถวิ่งให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า
การมาของ City โฉมนี้จึงนับว่าเป็นเทคโนโลยีระดับสุดยอดที่ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน โดยอัตราการใช้น้ำมันของ Honda City e:HEV อยู่ที่ 27.8 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น

3. Toyota Yaris Ativ
เมื่อมีฮอนด้าก็ต้องมีโตโยต้า สองสิงห์แห่งวงการยานยนต์ที่ต่างไม่มีใครยอมใครกันเลย เมื่อฮอนด้าส่ง City e:HEV ลงสนาม ทางโตโยต้าเองก็ไม่รอช้าส่ง Toyota Yaris Ativ มาเป็นตัวเรื่องในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน การรักษาสิ่งแวดล้อมพร้อมกับดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยด้วย
มากับเครื่องยนต์ 1.2L จึงทำให้อัตราการใช้พลังงานน้ำมันน้อยนิด รวมไปถึงระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ช่วยให้ทุกจังหวะการเร่งไม่ผลาญน้ำมันมากจนเกินไป ยิ่งขับทางไกลยิ่งประหยัดกันไปได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องถอยรถยนต์ไฟฟ้าออกมาใช้งานหรือเลือกรถแบบ e:HEV ที่มีมูลค่าการดูแลรักษาที่สูง Toyota Yaris Ativ สามารถตอบโจทย์เรื่องการประหยัดพลังงานให้คุณได้อย่างครบถ้วน ด้วยการใช้พลังงานเพียง 26 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น

4. Nissan Kicks e-POWER
เป็นรถยนต์พลังงานน้ำมันพร้อมกับพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกที่ออกมาสู่สายตาและอยู่ในการควบคุมของนักขับ Nissan Kicks e-POWER นับเป็นนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมที่เป็นแบบอย่างของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบปัจจุบันทั้งหมด สำหรับ Nissan Kicks e-POWER เป็นรถขนาดกะทัดรัดขนาดเครื่องยนต์เพียง 1.2 ลิตร แถมมีอัตราประหยัดน้ำมันที่สูงมากถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร เรียกว่าประหยัดการใช้พลังงานน้ำมันมากกว่ารถยนต์ E-power ในรูปแบบอื่น ๆ ทำให้ Kicks กลายเป็นรถที่ครองใจนักขับรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็วมาก แม้ว่านิสสันจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดของทางฝั่งรถยนต์ไปอยู่นาน แต่เพราะ Kicks นี่แหละที่ตอบโจทย์ในทุกเรื่องของความคุ้มค่าได้อย่างครบถ้วน

5. BMW 330e M Sport
ขึ้นชื่อว่า BMW ทุกคนก็คงขยาดกันแล้วกับรถยนต์พลังแรงแห่งแดนยุโรปที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการซดน้ำมันเป็นอย่างมาก แต่นั่นคือเรื่องราวในอดีตที่เป็นเพียงตำนานที่เล่าขาน เพราะประเทศเยอรมนีคือประเทศแห่งนวัตกรรมที่สร้างสรรค์เครื่องยนต์รุ่นใหม่จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ BMW 330e M Sport รถยนต์สุดหรูแต่ใช้ประหยัดพลังงานสุด ๆ
BMW 330e M Sport มาด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ใครหลายคนพอมองเห็นขนาดเครื่องแล้วแอบปาดเหงื่อเล็ก ๆ ว่าจะกินน้ำมันมากหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วเจ้า BMW 330e M Sport มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงมาก โดยข้อมูลจากโรงงานระบุว่า รถรุ่นนี้ใช้น้ำมันเพียงแค่ 41 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น เรียกว่าทั้งหรู ทั้งประหยัด กันแบบสุด ๆ ไปเลย
เคล็ดลับประหยัดน้ำมัน จ่ายเท่าเดิม ไปได้ไกลกว่า
หากเรามีรถอยู่และอยากประหยัดน้ำมัน การซื้อรถใหม่คงเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะสิ่งสำคัญนอกจากตัวรถแล้วสิ่งที่จะช่วยให้การขับรถทุกประเภทประหยัดน้ำมันมากที่สุดคืออุปนิสัยการขับขี่นั่นเอง มาดูกันว่าเราจะขับรถให้ประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำมันกันอย่างเต็มที่ได้ยังไงบ้าง
- ตรวจสภาพรถให้พร้อมต่อการใช้งานอยู่เสมอ เพราะรถที่สมบูรณ์ อัตราการเผาผลาญดี ก็จะประหยัดพลังงานน้ำมันได้มาก
 - ไม่บรรทุกของหนักจนเกินไป อะไรที่ไม่จำเป็นก็เอาออกไว้ที่บ้าน อีกทั้งอย่าปล่อยให้ลมยางอ่อนตัว หรือแข็งมากเกินไปจะทำให้เกิดแรงต้านและรถกินน้ำมันมากขึ้น
 - ขับรถในอัตราเร็วเดินทาง รถทุกประเภทจะมีการออกแบบอัตราเร็วเดินทางเอาไว้ที่ 70 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้นการรักษาความเร็วในการเดินทางนี้ไว้ แม้อาจไปถึงเป้าหมายช้าบ้าง แต่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันไปได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
 
ไม่ว่าคุณจะได้จับจองเป็นเจ้าของ 5 รถประหยัดน้ำมันในปี 2023 หรือจะเป็นรถรุ่นเก่าก็ตาม การขับขี่ตามเคล็ดลับขับยังไงให้ประหยัดน้ำมันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครหลายคนที่อยากประหยัดเงินในกระเป๋า นอกจากนั้นการมองหาประกันภัยรถยนต์ยังเป็นทางเลือกที่ช่วยคุ้มครองครองคุณจากความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เงินเก็บของเราจะได้ไม่หมดไปกับค่าซ่อมรถ รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ที่รู้ใจ ช่วยคุณประหยัดค่าเบี้ยสูงสุด 30% ปรับแต่งแผนได้ตามใจ เคลมง่าย สมัครออนไลน์ได้ทันทีไม่ต้องโทร นอกจากประหยัดเงินแล้วยังประหยัดเวลาให้คุณได้ไปทำในสิ่งที่ตนเองรัก ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง อุ่นใจได้ให้รู้ใจช่วยคุ้มครอง
	    	
		    
