ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 รถมือสองประหยัดน้ำมัน ราคาถูก รุ่นไหนน่าซื้อ
- June 26, 2568
 

เลือกอ่านเนื้อหาตามหัวข้อ
ปัจจุบันปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในความท้าทายหลักที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องเผชิญ แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดด้านความเสถียรของระบบและสถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ การพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะก็อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการในการเดินทางได้อย่างทั่วถึง
ด้วยเหตุนี้เอง รถมือสองประหยัดน้ำมันจึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับรถใหม่ป้ายแดง ทำให้ภาระด้านเงินดาวน์และยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งช่วยให้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งทุกวันนี้ยังมีรถมือสองประหยัดน้ำมันให้เลือกสรรหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งประหยัดน้ำมันมือสอง, รถอีโคคาร์, รถ SUV และอีกมากมาย บทความนี้จะพามาเช็ก 10 รุ่นรถมือสองประหยัดน้ำมัน ว่ามีรุ่นตอบโจทย์ น่าใช้กันบ้าง
รวม 10 รุ่นรถมือสองประหยัดน้ำมัน มีอะไรบ้าง?
เมื่อรถประหยัดน้ำมันมือสองกลายเป็นทางเลือกชั้นยอดสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไว้ขับขี่ แต่ไม่อยากลงทุนเยอะ ทั้งซื้อรถใหม่มือหนึ่งและการจ่ายค่าน้ำมันแพง ๆ ลองมาดูเช็กลิสต์กันเลยว่ามีรุ่นไหนที่เหมาะสมกับการจับจองเป็นเจ้าของบ้าง
1. Nissan March
เริ่มต้นด้วยรถยนต์ประหยัดน้ำมันมือสองที่มาพร้อมความกะทัดรัดและคล่องตัวสูง มีขนาดเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันด้วยอัตราการเผาผลาญ 20 – 25 กม./ลิตร เลือกได้ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ออโต้ Xtronic CVT ออกแบบกะทัดรัด กระจังหน้ารังผึ้ง V-Shape ไฟท้าย LED หลังคาสปอยเลอร์ดูเหนือระดับ ห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะกับการขับขี่คนเดียวหรือครอบครัวขนาดเล็ก
- จุดเด่น:
 
– อัตราการเผาผลาญ 20 – 25 กม./ลิตร
– ขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ กำลังสูงสุด 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที
– ดีไซน์รถมีขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการขับขี่ในเมือง
- ราคา: มือสองเริ่มต้นที่ 150,000 บาท
 
2. Nissan ALMERA

รถประหยัดน้ำมันมือสองรุ่นต่อมายังมาจากค่าย Nissan จัดเต็มกับรถเก๋งดีไซน์เท่ เหนือระดับ ขนาดเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตรเทอร์โบ กำลังสูงสุด 100 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เพื่อลดการใช้พลังงาน เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง รวมถึงครอบครัวขนาดเล็กก็สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจตลอดเส้นทาง
- จุดเด่น:
 
– อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร
– ขนาดเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ กำลังสูงสุด 100 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที
– ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ช่วยลดการใช้พลังงาน
- ราคา: มือสองเริ่มต้นที่ 200,000 บาท
 
3. Honda City

หากบอกว่านี่คือรถเก๋งมือสองประหยัดน้ำมันยอดฮิตติดลมบนอันดับต้น ๆ คงไม่ใช่เรื่องผิดเท่าไรนัก เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC 1.0 ลิตร VTEC Turbo กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที ช่วยให้การขับขี่ทุกเส้นทางเดินหน้าได้อย่างมั่นใจไม่แพ้รถเครื่องยนต์ระดับ 1.5 ลิตร อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.8 กม./ลิตร ระบบเกียร์ CVT เพิ่มสมรรถนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ แรงดีไม่มีตก ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดเล็กและขนาดกลาง
- จุดเด่น:
 
– อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.8 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์ 3 สูบ DOHC 1.0 ลิตร VTEC Turbo
– มีหลายรุ่นหลากดีไซน์ ออกแบบทันสมัยไม่มีตกยุค
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 379,000 บาท
 
4. Toyota Vios
รถเก๋งประหยัดน้ำมันมือสองยอดฮิตตลอดกาล ที่พบเจอได้บ่อย ๆ ตามท้องถนน มีขนาดเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.8 กม./ลิตร ระบบหัวฉีด EFI ช่วยให้การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพมากขึ้น เกียร์ออโต้ CVT 7 สปีด พร้อมดีไซน์เรียบง่ายและตอบโจทย์กับทุกการใช้งานโดยเฉพาะคนขับระยะทางไกล
- จุดเด่น:
 
– เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i
– อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.8 กม./ลิตร
– ระบบหัวฉีด EFI ช่วยให้การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 300,000 บาท (ตั้งแต่รุ่นปี 2017 เป็นต้นไป)
 
5. Toyota Yaris
อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับรถเก๋งมือสองประหยัดน้ำมัน ขอแนะนำ Toyota Yaris รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร กำลัง 92 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที มาตรฐานไอเสีย EURO 5 เกียร์ออโต้ Super CVT-i มาพร้อม Shift Lock และระบบช่วยประหยัดน้ำมัน Stop and Start System อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร ดีไซน์ Hatchback 5 ประตู เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัด
- จุดเด่น:
 
– อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร กำลัง 92 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที
– ระบบ Stop and Start System ตัวช่วยการประหยัดน้ำมัน
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 350,000 บาท (ตั้งแต่รุ่นปี 2017 เป็นต้นไป)
 
6. Toyota Yaris ATIV

อีกหนึ่งตัวเลือกดี ๆ สำหรับรถเก๋งประหยัดน้ำมันมือสอง เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 92 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที เกียร์ออโต้ Super CVT-i พร้อมเลือกโหมดได้ตามชอบ มาตรฐานไอเสีย EURO 5 ระบบ Stop & Start System ประหยัดน้ำมันและลดการเกิดมลพิษ ฟีเจอร์ภายในรถจัดเต็มทั้งกล้องมองหลัง ระบบเซ็นทรัลล็อก ระบบแจ้งเตือนการถูกโจรกรรม และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร ดีไซน์รถเก๋ง 4 ประตู สุดโฉบเฉี่ยว
- จุดเด่น:
 
– อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 92 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที
– ระบบ Stop & Start System ประหยัดน้ำมันและลดการเกิดมลพิษ
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 350,000 บาท
 
7. Mazda 2
หลงใหลในความโฉบเฉี่ยวของดีไซน์ภายนอกทั้งกระจังหน้า ไฟหน้า รวมถึงกันชน ต้องรถมือสองประหยัดน้ำมันรุ่นนี้เลย มีให้เลือกทั้งแบบ Sedan 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู เครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร เกียร์ออโต้ 6 สปีด ระบบไอเสียผ่านมาตรฐาน EURO 5 จะขับขี่ในเมืองหรือนอกเมืองก็สะดวกสบาย
- จุดเด่น:
 
– อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที
– ดีไซน์ภายนอกแบบ KODO Design เพิ่มความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 300,000 บาท
 
8. Mitsubishi Mirage
รถมือสองประหยัดน้ำมันสไตล์อีโคคาร์ ตอบโจทย์กับการขับขี่ในเมืองด้วยดีไซน์แบบ Hatchback 5 ประตูสุดทันสมัย ขนาดช่องเก็บของใหญ่ขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 22 กม./ลิตร เกียร์ออโต้ CVT ช่วยลดการใช้พลังงานมากขึ้น เหมาะกับการขับขี่คนเดียวหรือครอบครัวขนาดเล็ก
- จุดเด่น:
 
– อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 22 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที
– เกียร์ออโต้ CVT ช่วยลดการใช้พลังงาน
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 200,000 บาท
 
9. Mitsubishi Attrage
มองหารถอีโคคาร์สำหรับขับขี่ในเมืองแต่ยังเน้นความเท่ด้วยสไตล์ Sedan 4 ประตู ขอแนะนำ Mitsubishi Attrage อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้ใคร ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC MIVEC วาล์ว กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที เกียร์ออโต้ CVT พร้อมระบบ INVECS-III ช่วยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ ลดการใช้น้ำมันได้มากขึ้น ตัวถังมีคานเหล็กกันกระแทกช่วยลดแรงบีบอัดความเสียหายของตัวรถ อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร
- จุดเด่น:
 
– อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC MIVEC วาล์ว กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที
– เกียร์ออโต้ CVT พร้อมระบบ INVECS-III ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์และลดการใช้น้ำมัน
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 200,000 บาท
 
10. Suzuki Swift
ปิดท้ายกันด้วยรถมือสองประหยัดน้ำมันดีไซน์ Hatchback 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร K12M Dual JET หัวฉีดคู่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และลดการใช้น้ำมันได้มากขึ้น กำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23 กม./ลิตร เกียร์ออโต้ CVT ตอบโจทย์ทุกสมรรถนะการขับขี่ เหมาะสำหรับใช้งานในเมือง ขับขี่คนเดียวหรือครอบครัวขนาดเล็ก
- จุดเด่น:
 
– อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 23 กม./ลิตร
– เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร K12M Dual JET หัวฉีดคู่ เผาไหม้ดี ลดการใช้น้ำมัน
– เกียร์ออโต้ CVT ใช้งานง่าย เหมาะกับการขับขี่ในเมือง
- ราคา: มือสองเริ่มต้น 300,000 บาท
 
ทั้งหมดนี้คือรถมือสองประหยัดน้ำมันทั้ง 10 รุ่นที่ Drive Sure นำมาฝาก สำหรับใครกำลังมองหารถมือสองสภาพดี เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง ช่วยลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งราคารถไม่แรงเกินไป เหมาะกับยุคที่ค่าครองชีพสูง สนใจรุ่นไหนเช็กราคาให้ชัวร์แล้วจองกันได้เลย
และหากคุณคือคนที่กำลังมองหารถมือสองไม่ว่าจะเป็นนิสสันมือสอง ฮอนด้า หรือโตโยต้า Drive Sure ยินดีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ทุกความคุ้มค่า ด้วยการรวมรถประหยัดน้ำมันมือสองไว้มากมาย ทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ ราคาไม่แรง มาพร้อมบริการที่ครบครัน รับรองว่าได้รถมือสองสภาพดีไปใช้งานได้อย่างแน่นอนc
10 อันดับ รถยนต์ประหยัดน้ำมันปี 2025 ที่น่าสนใจ
10 อันดับ รถยนต์ประหยัดน้ำมันปี 2025 ที่น่าสนใจมีรุ่นไหนบ้าง?
ยุคสมัยที่ค่าเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกซื้อรถยนต์สักคันจึงต้องคำนึงถึงเรื่องความประหยัดน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นจึงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ให้สมรรถนะที่ดีขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม หากคุณกำลังมองหารถยนต์สักคันที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความประหยัดและสมรรถนะ มาดู 10 อันดับ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน 2025 จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้างไปดูกันเลย
10 อันดับรถยนต์ประหยัดน้ำมัน 2025
1.Toyota Corolla Cross Hybrid รถยนต์ SUV ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยม ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด ทำให้ประหยัดน้ำมันเป็นอย่างมาก
2.Honda HR-V e:HEV อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหารถยนต์ SUV ไฮบริด
3.Nissan Almera รถยนต์อีโคคาร์ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้น
4.Mitsubishi Mirage รถยนต์อีโคคาร์ขนาดเล็ก ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดน้ำมัน
5.Mazda 2 Hybrid รถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดเล็กที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด
6.Hyundai Kona Electric รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ให้ระยะทางในการขับขี่ที่ไกล และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเชื้อเพลิง
7.MG ZS EV อีกหนึ่งตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
8.Suzuki Swift Hybrid รถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดเล็กที่โดดเด่นในเรื่องความคล่องตัวและประหยัดน้ำมัน
9.Toyota Yaris Ativ รถยนต์อีโคคาร์ที่ได้รับความนิยม ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
10.Honda City Hatchback รถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดเล็กที่โดดเด่นในเรื่องความกว้างขวางและประหยัดน้ำมัน
*หมายเหตุ การจัดอันดับนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมัน
- เทคโนโลยีของเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด, และไฟฟ้าล้วนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำ
 - ขนาดของรถ: รถยนต์ขนาดเล็กหรือคอมแพ็คท์มักจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีกว่ารถยนต์ขนาดใหญ่
 - น้ำหนักของรถ: รถยนต์ที่มีน้ำหนักเบาจะใช้พลังงานในการขับเคลื่อนน้อยลง ทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันลดลง
 - รูปแบบการขับขี่: การขับขี่ที่เรียบง่ายและไม่เร่งเครื่องบ่อยครั้งจะช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
 
เคล็ดลับในการเลือกซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมัน
- เปรียบเทียบข้อมูล: ศึกษาข้อมูลของแต่ละรุ่นรถยนต์อย่างละเอียด เช่น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ประกาศ, ขนาดเครื่องยนต์, และเทคโนโลยีที่ใช้
 - ทดลองขับ: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรทดลองขับรถยนต์รุ่นที่สนใจ เพื่อดูว่าเหมาะกับการใช้งานของเราหรือไม่
 - พิจารณาการใช้งาน: เลือกรถยนต์ที่ตรงกับความต้องการและรูปแบบการใช้งานของเรา
 - งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่ต้องการใช้ เพื่อให้การเลือกซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น
 
สรุป
การเลือกซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันในปี 2025 มีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของตนเองได้อย่างลงตัว ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์ในอนาคตจะมีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
	    	
		    










