ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้
MR.CARROมิถุนายน 24, 2022
3 minutes read
8 รถอีโคคาร์มือสอง ประหยัดน้ำมัน ราคาไม่แพง ที่น่าเป็นเจ้าของ!
ในปัจจุบัน “รถมือสอง” นั้นจะมีตัวเลือกในท้องตลาดอย่างมหาศาล และมีรถหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่สภาพเก่าๆ ราคาเพียงหลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงราคาหลายล้านบาท ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ใช้แล้วไม่ถูกใจ ใช้แล้วเบื่อ อยากขายแล้วซื้อใหม่ หรือครอบครัวขยายขึ้น ต้องเปลี่ยนรถใหญ่ขึ้นก็มี
แต่อีกหนึ่งในรถที่ให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน ในยุคเศรษฐกิจขาขึ้นก่ายหน้าผากแบบนี้ นั่นคือรถยนต์ “Eco-Car” ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ แม่บ้าน หรือนักศึกษา เป็นต้น อยากได้รถมือสองประหยัดน้ำมัน หาที่จอดง่าย ไว้ใช้งานในเมือง ไปจ่ายตลาด หรือขับไปมหาวิทยาลัย ในงบประมาณจำกัด และมีราคารถมือสองที่ไม่แพงมาก ซื้อขายง่าย
ตัวเลือกอย่างรถยนต์ Eco-Car (อีโคคาร์) ถือได้ว่าเหมาะสมกับงบประมาณและสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ … Carro ขอแนะนำ 8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้ มีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง รับชมกันได้เลยครับ

1. Toyota Yaris
1. Toyota Yaris
Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) ในอดีตถือเป็นรถ Sub-Compact ที่ยอดนิยมที่สุดอีกหนึ่งรุ่นในท้องตลาด ซึ่งรุ่นแรกก่อนหน้านั้น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แต่ในเจเนอเรชั่นที่เป็น Eco-Car ตอนนี้ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ เน้นกลุ่มวัยรุ่น ความปลอดภัยครบครัน
และผ่านการปรับโฉมมาหลายครั้ง แถมยังมีรถใหม่ป้ายแดงขายในตอนนี้อยู่ด้วย เป็นรถที่ดูแลง่าย ทนทาน ค่าซ่อมไม่แพง ศูนย์บริการหาง่าย ของแต่งก็มีเยอะ ขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานในเมือง

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 86 แรงม้า ปัจจุบัน Yaris มีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 240,000 – 540,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

2. Toyota Yaris ATIV
Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) จัดเป็นรถ Sedan ในรูปแบบ Eco-Car รุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นในท้องตลาด ที่ทาง Toyota ตั้งใจออกมาขายเพื่อชนกับ Eco-Car ซีดานค่ายอื่นๆ โดยเฉพาะ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ต เจาะกลุ่มวัยรุ่น ความปลอดภัยครบครัน แถมยังมีรถใหม่ป้ายแดงขายอยู่ด้วย เป็นรถที่ดูแลง่าย ทนทาน ค่าซ่อมไม่แพง ใช้อะไหล่ร่วมกับ Yaris โฉม Hatchback ได้พอสมควร
โดยทั้ง Yaris และ Yaris ATIV ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 86 แรงม้า ปัจจุบัน Yaris ATIV มีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 350,000 – 540,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

3. Nissan March
Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือเป็นรถ Eco-Car รุ่นแรกที่ทำตลาดในโครงการนี้ ซึ่งในยุคของสยามกลการ เคยทำรุ่นนี้ขายเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เปิดตัวเมื่อ 12 มีนาคม 2553 มีราคาจำหน่ายที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ได้รับความนิยมอย่างมากและมียอดขายสะสมรวมหลายแสนคัน แถมยังส่งออกไปขายในญี่ปุ่นอีกด้วย และปัจจุบันยังมีแบบรถป้ายแดงขาย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอะไหล่นัก
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ประหยัดนํ้ามันได้มากถึง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 130,000 – 330,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

4. Nissan Almera
Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู รุ่นแรกที่ผลิตออกมาในตลาดประเทศไทย เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 พร้อมทั้งมีรุ่นพิเศษออกมาหลายครั้ง รวมไปถึงการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ และเวอร์ชั่นใส่ชุดแต่ง NISMO ด้วย มีความโดดเด่นด้วยขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่ารถรุ่นเดียวกันมาก
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 160,000 – 360,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ
หรือถ้ามีงบประมาณมากหน่อย จะเลือก Almera โฉมปัจจุบันในรูปแบบรถมือสอง ที่เปิดตัวสู่ตลาดบ้านเรามาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ก็ได้เช่นกัน
มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 100 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 450,000 – 500,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

5. Suzuki Swift
Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) สำหรับโฉมนี้ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555 เป็นรุ่นที่ประกอบในบ้านเรา ด้วยรูปแบบ Eco-Car ที่ขายดีของซูซูกิ นำเสนอด้วยรูปทรงน่ารักเหมือนรถ Hatchback จากฝั่งยุโรป ออพชั่นแพรวพราว แต่งสวย ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กม./ลิตร และมีรุ่นพิเศษออกมากระตุ้นตลาดอยู่เรื่อยๆ
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 180,000 – 350,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ
หรือถ้ามีงบประมาณมากหน่อย จะเลือก Swift โฉมปัจจุบันในรูปแบบรถมือสอง ที่เปิดตัวสู่ตลาดบ้านเรามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ก็ได้เช่นกัน
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12M แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 83 แรงม้า กับเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 350,000 – 460,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

6. Suzuki Ciaz
Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) (ชื่อรุ่น มาจากคำว่า “City A-Z”) เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 เป็นรถซีดาน 4 ประตู ที่มีอะไรร่วมกันกับ Swift หลายๆ อย่าง แต่งสวย สปอร์ต ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ประหยัดน้ำมันมากถึง 20 กม./ลิตร และตอนนี้ก็ยังมีรถป้ายแดงขายอยู่
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 240,000 – 400,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

7. Mitsubishi Mirage
Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) ชื่อที่คนรุ่นก่อนคุ้นเคยตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว ในรูปแบบของรถ 4 ประตู และ 5 ประตู ก่อนจะกลับมาเป็นรถ Eco-Car ขายในตลาดบ้านเราอีกครั้ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 ชูรูปทรงขนาดเล็กน่ารัก ปรับโฉมกันมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังมีในรูปแบบรถป้ายแดงให้เลือกเช่นกัน
มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้ถึง 20-23.8 กม./ลิตร ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 150,000 – 390,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8. Mitsubishi Attrage
Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวที่แรกในโลกในไทย อีกหนึ่งในรถ Eco-Car แบบ 4 ประตู แบรนด์ที่สอง ที่ออกแนะนำสู่ท้องตลาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ชูจุดเด่นด้วยการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถ อีโคคาร์ ซีดาน จากเทคโนโลยีการออกแบบชั้นสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีให้ครบครัน แล้วก็ยังมีในรูปแบบรถป้ายแดงให้เลือกเช่นกัน
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 180,000 – 390,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ
รวมรถยนต์ 7 ที่นั่ง น่าสนใจประหยัดน้ำมัน
ในการจะซื้อรถยนต์สักหนึ่งคันมักมีหลายองค์ประกอบในการตัดสินใจ ทั้งงบประมาณ , ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพ นอกรถกระบะ และรถเก๋งแล้ว รถยนต์ 7 ที่นั่ง ก็เป็นอีกหนึ่งรถที่หลายคนให้ความสนใจ โดยอย่างยิ่งครอบครัวใหญ่ๆ เพื่อให้รถสามารถรองรับสมาชิกได้ทั้งครอบครัว วันนี้พี่หมี TQM ได้รวบรวมรถยนต์ 7 ที่นั่ง น่าสนใจ และช่วยประหยัดน้ำมัน มาฝากเพื่อนๆ กันครับ
รถยนต์ 7 ที่นั่งประหยัดน้ำมัน ยี่ห้อไหนดี
1. ISUZU MU-X

ถือเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งอเนกประสงค์ที่ขึ้นชื่อว่าช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีเลยทีเดียว ภายในรถกว้างขวาง หรูหรา ฟังก์ชั่นต่างๆทันสมัยและช่วยเซฟเรื่องความปลอดภัยสูง โดย ISUZU MU-X มีเครื่องยนต์ 2 แบบคือ เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 150 แรงม้า 350 นิวตัน-เมตร ในส่วนของอัตราการประหยัดน้ำมันนั้นเครื่องยนต์ 3.0 หากวิ่งในเมืองจะอยู่ที่ 9-10 กม./ล แต่ถ้าวิ่งถนนต่างจังหวัดหรือถนนที่รถโล่ง จะอยู่ที่ 13-14 กม./ล ส่วนเครื่องยนต์ 1.9 อัตราการประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 14.76 กม./ล
ราคาเริ่มต้น 1,174,000.-
2. Mitsubishi Xpander Cross

มาต่อกันที่รถยนต์ 7 ที่นั่ง จากค่าย Mitsubishi ตอบโจทย์ทุกรูปแบบชีวิต ทั้งคนในเมืองหรือคนนอกเมือง ภายในห้องโดยสารดีไซน์พรีเมียม มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย ให้คุณควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO DYNAMIC CVT ตอบสนองการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และช่วย ประหยัดน้ำมัน โดยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 15.40 กม/ล
ราคาเริ่มต้น 946,000.-
3. Ford Everest

สำหรับ Ford Everest รถยนต์ 7 ที่นั่งอีกรุ่นที่น่าสนใจมาพร้อมกับสมรรถนะเหนือชั้น เครื่องยนต์ 2 แบบ ทั้งเทอร์โบเดี่ยว และ เทอร์โบคู่ ห้องโดยสารที่หรูหราและสะดวกสบาย ความสามารถในการลุยน้ำสูงสุด 800 มิลลิเมตร มาพร้อมเทคโนโลยีที่อัจฉริยะกล้องรอบคัน 360 องศา มีโหมดประหยัด ที่รักษากำลังเครื่องยนต์และเกียร์ที่เหมาะสม พร้อมเปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเพื่อให้มีการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุด อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 13.3-14.1 กม/ล
ราคาเริ่มต้น 1,377,000.-
4. Toyota Fortuner

ถือเป็นรถยนต์ 7 ที่หลายครอบครัวนิยมซื้อกันมากเลยทีเดียว สำหรับรถ Toyota Fortuner มีรุ่นให้เลือกทั้งแบบ Leader Legender และ GR Sport ซึ่งเครื่องยนต์มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือแบบ 2.4 และ 2.8 ลิตร (GR Sport มีเฉพาะเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร และ Leader มีเฉพาะเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ) ทั้ง 3 รู่นสมรรถนะและความแรงจัดเต็ม เครื่องยนต์ทนทาน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 13.9 – 14.7 กม/ล
ราคาเริ่มต้น 1,375,000.-
5. Honda BR-V

สำหรับ Honda BR-V มาพร้อมสมรรถนะดีเยี่ยม ห้องโดยสารกว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตอบโจทย์ของคนในครอบครัวได้อย่างดี มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC 121 แรงม้า ระบบช่วยเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16.1 กม/ล
ราคาเริ่มต้น 915,000.-
6. Toyota Sienta
ภาพจาก : Toyota.co.th
ปิดท้ายกันที่รถยนต์ 7 ที่นั่งอย่าง 2022 Toyota Sienta ที่เป็นรุ่นที่ปรับใหม่ มีขนาดกะทัดรัด พร้อมประตูสไลด์เปิดได้ทั้งสองบาน อีกทั้งพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่สามารถพับปรับเปลี่ยนได้อย่างตามใจ ในส่วนของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC Dual VVT-i 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 108 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16.1 กม/ล
ราคาเริ่มต้น 775,000.-

และนี้ก็คือรถยนต์ 7 ที่นั่งประหยัดน้ำมัน ที่พี่หมีได้นำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ใครที่กำลังมองหารถสำหรับครอบครัวละก็สามารถพิจจารณาได้จากที่พี่หมีนำมาฝากกันนะครับ และก่อนซื้อรถใหม่อย่าลืมที่จะเช็กฤกษ์ออกรถใหม่ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมให้รถยนต์ด้วยการมีประกันรถยนต์ไว้ดูแลรถของคุณ โดยสามารถเช็กเบี้ยประกันรถยนต์จากบริษัทชั้นนำ กับ TQM พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย สนใจกรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อค้นหาแผนประกันภัย หรือหากต้องการปรึกษาเรื่องประกันภัยกับ TQM สามารถแชทกับพี่หมีได้ที่มุมขวาล่าง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านเบอร์ Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ
	    	
		    
