ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

5 รุ่นรถยนต์สำหรับรถครอบครัว เลือกรุ่นไหนถึงคุ้มค่าแถมราคาดี

 แชร์บทความนี้

หัวข้อที่น่าสนใจ

• ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ รถครอบครัว
• เช็กลิสต์ รถครอบครัว รุ่นไหนดี ?

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจ รถครอบครัว หรือต้องการขยับจาก “รถส่วนตัว” มาเป็นรถครอบครัว แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือกรถยนต์แบรนด์ไหน รุ่นอะไร ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมรายละเอียดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ “โมเดลรถสำหรับครอบครัวใหญ่” มาให้คุณได้ทำความคุ้นเคยคร่าว ๆ ซึ่งจะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ไปติดตามพร้อม ๆ กับเราได้เลย !

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ รถครอบครัว

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “รถครอบครัว” มีความแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป โดยเฉพาะภายในห้องโดยสารที่สามารถรองรับสมาชิกได้ 7 ที่นั่ง และบางรุ่นอาจรองรับได้มากถึง 11-14 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึง “ตัวถัง” ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์และเอกลักษณ์ของรถครอบครัวก็ว่าได้

หากคุณต้องการเปลี่ยนมาใช้รถครอบครัวจริง ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม คุณจะต้องทำการสำรวจจำนวนสมาชิกในครอบครัวก่อน เพื่อดูความเหมาะสม หากใช้รถคนเดียว ไม่ค่อยได้เดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ การเลือกซื้อรถยนต์ทั่วไป (รถส่วนตัว) อาจตอบโจทย์ความต้องการได้มากกว่า เพราะอย่าลืมว่ารถครอบครัวมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และมีราคาค่อนข้างสูง

ในกรณีที่เป็นครอบครัวใหญ่ ที่ใช้รถเดินทางไปไหนมาไหนเป็นครอบครัวใหญ่บ่อย ๆ ต้องดูว่า “จำนวนสมาชิกในครอบครัว” เหมาะกับรถครอบครัวประเภทไหน พร้อมกับดูขนาดของตัวรถว่าสามารถจอดภายในบ้านได้หรือไม่ รวมถึง “ระบบความปลอดภัย” ที่ติดตั้งมากับตัวรถ ว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการ และสามารถมอบความสบายใจให้คุณอย่างครบครันหรือไม่ ในกรณีที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อแบรนด์ไหน รุ่นอะไร เราได้เช็กลิสต์รถครอบครัวมาให้คุณทำความเข้าใจทั้งหมด 5 รุ่น เรียบร้อยแล้ว ไปทำความเข้าใจในหัวข้อถัดไปได้เลย !

เช็กลิสต์ รถครอบครัว รุ่นไหนดี ?

เมื่อคนเราเติบโตขึ้น โดยเฉพาะคนที่อายุมากขึ้นหรือแต่งงานมีครอบครัว การใช้ชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากการเดินทางกับคนรักเพียงแค่ 2 คน จำเป็นต้องขยับขยายเพื่อสามารถรองรับ “สมาชิกในครอบครัว” ให้มากกว่าเดิม และเราได้รวบรวม 5 รถครอบครัว มาให้คุณทำความรู้จักก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ ดังนี้

• 1. Isuzu Mu-Xราคาเริ่มต้น : 1.154 ล้านบาทIsuzu Mu-X เป็นรถประเภท PPV มีโครงสร้างมาจากรถกระบะ แต่ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารอย่างกว้างขวาง รวมถึงมีจำนวนเบาะที่นั่งสำหรับผู้โดยสารค่อนข้างมาก สามารถนั่งโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถลุยไปได้ทุกที่ ไม่หวั่นแม้จะเป็นระยะทางไกล มาพร้อมกับหน้าตาอันเฉียบคม ได้ใจ “สาวกอีซูซุ” อย่างล้นหลาม ด้วยการทำ “ไมเนอร์เชนจ์” แต่งหน้าทาปากรถยนต์รุ่นนี้ใหม่ แถมยังมาพร้อมกับออฟชั่นที่เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสารถูกปรับแต่งให้หรูหรา พรีเมียม ด้วยโทนสี Macchiato Brown (สีน้ำตาลเทาสลับสีน้ำตาลเข้ม) พร้อมตกแต่งวัสดุภายในด้วยสี Piano Black และ Chrome ในส่วนของเบาะที่นั่งปรับ Shape ใหม่ ที่สามารถโอบกระชับสรีระได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี COOLMAX ซึ่งช่วยลดการสะสมความร้อนที่เบาะที่นั่งได้ดังเดิม
• 2. Nissan Terraราคาเริ่มต้น : 1.199 ล้านบาทNissan Terra เป็นรถประเภท PPV ในปี 2023 ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นถึง “จุดลงตัว” ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่มีความโดดเด่น เพิ่มเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย แถมยังครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมากมาย นอกจากนี้ “สมรรถนะการขับขี่” ก็ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะความแรงของเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่รองรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ทุกการขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในห้องโดยสารให้ความรู้จักที่กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม ด้วยเบาะที่นั่งดีไซน์ใหม่ ด้วยการพัฒนาเบาะรองนั่งและพนักพิงหลัง ที่ให้ความสบายตลอดการเดินทาง พร้อมเพิ่มความสามารถในการปรับรูปแบบพื้นที่ห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระได้ตามต้องการ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน “รถครอบครัว 7 ที่นั่ง” ที่น่าจับตามองมาก ๆ เลยล่ะ
• 3. Toyota Velozราคาเริ่มต้น : 7.95 แสนบาทToyota Veloz เป็นรถประเภท Mini MPV รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ไม่หวือหวา แต่คุ้มค่าการใช้งาน ! รูปลักษณ์จัดว่าล้ำสมัย เน้นดุดัน แต่คงความเรียบง่าย ไม่หวือหวา เอาใจสายรถครอบครัวที่ไม่ได้เน้นความสปอร์ตมากจนเกินไป จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้คือ “ห้องโดยสารกว้างขวาง” เทียบเท่ากับรถระดับ C-segment ซึ่งเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก พื้นที่วางขาเยอะ เบาะที่นั่งสามารถปรับได้มากถึง 7 แบบสำหรับภายในห้องโดยสารจัดเต็มด้วยออฟชั่นตามยุคสมัย เช่น แผงหน้าปัดแบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว สามารถปรับได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ สามารถแสดงสถานะการทำงานของระบบขับขี่อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมไปด้วย “ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด” อย่าง Toyota Safety Sense ที่ติดตั้งในรถโตโยต้ารุ่นท็อปแทบทุกรุ่นอีกด้วย
• 4. Hyundai Stargazerราคาเริ่มต้น : 7.69 แสนบาทHyundai Stargazer เป็นรถประเภท Mini MPV ถูกออกแบบให้มีเส้นสายที่ชวนให้นึกถึงรุ่นใหญ่ อย่าง “Staria” เน้นความทันสมัย ชูจุดเด่นด้วยแนวขอบประตูและหลังคา ที่เรียกว่า One Curve Design สร้างความต่อเนื่องจากด้านหน้าจรดท้าย รวมถึงมี “กล้องตรวจจับสภาพการจราจรหน้ารถ” ทำให้ได้ระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน เช่น การเตือนและการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ ฯลฯ ที่ช่วยให้การเดินทางของคุณและคนในครอบครัวราบรื่น และปลอดภัยอย่างถึงที่สุดภายในห้องโดยสารของรุ่นนี้ ถูกจัดวางเบาะที่นั่งแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat แยกซ้ายขวาออกจากกันอย่างอิสระ แถมยังสามารถปรับระดับได้ด้วยมือ เลื่อนหน้า-หลัง และปรับเอนเพิ่มความผ่อนคลายได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีพนักพิงศีรษะแบบปรับระดับได้ เรียกได้ว่าให้ความสะดวกสบายได้ไม่แพ้รุ่นใหญ่เลยทีเดียว
• 5. Toyota Velfireราคาเริ่มต้น : 3.809 ล้านบาทToyota Velfire เป็นรถประเภท MPV สุดหรู รุ่นเริ่มต้นของ “Alphard” ซึ่งออกแบบและพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์หลัก “the joy of comfortable mobility” เพื่อมอบความสบายในการโดยสารสูงสุด และทางแบรนด์เองต้องการ “ยกระดับ” รถรุ่นนี้ให้เป็นรถแนว Luxury Saloon เคลื่อนที่ เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เคยนำเสนอในรุ่นที่ 3 จากการยกระดับสิ่งพื้นฐานต่าง ๆ แทบทั้งหมด เช่น การลดระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ความกว้างขวางและเข้า-ออกที่มีความสะดวก ตลอดจนความสามารถในการขับขี่ ที่มอบความสะดวกสบายและนิ่มนวลมากยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสารนำเสนอ “ความทันสมัย และความกว้างขวาง” ในการโดยสาร ตลอดจนความหรูหรา ทางแบรนด์จึงได้ปรับงานออกแบบหลายจุดด้วยกัน ซึ่งในตอนหน้ามาพร้อมกับจอมาตรวัด ที่เปลี่ยนมาใช้ในขนาด 12.3 นิ้ว และมี Head up Display มาให้ส่วนระบบความบันเทิงตรงกลาง อัปเดตมาเป็นจอภาพขนาด 14 นิ้ว ในส่วนของ “เบาะที่นั่ง” ตอนหน้าสามารถปรับได้สูงสุด 3 ตำแหน่ง โดยจะบันทึกท่านั่ง การปรับพวงมาลัย รวมถึงกระจกมองข้าง และกระจกมองหลังดิจิทัล เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง

ทั้งหมดนี้คือ 5 รุ่นรถครอบครัว ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น ล้วนมีเอกลักษณ์การออกแบบภายใน และภายนอกที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึง “ออฟชั่น” ต่าง ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของสายครอบครัวได้มากขึ้น และแน่นอนว่าย่อมแลกมาด้วย “ราคาจ่าย” ที่ต่างกันออกไป หากต้องการจับจองรถครอบครัวสักคัน ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อน

สิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ “รถครอบครัว” คือ การใช้งานและงบประมาณในกระเป๋า พร้อมทั้งดูด้วยว่ารถยนต์ที่กำลังสนใจ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกในครอบครัวได้หรือไม่ เพื่อให้คุณครอบครองรถยนต์ที่เหมาะสมมากที่สุด นอกจากการเลือกซื้อรถยนต์ที่ตรงตามความต้องการแล้ว อย่าลืม “ซื้อประกันรถยนต์” เอาไว้ด้วย เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้คุณและคนที่คุณรักตลอดการเดินทาง หากลังเล ไม่รู้ว่าจะซื้อประกันรถยนต์กับที่ไหน ไว้ใจให้ มิสเตอร์ คุ้มค่า ดูแลคุณตลอดอายุกรมธรรม์ เพราะเรายินดีมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณเสมอ

เงินพร้อม ใจพร้อม 6 ข้อควรรู้ ก่อนซื้อรถยนต์ 7 ที่นั่ง

หมวดหมู่ : Auto

เผยแพร่ 18 ตุลาคม 2564

ต้องรู้อะไรก่อน ขยับจากรถส่วนตัวไปสู่รถอเนกประสงค์

ปัจจุบันการเลือกซื้อรถยนต์สักคันนอกจากพิจารณาฟังก์ชันการใช้งานยังคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะคู่แต่งงานที่เพิ่งเริ่มสร้างครอบครัว หลายคู่ที่อาศัยอยู่ในคอนโดก็เปลี่ยนมาอยู่บ้านเดี่ยวแทน แล้วจากที่ขับรถยนต์ขนาดเล็กอาจต้องขยับมาเป็นรถครอบครัวหรือรถยนต์ 7 ที่นั่ง นั่งสบาย สามารถพาทุกคนในครอบครัวไปได้ทุกที่ แต่ความจริงแล้ว การซื้อรถ 7 ที่นั่ง จําเป็นไหม มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และมีเรื่องใดบ้างที่ต้องพิจารณา วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

รถครอบครัว คืออะไร

เป็นรถอเนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสารได้จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถนั่งได้ประมาณ 5 – 7 คน แล้วยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับใส่สัมภาระอีกด้วย ส่วนการเปิดปิดประตูรถมีทั้งแบบที่เห็นในรถยนต์ทั่วไป หรือรถ 7 ที่นั่งแบบประตูสไลด์ 2 บาน ทั้งมีเบาะนั่งแถว 2 และแถวที่ 3 สามารถพับได้ ขณะเดียวกันมีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย ระบบเบรก ABS/EBD ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบกล้องหลัง หรือเซนเซอร์ถอยหลัง 2 จุด เป็นต้น

สำรวจข้อดี ข้อเสีย ก่อนซื้อรถยนต์ 7 ที่นั่ง

ข้อดี

(1) มีที่นั่งเยอะกว่าเดิม ขึ้นชื่อว่ารถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง นั่นหมายความว่าเป็นรถที่รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่งแบบไม่ต้องนั่งอัดหรือนั่งตักกันตลอดทริป

(2) ช่วยเซฟค่าน้ำมัน เพราะการมีรถ 7 ที่นั่ง ทำให้เที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวโดยไม่ต้องเอารถไป 2 คัน เว้นแต่ว่ามีสมาชิกในบ้านเกิน 7 คน

(3) พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างกว่าเดิม เนื่องจากรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ถูกออกแบบมาให้มีขนาดรถที่กว้างมากขึ้น เพื่อให้ผู้โดยสารในแถว 3 นั่งสบายที่สุด

(4) บรรจุสัมภาระได้เยอะกว่าเดิม เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรถ 5 ที่นั่ง แถมรถ 7 ที่นั่งบางรุ่นถูกปรับปรุงให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่ม และถ้าต้องการบรรจุของเพิ่มเพียงพับเบาะที่ไม่มีผู้โดยสารลง

ข้อเสีย

(1) แม้ภายในห้องโดยสารของรถอเนกประสงค์กว้างขึ้น แต่รถบางรุ่นอาจไม่ตอบโจทย์การเดินทางไกล เนื่องจากผู้โดยสารที่ค่อนข้างตัวใหญ่อาจนั่งเบาะแถว 3 ไม่สบาย หรือเวลานั่งแถว 2 แล้ว อาจรู้สึกว่านั่งไม่สบายลื่นไถล เพราะมีการออกแบบเป็นที่ราบเรียบ

(2) พื้นที่บรรทุกสัมภาระอาจไม่พอ หากผู้ซื้อรถเน้นใช้งานทั้งแบบบรรทุกคนควบคู่กับบรรทุกของย่อมเกิดปัญหาตามมาได้ ฉะนั้นควรพิจารณาการใช้งานเป็นหลักก่อนตัดสินใจซื้อรถคันใหม่

6 เรื่องควรรู้ ก่อนซื้อรถยนต์ 7 ที่นั่ง

1. งบในกระเป๋า

อันดับแรกควรตั้งงบประมาณที่ใช้ซื้อรถ 7 ที่นั่งก่อน อาทิ ตั้งใจซื้อรถด้วยเงินผ่อน ลองดูว่ารถอเนกประสงค์รุ่นที่สนใจราคาเท่าไหร่ ก่อนคำนวณเงินดาวน์ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15 – 25% ของราคารถ จะได้คำตอบว่า มีเงินเก็บพอซื้อรถหรือยัง แต่ทั้งนี้ให้พิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระในแต่ละเดือนที่ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ค่าภาษี ค่าน้ำมันรถ หรือค่าซ่อมบำรุงรถด้วย ถึงคุณสามารถใช้บัตรเครดิตรูดชำระค่าบริการดังกล่าวก่อนผ่อน 0% แต่คงดีกว่าหากเก็บบัตรไว้ใช้ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน

2. ประหยัดน้ำมันจริงหรือไม่

แม้ค่ายรถยนต์หลายแห่งเคลมว่า รถ 7 ที่นั่งรุ่นนี้ประหยัดน้ำมัน แต่อย่าลืมว่าผลการทดสอบรถไม่ใช่การทดลองที่มีผู้โดยสารและสัมภาระเต็มจำนวน ฉะนั้นให้พิจารณาขนาดเครื่องยนต์ว่ามีกี่ CC ประเภทเครื่องยนต์ และน้ำหนักบรรทุกเต็มที่ เพราะหากนั่งเต็ม 7 คน พร้อมสัมภาระรถอาจมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าผลทดสอบของบริษัทรถยนต์

3. ขนาดของรถ 7 ที่นั่ง

หากไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ การซื้อรถอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่มาใช้กรุงเทพฯ อาจสร้างความลำบากไม่น้อยทีเดียว นอกจากหาที่จอดยาก เวลาถอยรถหรือเลี้ยวเข้าไปในซอยในอาคารจอดรถก็ยากไม่ต่างกัน ยังไม่รวมพื้นที่จอดรถภายในบ้าน เนื่องจากบ้านจัดสรรส่วนใหญ่ออกแบบพื้นที่จอดรถให้มีขนาดพอเหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็ก ดังนั้นรถยนต์ 7 ที่นั่งซึ่งมีขนาดพอ ๆ กับรถกระบะเวลานำรถเข้าจอดอาจเป็นลักษณะไม่หน้ายืนท้ายก็โผล่

4. ไม่ต้องรอรับรถนาน

เนื่องจากรถยนต์ 7 ที่นั่งบางรุ่น อาจต้องรอประมาณ 3 หรือ 6 เดือน ถึงได้รถมาใช้งานเรื่องนี้อาจสร้างความหงุดหงิดพอสมควร ดังนั้นก่อนจรดปากกาบนสัญญาซื้อขาย ควรถามพนักงานของโชว์รูมว่ารถรุ่นที่สนใจสามารถเข้ามารับรถได้เมื่อไหร่ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าคุ้มค่ากับการรอคอยหรือไม่

ผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัยรถ 7 ที่นั่ง ด้วยบัตรเครดิต…กรอกข้อมูลที่นี่

https://www.ktc.co.th/apply/credit-card-hoc?pid=VTL01&iframe=1&callback=https://www.ktc.co.th/credit-card-hoc/thank-you

5. ความปลอดภัย

ตรวจเช็คอุปกรณ์หรือระบบตัวช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่มีมาในรถ อาทิ ระบบเสริมแรงเบรก ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว ถุงลมนิรภัย เซนเซอร์ป้องกันต่าง ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่ช่วยเหลือให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

6. จำนวนศูนย์บริการรถยนต์เยอะ

การที่มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศหรือใกล้บ้านช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความอุ่นใจได้มากกรณีที่รถเกิดปัญหาฉุกเฉิน

ซื้อรถยนต์ 7 ที่นั่ง ยี่ห้อไหนดี 2021 ตอบโจทย์การใช้งานครบ

ปัจจุบันตลาดรถยนต์ของเมืองไทยมีรถครอบครัวหรือรถ 7 ที่นั่ง ให้เลือกหลายรุ่นจากหลายค่ายทีเดียว สนนราคามีตั้งแต่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ไปจนถึง 5 ล้านกว่าบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมรรถนะและเทคโนโลยีจากค่ายรถยนต์นั้น ๆ

Toyota Sienta

สำหรับ โตโยต้า เซียนต้า รุ่นล่าสุด มีการปรับดีไซน์ให้มีสไตล์โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มสีใหม่อย่าง สีเขียวอมเหลือง Citrus Mica Metallic เข้าไปในรุ่นเริ่มต้นของรถยนต์รุ่นนี้ รวมถึงมีฟังก์ชันประตูสไลด์ 2 ด้าน ขณะเดียวกันมีการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานด้านในอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น จอ LED ติดเพดาน ขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หรือกล้องมองภาพรอบทิศทาง เป็นต้น

ราคาจำหน่าย

• รุ่น 1.5G ราคา 765,000 บาท
• รุ่น 1.5V ราคา 875,000 บาท

Honda CR-V

มาต่อกันที่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่พร้อมพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจแบบไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะค่าย Honda อัดระบบและฟีเจอร์เกี่ยวกับความปลอดภัยมาให้เต็มรูปแบบ ทั้งระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน รวมถึงปรับดีไซน์ใหม่ เช่น กระจังหน้าแบบ Gloss Black ตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามาพร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch เป็นต้น

ราคาจำหน่าย

• รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท
• รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท
• รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท

BMW X7

BMW X7 ถือเป็นรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมความหรูหราสมกับเป็นรุ่นท็อป ภายนอกเพิ่มความสปอร์ตทรงพลังด้วยชุดแต่ง M Sport และกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ส่วนภายในทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เพดานเป็นแบบ Panorama glass roof Sky Lounge นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำ อย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และระบบช่วยการขับขี่อีกด้วย

ราคาจำหน่าย

• BMW X7 xDrive30d M Sport ราคาจำหน่าย 5,999,000 บาท

และนี่ก็คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ 7 ที่นั่งมาใช้งานที่บ้าน แต่สุดท้ายไม่ว่าคุณตัดสินใจซื้อรถยนต์แบบไหน ก็อย่าลืมมองหาอุปกรณ์ดูแลรักษารถยนต์ของคุณด้วย ทั้งผ้าไมโครไฟเบอร์ น้ำยาล้างรถยนต์ แว็กเคลือบสีรถยนต์ น้ำยาเคลือบยาง หรือเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและมีสีสันสดใสเหมือนใหม่อยู่เสมอ เวลาตัดสินใจเปลี่ยนรถคันใหม่ราคาจะได้ไม่ตกมากเกินไป