ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รีวิว 5 รถ SUV 7 ที่นั่ง ที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุดในปี 2024


สำหรับใครที่กำลังรองรีวิว รถ SUV 7 ที่นั่ง ปี 2024 จากเว็บไซต์ของเราอยู่ วันนี้ถึงคิวของคุณแล้ว ซึ่งรถ SUV นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งสำหรับรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า SUV นั้น วันนี้เราของนำ 5 รุ่นมารีวิว และแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน
เลือกรถ SUV 7 ที่นั่งรุ่นไหนดี ฉบับปี 2024
รถ SUV หรือรถยนต์อเนกประสงค์เป็นรถยนต์ที่ต้องมาพร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง และการออกแบบภายในที่พร้อมรองรับกับคนทุกกลุ่ม ทุกวัย เนื่องจากรถประเภทนี้จะเป็นรถที่ต้องมีการบรรทุกค่อนข้างหนัก ที่สำคัญรถประเภทนี้ยังเป็นรถครอบครัวที่จะมีผู้โดยสารหลายกลุ่มอายุ ดังนั้นใครที่สงสัยว่า รถ SUV 7 ที่นั่ง รุ่นไหนดี วันนี้มีคำตอบแล้ว

Toyota Fortuner Leader มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ราคาล้านต้น ๆ
หากจะถามว่า รถSUVรุ่นไหนดีที่สุด ถ้าเป็นแฟน Toyota ก็คงต้องตอบว่า Fortuner อย่างแน่นอน และล่าสุด Fortuner มีให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ Legender, GR Sport และ Leader ที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกันในวันนี้ด้วย โดยรุ่นดังกล่าวเปิดตัวมาพร้อม 3 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ 2.4 Leader G, 2.4 Leader V และ 2.4 Leader V 4WD ซึ่งเป็นรุ่นท้อปสุด
- เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
 - ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที
 - อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
 - ภายในมาพร้อมจอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
 - ราคาเริ่มต้นที่ 1,375,000 บาท
 

Isuzu MU-X 4×4 รุ่นพิเศษ ราคาไม่ถึง 2 ล้าน
สำหรับรถยนต์ Isuzu Mu – X 4×4 รุ่นพิเศษนี้เป็นรุ่นนี้ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะนองจากคันใหญ่สะใจแล้ว รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านอีกด้วย และถ้าหากเพื่อลองค้นหาคำว่า รถ SUV 7 ที่นั่ง รุ่นไหนดี MU-X ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน
- MU-X 4×4 3.0 Ultimate Phantom Collection A/T (รุ่นพิเศษ)
 - เบาะนั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง ที่นั่งแถว 2 และ 3 ปรับเอนได้
 - ฝาท้ายเปิด – ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
 - ภายในมีหน้าจองกลางระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
 - ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมไส้กรองฝุ่น PM 2.5 ช่องแอร์ 3 ตอนเย็นทั่วทั้งคัน
 - เครื่องยนต์ทรงพลัง 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า
 - ราคารุ่นพิเศษเริ่มต้นที่ 1,671,000 บาท
 

Ford Everest Trend SUV สายเลือดเมกา เครื่องยนต์ทรงพลัง 2.0 ลิตร
มาถึงในส่วนของรถยนต์สัญชาติอเมริกาอย่าง Ford Everest กันแล้ว โดยรุ่นนี้เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้คือ Ford Everest Trend ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 แถว 16 สูบ เทอร์โบชาร์จเจอร์พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ที่ 1750-2500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อน 2 ล้อที่มีโหมดในการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด ซึ่งหากจะต้องบอกว่า รถ7ที่นั่งราคาถูกยี่ห้อไหนดี ส่วนตัวขอยกให้รุ่นนี้เลย
- ล้อแม็กเป็นล้ออัลลอย 18 นิ้ว
 - หน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 8 นิ้ว
 - ไฟหน้าเป็นแบบ LED รีเฟลกเตอร์ พร้อมระบบเปิด – ปิดอัตโนมัติ
 - หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส Multi -Touch ขนาด 10.1 นิ้ว
 - รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto
 - ราคาเริ่มต้นที่ 1,377,000 บาท
 

Mitsubishi Pajero Sport รุ่นเริ่มต้นสเปคน่าคบ ดีไซน์น่ามอง
หากจะพูดถึงรถยนต์ 7 ที่นั่งจากแบรนด์ Mitsubishi หลายคนคงต้องนึกถึง Pajero Sport อย่างแน่นอน ซึ่งรุ่นนี้นับว่าเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นเรือธงของแบรนด์เลยก็ว่าได้ และล่าสุดเขามีให้เลือกถึง 5 รุ่นย่อยด้วยกัน แต่สำหรับวันนี้เราอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ Pajero Sport รุ่น 2.4D GT 2WD ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมกับราคาที่น่าคบสุด ๆ แถมยังมีดีไซน์ภายนอกที่ดูเท่ เรียบหรู แต่แฝงด้วยความดุดัน และเราเชื่อว่าต้องติด รถ7ที่นั่งราคาถูกยี่ห้อไหนดี อย่างแน่นอน
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOCH 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ 181 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Sport Mode และระบบ INC
 - หน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
 
- ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
 - ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง และช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง
 - ราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท
 

Mazda CX-8 รถครอบครัวที่ดีไซน์หรูหราสุด ๆ
ไม่บ่อยนักที่ Mazda จะพัฒนารถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งออกมา ซึ่ง Mazda CX-8 ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยรถรุ่นนี้นับว่าเป็นรถครอบครัวที่มีทั้งสี และดีไซน์หรูหราที่สุดสำหรับรถที่อยู่ในเกณฑ์ราคาเดียวกัน ที่เพิ่มความหรูหราไปอีกขั้นมีให้เลือกทั้ง 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ในแบบ Captain Seat ปรับไฟฟ้า พร้อมคอนโซลกลาง และแบบ Captain Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา มาถึงตรงนี้หลายคนก็คงได้คำตอบกันบ้างแล้วว่า รถ SUV 7 ที่นั่ง รุ่นไหนดี
- เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร
 - ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที
 - ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD
 - เปิดตัวพร้อมสี Platinum Quartz สีใหม่ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา
 - ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว
 - ราคาเริ่มต้นที่ 1,549,000 บาท
 
รถ 7 ที่นั่งมีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันยังไงบ้าง
เป็นยังไงกันบ้าง สำหรับ รถ SUV 7 ที่นั่ง ทั้ง 5 รุ่นที่เรานำมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้ และก่อนที่จะจากกันไปในวันนี้เราจะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยที่ว่า รถ 7 ที่นั่งมีกี่แบบ และแต่ละแบบต่างกันยังไงบ้าง
โดย รถ 7 ที่นั่งจะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ SUV, PPV และ MPV ซึ่งในบางรุ่นจะมีให้เลือกทั้งแบบ 5, 7 และ 11 ที่นั่ง โดยSUV (Sport Utility Vehicle) ชื่อที่คุณหูมากที่สุด โดดจะเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง และมีดีไซน์สปอร์ตเหมือนชื่อเลย บรรทุกสัมภาระได้เยอะ และตัวถังยกสูง เช่น Honda CR-V และ Mazda CX-8 เป็นต้น
PPV (Pick up Passenger Vehicle) เป็นรถที่จะเรียกว่าถูกดัดแปลง หรือพัฒนาต่อจากรถกระบะก็ได้ โดยรถแบบนี้จะมีสมรรถนะที่สูง ดุดัน แข็งแกร่ง และลุยได้ทุกสถานการณ์ รถประเภทนี้ก็อย่างเช่น Isuzu Mu-X, Ford Everest หรือ Toyota Fortuner เป็นต้น
ส่วนแบบสุดท้ายคือ MPV (Multi Purpose Vehicle) รถแบบนี้จะมีดีไซน์ที่คล้ายกับรถตู้ เน้นความสะดวกสบาย หลังคาสูง ให้รู้สึกโปร่งไม่อึดอัด และรถแบบนี้ที่มาแรงที่สุดของยุคนี้ก็ต้องยกให้ Toyota Alphard นั่นเอง
มีงบ 2 ล้านบาท ซื้อรถ “เอสยูวี” รุ่นไหนดี?
วันที่ 17 มิถุนายน 2563 – 16:12 น.
เห็นตัวเลขการขยายตัวของกลุ่มรถยนต์เอสยูวี ต้องบอกว่า ขาขึ้นของเขาจริง ๆ ทุกวันนี้ เทรนด์การใช้รถเทมายังกลุ่มนี้ทั้งหมด ใครไม่ขับรถยนต์แนวครอสโอเวอร์ ดูจะเชยกันเลยทีเดียว
ฉบับนี้ขออนุญาตรวบรวมบรรดาค่ายรถยนต์ที่มีรถเอสยูวีอยู่ในมือที่ต่างออกมาแข่งขันทำตลาดกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ ออปชั่น เทคโนโลยี สมรรถนะ และราคา
มาดูกันว่า 6 แคนดิเดต เอสยูวี ที่คัดเลือกด้วยเงื่อนไขพิกัดราคา 2 ล้าน ในบ้านเรามีคันไหนน่าใช้กันบ้าง?
- มาสด้า CX-8 ราคา 1.599-2.069 ล้านบาท
 
ถ้าคุณกำลังมองหารถเอสยูวีขนานแท้ ที่มีความโดดเด่นเรื่องของความกว้างขวาง CX-8 ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่ตอบโจทย์ในด้านนี้ได้เป็นอย่างดี โดย CX-8 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน 2.5 ลิตร 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร 190 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยทุกรุ่นจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ยกเว้นรุ่นท็อปเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นแบบ all wheel drive
ในขณะที่ห้องโดยสารมีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 ตอน 7 ที่นั่ง และในรุ่นท็อปสุดของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล จะเป็นเบาะนั่งแบบ 3 ตอน 6 ที่นั่ง ซึ่งสามารถโดยสารได้จริงอย่างสะดวกสบาย ทั้งยังได้ความพรีเมี่ยมจากการตกแต่งภายในที่ใช้เป็นวัสดุหนังคุณภาพสูง พร้อมผิวสัมผัสแบบ soft touch ประกอบกับความหรูหราของลายไม้บริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตู
อ่านเพิ่มเติม: มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 รถครอบครัว สปอร์ต ภูมิฐาน
นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้านความปลอดภัย อาทิ ระบบ radar cruise control/ระบบเตือนจุดอับสายตา (ABSM)/ระบบเตือนการชนด้านหน้า (SBS) และขณะถอยหลัง (RCTA)/ถุงลมนิรภัย 6 จุด และกล้องมองภาพ 360 องศา
Mazda CX-8 มาพร้อมค่าตัวเริ่มต้น 1,599,000-2,069,000 บาท โดยนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย พร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และฟรี ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 10 ครั้ง/100,000 กิโลเมตร จากมาสด้าประเทศไทย
ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ อรรถประโยชน์ในการใช้งาน และความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร รวมถึงราคาที่ถือว่าเปิดตัวมาได้น่าสนใจขนาดนี้ ทำให้มาสด้า CX-8 ติดโผ 6 แคนดิเดตของเราไปเป็นเจ้าแรก
- เปอโยต์ 3008 ราคา 1.559-1.699 ล้านบาท
 
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากกระโดดข้ามจากรถญี่ปุ่น มาใช้รถยุโรปกับเปอโยต์ รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ที่เปลี่ยนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายใหม่ มาอยู่กับทางเครือ MGC-Asia ซึ่งได้เริ่มนำทัพด้วยการส่งรถยนต์ SUV 2 รุ่น คือ 3008 และ 5008 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยเราจะขอนำเอาเปอโยต์ 3008 มาพูดถึง เพราะหากดูจากทรงตัวรถ จะดูเป็นรถเอสยูวีมากกว่าตัว 5008 ที่ดูจะเป็นสไตล์เอ็มพีวีซะมากกว่า
สำหรับเปอโยต์ 3008 ฟิลลิ่งคือรถยุโรปที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบเบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 167 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า
ด้านการออกแบบตัวรถมีเส้นสายที่ดูแปลกตากว่าค่ายอื่น ๆ ซึ่งตัวรถรอบคันจะมีลักษณะงานดีไซน์ที่โมเดิร์น แต่ยังคงมัดความบึกบึนของความเป็นเอสยูวีที่แฝงความหรูหรา
ด้านหน้า มาพร้อมกับชุดไฟหน้าดีไซน์เท่ แบบ LED ที่ตัวโคมจะแบ่งดวงไฟแยก 2 ดวง ติดตั้งเคียงคู่กระจังหน้าโครเมี่ยม และด้านหลังมีดีไซน์ที่ค่อนข้าง minimal ด้วยโคมไฟท้าย LED แบบขีด 3 แถบแนวตั้ง ที่มีความตั้งใจให้ดูคล้ายกรงเล็บสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์
ส่วนงานดีไซน์ภายในก็ยังให้อารมณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเส้นสายการออกแบบของอุปกรณ์ในจุดต่าง ๆ อาทิ คันเกียร์/พวงมาลัย multifunction แบบ 2 ก้าน สไตล์หัวตัดตูดตัดเหมือนเครื่องบิน และปุ่มกดบนแผงคอนโซลสไตล์ piano button
ขณะเดียวกันก็มาพร้อมเทคโนโลยี หน้าจอระบบความบันเทิงแบบ touch screen ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto/การปรับโหมดการขับขี่ drive mode ตลอดจนหน้าจอมาตรวัดแบบ full digital display ขนาด 12.3 นิ้ว
นอกจากนี้ ยังให้หลังคาเป็น panoramic sunroof อีกด้วย เครื่องยนต์แบบเบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 167 แรงม้า เปอโยต์ 3008 มีให้เลือก 2 รุ่น Active กับ Allure ที่ตั้งราคาไว้ตั้งแต่ 1,559,000-1,699,000 บาท โดยนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย มาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร จากเปอโยต์ไทยแลนด์
- ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ราคา 1.33-1.55 ล้านบาท
ซูบารุถือเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะ ทั้งเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ซึ่งในยุคก่อน การที่จะจับต้องเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ได้ ก็คงต้องมีเงินในระดับ 2 ล้านบาทขึ้นไปอย่างแน่นอน เพราะว่าเป็นการนำเข้ามาทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น 
แต่ฟอเรสเตอร์ในยุคนี้ ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด (Gen 3) ที่จำหน่ายในบ้านเรา ได้ย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในประเทศไทยแล้ว ส่งผลให้รุ่นท็อปสุด อย่างรุ่น 2.0 i-S Eyesight AWD+GT Edition ที่จัดเต็มด้วยชุดแต่งรอบคัน/หน้าจอความบันเทิงแบบ touch screen ขนาด 8 นิ้ว
แพ็กเกจระบบช่วยเหลือการขับขี่ Eyesight และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบนอน Boxer 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา symmetrical AWD
อ่านเพิ่มเติม: “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” คะแนนความปลอดภัยสูงสุด
พร้อมการปรับโหมดการขับขี่ drive mode ถูกเคาะราคาออกมาแค่ 1,550,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี จากซูบารุไทยแลนด์
ในขณะที่ใครไม่สนใจชุดแต่ง และระบบอะไรมากมาย หากเลือกรุ่นเริ่มต้น ฟอเรสเตอร์ 2.0i-L ก็จะมาในราคาแค่ 1,330,000 บาท ซึ่งแม้หน้าตาของเจ้าฟอเรสเตอร์ จะดูไม่ค่อยทันสมัยเท่าไหร่ ด้วยสมรรถนะของแบรนด์ซูบารุและชื่อเสียงของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD กับความกว้างขวางใหญ่โตของห้องโดยสาร
- เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA ราคาเริ่มต้น 1.999-2.410 ล้านบาท
 
ข้ามฝากมาที่ฝั่งรถยุโรปขวัญใจคนไทยกันบ้าง เริ่มจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA ราคาเริ่มต้น 1.999-2.410 ล้านบาท ขนาดอาจจะดูกะทัดรัดไปนิด แต่ทั้งแบรนด์และสมรรถนะไม่เป็นรองใคร มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น โดยรุ่นเริ่มต้นตั้งราคาไว้ต่ำกว่า 2 ล้าน ตัว 200 Urban ในขณะที่ตัวท็อป GLA 250 AMG Dynamic กระโดดข้าม 2 ล้านไปที่ 2,410,000 บาท
โดยเครื่องยนต์ในรุ่น GLA 200 Urban เป็นขุมพลังเบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที ส่วนในรุ่น GLA 250 AMG Dynamic เป็นขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที
โดยทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 7G dual clutch ขับเคลื่อนล้อหน้า และสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA เป็นตัวที่ประกอบในประเทศไทย
- BMW X1 sDrive 1.969-2.529 ล้านบาท
 
สำหรับ BMW ที่เราขอแนะนำ BMW X1 ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น X1 sDrive18i ราคา 1,969,000 บาท โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบ 136 แรงม้า ที่ 4,400-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด dual clutch ขับเคลื่อนล้อหน้า
ส่วนรุ่น X1 sDrive18d xLine ราคา 2,329,000 บาท โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 150 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ steptronic ขับเคลื่อนล้อหน้า
อ่านเพิ่มเติม: มิลเลนเนียม ออโต้ ถล่มรถผู้บริหารไมล์น้อย BMW X1 เริ่มต้น 1.89 ล้าน
ยังมี X1 sDrive20d M Sport ราคา 2,529,000 บาท มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 190 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ sport steptronic
ขับเคลื่อนล้อหน้า บีเอ็มดับเบิลยู X1 ตัวรถประกอบในประเทศไทย มาพร้อม BSI standard รับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และฟรีค่าบำรุงรักษา BSI นาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร จากบีเอ็มดับเบิลยูไทยแลนด์
- วอลโว่ XC40 ราคา 2,090,000 บาท
 
ตัวสุดท้ายเป็น วอลโว่ XC40 เปิดราคา ใส่ออปชั่น และเครื่องยนต์ที่แรงกว่าชาวบ้านมาได้น่าสนใจ อย่างครอสโอเวอร์ Volvo XC40 ที่มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ T4 Momentum เครื่องยนต์เบนซิน Drive-E 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 190 แรงม้า ที่ 4,700 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 2,090,000 บาท เกิน 2 ล้านไปนิด แต่น่าสนใจมาก ๆ
ส่วนถ้าเป็นรุ่น T5 AWD R-Design และ T5 AWD Inscription ที่ต่างกันด้วยดีไซน์การตกแต่ง แต่เครื่องยนต์เดียวกันเป็นแบบเบนซิน Drive-E 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 252 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 2,490,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม: นิววอลโว่ XC40 หรูหราสไตล์คนเมือง
เพียบด้วยระบบด้านความปลอดภัย ระบบป้องกันการชน city safety พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ/ระบบเตือนจุดอับด้านข้าง BSM/ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ/ระบบแจ้งเตือนเว้นระยะห่างจากคันหน้า distance alert/ระบบเตือนด้วยแรงสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกช่องจราจร lane keeping aid/ระบบป้องกันเมื่อเกิดการวิ่งตกถนน run-off protection/ถุงลมนิรภัย 7 จุด/กล้องมองภาพขณะถอยจอด
วอลโว่ XC40 มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ warranty 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Volvo Assistance 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี
ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ยี่ห้อไหนตัดสินใจได้เลย ซื้อตอนนี้ราคาต่อรองได้ แถมยังมีข้อเสนอพิเศษอีกเพียบ
ขอบคุณข้อมูล
… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/motoring/news-478852
	    	
		    
