ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 รถแพงที่สุดในโลกปี 2022 รถสวย สมราคา
16/11/2022

การใช้รถแพงๆก็เหมือนการสวมเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ชื่อดัง ที่มักจะมีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนรถคันไหน แถมสมรรถนะเครื่องยนต์ และเทคโนโลยีก็ดีกว่าด้วย อีกทั้งยังเป็นการบ่งบอกถึงฐานะคนใช้ว่าร่ำรวยมากขนาดไหน แต่ถึงแม้ว่าบนโลกนี้จะมีรถแพงๆขาย แต่ก็มีรถบางคันที่แม้แต่ฐานะรวยขนาดไหนก็ไม่อาจซื้อได้ เพราะบางรุ่นผลิตขึ้นมาเพียงคันเดียวในโลก หรือผลิตขึ้นมาพิเศษตามความต้องการของเจ้าของ ส่วนรถที่แพงที่สุดในโลกปี 2022 จะมีรถรุ่นไหนกันบ้าง ไปดูกันเลยว่ารถจะสวย สมราคาขนาดไหน

1. Rolls-Royce Boat Tail
Rolls-Royce Boat Tail ผลิตขึ้นมาบนโลกนี้เพียง 3 คันเท่านั้น และแต่ละคันมีดีไซน์ไม่เหมือนกัน เพราะเป็นงาน Bespoke ตามความต้องการของผู้ซื้อ ซึ่งคันล่าสุด (ลำดับที่ 2) ได้โชว์ตัวที่งาน Concorso d’Eleganza, Villa d’Este 2022 ไปแล้ว ส่วนราคาของ Rolls-Royce ชุด Boat Tail ก็ค่อนข้างสูงมากถึง 28 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 989 ล้านบาท ขึ้นแท่นรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อย

2. Bugatti La Voiture Noire
Bugatti La Voiture Noire เป็นไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษที่ตั้งใจผลิตขึ้นมาเพียงคันเดียวในโลก เนื่องในวาระครบ 110 ปี ของ Bugatti พร้อมกับการแสดงความเคารพต่อตำนานรถสีดำที่หายสาปสูญ หรือ La Voiture Noire ของ Bugatti ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครพบ ด้วยสตอรี่แบบนี้จึงทำให้ค่าตัวของรถ Bugatti La Voiture Noire สูงถึง 18.7 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 660 ล้านบาท

3. Pagani Zonda HP Barchetta
ไฮเปอร์คาร์ในกลุ่มโปรเจกต์พิเศษของ Pagani รถสปอร์ตแบรนด์ดังของอิตาลีรุ่นนี้มีราคาสูงถึง 17.6 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 622 ล้านบาท เพราะมีการทำสิ่งที่ซับซ้อนให้เรียบง่ายผ่านดีไซน์และเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมกับใช้เครื่องยนต์ V12 ของ Mercedes-Benz AMG พาร์ตเนอร์ ให้กำลังสูงสุด 789 แรงม้า และแรงบิด 850 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 3.1 วินาที

4. SP Chaos Zero Gravity
สำหรับรถรุ่นนี้นอกจากใช้เครื่องยนต์ V10 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบ เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 1.9 วินาที และ 7.9 วินาที จาก 0-300 กม./ชม. แล้ว ยังมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตและวัสดุศาสตร์ขั้นสูง ตลอดจนการสอดแทรกศิลปะกับความประณีตลงไปในงานออกแบบ ทั้งลวดลายของล้อ คาลิเปอร์เบรก และพวงมาลัย ทำให้กลายเป็นอัลตราคาร์ที่ราคาสูงถึง 14.4 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 495 ล้านบาท

5. Rolls-Royce Sweptail
Rolls-Royce Sweptail เป็นรถที่สั่งผลิตพิเศษแบบ Bespoke ขึ้นมาเพียงคันเดียว พร้อมเอกลักษณ์ท้ายรวบแบบเรือยอชต์ รวมถึงการตกแต่งด้วยลายไม้หายาก และหนังชั้นดีที่สุดจากฟาร์ม Connally ขณะที่เครื่องยนต์เป็นแบบ V12 สูบ ขนาด 6.75 ลิตร ของ Phantom ให้กำลังสูงสุด 453 แรงม้า และแรงบิด 531 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 250 กม./ชม. ทำให้ราคาค่าตัวของรถมีราคาสูงที่ 12.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 452 ล้านบาท

6. Bugatti Centodieci
Bugatti Centodieci เป็นไฮเปอร์คาร์คอลเล็กชั่นพิเศษ ที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 110 ปี ของ Bugatti ส่วนงานดีไซน์เป็นการแสดงความเคารพต่อ Bugatti EB110 โดยดัดแปลงบนพื้นฐานของ Bugatti Chiron โดยวางจำหน่ายเพียง 10 คันเท่านั้น ในราคา 9 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 318 ล้านบาท ซึ่งก็ขายออกหมดแล้วตั้งแต่ก่อนการโชว์ตัว

7. Bugatti Divo
Bugatti Divo เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ของรถสั่งผลิตพิเศษที่ Bugatti เสนอขายให้กับลูกค้าที่ได้รับการคัดเลือกเฉพาะ 40 คัน สามารถสั่งได้ตามความต้องการรายบุคคล ด้วยเครื่องยนต์ W16 สูบ ขนาด 8 ลิตร เทอร์โบ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า และแรงบิด 1,600 นิวตันเมตร ทำให้รถรุ่นนี้มีราคาที่แพงมากถึง 8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 282 ล้านบาท

8. Maybach Exelero
ถึงแม้ว่า Maybach Exelero จะเป็นรถต้นแบบสำหรับใช้ทดสอบยางสมรรถนะสูงให้แบรนด์เยอรมนี อย่าง Fulda บนลานเกลือ Nardo ประเทศอิตาลี แต่ก็มีข่าวลือว่ามันได้ถูกประกาศขายไปในราคาที่สูงมากถึง 8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 282 ล้านบาท

9. Bugatti Bolide
สำหรับรถยนต์รุ่น Bugatti Bolide เป็นรถที่ใช้สำหรับสนามแข่งเท่านั้น ไม่สามารถวิ่งบนถนนได้ มีการใช้เครื่องยนต์ W16 สูบ ขนาด 8 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ 4 ตัว กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า แรงบิด 1,600 นิวตันเมตร ผลิตขึ้นมาเพียง 40 คัน และจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 2024 ในราคา 4.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 166 ล้านบาท

10. Lamborghini Veneno
มาถึงรถที่แพงที่สุดในโลกอันดับ 10 เป็นรถซูเปอร์คาร์รุ่นพิเศษ เปิดตัวในปี 2013 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี แบรนด์ Lamborghini ที่ก่อตั้งในปี 1963 โดย Lamborghini Veneno ผลิตขึ้นมาเพียง 13 คันทั่วโลก บนพื้นฐานของ Lamborghini Aventador โดยแบ่งเป็นตัวถังคูเป้ 3 คัน และตัวถังโรดสเตอร์ 9 คัน ราคาขายอยู่ที่ 4 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 141 ล้านบาท และถูกจองหมดตั้งแต่ก่อนเปิดตัว

10 อันดับ Hypercar แรงดิบสุดขีด ใช้ได้แค่ในสนามแข่ง
รวม 10 อันดับ Track-Only Hypercar ที่แรงเกินกว่าจะวิ่งบนถนนสาธารณะได้ สมรรถนะสุดขีด น้ำหนักเบา ราคาหลายสิบล้าน แต่ใช้ได้แค่ในสนามแข่งเท่านั้น

ตู๋ อีจันเผยแพร่เมื่อ : 16 ก.ย. 2568, 18:01
รู้มั้ยว่าบนโลกนี้มีรถบางคันที่แรงจน “กฎหมายบนถนน” เอาไม่อยู่
ต้องถูกสั่งห้ามวิ่งบนถนนสาธารณะเด็ดขาด ที่เดียวที่มันจะได้ปลดปล่อยพลังเต็ม ๆ ก็คือในสนามแข่งเท่านั้น รถพวกนี้ถูกเรียกกันว่า Track-Only Supercar หรือ Hypercar จุดร่วมคือมันถูกสร้างเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด สมรรถนะเกินขีดจำกัด ความเร็ว แรงม้า แรงบิด และแรงกดมหาศาลที่กดรถติดพื้นยิ่งกว่าเครื่องบินเวลาลงจอด ซึ่งถ้าปล่อยให้วิ่งบนถนนจริง ๆ คงอันตรายกับทั้งตัวคนขับและคนอื่นแน่ ๆ
Aston Martin Valkyrie
อย่าง Aston Martin Valkyrie ที่ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน เบามากแค่ 1.3 ตัน แต่พอวิ่งเต็มที่ความเร็วกว่า 360 กม./ชม. มันสร้างแรงกดลงพื้นได้ 1.3 ตันเท่ากับน้ำหนักตัวเลย เรียกว่ารถกดพื้นแทบจะเป็นรถดูดถนนไปแล้ว ผลิตออกมาแค่ 24 คัน ราคาประมาณ 78 ล้าน จะเอาไปวิ่งบนถนนได้ก็ต้องเสียเวลาแปลงหลายเดือนและจ่ายเพิ่มอีกหลายสิบล้าน


Brabham BT62
อีกคันที่โคตรเท่คือ Brabham BT62 น้ำหนักเบาแค่ 972 กก. เพราะโครงสร้างไฟเบอร์ทั้งคัน มีกำลัง 691 แรงม้า ผลิตตั้งใจไว้ 70 คัน ราคาประมาณ 52 ล้าน ที่เด็ดคือบริษัทมีบริการเสริมให้แปลงเป็นรถถนนได้ แต่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 6 ล้าน ซึ่งก็เหมือนซื้อรถใหม่หนึ่งคัน


Porsche 935
ฝั่ง Porsche ก็มี 935 รุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นจากพื้นฐาน 911 GT2 RS ผลิตเพียง 77 คัน ราคาประมาณ 25 ล้าน ที่น่าสนุกคือ Porsche จัดคอร์สสอนขับให้เจ้าของทุกคนเพื่อดึงศักยภาพรถให้เต็มที่ อารมณ์แบบไม่ได้ขายรถอย่างเดียว แต่ขายประสบการณ์ด้วย

McLaren P1 GTR
McLaren ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ทำ P1 GTR มาแรงถึง 986 แรงม้า อัตราเร่ง 0–100 ภายใน 2.8 วิ ความเร็วสูงสุดเกือบ 350 กม./ชม. ผลิตแค่ 58 คัน และที่เด็ดคือคนที่จะซื้อได้ต้องมี P1 อยู่แล้วเท่านั้น

Maserati MC12 Corsa
Maserati เองก็มี MC12 Corsa สร้างขึ้นจากรถแข่ง FIA GT1 ใช้เครื่อง V12 6 ลิตร กำลัง 745 แรงม้า ทำมาแค่ 12 คัน เป็นญาติกับ Ferrari Enzo เลย แต่แน่นอนวิ่งถนนไม่ได้

Pagani Zonda R
ถ้าเอ่ยถึง Pagani ต้องนึกถึง Zonda R รถที่คนทั้งโลกฮือฮา ผลิตแค่ 15 คัน ใช้เครื่องจาก Mercedes-Benz CLK GTR กำลัง 740 แรงม้า วิ่งนอร์ดชไลเฟได้โหดจนทำสถิติ แตกแขนงต่อมาเป็น Zonda Revolution ที่เบากว่า แรงกว่า และแพงกว่าอีกเป็นร้อยล้าน


Ferrari FXX K
ฝั่ง Ferrari ก็เป็นเจ้าแห่ง Track Program มี FXX K กำลังทะลุ 1,000 แรงม้า ผลิต 40 คัน เจ้าของซื้อได้แต่ขับไม่ได้จะเก็บรถไปเอง ต้องขับใน Track Day ที่ Ferrari จัดให้เท่านั้น จบงาน Ferrari ก็เอากลับไปดูแลต่อ ส่วนรุ่นบุกเบิกคือ Ferrari FXX ที่ใช้เครื่อง V12 789 แรงม้า ผลิต 30 คัน ราคาประมาณ 87 ล้าน และพิเศษสุดคือคันที่ 30 มอบให้ Michael Schumacher

Lamborghini Sesto Elemento
ถ้าพูดถึง Lamborghini ก็มี Sesto Elemento ที่ทั้งเบาและแรงสุด ๆ น้ำหนักไม่ถึงตัน กำลัง 562 แรงม้า 0–100 แค่ 2.5 วิ ผลิตเพียง 20 คัน ชื่อ “Sesto Elemento” ก็มาจากธาตุที่ 6 ในตารางธาตุ ซึ่งก็คือคาร์บอน

Bugatti Bolide
แต่ถ้าจะหารถที่แรงเกินมนุษย์ต้องพูดถึง Bugatti Bolide ใช้เครื่อง W16 8 ลิตร Quad Turbo กำลัง 1,825 แรงม้า น้ำหนักเพียง 1.2 ตัน อัตราเร่ง 0–100 แค่ 2.1 วิ และตามทฤษฎีสามารถวิ่ง 0–500 กม./ชม. ในเวลาเพียง 20 วินาที ผลิต 40 คัน ราคาประมาณ 157 ล้าน เรียกว่าตัวเลขสมรรถนะมันแทบหลุดจากโลกแห่งความจริงไปแล้ว


ทั้งหมดนี้คือ 10 คันที่แรงจนถูกกฎหมายแบนห้ามวิ่งบนถนน เพราะมันไม่ได้สร้างมาเพื่อวิ่งชิล ๆ ริมหาด แต่สร้างมาเพื่อทลายเพดานวิศวกรรมในสนามแข่งจริง ๆ ใครที่ได้ครอบครองก็ถือได้ว่าไม่ได้ซื้อรถธรรมดา แต่ซื้อประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่ว่าจะเป็น Track Day สุดพิเศษ หรือการดูแลรถแบบเต็มระบบโดยทีมงานโรงงานเอง
สรุปสั้น ๆ รถพวกนี้คือ “สัตว์ร้ายที่ถูกล่ามโซ่ไว้ในสนามแข่ง” ถ้าเอาออกมาวิ่งถนนจริง ๆ มีแต่จะสร้างปัญหาทั้งมลพิษ ความปลอดภัย และเสียงดังเกินกฎหมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือสุดยอดงานศิลปะบนล้อที่ทุกคนอยากเห็นสักครั้งในชีวิต
	    	
		    
