ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
135,000,000 คือ ค่าตัวซึ่งมีหน่วยเป็นยูโร ของรถสปอร์ทประตูปีกนกนางนวล MERCEDES-BENZ 300 SLR UHLENHAUT COUPE
6 Aug 2022

MERCEDES-BENZ 300 SLR UHLENHAUT COUPE รุ่นปี 1955 ที่ได้จากการประมูลขายเมื่อไม่นานมานี้ ตัวเลขดังกล่าวทำให้รถซึ่งได้ชื่อรองตามชื่อของ RUDORF UHLENHAUT หัวหน้าวิศวกรผู้ออกแบบและขณะนี้มีอยู่เพียง 2 คัน กลายเป็นรถค่าตัวแพงที่สุดในโลก แทนที่แชมพ์เก่า คือ FERRARI 250 GTO (แฟร์รารี 250 จีทีโอ) ซึ่งซื้อขายกันเมื่อปี 2018 ในราคาประมาณ 2,400 ล้านบาท

Mercedes-Benz 300 SLR ปี 1955 ถูกประมูลราคา 143 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นรถแพงที่สุด

May 28, 2022 P.Patikom
รถ Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ปี 1955 อันเป็น Mercedes-Benz รุ่นที่หายากเป็นพิเศษ ถูกประมูลซื้อไปในราคา 143 ล้านดอลลาร์ (135 ล้านยูโร)
ด้วยราคานี้ทำให้เป็นรถยนต์ราคาแพงที่สุดที่เคยขายกันมา
การขายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่พิพิธภัณฑ์ Mercedes-Benz ในเมืองสตุตการ์ต ประเทศเยอรมนี โดยบริษัทที่ดำเนินการประมูลคือ RM Sotheby’s
สำหรับผู้ที่ชนะการประมูล คือนักสะสมรถชาวอังกฤษ ซึ่ง Simon Kidston ที่ปรึกษา และตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ประมูลในนามของลูกค้า ที่ไม่ระบุชื่อ และมีข่าวออกมาว่า Kidston ใช้ความพยายามในการล็อบบี้กรรมการบริหารของ Mercedes-Benz อยู่นานถึง 18 เดือน เพื่อให้พิจารณาขายรถรุ่นนี้
Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe เป็น 1 ใน 2 รุ่นที่ผลิตในปี 1955 และถือได้ว่า เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดใน ประวัติศาสตร์ยานยนต์ มันถูกสร้างขึ้นโดยแผนกการแข่งขัน (Race Department) ของ Mercedes และถูกตั้งชื่อตามชื่อของหัวหน้าวิศวกร และนักออกแบบ Rudolf Uhlenhaut
รถรุ่นนี้มีพื้นฐานมาจากรถรุ่น W 196 R Grand Prix ที่ประสบความสำเร็จของบริษัท จนได้รับรางวัล World Championships 2 ครั้ง ซึ่งถูก ขับโดยนักแข่ง Juan Manuel Fangio
สำหรับ Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ปี 1955 มีขนาดใหญ่กว่า W 196 R และใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร สามารถ ทำความเร็วได้สูงถึง 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่วิ่งบนถนนอย่างถูกกฎหมาย (Road-legal Car) ที่ทำความเร็วได้เร็ว ที่สุดในสมัยนั้น
บริษัท Mercedes-Benz เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่น SLR จำนวน 300 คัน และการประมูลขาย Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ปี 1955 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักสะสมรถหลายคน
Peter Wallman ประธานของ RM Sotheby’s ประจำสหราชอาณาจักรและ EMEA (RM Sotheby’s Chairman for the U.K. and EMEA) กล่าวว่า “ไม่มีใครเคยจินตนาการว่า รถคันนี้จะถูกเสนอขาย ดังนั้นการที่ Mercedes-Benz ขอให้ RM Sotheby’s ทำการประมูลจึงถือเป็น เกียรติอย่างยิ่ง”
Mercedes-Benz กล่าวว่า จะบริจาคเงินที่ได้รับจากการประมูล เพื่อสร้างกองทุนสำหรับทุนการศึกษา และการศึกษาวิจัยทางด้าน สิ่งแวดล้อมและการลดคาร์บอน
Mercedes-Benz Stromlinienwagen ปี 1954 คว้าตำแหน่งที่ 2 ของรถประมูลแพงที่สุดในโลก
21 Feb 2025

ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mercedes-Benz กลับมาคว้าอันดับ 1-2 ของโลกอีกครั้ง หลังจากเคยทำได้มากแล้วในปี 1954 ทีม Mercedes ส่งรถแข่ง W196 Stromlinienwagen เข้าร่วมการแข่งขันจีพีครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส และเข้าเส้นชัยอันดับที่ 1-2

จนปัจจุบันใน 71 ปีต่อมา Mercedes ครองอันดับที่ 1-2 อีกครั้ง โดยติดอันดับรถประมูลที่มีราคาแพงที่สุดสองอันดับแรก ล่าสุดในการประมูลรถแข่ง Stromlinienwagen หมายเลขแชสซิส 00009/54 จบราคาประมูลที่ 51.2 ล้านยูโร หรือ 1,788 ล้านบาท จากการประมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เมื่อปี 1965 Mercedes มอบรถแข่ง Stromlinienwagen หมายเลขแชสซิส 00009/54 ให้พิพิธภัณฑ์อเมริกัน จนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในนามของพิพิธภัณฑ์อินเดียนามอเตอร์สพีดเวย์ ต้องการประมูลรถเพื่อหาทุนบูรณะรถ โดย RM Sotheby จัดประมูลที่พิพิธภัณฑ์ Mercedes-Benz ในชตุทท์การ์ท เมื่อจบการประมูลครั้งนี้ รถแข่ง Mercedes คว้าอันดับ 2 ของรถประมูลราคาแพงที่สุดในโลก โดยเป็นรอง Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ซึ่งจบราคาประมูลที่ 143 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,006 ล้านบาท) เมื่อปี 2565

รถแข่งหมายเลขแชสซิส 00009 เริ่มการทดสอบในเดือนธันวาคม 1954 ในรูปแบบของรถแข่งล้อเปิด และลงแข่งครั้งแรกในฤดูกาล 1955 ที่สนามอาร์เจนตินา ซึ่งไม่ใช้คลาสส์ F1 โดย Juan Manuel Fangio เป็นผู้ขับรถแข่งรหัส W196 เครื่องยนต์ M196 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

รถแข่ง W196 หมายเลขแชสซิส 00009 จบเส้นทางการแข่งขันที่ประเทศอิตาลี ในเดือนกันยายน ปี 1955 โดย “ท่านเซอร์” Stirling Moss ลงแข่งด้วยบอดีล้อปิด ที่มีความลู่ลม และสมรรถนะสูง แต่ต้องจบการแข่งขันในรอบที่ 27 จากปัญหาเครื่องยนต์ หลังจากทำสถิติความเร็วต่อรอบสูงสุดที่ 134 ไมล์/ชม. หรือ 215.65 กม./ชม.

Mercedes ผลิตตัวรถแบบลู่ลม หรือ Streamliner Bodies จากวัสดุแมกนีเซียม มีน้ำหนักเพียง 88 ปอนด์ (40 กก.) โดยผลิตจำนวนจำกัด สำหรับใช้ในการแข่งขันความเร็วสูง ช่วงฤดูกาล 1954-1955 รถแข่งหมายเลขแชสซิส 00009 เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความเร็ว และขับโดยนักแข่งระดับไอคอน จึงไม่น่าแปลกใจที่สามารถติดอันดับรถประมูลราคาสูงได้
	    	
		    
