ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
พาส่อง 10 รถที่แพงที่สุดในโลก ปี 2023

เขียนโดย sqdparts เมื่อ Fri 11 Aug, 2023
รถยนต์ราคาแพงเปรียบเสมือนเหมือนการใส่เสื้อผ้าจากดีไซน์เนอร์ชื่อดังหรือเหมือนการหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งรถยนต์ที่มีราคาแพงนั้นก็มักจะมีดีไซน์ที่สะดุดตากว่าบรรดารถทั่วไป รวมไปถึงความแรงและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน สำหรับในวันนี้เราขอพาไปส่อง รถที่แพงที่สุดในโลก ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงจะคุ้นเคยกับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Bugatti, Ferrari, Koenigsegg และ Pagani ซึ่งรถยนต์เหล่านี้เน้นผลิตมาเพื่อมหาเศรษฐีโดยเฉพาะ และบางรุ่นก็มีให้จับจองแค่ไม่กี่คันเท่านั้น ไปดูกันดีกว่าค่ะว่ามีรุ่นไหนบ้าง
10 รถยนต์ราคาแพงที่สุดในโลก
รถที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 1. Rolls-Royce Boat Tail

ราคา 28.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 890 ล้านบาท)
Rolls-Royce กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าของ รถที่แพงที่สุดในโลก 2023 ทั้งยังครองตำแหน่ง รถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลก สำหรับ Boat Tail เป็นยนตรกรรมสั่งทำพิเศษที่มาพร้อมการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ชระดับ J Class
ภายนอกตกแต่งไม่ซ้ำใครในแบบทูโทน มีไฟหน้าที่เป็นแบบเส้นหนาแนวนอน ส่วนท้ายรถใช้แผงไม้วีเนียร์ตกแต่งภายนอก และมาพร้อมตู้แช่เย็นสำหรับแชมเปญ ร่มกันแดดแบบบิ้วอิน โต๊ะด้านหลังตกแต่งด้วยไม้ Caleidolegno และเก้าอี้บาร์สูงที่ทำจากเส้นใยไฟเบอร์
ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบไฮเอนด์ ผสมผสานกับการใช้ไม้ตกแต่งบริเวณช่วงล่างและพื้นภายห้องโดยสารทั้งหมด ชวนให้นึกถึงโครงของลำเรือ พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสีมันวาว ไม้ Caleidolegno และนาฬิกา BOVET 1822 หนึ่งเรือนบนแผงหน้าปัด เป็นต้น
รถที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 2 Bugatti La Voiture Noire

ราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 598 ล้านบาท)
สำหรับแชมป์เก่าของปี 2020 ได้ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 ปีนี้ แต่ด้วยแบรนด์ Bugatti ราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จะยังคงทำให้ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษคันนี้ติดอยู่ในอันดับท็อปๆ ของรถยนต์ราคาแพงไปอีกหลายปีแน่นอน
La Voiture Noire มีความหมายในภาษาฝรั่งเศษว่า “รถยนต์สีดำ” ตัวรถถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของ Chiron และมีการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถคลาสสิคระดับตำนานอย่าง Type 57SC Atlantic พร้อมด้วยตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ทำขึ้นด้วยมือ และเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,500 แรงม้า
รถที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 3. Rolls-Royce Sweptail

ราคา 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 407 ล้านบาท)
สุดยอดอัครยานยนต์สั่งทำพิเศษแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง ที่ Rolls-Royce ใช้เวลาพัฒนามากกว่า 4 ปีคันนี้คือเจ้าของตำแหน่งรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในปี 2017 มาพร้อมการออกแบบที่เน้นความประณีตวิจิตรตั้งแต่กระจังหน้าทรงประตูวิหารแพนธีออนตี ตัดกับการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมที่บรรจงออกแบบอย่างประณีต
ภายในให้ความรู้สุกเรียบหรูคล้ายกับนั่งอยู่ในเรือยอชต์ และทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ V12 ความจุ6.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
4. Bugatti Centodieci

ราคา 9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 297 ล้านบาท)
Centodieci เปิดตัวครั้งแรกในงาน Pebble Beach car week เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของรถระดับอัลตร้าแรร์ ที่ถูกสร้างขึ้นแสดงความเคารพต่อซุเปอร์คาร์ระดับไอคอนในยุค 90 อย่าง Bugatti EB110 SS
ไฮเปอร์คร์รุ่นพิเศษนี้ถูกผลิตเพียง 10 คันเท่านั้น และมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ทำให้รถรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่ารถที่ใช้เป็นพื้นฐานอย่าง Chiron ถึง 20 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีพละกำลังเพิ่มมากกว่าถึง 100 แรงม้า เป็น 1,600 แรงม้าด้วย
5. Mercedes-Maybach Exelero

ราคา 8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 254 ล้านบาท)
Exelero เปิดตัวคร้งแรกในปี 2004 ในรูปแบบ one-off หรือมีอยู่คันเดียวในโลก โดยรถคันนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ Mercedes-Maybach และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear ในเยอรมันร่วมกันพัฒนาเพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ภายใต้ฝากระโปรงติดตั้งเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร และท็อปสปีด 350 กม.ต่อชม.
6. Bugatti Divo

ราคา 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 191 ล้านบาท)
ในบรรดารถยนต์ราคาแพงที่เพิ่งเปิดตัว Bugatti Divo ถือเป็นรถยนต์ที่มีดีไซน์สวยสุดตั้งแต่หัวจรดท้าย อีกทั้งยังมีหลายๆ สิ่งที่พิเศษมากกว่าของ Chiron คือเป็นรถยนต์ที่ใช้เป็นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งสามารถสร้างแรงกดอากาศ (Downforce) ได้มากกว่า Chiron ถึง 90 กิโลกรัม มีฝาครอบเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สปอยเลอร์หลังที่มีความกว้างกว่า Chiron ถึง 23% อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าถึง 35 กิโลกรัม
ขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 380 กม./ชม.
7. Pagani Huayra Imola

ราคา 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 178 ล้านบาท)
Huayra Imola ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลี ได้ถูกแนะนำตัวให้ชาวโลกได้รู้จักไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา และเพิ่งเปิดเผยรายระเอียดทางเทคนิคเมื่อต้นปีนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.2 ลิตร ทวินเทอร์โบ จาก Mercedes-AMG ให้กำลังสูงสุด 827 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตันเมตร สิ่งนี้ส่งได้ผลให้ Huayra Imola คือไฮเปอร์คาร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Pagani เคยสร้างมา
นอกจากนี้ตัวรถยังโดดเด่นไปด้วยปีกหลังขนาดใหญ่ ช่องดักลมบนหลังคา แชสซีส์โมโนค็อกเสริมแข็งแกร่งด้วยวัสดุพิเศษ และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 5 คันเท่านั้น
8. Koenigsegg CCXR Trevita

ราคา 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ153 ล้านบาท)
CCXR Trevita เป็นรถยนต์รุ่นสูงสุดในตระกูล ‘CCX’ ที่ผลิตขึ้นจำกัดเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็ตกไปอยู่ในมือของนักชกชื่อดังอย่าง ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ CCXR Trevita มีความพิเศษอยู่ที่ตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ซึ่งถูกทำขึ้นในรูปแบบสีขาวประกายเพชรแทนที่จะเป็นสีดำแบบทั่วไป ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,004 แรงม้า ตลอดระยะเวลาที่ทำตลาด รถยนต์ตระกูล CCX ถูกผลิตออกมาจำหน่ายเพียงแค่ 49 คันเท่านั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโมเดล Agera ในเวลาต่อมา
9. Lamborghini Veneno

ร10
ราคา 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ144 ล้านบาท)
Veneno ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกบนเวที Geneva Motor Show 2013 ในฐานะรถรุ่นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งบริษัท มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 609 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งคูเป้และเปิดประทุน ซึ่งทั้งหมดมีอยู่เพียง 14 คันบนโลก
10. Bugatti Chiron Super Sport 300

ราคา 3.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 128 ล้านบาท)
เมื่อปลาย 2019 ปีที่ผ่านมา Bugatti ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยการทำความเร็วทะลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้สำเร็จด้วย Chiron เวอร์ชั่นโปรโตไทป์ที่มีการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ และความสำเร็จดังกล่าวก็ได้ถูกสานต่อมาเป็น Chiron Super Sport 300 + รถรุ่นโปรดักชั่นที่ผลิตจำกัดเพียง 30 คันทำให้ Bugatti Chiron ราคา พุ่งไปถึง 3.9 ล้านเหรียญ
Chiron Super Sport 300 + มาพร้อมตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ตกแต่งด้วยแถบสีส้ม มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า ดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดใหญ่ขึ้น ปลายท่อไอเสียใหม่ สปอยเลอร์หลังถูกถอดออกไป และมีช่องระบายอากาศแบบวงกลมบนซุ้มล้อหน้าทั้งสองฝั่ง ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ
รถหรูราคาแพง หรือไม่ใช่ ก็ต้องวางแผนก่อนผ่อน
สำหรับการผ่อนรถยิ่งมียอดดาวน์มากเท่าไหร่นั้นยิ่งดี ซึ่งนั่นหมายถึงค่างวดต่อเดือน และจำนวนงวดจะลดลง ทำให้คุณสามารถผ่อนรถยนต์หมดได้เร็วขึ้นและจ่ายน้อยลง ถ้าคุณมีเงินสดมากพอให้ดาวน์สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ตั้งแต่แรก เพราะดอกเบี้ยรถยนต์เป็นดอกเบี้ยตายตัว คำนวณครั้งเดียวมีผลจนงวดสุดท้าย ต่างจากการผ่อนบ้าน ที่ดอกเบี้ยจะลดลงให้ได้ถ้ามีเงินก้อนมาโปะยอดในภายหลัง แต่สำหรับรถยนต์ถึงจะมาเงินก้อนมีโปะ งวดที่เหลือยังเสียดอกคงที่เท่าเดิมอยู่ดี ยิ่งจ่ายค่าดาวน์มากภาระในการผ่อนแต่ละเดือนก็จะยิ่งน้อยลง
ในการวางแผนการซื้อรถเงินผ่อนคุณควรจะมีเงินดาวน์รถอยู่ประมาณ 25-40 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ หากเลือกดาวน์น้อยกว่า 20% ของราคารถจะต้องมีคนค้ำประกัน หรือ หากรายได้ไม่ถึง 2 เท่าของค่างวดรถควรมีคนซื้อร่วม 1 คน ถึงจะผ่านไฟแนนซ์ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รถราคา 600,000 แสนบาท คุณสามารถทำการดาวน์ได้เต็มที่สูงถึง 40% หมายความว่าคุณจ่ายค่าดาวน์รถไปที่ 240,000 บาท และเหลือ 360,000 บาทที่คุณจะต้องจ่ายโดยการแบ่งผ่อนชำระ
แต่ถ้าหากเป็นกรณีรถมือสอง วงเงินดาวน์จะอยู่ที่ประมาณ 10% จากราคารถ แต่จำนวนมากหรือน้อยของเงินดาวน์ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงจากมุมมองของไฟแนนซ์ด้วย ซึ่งความเสี่ยงที่ว่าอยู่ในกลุ่มของรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป เช่น รถยุโรปแพงๆ ที่นำเข้ามา รถที่คนเล่นน้อย รถติดแก๊ส ฯลฯ เป็นต้น เมื่อสถาบันทางการเงินหรือไฟแนนซ์มองว่ามีความเสี่ยงสูงแล้ว อาจจะมีสองทางเลือกนั่นคือ ไม่อนุมัติ หรือ ต้องการให้วางเงินดาวน์สูงๆ และกำหนดจำนวนงวดในการผ่อนชำระไว้น้อยๆ เพื่อจะได้มียอดจัดน้อยๆ และให้ลูกค้าผ่อนให้จบไปไวๆ เพื่อลดความเสี่ยงของไฟแนนซ์นั่นเอง
เงินดาวน์และระยะการผ่อนมีผลต่อดอกเบี้ย
เงินดาวน์หรือค่างวด และระยะเวลาการกู้จะมีความสัมพันธ์กัน ในการวางเงินดาวน์และระยะเวลาการผ่อนจึงมีผลต่อค่างวดที่จะต้องชำระ โดยอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินจะคิดกับผู้กู้ขึ้นอยู่กับ 2 กรณีดังนี้
กรณีที่หนึ่ง เงินดาวน์สูงอัตราดอกเบี้ยถูก
หากวางเงินดาวน์ไว้สูง หมายความว่ายอดวงเงินที่จะกู้เพื่อนำมาชำระผ่อนจ่ายส่วนเหลือเป็นวงเงินที่ไม่สูง เพราะความเสี่ยงของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อจะรับความเสี่ยงที่น้อยลง ซึ่งโดยทั่วไปมูลค่าของการเสื่อของรถยนต์ในช่วง 5 ปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 0-25% จากนั้นจะลดไปอีกปีละประมาณ 5-7% หากมีการวางเงินดาวน์สูงใกล้เคียงกับค่าเสื่อม ความเสี่ยงของโอกาสที่ธนาคารจะเสียหายมีน้อย ดอกเบี้ยที่จะคิดกับผู้กู้จึงให้ในอัตราที่ต่ำ ไม่สูงมาก
กรณีที่สอง ผ่อนระยะสั้นดอกเบี้ยถูกกว่าผ่อนยาว
หากเป็นการผ่อนระยะยาวอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่า เพราะความเสี่ยงของสถาบันการเงินมีความสูง เพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าในช่วงระยะเวลาการผ่อนจะเกิดปัญหาอะไรกับผู้กู้บ้างหรือไม่ที่จะทำให้การผ่อนหยุดชะงักลงได้ แต่หากผ่อนในระยะเวลาที่สั้นด้วยการวางเงินดาวน์ที่สูง ระยะรับความเสี่ยงของสถาบันการเงินก็สั้น และมีความมั่นใจแน่ชัดว่าผู้กู้มีความสามารถที่จะผ่อนได้จนครบสัญญาจริง ผู้กู้ก็จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่จำนวนเงินผ่อนต่องวดก็สูงกว่า เพราะเป็นการผ่อนระยะสั้น
ค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่างวดรถ
นอกจากภาระค่าผ่อนรถแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอีกหลากหลายอย่างที่คุณต้องจ่าย ทั้งจ่ายเป็นครั้งหรือแบบรายเดือน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายรายปี ดังนั้นควรเตรียมความพร้อมและวางแผนว่าแต่ละรายการต้องใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง
- ค่าน้ำมัน อย่างต่ำเดือนหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท
- ประกันชั้นหนึ่ง อยู่ที่ปีละประมาณ 20,000 บาท
- พ.ร.บ. และภาษีรถยนต์ เสียทุกปี ปีละ 2,500 บาท
- ตรวจสภาพ เช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง ขึ้นอยู่กับระยะทางและรถ ประมาณปีละ 3,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับการใช้รถ ขึ้นอยู่กับบริบทและสภาพวิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกัน เช่น ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์แต่ละรายการ ซึ่งถ้าหากคุณคิดจะมีรถสักคันแล้ว ต้องมีการบริหารค่าใช้จ่ายของตัวคุณเองให้ดีเพื่อไม่ให้การผ่อนชำระค่ารายเดือนของคุรต้องหยุดชะงักไปกลางทาง ทางที่ดีสำหรับคนที่ผ่อนซื้อรถ ควรมีเงินสำรองสำหรับการผ่อนค่างวดอย่างน้อย 6-10 เดือน เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคตที่อาจส่งผลต่อการชำระค่างวดรถได้
สำหรับรถยนต์ราคาแพงที่พาไปรับชมกันในวันนี้คงทำให้หลาย ๆ คนมีแรงบันดาลใจในการหารถยนต์คู่ใจดี ๆ สักคนและวางแผนในการผ่อนรถยนต์ในอนาคตได้อย่างรัดกุม เพราะการมีรถยนต์สักคนนั้นนอกจากค่าใช้จ่ายในการซื้อขายแล้ว ค่าใช้จ่ายยิบย่อยต่าง ๆ ก็ย่อมตามมาเป็นเงา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์ที่มีราคาแพงยิ่งมีค่าบำรุงการรักษาสูงมาก อย่างไรก็อย่าลืมวางแผนกันให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อรถสักคันนะคะ
5 รุ่นรถที่แพงที่สุดในโลก 2024 หรูหรา คุ้มค่า คุ้มราคา
20 กุมภาพันธ์ 2024
in สาระน่ารู้

0
SHARES
60
VIEWS
แชร์ไปที่ Facebookแชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ LinePin เลย
เนื้อหาผ่านการตรวจสอบคุณภาพอัปเดตล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2024โดย ปากกาสีน้ำเงิน
รถยนต์ยานพาหนะที่ใครๆ ก็อยากจะมีเพราะมันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับเราได้ ซึ่งรถยนต์ก็มีหลากหลายยี่ห้อที่ผลิตออกมาให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต และแน่นอนว่ารถที่ทุกคนอยากได้ก็คงจะหนีไม่พ้นรถหรูระดับไฮเอนท์หรือ Luxury Car ที่มีทั้งจุดเด่นและประสิทธิภาพที่ดี ในวันนี้เราก็เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 5 ยี่ห้อรถที่แพงที่สุดในโลก 2024 กัน มาดูกันหน่อยว่ารถหรูที่หลายคนอยากได้เนี่ย มีจุดเด่นยังไง ประสิทธิภาพดีจะพรีเมี่ยมขนาดไหน มาดูกัน
5 อันดับยี่ห้อรถที่แพงที่สุดในโลก 2024 ใครอยากได้ต้องอ่าน!
1.Rolls-Royce Boat Tail : ราคา 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และสำหรับยี่ห้อรถที่แพงที่สุดในโลกปี 2024 รุ่นแรกที่เราเอามาฝากกันเลยก็คือ Rolls-Royce Boat Tail รถหรูเปิดประทุน 2 ประตู ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 และได้เป็นรถที่ครองตำแหน่งรถที่แพงที่สุดในโลกอันดับ1 อีกด้วย ซึ่ง Rolls-Royce Boat Tail คันนี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถเปิดประทุนในยุค 1930 และเรือยอชต์สุดหรู โดยการออกแบบภายนอกนั้นจะมีความโค้งมนและหรูหรา ประดับไฟหน้าด้วย LED ที่บางเฉียบ ไฟท้ายปรับเป็นแบบแนวนอนให้ความรู้สึกโมเดิร์นและทันสมัย ส่วนภายในจะตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา ทั้ง ไม้ หนัง และคริสตัล ด้านของเบาะนั่งนั้นจะหุ้มด้วยหนังสีฟ้าอ่อน แล้วตัดกับแผงหน้าปัดสีดำ ซึ่งเป็นการสื่อถึงความรักของเจ้าของรถที่มีต่อทะเลนั่นเอง
ในด้านของสมรรถนะของรถ Rolls-Royce Boat Tail นั้นจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบเทอร์โบคู่ขนาด 6.75 ลิตร ซึ่งจะมีกำลังอยู่ที่ 563 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 900 นิวตันเมตร ส่วนอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. นั้นจะใช้เวลาอยู่ที่ 5 วินาที และความสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม.
2.Bugatti La Voiture Noire : ราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่อกันด้วยรถที่แพงที่สุดในโลก 2024 อย่าง Bugatti La Voiture Noire รถสปอร์ตสุดหรูที่เป็นไฮเปอร์คาร์ซึ่งถูกผลิตมาในจำนวนจำกัดเท่านั้น! โดยรถคันนี้ถูกเปิดตัวในปี 2019 ในราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านบาท และดีไซน์ของรถ Bugatti La Voiture Noire คันนี้ ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bugatti Type 57 SC Atlantic ซึ่งเป็นรถคลาสสิคในปี 1930 โดยในตัวถังของรถนั้นจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด แถมมาด้วยโทนสีดำสนิท ภายนอกจะเน้นความหรูหรา แบบเรียบๆ แต่โฉบเฉี่ยวและทรงพลัง ภายในจะหุ้มด้วยหนังเกรนสีน้ำตาล หรือที่เรียกว่า Havana Brown ตัดกับอะลูมิเนียมที่เงาสะดุดตา ส่วนเบาะจะมาในรูปแบบทรงสปอร์ตชวนหลงใหล จนได้ฉายาว่าเป็นที่สุดแห่งความหรูหราเลยทีเดียว
สำหรับเจ้า Bugatti La Voiture Noire ตัวนี้จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด W16 เทอร์โบชาร์จ 8.0 ลิตร และให้กำลังแรงม้า 1,500 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดจะอยู่ที่ 1,600 นิวตันเมตร เครื่องยนต์จะทำการส่งกำลังไปยังล้อผ่านเกียร์อัตโนมัติขนาด 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาทีเท่านั้น และ Bugatti La Voiture Noire ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 420 กม./ชม. เลยทีเดียว
3.Mercedes Maybach Exelero : ราคาประมาณ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มาถึงรถที่แพงที่สุดในโลก 2024 ตัวที่ 3 ที่เราเอามาฝากในวันนี้ จะเป็นตัวไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก Mercedes Maybach Exelero รถแบรนด์หรูระดับไฮเปอร์คาร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพียงแค่คันเดียวบนโลกเท่านั้น โดยถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 และเปิดมาที่ราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 200 ล้านบาท รุ่น Exelero ถูกพัฒนามาจากพื้นฐานของ Mercedes-Benz S 57 ซึ่งได้มีการปรับแต่งใหม่เพื่อยกระดับสมรรถนะและรูปลักษณ์ให้โดดเด่นมากขึ้นในหลายจุด อย่างภายนอกตัวรถก็ออกแบบมาให้ดูเรียบหรู แต่ก็ยังคงดุดัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่มีขนาดใหญ่ ไฟหน้ากลม และไฟท้ายเป็น LED เรียวยาว ภายในรถตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมหลายอย่าง เบาะก็เป็นแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa ตัดด้วยตะเข็บแตงที่เข้ากันได้อย่างลงตัว และมาพร้อมกับระบบเสียงระดับไฮเอนท์พร้อมตอบโจทย์ความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
สำหรับตัวเครื่อง Mercedes Maybach Exelero ก็จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบเบนซิน V12 มีความจุขนาด 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ โดยจะให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 960 แรงม้า แรงบิดสูงที่สุดอยู่ที่ 1,020 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติขนาด 5 สปีด และอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. อยู่ที่ 4.4 วินาที สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 351.45 กม./ชม.
4.Bugatti Divo : ราคาประมาณ 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รถที่แพงที่สุดในโลก 2024 ตัวที่ 4 ก็เป็นรถไฮเปอร์คาร์สุดเท่อย่าง Bugatti Divo รถยนต์แบรนด์หรูที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 และผลิตมาเพียง 40 คันเท่านั้น สำหรับรถรุ่น Bugatti Divo นั้นได้ตั้งชื่อตามนักแข่งรถชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Albert Divo ซึ่งชนะการแข่งขัน Targa Flori มาได้ถึง 2 ครั้ง โดยเจ้า Bugatti Divo ได้รับการต่อยอดมาจาก Bugatti Chiron ให้มีแอโรไดนามิก และน้ำหนักที่ดีขึ้น ซึ่งภายนอกจะมีกระจังหน้ารถที่เป็นทรงเกือกม้าขนาดใหญ่ มีช่องดักอากาศที่กว้างขึ้น โคมไฟภายในเป็น LED และตรงหลังคารถจะมีช่องดักอากาศที่เรียกว่า NACA Duct ที่จะช่วยในเรื่องของการไหลเวียนของอากาศไปยังเครื่องยนต์ ทำให้แรงกดอากาศภายในเพิ่มขึ้น 90% และมีน้ำหนักเบาลงถึง 25 กก. ทำให้การเข้าโค้งของ Bugatti Divo แรงและเร็วมาก
ในด้านของเครื่องยนต์ของ Bugatti Divo จะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ที่เป็นตัวเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว โดยจะให้กำลังสูงสุดมากถึง 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร โดยส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 สปีด ขับเคลื่อนได้ทุกล้อ และมีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. เพียง 2.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 380 กม./ชม.
5.Pagani Huayra Imola : ราคาประมาณ 5.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และรถที่แพงที่สุดในโลก 2024 คันที่ 5 ก็คือ Pagani Huayra Imola รถไฮเปอร์คาร์จากอิตาลีที่ได้เปิดตัวไปช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งรูปร่างหน้าตาก็จะคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเจ้า Bugatti แต่ก็ต้องบอกเลยว่าตัวนี้ก็ดุดันไม่แพ้เขาเลย โดยเจ้า Pagani Huayra Imola จะโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบซึ่งถูกออกแบบมาให้คล้ายกับรถแขง F1 ที่มีปีกหลังขนาดใหญ่ มาช่องดักลมบนหลังคา และมีแชสซีส์โมโนค็อกที่เสริมความแข็งแรงด้วยวัสดุพิเศษ แถมเจ้า Pagani Huayra Imola ยังผลิตจำนวนจำกัดแค่ 5 คันเท่านั้นเอง
สำหรับด้านเครื่องยนต์ของ Pagani Huayra Imola ก็จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 มีความจุขนาด 6.2 ลิตร แบบทวินเทอร์โบ ซึ่งมีกำลังแรงม้าสูงสุด 827 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตันเมตร
รถที่ใช่และใจที่รัก
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับรถที่แพงที่สุดในโลกปี 2024 ทั้ง 5 รุ่น 5 ยี่ห้อที่เอามาฝากเพื่อนๆ กันในวันนี้ ซึ่งก็มีแต่รุ่นท็อปๆ ติดอันดับแรงๆ สมรรถนะเครื่องยนต์ก็ดี ดีไซน์ก็หรูสุดๆ น่าใช้ทั้งนั้น แต่พอเห็นราคาก็แอบปาดเหงื่ออยู่น้า เชื่อเลยว่าถ้าใครไม่ใช่สายรักรถจริงๆ ก็คงจะไม่ได้มีไว้ครอบครองแน่ๆ และนอกจาก 5 รุ่นนี้ก็ยังมีอีกหลายรุ่น หลายคันที่ติดอันดับรถที่แพงที่สุดเอาไว้ในครั้งต่อไปถ้ามีโอกาสเรามาอัปเดตเรื่องรถกันใหม่นะครับ

