ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
มอเตอร์โชว์ 2020 : ส่องความน่าหลงใหล Rolls-Royce Phantom ที่สุดแห่งเรื่อง “ราคา”
20 ก.ค. 63 (18:26 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้
ข้ามฟากมายังฝั่งรถหรูภายในงาน มอเตอร์โชว์ 2020 หรือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 กันบ้าง กับบูธของ Rolls-Royce (โรลส์-รอยซ์) ที่นำทัพมาโดย Rolls-Royce Phantom ที่สุดแห่งความหรูหราในโลกยนตรกรรมกับราคาค่าตัว 53.5 ล้าน แพงที่สุดในงานไปโดยปริยาย
เจ้าของสมญานาม King of Cars อย่าง Rolls-Royce Phantom นั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก ได้รับความนิยมจากทั้งเซเลบริตี้ระดับ A-List, นักแสดงฮอลลีวูด, นักกีฬา และนักดนตรีตัวท็อป ทะยานอย่างฉับไวแต่เงียบเชียบ ผสานความนุ่มนวลของการขับเคลื่อนแบบพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร ตัวถังสีทูโทน ล้อแม็กขอบ 22 นิ้ว ห้องโดยสารแบบ Bespoke interior มาพร้อมกับ Starlight Headliner ที่ช่วยสร้างบรรยากาศท้องฟ้าในยามค่ำคืน และ The gallery แบบ Rivenslate ลงตัวกับแดชบอร์ดที่ตกแต่งด้วยสีดำ Piano black
Rolls-Royce Phantom
โดยกุญแจสำคัญของประสิทธิภาพการขับเคลื่อนอันยอดเยี่ยม คือ สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) เป็นโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมของ Rolls-Royce ที่ถูกนำมาใช้กับ Rolls-Royce Phantom เจเนอเรชันล่าสุด และ Rolls-Royce Phantom Cullinan เด่นด้วยการเป็นโครงสร้างที่แข็งแกร่งแต่มีความยืดหยุ่น รองรับทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ, 4 ล้อ รวมถึงระบบเลี้ยว 4 ล้อ ส่งผลให้ Rolls-Royce ขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวลและมั่นคงในทุกสถานการณ์
ในขณะที่โปรแกรม Bespoke ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก กับการสรรค์สร้างยนตรกรรมที่เหนือชั้นตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลและมีความพิถีพิถันในการเลือกมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลก ยนตรกรรมเหล่านี้ได้กลายเป็นงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์ และล้วนถือกำเนิดขึ้นจากสายพานการผลิตเพียงแห่งเดียวในโลก ณ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ซัสเซ็กส์ โดยลูกค้าสามารถกำหนดรายละเอียดต่างๆ ได้ตามจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นสีตัวถัง, การตกแต่งในห้องโดยสาร และอื่นๆ เพื่อสะท้อนตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ครอบครองได้อย่างดีที่สุด
นอกจาก Rolls-Royce Phantom เจ้าของค่าตัว 53.5 ล้านบาทแล้ว ก็ยังมีอีก 2 รุ่นสุดหรูมาแนะนำ ไม่ว่าจะเป็น Rolls-Royce Wraith รถสปอร์ต 2 ประตู ที่สง่างาม ผนวกกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับการใช้งาน ไฟหน้าแอลอีดีให้แสงสว่างมากขึ้น สะดุดตากับชุดแต่งโครเมียมรมดำ บริเวณ ซี่กระจังหน้า กรอบกระจกด้านข้าง คิ้วไฟท้ายด้านหลัง รวมถึงคิ้วฝากระโปรงท้าย และปลายท่อไอเสีย พร้อมล้อแม็กขอบ 21 นิ้ว ห้องโดยสาร Bespoke interior และประตูเเบบ Coach Door ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce มากว่า 100 ปี
9+ดูภาพทั้งหมดRolls-Royce Wraith
ในขณะที่ Rolls-Royce Cullinan ซึ่งเป็น Rolls-Royce แห่งเอสยูวี มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่มองหาประสบการณ์เพื่อเติมเต็มชีวิต และแสวงหาอิสระในการผจญภัยไปยังดินแดนที่เข้าถึงได้ยากที่สุด ตั้งชื่อตามเพชรที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปประดับอยู่บนมงกุฏของพระราชินีแห่งอังกฤษ โครงสร้างตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียม ที่เป็นสิทธิบัตรของ Rolls-Royce ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร 563 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร ที่ 1,600 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ห้องโดยสารสามารถขยายพื้นที่เพื่อเพิ่มความจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,930 ลิตร ขณะที่ช่วงล่างหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน และหลังแบบ 5 ลิงก์ ปรับความสมดุลอัตโนมัติ นับเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์สุดหรู รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce ที่พร้อมฟันฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทางอีกด้วย
9+ดูภาพทั้งหมดRolls-Royce Cullinan
ไปรับชมความงามและหรูหราของ 3 รุ่นทีเด็ดของ Rolls-Royce ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 26 กรกฎาคม ที่งาน มอเตอร์โชว์ 2020 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี
- 5 อันดับแบรนด์รถหรูที่แพงที่สุดในโลก อัปเดต 2025
Last updated: 23 ก.พ. 2568 | 41869 จำนวนผู้เข้าชม |
หากพูดถึงรถหรู หรือ luxury car แล้ว หลายคนคงนึกถึงเหล่าแบรนด์รถหรูเจ้าดัง ๆ อย่าง Rolls-Royce, Bugatti, Lamborghini, Ferrari หรือ Aston Martin ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ารถที่แพงที่สุดในโลกมาจากแบรนด์อะไร มีจุดเด่นและประสิทธิภาพที่ดีมากขนาดไหน วันนี้เราได้รวบรวม 5 อันดับแบรนด์รถหรูสุดพรีเมี่ยม ที่ราคาแพงที่สุดในโลกปี 2025 มาให้ทุกคนที่สนใจได้ลองอ่านและศึกษากันดูครับ
5 อันดับแบรนด์รถหรูราคาแพงที่สุดในโลก
1. Rolls-Royce Boat Tail
ขอบคุณภาพจาก Rolls-Royce
ราคา 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 960 ล้านบาท)
Rolls-Royce Boat Tail เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 เป็นรถยนต์หรูเปิดประทุน 2 ประตูสั่งทำพิเศษที่มีเพียง 3 คันในโลก ครองตำแหน่งรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลก และแบรนด์รถหรูคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถเปิดประทุนยุค 1930 ที่มีชื่อเดียวกัน การออกแบบภายนอกของรถมีความโค้งมนและหรูหรา ไฟหน้า LED ที่บางเฉียบและไฟท้ายแนวนอนช่วยเพิ่มความทันสมัยให้กับรูปลักษณ์ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหรูหรา เช่น ไม้ หนัง และคริสตัล เบาะนั่งหุ้มหนังสีฟ้าอ่อนตัดกับแผงหน้าปัดไม้สีดำ ที่สะท้อนถึงความรักของเจ้าของรถที่มีต่อท้องทะเลได้อย่างลงตัว
Rolls-Royce Boat Tail ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.75 ลิตร ให้กำลัง 563 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม.
Rolls-Royce Boat Tail เป็นรถยนต์ที่หรูหรา ทรงพลัง และคงความคลาสสิคของความเป็น Rolls-Royce ไว้ได้ในทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากความสวยงามของดีไซน์อันน่าหลงใหลแล้ว เครื่องยนต์ภายในยังจัดเต็มไม่เป็นสองรองใคร ควรค่าแก่การเป็นรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกประจำปี 2025 อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
2. Bugatti La Voiture Noire
ขอบคุณภาพจาก Bugatti
ราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 600 ล้านบาท)
Bugatti La Voiture Noire เป็นรถสปอร์ตไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลก เปิดตัวในปี 2019 ด้วยราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 600 ล้านบาท) รถยนต์คันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Bugatti Type 57 SC Atlantic ซึ่งเป็นรถคลาสสิคที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 1930 ตัวถังของรถจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด มาในโทนสีดำสนิทแบบ Deep Black Gloss ดีไซน์ภายนอกเน้นความเรียบหรูหรา โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง ภายในหุ้มด้วยหนังเกรนสีน้ำตาล Havana Brown ตัดกับอะลูมิเนียมปัดเงาสะดุดตา คอนโซลกลางมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และเบาะนั่งทรงสปอร์ตชวนหลงใหลที่ให้กลิ่นอายแบบโมเดิร์น
Bugatti La Voiture Noire ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W16 เทอร์โบชาร์จ 8.0 ลิตรที่ให้กำลัง 1,500 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 420 กม./ชม. La Voiture Noire ใช้เวลาในการพัฒนานานกว่า 2 ปี ผลิตโดยช่างฝีมือกว่า 60 คน และใช้เวลาประกอบมากถึง 6,000 ชั่วโมง เจ้าของรถคันนี้ไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คาดว่าจะเป็นมหาเศรษฐีชาวยุโรป
3. Bugatti Centodieci
ขอบคุณภาพจาก Bugatti
ราคา 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 300 ล้านบาท)
Bugatti Centodieci เป็น Supercar รุ่นพิเศษที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์รถหรู Bugatti ตัวรถเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ด้วยราคาสูงถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 300 ล้านบาท) และผลิตเพียง 10 คันเท่านั้น Centodieci ได้รับการตั้งชื่อตาม Bugatti EB110 ซึ่งเป็นรถซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของ Bugatti ที่ผลิตขึ้นในปี 1991 ซึ่งนอกจากชื่อแล้ว ดีไซน์ภายนอกและภายในยังได้รับอิทธิพลมาจาก EB110 ด้วยในหลาย ๆ แง่มุม
Bugatti Centodieci เป็น Supercar ที่มีรูปลักษณ์ดุดันและปราดเปรียว มีไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูและไฟท้ายแบบ LED สามมิติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก EB110 ส่วนห้องโดยสารออกแบบได้อย่างหรูหราทันสมัย วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งภายในส่วนใหญ่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และหนังแท้ มีเบาะนั่งทรงสปอร์ตและแผงหน้าปัดดิจิทัล ตัวรถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้าและแรงบิด 1,600 นิวตันเมตร เครื่องยนต์นี้ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 380 กม./ชม.
4. Mercedes Maybach Exelero
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia
ราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท)
Mercedes-Maybach Exelero เป็นแบรนด์รถหรูระดับไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลก โดย Mercedes-Benz และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear จากประเทศเยอรมัน ตัวรถเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ด้วยราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) Exelero สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Mercedes-Benz S 57 แต่ได้รับการปรับแต่งใหม่หลายจุดเพื่อยกระดับสมรรถนะและรูปลักษณ์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น
โดยภายนอกใช้การออกแบบที่เรียบหรูแต่แฝงไปด้วยความดุดัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าทรงกลม และไฟท้าย LED รูปทรงเรียวยาว ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียมอย่างไม้ หนัง และคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa ตัดด้วยตะเข็บสีแดงดูเข้ากันอย่างลงตัว คอนโซลกลางติดตั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเสียง Burmester High-End Surround Sound และระบบความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ
Mercedes-Maybach Exelero มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V12 ความจุ 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 351.45 กม./ชม. ปัจจุบัน Exelero เป็นเจ้าของโดย Fulda และถูกนำไปจัดแสดงตามงานมอเตอร์โชว์ต่าง ๆ ทั่วโลก
5. Bugatti Divo
ขอบคุณภาพจาก Bugatti
6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท)
Bugatti Divo เป็นรถไฮเปอร์คาร์ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ด้วยราคา 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) ผลิตออกมาเพียง 40 คันเท่านั้น ตัวรถได้ตั้งชื่อตามนักแข่งรถชาวฝรั่งเศส Albert Divo ซึ่งชนะการแข่งขัน Targa Florio สองครั้งในปี 1928 และ 1929 Bugatti Divo ได้รับการต่อยอดมาจากแบรนด์รถหรู Bugatti Chiron ในด้านแอโรไดนามิกและน้ำหนัก ด้านหน้ามีกระจังหน้าทรงเกือกม้าขนาดใหญ่ขึ้น ช่องดักอากาศที่กว้างขึ้น และโคมไฟหน้า LED ขนาดเล็ก หลังคามีช่องดักอากาศ NACA Duct ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศไปยังห้องเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีแรงกดอากาศเพิ่มขึ้น 90% และน้ำหนักเบาลง 35 กก. การปรับแต่งเหล่านี้ทำให้ Divo เร็วกว่า Chiron ตอนเข้าโค้ง แต่ยังคงช้ากว่าเล็กน้อยในการเร่งและทำความเร็วสูงสุด
ด้านข้างของรถมีซุ้มล้อที่กว้างขึ้น ช่องดักอากาศที่ด้านหลังล้อ และปีกเล็ก ๆ ที่ด้านหลังของประตู ด้านหลังมีปีกท้ายแบบแอคทีฟปรับได้ ดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ และไฟท้ายแบบ 3 มิติ ส่วนภายในยังคงความหรูหราแบบ Chiron ไว้ เบาะนั่งเป็นแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์ คอนโซลกลางมีจอแสดงผลการขับขี่ขนาดใหญ่และระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงระดับไฮเอนด์
Bugatti Divo มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีดขับเคลื่อนทุกล้อ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 380 กม./ชม.

