ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
5 รถหรูในไทย มีรุ่นไหนบ้างที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ที่สุด!” ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย !
แชร์บทความนี้

หัวข้อที่น่าสนใจ
- 5 รถหรูในไทย จะแบรนด์ไหนใครเห็นก็ต้อง Wow!
- 1. Porsche
- 2. Mercedes-Benz
- 3. Lamborghini
- 4. Ferrari
- 5. Rolls-Royce
- รถหรู รถซูเปอร์คาร์ ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้นไหนดี ?
- ข้อกำหนดทั่วไป ของการพิจารณา “ประกันรถซูเปอร์คาร์”
เปิดรายชื่อ รถหรูในไทย อีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้บ่งบอก “ฐานการเงิน” ได้ดีพอสมควร ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยก็มีรถหรูมากมาย หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจ หรือต้องการอยากทราบว่ารุ่นไหนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ที่สุด” มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ทำการลิสต์รถหรูในไทยมาให้คุณทำความคุ้นเคยทั้งหมด 5 ประเภท ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย !
5 รถหรูในไทย จะแบรนด์ไหนใครเห็นก็ต้อง Wow!
อยากรู้ไหมว่า 5 รถยนต์หรูในไทยมีรุ่นไหนบ้าง และต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงสามารถซื้อได้ ! เราได้รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ มาบอกต่อคุณเรียบร้อยแล้ว ไปดูกัน !

- 1. Porscheประวัติศาสตร์ของ Porsche ไม่มีใครกล้าสงสัยถึงคุณค่าและความหรูหราของรถจากเยอรมันค่ายนี้ สร้างชื่อที่สุดจากรุ่น 911 ที่มีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี 1960 ภายใต้ผู้ก่อตั้ง Ferdinand Porsche และผู้ออกแบบรุ่นแรกเริ่มของ 911 ซึ่งเป็นลูกชาย Ferdinand Alexander Porsche Jr. 2 คนผู้ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่โด่งดังและเป็นที่ปรารถนาของสาวกรถสปอร์ตจากทั่วโลก8 เจ็นเนอเรชั่น ยอดขายทะลุ 1,000,000 คัน คือประวัติศาสตร์ที่โลกยานยานต์ต้องจดจำรถรุ่นนี้ Porsche 911 และน่าจะเป็นเครื่องการันตีความนิยมได้เป็นอย่างดี โมเดลที่ขายอยู่ในปัจจุบันนั้นมีรหัสว่า 992 เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 ราคาเริ่มต้นของ Porsche 911 (โมเดล 992) เริ่มต้นอยู่ที่ราว 11 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นตัวพิเศษแรงระดับเทียบกับตัวแข่งในสนามก็มีให้เลือกปรับแต่งหาซื้อกันได้ด้วยอย่าง 911 GT3 RS กับราคาเริ่มต้นราว 25.9 ล้านบาท เท่านั้น!!
- 2. Mercedes-Benzอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์หรู สุดพรีเมียม ที่ใคร ๆ ต่างรู้จักเป็นอย่างดี โดยบริษัทก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ณ ประเทศเยอรมนี ปี ค.ศ.1926 เป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัท Daimler Motorengesells – Chaft และ บริษัท Benz & Cie ของคาร์ล เบนซ์ (Carl Benz) ในส่วนของรุ่นรถยนต์ Benz รุ่นรถที่แพงที่สุดในไทย คือ Mercedes-Benz AMG GT R โดยมีราคาอยู่ที่ 18,000,000 บาท และอีกหลาย ๆ รุ่นที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไล่ไปตั้งแต่ A-Class, C-Class, E-Class, S-Class
- 3. Lamborghiniหากคุณเป็นสายรถซูเปอร์คาร์คงจะรู้จักกับ Lamborghini เป็นอย่างดี โดยจุดเริ่มต้นของรถยนต์แบรนด์นี้เกิดจาก เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี ที่ต้องการสร้างรถยนต์ดีที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 เป็นต้นมา ในส่วนของ “สัญลักษณ์วัวกระทิง” มาจากปีเกิดของเจ้าของแบรนด์นั่นเองนอกจากนี้ Lamborghini ยังเป็นคู่แค้นกับ Ferrari สุด ๆ เพราะ เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี ไม่พอใจการบริการของ Ferrari สักเท่าไหร่นัก จึงทำให้มีปากเสียงกับทางผู้ก่อตั้ง Ferrari จนเป็นจุดที่ทำให้ Lamborghini ถือกำเนิดขึ้นมา สำหรับรุ่นรถที่แพงที่สุดในไทย คือ Lamborghini Aventador โดยมีราคาอยู่ที่ 37,950,000 บาท
- 4. Ferrariหรือที่หลายคนคุ้นเคยอย่างดีในชื่อว่า “ม้าลำพอง” มีจุดเริ่มต้นอันแสนยิ่งใหญ่ จากทีมแข่งชื่อว่า Scuderia Ferrari จนกระทั่งในปี ค.ศ.1947 รถยนต์คันแรกในนามแบรนด์ Ferrari ก็ถูกเปิดตัวให้ชาวโลกได้ทำความรู้จัก และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Ferrari 125 S ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรก ๆ รถยนต์แบรนด์นี้ จะเป็นรถแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทั้งหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป และ Ferrari มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก จึงได้ผลิตรถยนต์ที่คนทั่วไปสามารถขับขี่บนท้องถนนได้สำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้ทั่วไปของแบรนด์ Ferrari ที่เป็นรุ่นรถที่แพงที่สุดในไทย คือ Ferrari 812 GTS ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 40,900,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดของแบรนด์ คือ Ferrari Portofino มีราคาอยู่ที่ 20,900,000 บาท
- 5. Rolls-Royceสุดยอดยนตรกรรมความหรูหรา Rolls-Royce เริ่มต้นในปี ค.ศ.1904 จากชายสองคนที่มีชื่อว่า Charles Rolls และ Sir Henry Royce โดยในปี ค.ศ.1907 ได้มีการเปิดตัวรถยนต์ในรุ่น Silver Ghost ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีระยะการวิ่งอย่างต่อเนื่องมากกว่า 23,127 กิโลเมตรRolls-Royce คือรถยนต์ประกอบมือ มาพร้อมกับความหรูหราและประณีตตามแบบฉบับ “ผู้ดีอังกฤษ” โดยเฉพาะในด้านเครื่องยนต์ ที่หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความนิ่งเงียบ ไม่รบกวนผู้ขับขี่และผู้โดยสารแม้แต่น้อย สำหรับรุ่นที่แพงที่สุดในประเทศไทย คือ Rolls-Royce Phantom โดยมีราคาอยู่ที่ 53,500,000 บาท
นี่เป็นแค่ตัวอย่าง ! เพราะจริง ๆ ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์หรู ไม่ว่าจะเป็น BMW, Mini, Aston Martin, Bugatti, Jaguar, Bentley ฯลฯ ที่เมื่ออยู่เมืองไทยใครก็สามารถครอบครองได้หากกระเป๋าหนักพอ เพราะมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจากแบรนด์ทั่วโลก ติดใจแบรนด์ไหน ชอบแบรนด์อะไร หาได้ไม่ยาก แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่าหากมีรถแล้ว มีประกันรถยนต์เจ้าไหนที่รองรับบ้าง เอาเป็นว่าเราไปดูกันหน่อยเรื่องประกันรถยนต์ของรถหรู มีหลักในการพิจารณาการคุ้มครองอย่างไรบ้าง
รถหรู รถซูเปอร์คาร์ ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้นไหนดี ?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารถหรู หรือรถซูเปอร์คาร์ส่วนใหญ่ ถูกออกแบบให้มีสมรรถนะสูง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านความเร็ว เครื่องยนต์ระดับไฮคลาส และวัสดุที่ทนทาน คนส่วนใหญ่จึงนิยมทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เนื่องจากให้ความคุ้มครองมากที่สุด พร้อมดูแลรถยนต์คู่ใจของคุณทุกเหตุการณ์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ความคุ้มครองรถยนต์และทรัพย์สิน และอื่น ๆ
ข้อกำหนดทั่วไป ของการพิจารณา “ประกันรถซูเปอร์คาร์”
การทำประกันภัยรถซูเปอร์คาร์ จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป ดังนี้
- เป็นรถยนต์ที่มีจำนวนน้อยกว่า 4 ประตู
- มีกำลังเครื่องยนต์ 250 แรงม้าขึ้นไป
- มีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,000 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายในเวลา 5 วินาทีหรือน้อยกว่า
- น้ำหนักรถยนต์น้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม
- ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือมากกว่า
- ราคาขายปีแรกจากผู้จัดจำหน่าย เริ่มต้นที่ 5 ล้านบาทขึ้นไป
เป็นอย่างไรกันบ้าง ? สำหรับรถยนต์หรูในประเทศไทย ที่เรานำมาบอกต่อคุณเมื่อข้างต้น เมื่อเห็นจุดเริ่มต้น และราคาแล้ว ถึงกับร้องว้าวไปตาม ๆ กันใช่ไหมล่ะ ? หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจ และต้องการจับจองเป็นเจ้าของ อย่าลืมที่จะทำประกันรถยนต์ติดรถเอาไว้ด้วย เพื่อให้รถหรูของคุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมตลอดการเดินทาง สามารถเข้ามา “เปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์” ผ่านเว็บไซต์ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้แล้ววันนี้ รับประกันเลยว่าคุณจะได้รับกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์อย่างแน่นอน !
Rolls-Royce รถหรูราคาแพงที่สุดในปี 2025 ครั้งหนึ่งถูกหุ้มเกราะใช้ในสงคราม
SHARE
สารพัดแบรนด์รถยนต์หรูในปัจจุบันเรียกว่าแทบเดากันไม่ออกว่า ยี่ห้อไหนที่ผลิตรถไฮฟังก์ชั่นออกมาแล้วมีราคาแพงที่สุดในเวลานี้
ข้อมูลจาก ‘Sotheby’s’ บริษัทจัดการประมูลงานศิลปะระดับโลกที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดประเด็น “Top 10 Most Expensive Cars In The World 2025” ซึ่งแบรนด์รถลักชัวรีที่ชนะอันดับหนึ่งในแง่ราคา ‘แพงที่สุด’ ก็คือ ‘The La Rose Noire Droptail’ รถโรดสเตอร์ 2 ที่นั่งสั่งทำพิเศษผลิตโดย Rolls Royce ในราคาถึง 32 ล้านดอลลาร์ (หรือกว่า 1,000 ล้านบาท)
ความพิเศษของรถ Rolls Royce รุ่นนี้คือ มีแค่ 4 คันบนโลกนี้ โดยแต่ละ Droptail จะมีการตั้งชื่อและเจาะจงรายละเอียดเฉพาะ ซึ่ง La Rose Noire เป็น Droptail คันแรกที่ได้ส่งมอบ ใช้เวลากว่า 4 ปีจึงจะผลิตเสร็จ
ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกุหลาบแบล็คบาคาร่า (Black Baccara) ขึ้นชื่อในเรื่องรูปลักษณ์และสีราวกับกำมะหยี่ จึงทำให้ปัจจุบันรถยนต์คันนี้กลายเป็นรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกในปี 2025
การจัดอันดับของ Sotheby’s ครั้งนี้ยังมีรถหรูจาก Rolls Royce ติดอันดับถึง 3 รุ่น ก็คือ The La Rose Noire Droptail, Rolls Royce Boatail (28 ล้านดอลลาร์) และ Rolls-Royce Sweptail (12.8 ล้านดอลลาร์) สะท้อนความเป็นไอคอนิกของความหรูหรา ความไฮเอนด์ และลักชัวรี ตลอดกาลของ Rolls Royce
แต่หารู้ไม่ว่า Rolls Royce ในปัจจุบันต่างจาก Rolls Royce ในอดีตโดยสิ้นเชิง เพราะรถหรูที่เห็นกันทุกวันนี้ เคยถูกประดิษฐ์หุ้มเกราะเหล็ก เพื่อใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 หลายคนน่าจะคาดไม่ถึงแน่ๆ
[ Rolls Royce แบรนด์รถหรูเกิดจากแพชชั่น ‘ชาตินิยม’ ]
ย้อนไปเมื่อ 121 ปีก่อน ในปี 1904 ที่เกิดเป็นแบรนด์ที่ชื่อว่า ‘Rolls Royce’ แต่กว่าจะมาเป็นชื่อนี้ได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 20 ปีกว่าที่ ‘เฮนรี รอยซ์’ หนุ่มชาวอังกฤษที่ชื่นชอบเรื่องระบบรถไฟและพยายามทำสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในแบบความเข้าใจของตัวเอง จนวันหนึ่งลองผลิตรถให้ตัวเอง เพียงเพราะไม่อยากใช้รถนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส
จากสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับรถ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไดนาโม, รถเครน พัฒนามาเป็นรถยนต์คันแรกของตัวเองในชื่อว่า ‘Royce 10hp’ ความสำเร็จนี้ไปเข้าตา ‘ชาร์ลส โรลส์’ หนุ่มเลือดแรง ผู้บุกเบิกด้านยานยนต์และการบินของอังกฤษที่สนใจเรื่องรถยนต์ไม่ต่างกัน
ทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญ คุยกันถูกคอตามประสานักประดิษฐ์ที่รักความเป็น ‘ชาตินิยม’ อยากเห็นรถยนต์ที่สามารถผลิตจากอังกฤษได้สักครั้งหนึ่ง และนั่นทำให้ต่างคนต่างประทับใจ และตัดสินใจลงขันร่วมลงทุนสร้างบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษขึ้น เป็นที่มาของรถหรู Rolls Royce อย่างที่ทั่วโลกรู้จัก
[ ก่อนเป็นรถหรู เคยหุ้มเกราะในสงครามโลก ]
ผลงานที่สร้างชื่อของแบรนด์ Rolls Royce ต้องยกให้กับ ‘Silver Ghost’ เปิดตัวในปี 1907 หลังก่อตั้งบริษัทร่วมกันประมาณ 3 ปี
โดยชื่อเสียงอันเลื่องลือของ Silver Ghost ก็คือ การทดสอบวิ่งระยะไกลแบบต่อเนื่อง ด้วยระยะทางกว่า 23,000 กิโลเมตร ซึ่งรถรุ่นนี้ของ Rolls Royce เคยได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก’ ในยุคนั้นด้วย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือราวปี 1914 ‘Rolls-Royce’ ได้สร้างรถหุ้มเกราะที่พัฒนาจากรุ่น Silver Ghost จากอังกฤษมากกว่า 100 คันเพื่อใช้งานในสนามรบของยุโรปและตะวันออกกลาง อีกทั้งรถรุ่นนี้ยังถูกใช้ในสงครามกลางเมืองไอร์แลนด์ และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือด้วย
นอกจากนี้ รถหุ้มเกราะ Rolls Royce ได้ใช้ในการขนส่งพระราชินีนาถ (H.M. The Queen) ซึ่งสร้างขึ้นเป็นพิเศษในปี 1920 ซึ่งหลังจากนั้นได้ส่งมอบให้กับกระทรวงกลาโหมของอังกฤษในเวลาต่อมาสำหรับใช้ทางการทหาร โดยรถหุ้มเกราะ Silver Ghost บางคันมีการติดอาวุธเพื่อยับยั้งเหตุรุนแรงได้ทันเวลา
นอกจากรถยนต์ ผลงานที่ทำให้ชื่อเสียงของ Rolls Royce ได้รับการยอมรับอีกอย่างก็คือ ‘The Eagle’ เครื่องยนต์ทางอากาศของ Rolls Royce ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์แรก และถูกนำไปใช้ในสงครามทางอากาศด้วย
พิษเศรษฐกิจในปี 1925 ทำให้ Rolls Royce จำเป็นต้องปรับตัว และขายกิจการบางส่วนออกไปเพื่อพยุงบริษัท ทั้งที่เคยถูกสั่งให้ล้มละลายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่สิ่งประดิษฐ์หลายอย่าง รวมถึงรถยนต์หรูกลายมาเป็นตัวเลือกในการดำเนินธุรกิจต่อ
ความหรูหราของ Rolls Royce เกิดขึ้นตั้งแต่ที่แบรนด์รถยนต์ ‘Bentley’ ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งปัจจุบัน Bentley อยู่ในเครือของ Volkswagen Group สองแบรนด์นี้ที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกะแกะ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มลังเลว่ารถคันไหนคือ Rolls Royce และคันไหนคือ Bentley ทั้งยังเป็นรถสัญชาติอังกฤษทั้งคู่
ดังนั้น กลยุทธ์แก้เกมของ Rolls Royce ตั้งแต่ยุคนั้นก็คือ การหาประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า สร้างรถยนต์ที่มาจากความต้องการของลูกค้าเท่านั้น พร้อมดีไซน์ฟังก์ชั่นต่างๆ ร่วมกับลูกค้า ผลตอบรับดีเกินคาด รวมไปถึงตัวเลขปิดการขายที่ไม่ตายตัวเพราะขึ้นอยู่กับความยาก/ง่าย และฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในตัวรถ
สำหรับผลประกอบการของ Rolls Royce ในครึ่งปีแรกของปี 2024 กำไรจากการดำเนินงานพื้นฐานอยู่ที่ 1,149 ล้านปอนด์ หรือ 14% ส่วนกระแสเงินสดอยู่ที่ 1,158 ล้านปอนด์
ส่วนรายได้ธุรกิจทั้งหมดรวมกันอยู่ที่ 8,182 ล้านปอนด์ โดยแบ่งสัดส่วนเป็น
-อุตสาหกรรมการบินพลเรือน 50%
-อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ 27%
-ระบบพลังงาน 23%
กว่า 120 ปีของ Rolls Royce นับจากความบังเอิญแรกๆ ของนักประดิษฐ์สองคน ตราบจนตอนนี้ การบริหารภายใต้ ‘ทูฟาน เออร์กินบิลลิค’ (Tufan Erginbilgic) ซีอีโอคนปัจจุบัน ถือเป็นบุคคลที่หลายคนจับตาหลังจากที่สร้างกำไรให้กับ Rolls Royce ได้ 2 เท่าหลังเข้ามาบริหารได้เพียง 1 ปี
และจากผลงานของ Rolls Royce ของปี 2023 ที่ได้ส่งมอบเครื่องยนต์ทั้งหมด 458 เครื่อง รวมถึงเครื่องบินพลเรือนขนาดใหญ่ 262 เครื่อง และออเดอร์สั่งซื้อเครื่องยนต์อีกประมาณ 700 เครื่อง ทำให้คู่แข่งหลายรายจับตาเพราะปรากฎการณ์นี้ถือว่า เป็นผลงานครั้งประวัติศาสตร์ของ Rolls Royce เลยก็ว่าได้