ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
ฟอร์ดในไทย: 3 ทศวรรษแห่งนวัตกรรม ความแกร่ง และอนาคตที่ยั่งยืน
ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว มีไม่กี่แบรนด์ที่จะสามารถยืนหยัดและสร้างรากฐานที่มั่นคงบนผืนแผ่นดินไทยได้ยาวนานเกือบสามทศวรรษ ฟอร์ด ประเทศไทย คือหนึ่งในนั้น ด้วยประสบการณ์กว่า 29 ปี ที่ไม่ใช่เพียงตัวเลขการดำเนินธุรกิจ แต่คือเรื่องราวของการบุกเบิก การปรับตัว และการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เข้าใจหัวใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างลึกซึ้ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คลุกคลีกับตลาดนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของฟอร์ดในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นว่านี่คือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่งของแบรนด์สัญชาติอเมริกันที่พร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่าง “ดุดันทุกสถานการณ์” สู่ปี 2025 และอนาคตที่ยั่งยืน
การเดินทางของฟอร์ดในประเทศไทยเป็นมากกว่าการขายรถยนต์ มันคือการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านการผลิต การสร้างงาน การส่งมอบบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ และที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าที่มองหาสมรรถนะ ความทนทาน และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมิติของความสำเร็จอันน่าทึ่ง พร้อมเผยกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ที่ทำให้ฟอร์ดยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในตลาด รถยนต์ Ford ที่มีการแข่งขันสูงลิ่ว
รากฐานอันแข็งแกร่ง: เส้นทาง 29 ปีบนแผ่นดินไทย พิสูจน์ความเชื่อมั่นจากลูกค้า
ตลอดระยะเวลากว่า 29 ปีบนถนนประเทศไทย ฟอร์ดได้ฝ่าฟันความท้าทายและพิสูจน์ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าคือแบรนด์ที่เชื่อถือได้และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ตัวเลขการส่งมอบ รถยนต์ฟอร์ด ให้กับลูกค้าชาวไทยทะลุ 803,352 คัน นี่ไม่ใช่แค่สถิติยอดขาย แต่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่องยาวนานใน ตลาดรถยนต์ไทย ที่เต็มไปด้วยทางเลือกมากมาย ยอดขายที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนถึงการลงทุนอย่างหนักของ ฟอร์ด ประเทศไทย ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่เหนือระดับ
ในฐานะผู้สังเกตการณ์ตลาด ผมเห็นว่าฟอร์ดไม่เพียงแค่ขายรถยนต์ แต่ยังขาย “ความแกร่ง” และ “อิสระ” ซึ่งเป็นคุณค่าที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม รถกระบะ Ford และ รถยนต์อเนกประสงค์ Ford อย่าง Ford Ranger และ Ford Everest ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเซกเมนต์ที่ตนเองลงเล่น ข้อมูลที่น่าสนใจจากการสำรวจในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2564-2568) ชี้ให้เห็นว่า “สีดำ” คือสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดจาก ลูกค้าฟอร์ด ในไทย สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่ฟอร์ดสร้างขึ้นได้อย่างชัดเจน: ความเท่ ความแข็งแกร่ง ความดุดัน และความน่าเชื่อถือ ซึ่งสอดคล้องกับบุคลิกของผู้ขับขี่ที่ต้องการรถคู่ใจที่พร้อมลุยในทุกเส้นทางชีวิต การเลือกสีดำยังบ่งบอกถึงรสนิยมที่เรียบหรู แต่ยังคงไว้ซึ่งพลังและความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความสำเร็จด้านยอดขายยังมาพร้อมกับความเข้าใจที่ลึกซึ้งในแนวโน้มตลาด ปี 2025 นี้เป็นปีที่ผู้บริโภคมองหามากกว่าแค่การเดินทาง แต่ยังรวมถึงความประหยัด ความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ฟอร์ดได้ตอบสนองสิ่งเหล่านี้ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ที่มี ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ สูงขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งพละกำลังอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งการติดตั้งระบบ ความปลอดภัยรถยนต์ ที่ล้ำสมัยในทุกรุ่น การที่ฟอร์ดยังคงครองใจลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะจากแบรนด์รถยนต์จากฝั่งเอเชีย บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความภักดีของฐานลูกค้าที่ประเมินค่ามิได้
จากระยองสู่ทั่วโลก: ศักยภาพการผลิตระดับโลกที่เป็นหัวใจสำคัญของภูมิภาค
หัวใจสำคัญที่หล่อเลี้ยงความสำเร็จของฟอร์ดในประเทศไทย และทำให้แบรนด์ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับโลก คือ โรงงาน Ford ระยอง ทั้งสองแห่ง ได้แก่ ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) และออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ AAT โรงงานเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ฐาน การผลิตรถยนต์คุณภาพสูง สำหรับตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการผลิตและ ส่งออกรถยนต์ Ford ไปยังกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการผลิตระดับโลกและศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
จินตนาการดูว่า นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการผลิต รถยนต์ฟอร์ดที่ผลิตจากโรงงานระยองมีจำนวนรวมกันแล้วกว่า 3.2 ล้านคัน หากนำรถยนต์เหล่านี้มาจอดเรียงต่อกัน จะทอดยาวเป็นระยะทางมหาศาล จากชายฝั่งทะเลตะวันออกของระยอง ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงชายฝั่งตะวันออกของประเทศแคนาดาเลยทีเดียว ตัวเลขนี้แสดงถึงกำลังการผลิตมหาศาลและความรับผิดชอบที่ฟอร์ดมีต่อห่วงโซ่อุปทานและเศรษฐกิจไทย การที่รถฟอร์ดหนึ่งคันสามารถออกจากสายการผลิตได้ทุกๆ 2 นาที ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่คุณใช้ในการดริปกาแฟยามเช้า บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพและ เทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ ที่ล้ำสมัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม
การลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น ระบบอัตโนมัติ (Automation) และการใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มความรวดเร็ว แต่ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงาน สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้รถยนต์ฟอร์ดทุกคันที่ออกจากสายการผลิตมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Ranger, Everest หรือรุ่นอื่นๆ ที่ผลิตเพื่อส่งออก นอกจากนี้ ฟอร์ดยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของบุคลากรไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งทำให้พนักงานไทยเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน นวัตกรรมยานยนต์ และ เทคโนโลยีรถยนต์ สู่ระดับสากล
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ โรงงานระยองของฟอร์ดไม่เพียงแค่สร้างรถยนต์ แต่ยังสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศชาติ การที่ฟอร์ดเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลัก แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นการ ลงทุน Ford ที่สำคัญและมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงยังช่วยให้ฟอร์ดสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ได้อย่างยืดหยุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมพร้อมสำหรับการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า Ford (Ford EV) ในอนาคต ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดโลกและตลาดไทย
เข้าใจทุกความต้องการ: หัวใจหลักของลูกค้าฟอร์ดที่ขับเคลื่อนแบรนด์
ความสำเร็จอันยาวนานของฟอร์ดไม่ได้มาจากแค่ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่มาจากการทำความเข้าใจ กลุ่มเป้าหมาย Ford อย่างลึกซึ้ง การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างต่อเนื่องทำให้ฟอร์ดสามารถปรับกลยุทธ์และนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างตรงจุด กลุ่มลูกค้าหลักของฟอร์ดในประเทศไทยมีช่วงอายุระหว่าง 30-50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานส่วนตัวและธุรกิจที่กำลังเติบโต
ที่น่าสนใจคือ การทลายภาพจำแบบเดิมๆ ที่ว่า รถยนต์ฟอร์ด มีแต่ผู้ชายขับ ข้อมูลล่าสุดในปี 2025 เปิดเผยว่า ลูกค้าฟอร์ดแบ่งเป็นชาย 60% และมีลูกค้าผู้หญิงสูงถึง 40% ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบรถยนต์ที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และความเข้าใจในความต้องการของผู้หญิงยุคใหม่ที่มองหารถยนต์ที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และมีดีไซน์ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Ford Everest ลูกค้า ที่เป็นผู้บริหารหญิง หรือ ลูกค้า Ford Ranger ที่เป็นเจ้าของกิจการที่ต้องเดินทางออกนอกสถานที่บ่อยครั้ง
เมื่อเจาะลึกลงไปในอาชีพของ ลูกค้าฟอร์ด เราจะพบความหลากหลายที่น่าสนใจ โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลัก ได้แก่ เจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และเกษตรกร กลุ่มเจ้าของธุรกิจและพนักงานบริษัทมักมองหา รถยนต์อเนกประสงค์ ที่ให้ความคล่องตัวในการเดินทางในเมืองและเดินทางต่างจังหวัด หรือ รถกระบะสมรรถนะสูง ที่สามารถรองรับการขนส่งและใช้งานหนักได้จริง ในขณะที่กลุ่มเกษตรกร โดยเฉพาะเจ้าของสวนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี มักมองหา รถกระบะ Ford Ranger Raptor ซึ่งเป็นรถในฝันที่พร้อมลุยทุกเส้นทางในสวนและไร่นา ด้วย การขับขี่ออฟโรด ที่เหนือชั้น และความทนทานที่วางใจได้ในทุกสภาพอากาศ
การกระจายตัวของลูกค้ายังบ่งบอกถึงการตอบสนองความต้องการในแต่ละภูมิภาค 5 จังหวัดหลักที่มีลูกค้าฟอร์ดจำนวนมาก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ Ford Everest ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 สูงกว่าคู่แข่งทุกราย สิ่งนี้สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของชาวภูเก็ตที่ชื่นชอบการผจญภัย การเดินทางท่องเที่ยว และต้องการรถยนต์ที่รองรับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ ทั้งการเดินทางบนถนนปกติและการลุยเส้นทางที่ท้าทาย
ขณะที่จังหวัดจันทบุรีได้ครองตำแหน่ง ‘เมืองแห่งฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์’ เป็นแหล่งรวมสาวก รถกระบะ Ford Ranger Raptor อันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสวนผลไม้ที่ต้องการรถคู่ใจที่มีสมรรถนะสูงสุด ดีไซน์เท่ และพร้อมลุยไปกับชีวิตในสวนได้อย่างไม่สะดุด นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าฟอร์ดไม่ได้แค่ขายรถ แต่ยังเข้าใจวิถีชีวิต ความฝัน และความต้องการเฉพาะของลูกค้าในแต่ละกลุ่มและแต่ละพื้นที่ ทำให้แบรนด์สามารถสร้างความผูกพันและมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่เหนือกว่าได้อย่างแท้จริง
Beyond the Sale: ความอุ่นใจตลอดเส้นทางกับบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ
การเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดไม่ใช่แค่การขับออกจากโชว์รูมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความอุ่นใจตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟอร์ดให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในด้าน บริการหลังการขาย Ford แบรนด์ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ล่าสุดกับการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 40,000 ตารางเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลมาตรฐานถึง 5.6 สนาม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ภายในคลังสินค้าขนาดมหึมาแห่งนี้ มี อะไหล่แท้ Ford สำรองไว้กว่า 4.3 ล้านชิ้น การมีสต็อกอะไหล่จำนวนมากและระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง หมายความว่าลูกค้าจะได้รับการบริการที่รวดเร็วขึ้น ลดระยะเวลาการรออะไหล่ และมั่นใจได้ว่า รถยนต์ฟอร์ด ทุกคันจะได้รับการดูแลด้วยชิ้นส่วนมาตรฐานจากโรงงาน เพื่อให้พร้อมลุยในทุกเส้นทางได้อย่างไม่มีสะดุด การลงทุนในศูนย์กระจายอะไหล่นี้เป็นการตอบโจทย์ความกังวลสำคัญของลูกค้าเกี่ยวกับ ค่าบำรุงรักษารถ Ford และความพร้อมของอะไหล่ ซึ่งฟอร์ดได้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการแก้ปัญหานี้
นอกจากการมีอะไหล่ที่ครบครันแล้ว ฟอร์ดยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา ศูนย์บริการ Ford ให้มีมาตรฐานระดับโลก โดยมีช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงรถยนต์ฟอร์ดโดยเฉพาะ พร้อมเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาอย่างแม่นยำ รวมถึงการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่แท้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการ ลงทุนรถยนต์ ฟอร์ด ว่าจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพตลอดอายุการใช้งาน
ในยุคปี 2025 ที่ เทคโนโลยีเชื่อมต่อ มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ฟอร์ดยังได้พัฒนาบริการหลังการขายให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เช่น การนัดหมายเข้ารับบริการออนไลน์ ระบบการตรวจสอบสภาพรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน (FordPass) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดห่างไกล การรับประกันรถยนต์ Ford ที่ครอบคลุม ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าอุ่นใจได้ว่า ฟอร์ดพร้อมอยู่เคียงข้างในทุกการเดินทาง
ก้าวสู่อนาคต: นวัตกรรมและความยั่งยืนในยุค 2025+ ขับเคลื่อนโลกยานยนต์
การเดินทางกว่า 29 ปีของฟอร์ดในประเทศไทยเป็นเพียงบทเริ่มต้นเท่านั้น ในปี 2025 และทศวรรษหน้า ฟอร์ดกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน นวัตกรรมยานยนต์ 2025 และความยั่งยืน แบรนด์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ รถยนต์ไฟฟ้า Ford (Ford EV) และ รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และกฎระเบียบด้านมลพิษที่เข้มงวดขึ้นทั่วโลก
ฟอร์ดมีแผนกลยุทธ์ระดับโลกในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า และคาดการณ์ว่าในอีกไม่นานเราจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าจากฟอร์ดเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะไฟฟ้า รถ SUV ไฟฟ้า หรือแม้แต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ล้ำสมัย ระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้น และโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่รองรับการใช้งานอย่างแพร่หลาย การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแค่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบกว่า แรงกว่า และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
นอกจากยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ฟอร์ดยังมุ่งมั่นพัฒนา เทคโนโลยีรถยนต์ ที่อัจฉริยะและเชื่อมต่อได้ดียิ่งขึ้น ระบบ SYNC ที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์ฟอร์ด จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ ทั้งการควบคุมความบันเทิง ระบบนำทาง และการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems – ADAS Ford) เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane-Keeping System) และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking) จะกลายเป็นมาตรฐานที่สำคัญในรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่น เพื่อเพิ่ม ความปลอดภัยรถยนต์ ให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ความยั่งยืนยังครอบคลุมถึงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการปล่อยมลพิษจากโรงงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ฟอร์ดไม่ได้มองแค่การผลิตรถยนต์ แต่ยังมองถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำระดับโลก
บทสรุปและก้าวต่อไปของฟอร์ดในประเทศไทย
ตลอดระยะเวลา 29 ปี ฟอร์ดได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคือมากกว่าแบรนด์รถยนต์ธรรมดา แต่คือพันธมิตรที่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างลูกค้าชาวไทยในทุกช่วงเวลาของชีวิต ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง นวัตกรรมที่ล้ำสมัย การผลิตที่มีคุณภาพระดับโลก และบริการหลังการขายที่มอบความอุ่นใจอย่างแท้จริง ฟอร์ดได้สร้างตำนานบทใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สามอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ในปี 2025 และอนาคตข้างหน้า ฟอร์ดจะยังคงเดินหน้าด้วยปรัชญา “ดุดันทุกสถานการณ์” ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายจากตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ฟอร์ดพร้อมปรับตัว พัฒนา และนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าชาวไทย เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อ และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน
หากคุณคือคนหนึ่งที่มองหารถยนต์คู่ใจที่พร้อมลุยในทุกเส้นทางชีวิต ด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่า ความปลอดภัยที่วางใจได้ และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เราขอเชิญชวนให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แท้จริงของรถยนต์ฟอร์ดรุ่นล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น Ford Ranger ที่แข็งแกร่ง หรือ Ford Everest ที่หรูหราและอเนกประสงค์ หรือแม้แต่ Ford Ranger Raptor ที่พร้อมสำหรับทุกการผจญภัย อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตำนานฟอร์ดในประเทศไทย
ค้นพบพลังแห่งนวัตกรรม สมรรถนะที่เหนือชั้น และความอุ่นใจในทุกการเดินทาง ร่วมกับฟอร์ดวันนี้! ทดลองขับ Ford รุ่นที่คุณสนใจได้ที่ตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อดูโปรโมชั่น Ford พิเศษ และก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการขับขี่ไปพร้อมกัน
29 ปีแห่งความแกร่งบนเส้นทางไทย: ถอดรหัสความสำเร็จของฟอร์ดสู่ทศวรรษใหม่
ในฐานะผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของแบรนด์รถยนต์มากมายที่เข้ามาสร้างตำนานบนผืนแผ่นดินไทย แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่สามารถยืนหยัดและครองใจผู้บริโภคได้อย่างมั่นคงยาวนาน และหนึ่งในนั้นคือ “ฟอร์ด” แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ผูกพันกับคนไทยมาตลอด 29 ปี นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องราวของตัวเลขยอดขายหรือส่วนแบ่งการตลาดเท่านั้น หากแต่เป็นมหากาพย์แห่งความมุ่งมั่น ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และการไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต บทความนี้จะพาทุกท่านเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ฟอร์ดเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่เป็นเสมือนเพื่อนร่วมทางที่พร้อม “ดุดันทุกสถานการณ์” เคียงข้างคนไทยในทุกเส้นทางชีวิต จนก้าวสู่ปี 2025 ได้อย่างสง่างาม พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายในทศวรรษที่สามด้วยความพร้อมเกินร้อย
29 ปีแห่งศรัทธาและนวัตกรรม: เส้นทางที่ไม่ธรรมดาของฟอร์ดในประเทศไทย
เมื่อย้อนกลับไปมองเส้นทาง 29 ปีของฟอร์ดในประเทศไทย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ “ความเชื่อมั่น” ที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้อย่างต่อเนื่อง ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ชี้ชัดว่า ฟอร์ดได้ส่งมอบรถยนต์คุณภาพเยี่ยมไปแล้วกว่า 803,352 คันให้กับลูกค้าในประเทศไทย ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความไว้วางใจที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น จากการแนะนำรถยนต์รุ่นแรกๆ สู่การปฏิวัติวงการด้วยรถกระบะและ SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ฟอร์ดได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทนทานสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ หรือความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับการเดินทางของครอบครัว ฟอร์ดสามารถผสานรวมเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ากับวิถีชีวิตแบบไทยๆ ได้อย่างลงตัว
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฟอร์ดได้เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าและพฤติกรรมผู้บริโภคซับซ้อนขึ้น ฟอร์ดไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ตั้งแต่ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ SYNC ไปจนถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง Co-Pilot360 ที่ทำให้การเดินทางปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น การลงทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้แรงขึ้นแต่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น การออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถยนต์ฟอร์ด โดยเฉพาะตระกูล Ranger และ Everest ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาด และสำหรับปี 2025 นี้ ฟอร์ดได้ตอกย้ำจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านสมรรถนะและเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มรถกระบะสมรรถนะสูงและรถ SUV ออฟโรด ที่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง
และจากข้อมูลที่น่าสนใจ พบว่า “สีดำ” ยังคงเป็นสีที่ลูกค้าฟอร์ดในไทยนิยมมากที่สุดตลอด 4 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2564-2568) ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ความเท่ แกร่ง และความดุดันที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน สีดำไม่ได้เป็นเพียงแค่สี แต่เป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับน่าค้นหา ความทรงพลัง และความหรูหราที่ไร้กาลเวลา ซึ่งลงตัวกับดีไซน์ของฟอร์ดที่เน้นความบึกบึนและสง่างามได้อย่างไร้ที่ติ การเลือกใช้สีดำยังเป็นการแสดงออกถึงรสนิยมและความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่ ที่ต้องการรถยนต์ที่สะท้อนความมั่นใจและพร้อมลุยไปในทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง
หัวใจการผลิตระดับโลก: ฟอร์ด ระยอง ขุมพลังยานยนต์ไทยสู่สากล
เบื้องหลังความสำเร็จด้านยอดขายและการสร้างสรรค์นวัตกรรม คือความแข็งแกร่งด้านการผลิต โรงงานทั้งสองแห่งของฟอร์ดที่จังหวัดระยอง ได้แก่ ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) และออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ AAT ไม่ได้เป็นเพียงฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฟอร์ดในภูมิภาคนี้ แต่ยังเป็นศูนย์กลางการผลิตรถกระบะและ SUV ที่สำคัญระดับโลกที่ส่งออกรถฟอร์ดคุณภาพสูงไปยังหลายประเทศทั่วทวีป โรงงานเหล่านี้ได้ผลิตรถยนต์รวมกันแล้วกว่า 3.2 ล้านคัน ซึ่งหากนำมาจอดเรียงต่อกัน จะทอดยาวเป็นระยะทางจากระยองข้ามทวีปไปถึงชายฝั่งตะวันออกของประเทศแคนาดาเลยทีเดียว นี่คือภาพสะท้อนของขีดความสามารถในการผลิตที่น่าทึ่ง และตอกย้ำสถานะของประเทศไทยในฐานะ “ฮับยานยนต์” ของโลก
สิ่งที่ทำให้โรงงานของฟอร์ดในระยองโดดเด่น ไม่ใช่แค่กำลังการผลิตที่สูงจนสามารถผลิตรถยนต์ฟอร์ดคันใหม่ออกจากสายพานได้ทุกๆ 2 นาที ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่คุณใช้ในการดริปกาแฟยามเช้าเสียอีก แต่เป็นเรื่องของ “คุณภาพ” และ “มาตรฐานระดับโลก” ที่ถูกฝังอยู่ในทุกกระบวนการผลิต ฟอร์ดลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และการพัฒนาทักษะของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันที่ออกจากสายการผลิตมีความแข็งแกร่ง ทนทาน และปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โรงงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนไทยจำนวนมาก แต่ยังถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้บุคลากรชาวไทยมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และพร้อมที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปข้างหน้าในทศวรรษแห่งความท้าทายนี้
ในปี 2025 นี้ ฟอร์ด ระยอง ยังคงเดินหน้ายกระดับกระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดขึ้น การใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และการนำเอาหลักการผลิตแบบลีน (Lean Manufacturing) มาปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย และส่งมอบ รถยนต์คุณภาพสูง ในราคาที่คุ้มค่าแก่ผู้บริโภค การลงทุนในสายการผลิตที่ยืดหยุ่นยังช่วยให้ฟอร์ดสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลหรือการเตรียมความพร้อมสำหรับ เทคโนโลยีรถยนต์ล่าสุด ที่อาจเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของฟอร์ด
เจาะลึกหัวใจลูกค้าฟอร์ด: ใครคือคนที่หลงรักแบรนด์นี้?
ความสำเร็จที่ยั่งยืนของฟอร์ดเกิดขึ้นได้จากการที่แบรนด์นี้ “เข้าใจลูกค้า” อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่การผลิตรถยนต์ที่ดี แต่เป็นการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเติมเต็มความต้องการที่หลากหลาย จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกลูกค้าฟอร์ดในประเทศไทย พบว่ากลุ่มลูกค้าหลักมีอายุระหว่าง 30-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ต้องการยานพาหนะที่สามารถรองรับทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว และที่น่าสนใจคือ การทำลายภาพจำแบบเดิมๆ ว่า รถฟอร์ด มีแต่ผู้ชายขับเท่านั้น ด้วยสัดส่วนลูกค้าผู้หญิงที่สูงถึง 40% สะท้อนให้เห็นว่า ฟอร์ดประสบความสำเร็จในการออกแบบรถยนต์ที่เข้าถึงใจผู้หญิงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ทันสมัย ความสะดวกสบายในการขับขี่ หรือระบบความปลอดภัยรถยนต์ที่ช่วยสร้างความอุ่นใจ
ข้อมูลล่าสุดยังเปิดเผยว่าลูกค้าฟอร์ดประกอบอาชีพหลัก ได้แก่ เจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และเกษตรกร ซึ่งกระจายตัวอยู่ใน 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น นี่คือกลุ่มคนที่มองหารถยนต์ที่เชื่อถือได้ มีสมรรถนะสูง และสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกอบอาชีพและขับเคลื่อนชีวิตให้ก้าวหน้าไปพร้อมกัน
กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น: ในเมืองใหญ่เหล่านี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ผสานความอเนกประสงค์สำหรับการใช้ชีวิตในเมืองเข้ากับสมรรถนะที่พร้อมลุยเมื่อต้องเดินทางออกนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน การรับส่งลูก การเดินทางท่องเที่ยว หรือแม้แต่การบรรทุกสัมภาระสำหรับการทำธุรกิจ รถยนต์ฟอร์ดมอบความคล่องตัวที่เหนือกว่า และความทนทานรถยนต์ ที่พิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริงในทุกสภาพถนนของประเทศไทย
ภูเก็ต – เมืองแห่งฟอร์ด เอเวอเรสต์: สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 สูงกว่าคู่แข่งทุกราย นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากความลงตัวของไลฟ์สไตล์ชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวที่หลงใหใหลในกิจกรรมกลางแจ้ง การเดินทางบนเส้นทางที่มีความลาดชัน และการมองหารถยนต์ที่สามารถพาครอบครัวไปสัมผัสความงามของธรรมชาติได้อย่างมั่นใจ เอเวอเรสต์ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวล และห้องโดยสารที่กว้างขวาง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนลาดยาง หรือการผจญภัยในเส้นทางออฟโรดเบาๆ จึงไม่แปลกใจที่ รถ SUV ออฟโรด คันนี้จะกลายเป็นขวัญใจของคนภูเก็ต และเป็น รถยนต์ครอบครัว ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้ชีวิตบนเกาะสวรรค์แห่งนี้
จันทบุรี – ดินแดนแห่งฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์: อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความเข้าใจลูกค้าของฟอร์ดคือ จันทบุรี ที่ครองตำแหน่ง “เมืองแห่งฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” เป็นแหล่งรวมสาวก รถกระบะสุดทรงพลัง อันดับสองรองจากกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสวนผลไม้ที่มองหารถกระบะสมรรถนะสูงสุดเท่เป็น “รถในฝัน” ที่พร้อมลุยไปด้วยกันในทุกเส้นทางชีวิต ด้วยความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือชั้น ระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาสำหรับการลุยหนักโดยเฉพาะ และเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรยุคใหม่ที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถเข้าถึงพื้นที่สวนที่ทุรกันดารได้ พร้อมทั้งยังคงความสะดวกสบายและภาพลักษณ์ที่โดดเด่นสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แร็พเตอร์จึงไม่ใช่แค่ รถกระบะสายลุย แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการเกษตรไทยที่พร้อมจะก้าวข้ามทุกอุปสรรคบนเส้นทางชีวิต
เหนือกว่าแค่การขาย: มุ่งมั่นบริการหลังการขาย เพื่อความอุ่นใจสูงสุด
ฟอร์ดไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในขั้นตอนการซื้อเท่านั้น แต่ยังทุ่มเทอย่างหนักกับการสร้างความอุ่นใจตลอดการเป็นเจ้าของ นั่นคือ “บริการหลังการขาย” ที่ยอดเยี่ยม การเปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 40,000 ตารางเมตร เทียบเท่าสนามฟุตบอลมาตรฐาน 5.6 สนาม พร้อมคลังอะไหล่สำรองกว่า 4.3 ล้านชิ้น เป็นการลงทุนที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการยกระดับมาตรฐานการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่โกดังเก็บอะไหล่ แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ฟอร์ดสามารถส่งมอบ อะไหล่แท้ฟอร์ด ให้กับศูนย์บริการทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด การมีอะไหล่สำรองจำนวนมากและระบบการจัดการคลังสินค้าที่ทันสมัย ช่วยลดระยะเวลารอคอยอะไหล่ ทำให้รถฟอร์ดทุกคันได้รับการซ่อมบำรุงและกลับมาพร้อมใช้งานได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของรถที่ต้องใช้รถในการทำงานหรือในชีวิตประจำวัน การลงทุนครั้งนี้เป็นการตอกย้ำคำมั่นสัญญาของฟอร์ดในการมอบ “ความอุ่นใจ” ให้กับลูกค้าตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์
นอกจากศูนย์กระจายอะไหล่แล้ว ฟอร์ดยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายศูนย์บริการฟอร์ด ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้งยกระดับทักษะของช่างเทคนิคผ่านการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่า ช่างฟอร์ด มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดูแลรถยนต์ฟอร์ดรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงระบบดิจิทัลสำหรับการนัดหมายบริการ และแพลตฟอร์มการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและบริการที่รวดเร็ว การมุ่งเน้นที่ บริการหลังการขายรถยนต์ แบบครบวงจรนี้เอง ที่ทำให้ฟอร์ดแตกต่างและยังคงอยู่ในใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน เพราะสำหรับฟอร์ดแล้ว ความสัมพันธ์กับลูกค้าไม่ได้จบลงที่การส่งมอบรถ แต่เป็นการเริ่มต้นของการเดินทางร่วมกัน
ฟอร์ด 2025 และอนาคตที่สดใส: “ดุดันทุกสถานการณ์” สู่ทศวรรษที่สาม
จากการเดินทางตลอด 29 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ด ประเทศไทย ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศ ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และบริการหลังการขายที่มอบความอุ่นใจตลอดการใช้งาน ทำให้ฟอร์ดมีความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
สำหรับปี 2025 และปีต่อๆ ไป ฟอร์ดจะยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกและเทรนด์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา รถยนต์อัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับระบบเชื่อมต่อรถยนต์ (Car Connectivity) ที่ล้ำสมัย การยกระดับระบบความปลอดภัยรถยนต์ ด้วยเทคโนโลยี ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ให้ฉลาดและครอบคลุมยิ่งขึ้น และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทางเลือกในอนาคต เช่น การนำเสนอรถกระบะและ SUV ในรูปแบบ Plug-in Hybrid (PHEV) หรือ Electric Vehicle (EV) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและมองหาทางเลือกที่ประหยัดพลังงาน ฟอร์ดจะยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ในกลุ่มสมรรถนะสูงและออฟโรด ด้วยสมรรถนะการขับขี่ ที่เหนือชั้นและประสบการณ์ที่เร้าใจ
ฟอร์ดไม่ได้ขายแค่รถยนต์ แต่ขายความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ความมั่นใจในการเดินทาง และความพร้อมที่จะ “ดุดันทุกสถานการณ์” ไปกับคนไทยในทุกเส้นทางชีวิต ด้วยประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ความมุ่งมั่นในคุณภาพ และวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล ฟอร์ดจะยังคงเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองและเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภคชาวไทยไปอีกนานเท่านาน
หากคุณพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฟอร์ด สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า และร่วมสร้างตำนานบทใหม่ไปกับเรา ขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมโชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ เพื่อทดลองขับและค้นพบรถยนต์ฟอร์ดที่ใช่สำหรับคุณ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำและมอบข้อเสนอสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด ฟอร์ดรอคุณอยู่!
