• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1512045 มกำพ EP1 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอ part 2

admin79 by admin79
December 15, 2025
in Uncategorized
0
N1512045 มกำพ EP1 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025: เจาะลึกยอดจองทะลุ 3.6 หมื่นคัน พร้อมถอดรหัสเทรนด์ EV และสงครามราคาที่เข้มข้น

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดรถยนต์ ซึ่งไม่มีช่วงเวลาใดจะสะท้อนพลวัตนี้ได้ชัดเจนเท่ากับงานมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่เพิ่งผ่านพ้นครึ่งทางไปอย่างยิ่งใหญ่ จากข้อมูลล่าสุดเพียง 8 วันแรก ยอดจองรถยนต์ในงานพุ่งทะยานสูงถึงกว่า 36,174 คัน สร้างสถิติใหม่ที่น่าจับตา และยืนยันถึงการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่ยุคของพลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง

งาน Motor Expo 2025 หรือ “Thailand International Motor Expo 2025” ครั้งที่ 42 นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีจัดแสดงยนตรกรรมรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของทิศทางตลาด แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค และกลยุทธ์อันดุเดือดของค่ายรถยนต์ ท่ามกลางบรรยากาศการแข่งขันที่ร้อนระอุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และไฮบริด (xEV) ที่เข้ามามีบทบาทโดดเด่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของยอดจองนี้ไม่ได้มาจากการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของมาตรการรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลมาจากความพร้อมของเทคโนโลยี ราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น และแคมเปญส่งเสริมการขายที่แต่ละค่ายงัดออกมาสู้กันอย่างเต็มที่

ยอดจองพุ่งทะลุเป้า: สัญญาณบวกของตลาดรถยนต์ไทยปี 2025

ตัวเลขยอดจอง 36,174 คันภายในระยะเวลาเพียง 8 วันแรก ถือเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เติบโตถึง 30-45% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความพร้อมของตลาดในการรับเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นยอดจองให้พุ่งสูงขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ข้อเสนอสุดพิเศษจากค่ายรถ และการเร่งตัดสินใจซื้อก่อนสิ้นสุดมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าบางส่วนของภาครัฐ

จากประสบการณ์ของผม สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนในปีนี้คือ การที่ผู้บริโภคมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่เรื่องการประหยัดพลังงาน แต่ยังรวมถึงสมรรถนะการขับขี่ นวัตกรรมภายในห้องโดยสาร และความสะดวกสบายในการใช้งานที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่กำลังจะกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของการเดินทาง

EV ครองตลาด: อนาคตของการขับขี่ที่กำลังมาถึง

ข้อมูลจากผู้จัดงานแสดงให้เห็นว่ากว่า 52% ของยอดจองทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ซึ่งยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสนใจรถยนต์พลังงานทางเลือกอย่างจริงจัง การที่รถยนต์ EV สามารถดึงดูดความสนใจได้มากถึงเพียงนี้ มาจากหลายปัจจัย:

ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว: แม้ราคาเริ่มต้นอาจจะสูงกว่ารถยนต์สันดาปบางรุ่น แต่ค่าเชื้อเพลิง (ไฟฟ้า) และค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าในระยะยาวเป็นแรงจูงใจสำคัญ

เทคโนโลยีและนวัตกรรม: รถยนต์ EV มักมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งระบบขับขี่อัจฉริยะ ความบันเทิงภายในรถ และการเชื่อมต่อที่ครบครัน

สิ่งแวดล้อม: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การเลือกใช้รถยนต์ไร้มลพิษจึงเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม

มาตรการสนับสนุนของภาครัฐ: แม้บางมาตรการกำลังจะสิ้นสุดลง แต่การสนับสนุนในช่วงที่ผ่านมาได้สร้างแรงกระเพื่อมและทำให้รถยนต์ EV เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในเบื้องต้น

สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 นี้ คาดการณ์ว่ายอดขายจะสูงกว่า 100,000 คัน และจะเพิ่มเป็น 120,000 คันในปี 2026 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนว่า ตลาด EV กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง และนี่คือโอกาสทองสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ใหม่ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสีเขียวในอนาคต

เจาะลึก 10 อันดับค่ายรถยนต์และรุ่นยอดนิยมที่สร้างปรากฏการณ์ Motor Expo 2025

การแข่งขันใน Motor Expo 2025 เป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากค่ายรถยนต์จีนที่เข้ามาสร้างสีสันและทางเลือกใหม่ๆ ให้กับตลาดไทยได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือ 10 อันดับแรกของค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุด และรุ่นรถยนต์ที่โดดเด่นในงาน:

โตโยต้า (Toyota): 6,013 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Toyota Yaris Cross

วิเคราะห์: แม้จะเป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่แข็งแกร่ง โตโยต้ายังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ด้วยกลยุทธ์การปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยนำเสนอ Yaris Cross ที่เป็น B-SUV Hybrid ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ ประหยัดน้ำมัน และไว้ใจได้ในเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นจุดแข็งของโตโยต้าเสมอมา การผนวกเทคโนโลยีไฮบริดเข้ากับรถยนต์ที่คุ้นเคยทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเป็นสะพานเชื่อมที่ยอดเยี่ยมระหว่างรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

บีวายดี (BYD): 3,154 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: BYD ATTO 3

วิเคราะห์: BYD ยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ร้อนแรงที่สุดในตลาดไทย ด้วยกลยุทธ์ราคาที่เข้าถึงง่าย เทคโนโลยี Blade Battery ที่ได้รับการยอมรับ และการออกแบบที่ทันสมัย ATTO 3 เป็นรถยนต์ EV ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากการให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมและฟังก์ชันครบครันในราคาที่คุ้มค่า นอกจากนี้ BYD SEAL ที่ลดราคากว่า 5 แสนบาท ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้ BYD ยังคงครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น กลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งและการขยายเครือข่ายศูนย์บริการอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ BYD ยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในตลาด EV ไทย

ฮอนด้า (Honda): 3,039 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Honda HR-V e:HEV

วิเคราะห์: ฮอนด้ายังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์ขวัญใจคนไทย ด้วย HR-V e:HEV ที่ผสมผสานความสปอร์ต ประโยชน์ใช้สอย และระบบไฮบริดที่พิสูจน์แล้วว่าประหยัดน้ำมันและเชื่อถือได้ การออกแบบที่ดึงดูดใจ เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ HR-V e:HEV เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่สมดุลทั้งในด้านสมรรถนะและความประหยัด

โอโมด้า แอนด์ เจคู (OMODA & JAECOO): 2,678 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Jaecoo 5 EV

วิเคราะห์: แบรนด์หน้าใหม่จากจีนที่เข้ามาสร้างความฮือฮาได้อย่างรวดเร็ว ด้วย Jaecoo 5 EV ที่มีดีไซน์โดดเด่น เทคโนโลยีทันสมัย และราคาที่แข่งขันได้ การทำตลาดเชิงรุกและการเปิดตัวพร้อมแคมเปญสุดเร้าใจ ทำให้ Jaecoo 5 EV กลายเป็นหนึ่งในดาวเด่นของงาน และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าแบรนด์จีนกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด EV ของไทย

เอ็มจี (MG): 2,360 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: MG S5 EV

วิเคราะห์: MG เป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมานาน และยังคงรักษาฐานลูกค้าไว้ได้อย่างแข็งแกร่งด้วย MG S5 EV ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่คุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย MG มีความได้เปรียบในเรื่องเครือข่ายการบริการและการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี การนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในหลากหลายเซ็กเมนต์เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ MG ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

GAC (ไอออน): 2,187 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Aion UT

วิเคราะห์: GAC Aion เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ EV จีนที่น่าจับตา Aion UT นำเสนอเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ล้ำหน้าและดีไซน์ที่เน้นความล้ำสมัย การทำตลาดเชิงรุกพร้อมโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ เช่น การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และของแถมพิเศษอย่าง iPhone 17 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยอย่างจริงจัง และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์น้องใหม่

จีลี่ (Geely): 2,134 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Geely EX2

วิเคราะห์: Geely มาพร้อมกับปรัชญาที่แตกต่าง คือการไม่เข้าร่วมมาตรการภาครัฐ แต่เน้นการตั้งราคาที่แข่งขันได้ด้วยตัวเอง Geely EX2 ที่เปิดตัวในราคาเริ่มต้น 399,990 บาท แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน และหาก EX2 ได้รับการตอบรับที่ดี ก็มีแนวโน้มที่จะรักษาระดับราคานี้ต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด EV ราคาประหยัด

ดีพอล (Deepal): 2,117 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Deepal S05

วิเคราะห์: Deepal เป็นแบรนด์พรีเมียม EV จากจีนที่เข้ามาสร้างสีสันด้วย S05 ที่โดดเด่นในด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี การนำเสนอเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจ เช่น ดาวน์ 0% และผ่อนเริ่มต้นต่ำ รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน ทำให้ Deepal กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ EV ระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้

เกรทวอลล์มอเตอร์ (GWM): 2,015 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: GWM Tank 300 Diesel

วิเคราะห์: GWM ยังคงเป็นแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างในตลาด ด้วย Tank 300 Diesel ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV ออฟโรดที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และสมรรถนะที่แข็งแกร่ง GWM ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีความสามารถในการลุย และยังคงนำเสนอ ORA Good Cat ซึ่งเป็นรถ EV ยอดนิยมพร้อมโปรโมชั่นที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการทำตลาดทั้งรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า

มิตซูบิชิ (Mitsubishi): 1,588 คัน

รถยนต์ยอดนิยม: Mitsubishi Xforce HEV

วิเคราะห์: มิตซูบิชิกลับมาพร้อมกับ Xforce HEV ที่เน้นความอเนกประสงค์ สมรรถนะ และความประหยัดน้ำมัน การออกแบบที่ทันสมัยและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ทำให้ Xforce HEV เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาด SUV ขนาดเล็ก และยังคงเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจในด้านความทนทาน

มหกรรมลดแลกแจกแถม: สงครามราคาและผลกระทบจากมาตรการ EV

หนึ่งในประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดใน Motor Expo 2025 คือ “สงครามราคา” ที่ดุเดือด โดยมีปัจจัยหลักมาจากวันสิ้นสุดมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งหมายถึงรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการจะได้รับการสนับสนุนส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท ส่วนมาตรการ EV 3.5 ที่จะเริ่มใช้ในปี 2569 จะปรับลดการสนับสนุนส่วนลดรถยนต์ EV นำเข้าจาก 150,000 บาท เหลือ 50,000 บาท และปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10%

สถานการณ์นี้ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ต้องเร่งระบายสต็อกและกระตุ้นยอดขายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อลดภาระต้นทุนและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการจับจองรถยนต์ในราคาสุดท้ายก่อนที่สิทธิประโยชน์จะหมดลง

ตัวอย่างแคมเปญสุดเร้าใจ:

BYD: จัดเต็มด้วยการมอบการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน (มูลค่า 50,000 บาท) สำหรับ BYD Dolphin และ BYD ATTO 3 นอกจากนี้ รถยนต์นำเข้าอย่าง BYD SEAL ยังได้รับการลดราคาอย่างมหาศาล โดยรุ่น Dynamic ลดกว่า 525,000 บาท เหลือเพียง 799,000 บาท จากราคาปกติ 1,325,000 บาท และ BYD SEALION 7 (นำเข้า) ลด 175,000 บาท

MG: ยืนยันว่าจะไม่ปรับลดราคา EV ลงอีก เนื่องจากราคาปัจจุบันถือเป็น “ราคาสุดท้าย” แล้ว โดยเฉพาะ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ที่ลดถึง 279,000 บาท เหลือ 849,000 บาท (จำนวนจำกัด 90 คัน) รวมถึง MG ZS EV และ MG EP PLUS ที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษอื่นๆ

GAC AION: จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” สำหรับ Aion V และ Aion UT ด้วยราคาสุดคุ้ม การรับประกันแบตเตอรี่/มอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน และของแถมสุดพิเศษ

CHANGAN (Deepal): เสนอเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจ เช่น ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน

JAECOO: มอบราคาพิเศษสำหรับ Jaecoo 5 EV และ Jaecoo 6 EV โดยลดราคาสูงสุดถึง 250,000 บาท ก่อนสิ้นปี 2568 เพื่อส่งท้ายมาตรการ EV 3.0

GEELY: แม้จะไม่เข้าร่วมมาตรการรัฐ แต่ Geely EX2 ก็เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นที่ 399,990 บาท สำหรับ 2,000 คันแรก ซึ่งเป็นการประกาศจุดยืนที่จะแข่งขันด้วยราคาที่แท้จริง

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ สงครามราคาในปี 2025 นี้ค่อนข้างรุนแรง และคาดการณ์ว่าในปี 2026 สถานการณ์ดังกล่าวอาจจะยังคงมีอยู่ แต่ความรุนแรงจะลดลงตามเงื่อนไขของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนและราคาของรถยนต์ในระยะยาว ค่ายรถยนต์จึงต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

กลยุทธ์ค่ายรถยนต์และทิศทางตลาดปี 2569: ก้าวต่อไปของยานยนต์ไทย

การแข่งขันที่เข้มข้นใน Motor Expo 2025 สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่หลากหลายของแต่ละค่ายรถยนต์ ในขณะที่บางค่ายมุ่งเน้นการลดราคาเพื่อเร่งยอดขายก่อนหมดมาตรการ บางค่ายกลับเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มและข้อเสนอที่ยั่งยืนในระยะยาว

MG ยืนยันที่จะไม่ปรับลดราคา EV ลงอีก แสดงถึงความเชื่อมั่นในราคาปัจจุบันและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมตั้งเป้าหมายตลาด EV ที่ 100,000 คันในปี 2568 และ 120,000 คันในปี 2569 ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของการเติบโตของตลาดนี้

GWM โดย นายเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย คาดว่าสงครามราคาจะยังคงอยู่แต่ความรุนแรงจะลดลงในปี 2569 และมีแผนจะปรับขึ้นราคา ORA Good Cat พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น โปรแกรมช่วยผ่อนและประกันภัย แสดงถึงการปรับกลยุทธ์จากการเน้นราคาไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาว

Geely โดยนายณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ได้ยืนยันจุดยืนที่ไม่เข้าร่วมมาตรการรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อนำเสนอรถยนต์ที่ “จับต้องได้ง่าย” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและอาจสร้างโมเดลใหม่ในการทำตลาด EV ที่ไม่ต้องพึ่งพาการอุดหนุนจากภาครัฐ

นอกเหนือจากเรื่องราคาและโปรโมชั่นแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้น การขยายสถานีชาร์จให้ครอบคลุม การยกระดับบริการหลังการขาย และการสร้างความมั่นใจในมูลค่ารถยนต์ไฟฟ้ามือสอง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดในระยะยาว

จากมุมมองของผม ตลาดรถยนต์ไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นกว่าเดิม และมีความต้องการที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องของราคา เทคโนโลยี ดีไซน์ และความยั่งยืน การปรับตัวของค่ายรถยนต์ให้ตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต

สรุปและบทส่งท้าย

Motor Expo 2025 ไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงรถยนต์ประจำปี แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยอดจองที่พุ่งสูง การครอบงำของรถยนต์ไฟฟ้า และสงครามราคาที่ดุเดือด ล้วนเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ตลาดนี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่น่าตื่นเต้น

ในฐานะผู้บริโภค นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย เทคโนโลยีที่ทันสมัย และโปรโมชั่นที่ยากจะปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากความต้องการใช้งาน งบประมาณ และบริการหลังการขายในระยะยาว ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คู่ใจคันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรม รถยนต์ไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน หรือรถยนต์สันดาปที่ตอบโจทย์การใช้งาน การศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบตัวเลือก และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ เพื่อการเดินทางที่คุ้มค่าและยั่งยืนในทุกเส้นทาง

อย่ารอช้า! นี่คือโอกาสของคุณที่จะสัมผัสอนาคตของการขับขี่ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง และคว้าข้อเสนอที่ดีที่สุดก่อนที่โอกาสจะหมดลง เยี่ยมชมโชว์รูมและทดลองขับรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจวันนี้ เพื่อค้นพบยานยนต์ที่ตอบโจทย์ชีวิตของคุณอย่างแท้จริง!

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2568: ถอดรหัสยอดจอง 3.6 หมื่นคัน – เกมรุกตลาด EV และอนาคตยานยนต์ไทย

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ไม่ใช่แค่เวทีจัดแสดงรถยนต์ แต่คือกระจกสะท้อนภูมิทัศน์และทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในห้วงเวลาที่กำลังเปลี่ยนผ่านอย่างน่าจับตา ยอดจองรถยนต์ที่พุ่งทะลุ 36,174 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 8 วันแรก ถือเป็นสัญญาณอันชัดเจนถึงความคึกคักและพลังขับเคลื่อนตลาดที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผงาดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ครองส่วนแบ่งตลาดอย่างเด่นชัด

จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับการวิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ผมมองว่าตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงสถิติ หากแต่เป็นผลลัพธ์จากปัจจัยหลายประการที่ทำงานร่วมกัน ทั้งมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ ความพร้อมของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวกระโดด และกลยุทธ์การตลาดอันดุเดือดของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ต้องการเร่งปิดยอดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 และนี่คือบทวิเคราะห์เชิงลึกที่ผมได้รวบรวมจากข้อมูลและประสบการณ์ตรงในงาน Motor Expo 2025

เจาะลึกสถานการณ์ตลาด: EV ขึ้นแท่นผู้นำ พร้อมกระตุ้นยอดขายครึ่งทาง

ยอดจองสะสมกว่า 36,174 คัน จากการประเมินครึ่งทางของ Motor Expo 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2568 นั้น เติบโตขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 30-45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่กลับคืนมาและปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือการที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สามารถกวาดยอดจองไปได้มากกว่า 52% ของทั้งหมด ตามมาด้วยรถยนต์ไฮบริด (xEV), รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ตามลำดับ

ตัวเลขนี้สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ตลาดรถยนต์ไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานทางเลือกอย่างเต็มตัว ผู้บริโภคไม่ได้มอง EV เป็นเพียง “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่ได้ยกระดับให้เป็น “ตัวเลือกอันดับแรก” ด้วยความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี ประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง และมาตรการสนับสนุนที่ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การที่ EV สามารถสร้างปรากฏการณ์ยอดจองถล่มทลายเช่นนี้ ย่อมเป็นผลมาจากแผนกระตุ้นตลาดของภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลง และการแข่งขันที่เข้มข้นของผู้ผลิตรถยนต์ที่นำเสนอนวัตกรรมและโปรโมชั่นสุดร้อนแรง

10 อันดับค่ายรถยนต์ที่น่าจับตา: ศึกชิงเบอร์หนึ่งในตลาดที่กำลังร้อนระอุ

จากยอดจองในช่วง 8 วันแรก การแข่งขันในตลาดเป็นไปอย่างดุเดือด โดยมีค่ายรถยนต์ชั้นนำและโมเดลเด่นที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนี้:

โตโยต้า (Toyota): 6,013 คัน – แม้ตลาด EV จะมาแรง แต่โตโยต้ายังคงรักษาสถานะผู้นำด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์และไลน์อัพที่หลากหลาย โดยมี Toyota Yaris Cross เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ความประหยัด และความน่าเชื่อถือที่ผู้บริโภคไว้วางใจมาอย่างยาวนาน
บีวายดี (BYD): 3,154 คัน – ค่ายยักษ์ใหญ่จากจีนที่มาเขย่าตลาด EV ไทยอย่างแท้จริง BYD Atto 3 ยังคงเป็นขวัญใจมหาชน ด้วยราคาที่คุ้มค่า เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และการออกแบบที่โดดเด่น การที่ BYD ไม่ได้แจ้งยอดจองโดยตรง แต่คำนวณจากผู้ลงทะเบียนซื้อรถชิงรถ สะท้อนถึงความสนใจที่สูงมากและศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ฮอนด้า (Honda): 3,039 คัน – อีกหนึ่งแบรนด์ญี่ปุ่นที่ยังคงรักษาฐานลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน โดยมี Honda HR-V e:HEV เป็นดาวเด่น แสดงให้เห็นถึงความนิยมในเทคโนโลยีไฮบริดที่มอบสมรรถนะและความประหยัดในแบบที่ผู้บริโภคต้องการ
โอโมด้า แอนด์ เจคู (OMODA & JAECOO): 2,678 คัน – แบรนด์น้องใหม่ที่สร้างปรากฏการณ์ได้อย่างรวดเร็ว Jaecoo 5 EV เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่เข้ามาเติมเต็มตลาด EV ด้วยดีไซน์ที่ดึงดูดและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
เอ็มจี (MG): 2,360 คัน – ค่ายรถจากจีนที่บุกเบิกตลาด EV ในไทยมานาน MG S5 EV แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และการปรับกลยุทธ์ราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
จีเอซี (ไอออน) (GAC AION): 2,187 คัน – อีกหนึ่งผู้เล่นจากจีนที่กำลังมาแรงในตลาด EV ด้วย Aion UT ที่นำเสนอเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนที่โดดเด่น
จีลี่ (Geely): 2,134 คัน – ด้วยการเปิดตัว Geely EX2 ในงานนี้ Geely แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำตลาด EV ที่เน้นความคุ้มค่าและเข้าถึงง่าย
ดีพอล (Deepal): 2,117 คัน – แบรนด์ในเครือ Changan ที่สร้างกระแสได้ดีกับ Deepal S05 ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์และเทคโนโลยี
เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM): 2,015 คัน – แม้จะเจอศึกหนักในตลาด EV แต่ GWM ยังคงมี GWM Tank 300 Diesel ที่เป็นที่ต้องการของตลาดรถยนต์ออฟโรด แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์
มิตซูบิชิ (Mitsubishi): 1,588 คัน – ด้วย Mitsubishi Xforce HEV ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตและสมรรถนะการขับขี่ที่น่าสนใจ มิตซูบิชิยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในตลาด SUV

ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตลาดรถยนต์ไทยในปี 2568 ไม่ใช่แค่การแข่งขันกันระหว่างแบรนด์เก่ากับใหม่ แต่คือการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดภายใต้บริบทที่ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น และให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” ในหลายมิติ

ปัจจัยเร่งปฏิกิริยา: มาตรการรัฐ EV 3.0 สิ้นสุด และสงครามราคา

ปรากฏการณ์ยอดจองพุ่งกระฉูดในงาน Motor Expo 2025 นี้ ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับมาตรการส่งเสริม EV ของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการ EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งมอบส่วนลดสูงสุดถึง 150,000 บาทต่อคัน การที่เส้นตายกำลังจะมาถึง ได้กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาลที่ทำให้ผู้ที่กำลังลังเลตัดสินใจ “เปลี่ยนรถ” ได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น

รองประธานจัดงาน Motor Expo 2025 คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “เดิมเราคาดการณ์ยอดไว้เท่ากับปีก่อน แต่จากกระแสการปรับภาษีและมาตรการ EV ที่จะสิ้นสุดลง ทำให้คนที่จะเปลี่ยนรถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น” ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ผมได้เห็นมาตลอดการทำงานในอุตสาหกรรม การสิ้นสุดมาตรการ EV 3.0 ไม่เพียงแต่กระตุ้นยอดขาย แต่ยังก่อให้เกิด “สงครามราคา” ที่ดุเดือดระหว่างค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ผู้ผลิตต่างต้องเร่งระบายสต็อก เพื่อลดภาระต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการปรับภาษีสรรพสามิตจาก 2% เป็น 10% ในมาตรการ EV 3.5 ที่จะเริ่มใช้ในปีถัดไป

กลยุทธ์เด็ดของค่ายรถ: ส่วนลดถล่มทลายและเงื่อนไขสุดเร้าใจ

สถานการณ์นี้ทำให้แต่ละค่ายงัดไม้เด็ดออกมาอย่างไม่มียั้ง เพื่อช่วงชิงลูกค้าก่อนสิ้นปี 2568:

BYD: ค่ายนี้สร้างปรากฏการณ์ส่วนลดสูงสุด โดยเฉพาะ BYD SEAL รุ่น Dynamic ที่ลดถึง 525,000 บาท เหลือเพียง 799,000 บาท จากราคาปกติ 1,325,000 บาท และรุ่น Premium ลดถึง 549,100 บาท นอกจากนี้ยังมอบการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานเป็นครั้งแรกมูลค่า 50,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ BYD Dolphin และ BYD Atto 3 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 รวมถึงขยายการรับประกันย้อนหลังสำหรับผู้ที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2568 นับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการตัดสินใจได้อย่างทรงพลัง

MG: คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดราคารถยนต์ EV ของ MG ลงอีก เนื่องจากราคาปัจจุบันถือเป็น “ราคาสุดท้าย” ที่คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ที่ลดราคาถึง 279,000 บาท เหลือ 849,000 บาท และรุ่นอื่นๆ เช่น MG ZS EV, MG EP PLUS ที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษและของแถมมากมาย MG เน้นย้ำถึงความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับ ณ เวลานี้

GWM: คุณเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ชี้ว่าสงครามราคาในปี 2568 รุนแรงมาก และคาดว่าจะยังคงมีอยู่บ้างในปี 2569 แต่จะลดความรุนแรงลง GWM เตรียมปรับขึ้นราคา ORA Good Cat ในปี 2569 แต่ชดเชยด้วยสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ เช่น โปรแกรมช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 บาท ประกันภัยชั้นหนึ่งนาน 2 ปี และแพ็กเกจบำรุงรักษา สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่เน้นคุณค่าระยะยาว

GAC AION: จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” ส่งท้ายมาตรการ EV สำหรับ AION V และ AION UT ด้วยราคาพิเศษ ส่วนลดชุดแต่ง และแถมฟรี iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท นับเป็นแรงจูงใจที่ดึงดูดใจผู้บริโภคในยุคดิจิทัลอย่างยิ่ง

CHANGAN (Deepal): นำเสนอเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เช่น ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท พร้อมมอบการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานสำหรับผู้จอง Deepal S05

OMODA & JAECOO: คุณเซดริก ชุย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เผยว่ายอดส่งมอบรถยนต์ในปีนี้พุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สำหรับ JAECOO 5 EV มีราคาพิเศษเหลือเพียง 549,000 บาท และรุ่นอื่นๆ ก็มีส่วนลดสูงสุดถึง 250,000 บาท สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างแบรนด์และยอดขายอย่างรวดเร็ว

Geely: คุณณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ผู้จัดจำหน่าย Geely ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมมาตรการรัฐ แต่จะเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อตั้งราคา Geely EX2 ให้เข้าถึงง่ายตั้งแต่แรกเริ่มที่ 399,990 บาท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างและน่าติดตาม

Leapmotor: บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) นำเสนอ Leapmotor C10 Limited Edition Kinetix Model เพียง 100 คัน พร้อมแคมเปญบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

อนาคตตลาดรถยนต์ไทย: แข่งขันสูง เติบโตต่อเนื่อง

จากภาพรวมของงาน Motor Expo 2025 และข้อมูลจากผู้บริหารในอุตสาหกรรม ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 ที่ 10,330 คัน โดยมี JAECOO, BYD, MG, AION และ Deepal เป็น 5 อันดับแรก สะท้อนการเติบโตของตลาด EV ที่ชัดเจน

คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ จาก MG คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์รวมของประเทศไทยในปี 2568 จะปิดยอดขายที่ 600,000 คัน เติบโต 3-4% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดี ส่วนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคาดการณ์ว่าจะสูงกว่า 100,000 คันในปี 2568 และจะเพิ่มเป็น 120,000 คันในปี 2569 ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันว่าตลาด EV ในไทยมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมหาศาล

ในมุมมองของผม ตลาดในปี 2569 จะยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง แม้ว่าสงครามราคาอาจจะลดความเข้มข้นลงบ้างหลังมาตรการรัฐสิ้นสุดลง แต่ผู้ผลิตจะต้องปรับกลยุทธ์ไปสู่การนำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง ทั้งในด้านเทคโนโลยี ประสบการณ์การใช้งาน บริการหลังการขาย และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ EV เช่น สถานีชาร์จ จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน

บทสรุปและคำเชิญ

Motor Expo 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ด้วยยอดจองที่ทำลายสถิติและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถูกนำเสนออย่างไม่หยุดยั้ง การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างค่ายรถยนต์ทั้งจากเอเชียและยุโรปได้นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค ทั้งในด้านราคา โปรโมชั่น และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาทองสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยมาตรการส่งเสริมที่กำลังจะสิ้นสุดลง และแคมเปญสุดพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ในฝันด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุด

หากท่านยังไม่ตัดสินใจ ผมขอเชิญชวนให้ท่านได้สัมผัสและทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและข้อเสนอสุดเร้าใจที่งาน Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี โอกาสทองเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอนาคตยานยนต์ไทย!

Previous Post

N1512044 งมงาย EP1 #หน งส นสะท อนส งคม #หน งส #หน งส นค ณธรรม #หน งส นสอ part 2

Next Post

N1512049 วคอนเทนต EP1 #หน งส นสะท อนส งคม #หน งส นค ณธรรม #หน งส นสอนใจ part 2

Next Post
N1512049 วคอนเทนต EP1 #หน งส นสะท อนส งคม #หน งส นค ณธรรม #หน งส นสอนใจ part 2

N1512049 วคอนเทนต EP1 #หน งส นสะท อนส งคม #หน งส นค ณธรรม #หน งส นสอนใจ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612007 จม กโตและเพ อน บแผนเถ อนๆของเขา part 2
  • N1612020 แม าแตงโม รวมห วก บแม าสาล part 2
  • N1612009 นแรกเป นพน กงานด เด นต อมาเป นล กค าหน าหม part 2
  • N1612003 งานการไม อยทำ ขย นสร างแต เร องว นๆ part 2
  • N1612005 กามเทพจม กโต แผลงศรแห งความร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.