• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1512347 แม คนน ประเสร ฐท #มายป ณย ปานวาด #ละครส นสะท อนส งคม part 2

admin79 by admin79
December 15, 2025
in Uncategorized
0
N1512347 แม คนน ประเสร ฐท #มายป ณย ปานวาด #ละครส นสะท อนส งคม part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025: เจาะลึกยอดจองทะลุเป้า 3.6 หมื่นคัน แฉ 10 อันดับรถยนต์ขายดีพร้อมถอดรหัสอนาคตยานยนต์ไทย

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 เป็นมากกว่าแค่เวทีจัดแสดงรถยนต์ แต่เป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญยิ่งของทิศทางตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด และตัวเลขยอดจองสะสมในช่วง 8 วันแรกที่พุ่งทะยานแตะ 36,174 คัน ไม่เพียงแต่สร้างความประหลาดใจ แต่ยังฉายภาพอนาคตที่ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางใด

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดจองในปีนี้ ซึ่งสูงขึ้นถึง 30-45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงพลวัตของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นหัวหอกสำคัญ กวาดส่วนแบ่งความสนใจจากลูกค้าไปได้มากถึง 52% ตามมาด้วยรถยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม ขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ยังคงมีบทบาท แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้นจากคลื่นลูกใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้า

ถอดรหัส 10 อันดับค่ายรถยนต์และรุ่นยอดนิยมที่สร้างปรากฏการณ์ใน Motor Expo 2025

การวิเคราะห์จากข้อมูลการจอง “ซื้อรถชิงรถ” เผยให้เห็นถึงแบรนด์และรุ่นรถที่โดดเด่น ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จและการตอบรับจากผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน:

โตโยต้า (Toyota): ผู้นำตลอดกาล ยังคงรักษาบัลลังก์ด้วยยอดจอง 6,013 คัน โดยมี Toyota Yaris Cross เป็นดาวเด่น การที่ Yaris Cross ก้าวขึ้นมาเป็นรุ่นที่มาแรงที่สุดของโตโยต้า ชี้ให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ Sub-Compact SUV ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด ที่ให้ความประหยัดและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ชีวิตในเมืองยุคใหม่ โตโยต้ายังคงความแข็งแกร่งด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน บริการหลังการขายที่ครอบคลุม และภาพลักษณ์แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการลงทุนระยะยาว

บีวายดี (BYD): แชมป์จากจีนที่มาแรงแซงโค้งด้วยยอดจอง 3,154 คัน แม้จะไม่ได้เปิดเผยยอดจองโดยตรง แต่การคำนวณจากผู้ลงทะเบียน “ซื้อรถชิงรถ” สะท้อนถึงความนิยมที่ไม่ธรรมดา โดยมี BYD ATTO 3 เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ BYD ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี Blade Battery ที่เป็นเอกลักษณ์ ความคุ้มค่าด้านราคา ประสิทธิภาพการขับขี่ และดีไซน์ที่ทันสมัย การเปิดตัว BYD SEAL และรุ่นอื่น ๆ พร้อมแคมเปญลดราคาสุดเร้าใจ ตอกย้ำถึงความพร้อมในการเป็นผู้นำตลาด EV

ฮอนด้า (Honda): ยอดจอง 3,039 คัน ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาด ด้วย Honda HR-V e:HEV ที่ยังคงเป็นรถยนต์ที่มาแรง การผสานเทคโนโลยี e:HEV อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าเข้ากับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและฟังก์ชันที่หลากหลาย ทำให้ HR-V e:HEV ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ไฮบริดที่ให้ทั้งความประหยัดและความสนุกในการขับขี่ ฮอนด้ายังคงรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ญี่ปุ่นไว้ได้เป็นอย่างดี

โอโมด้า แอนด์ เจคู (OMODA & JAECOO): มาแรงอย่างไม่น่าเชื่อกับยอดจอง 2,678 คัน และ JAECOO 5 EV เป็นกำลังสำคัญ แบรนด์น้องใหม่จากจีนนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเจาะตลาด EV ไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่ครบครันทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และความคุ้มค่า การที่ JAECOO 5 EV ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคเปิดกว้างสำหรับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่กล้านำเสนอสิ่งที่แตกต่างและมีราคาที่จับต้องได้

เอ็มจี (MG): ทำยอดจองไป 2,360 คัน โดยมี MG S5 EV เป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจ เอ็มจีเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาด EV ในไทยและยังคงรักษาโมเมนตัมไว้ได้ ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค การปรับกลยุทธ์ราคาและข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาตำแหน่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

GAC (AION): ยอดจอง 2,187 คัน และ Aion UT เป็นรุ่นที่มาแรง แบรนด์ AION จาก GAC Group ได้เข้ามาสร้างสีสันในตลาด EV ไทย ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและราคาที่แข่งขันได้ Aion UT ที่โดดเด่นในด้านความกว้างขวางและการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอย

จีลี่ (Geely): ทำยอดจองไป 2,134 คัน โดยมี Geely EX2 เป็นรถยนต์ที่มาแรง การที่ Geely ตัดสินใจไม่เข้าร่วมมาตรการ EV ของรัฐบาล แต่เน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อตั้งราคาที่จับต้องได้ตั้งแต่แรก เป็นกลยุทธ์ที่น่าจับตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขันด้านราคาอย่างแท้จริง

ดีพอล (Deepal): ยอดจอง 2,117 คัน และ Deepal S05 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม Deepal ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Changan ได้นำเสนอรถยนต์ EV ที่มีดีไซน์ล้ำสมัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ การทำโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจและการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor): ยอดจอง 2,015 คัน และ GWM Tank 300 Diesel เป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจ แม้ GWM จะมีรถยนต์ EV หลายรุ่น แต่การที่ Tank 300 Diesel กลายเป็นรุ่นที่มาแรงที่สุด แสดงให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ Off-road SUV ที่แข็งแกร่งและสมรรถนะสูงในตลาด niche GWM ยังคงมีกลยุทธ์ที่หลากหลายทั้งในกลุ่ม EV และ ICE

มิตซูบิชิ (Mitsubishi): ยอดจอง 1,588 คัน โดยมี Mitsubishi Xforce HEV เป็นรถยนต์ที่มาแรง การกลับมาของมิตซูบิชิในตลาด SUV ด้วยรุ่นไฮบริด Xforce HEV เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ตลาด และการนำเสนอทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่ประหยัดพลังงาน

เสียงสะท้อนจากผู้บริหาร: มองตลาดและอนาคตที่ท้าทาย

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน Motor Expo 2025 ได้เน้นย้ำถึงการตอบรับที่เกินความคาดหมาย โดยชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนยอดจองให้พุ่งทะยานคือ “กระแสการปรับภาษีและมาตรการ EV ที่จะสิ้นสุดลง” สิ่งนี้กระตุ้นให้ผู้บริโภคที่กำลังพิจารณาเปลี่ยนรถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ด้วยความเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ การที่ค่ายรถต่าง ๆ เร่งระบายสต็อกเพื่อลดภาระต้นทุน และรับมือกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ก็เป็นแรงผลักดันให้เกิดแคมเปญที่ดุเดือด

มาตรการส่งเสริม EV ของไทย (EV3.0) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยเฉพาะส่วนลด 150,000 บาทสำหรับรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการนี้ ได้กลายเป็นปัจจัยเร่งการตัดสินใจซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ส่วนมาตรการ EV3.5 ที่ลดการสนับสนุนเหลือ 50,000 บาท และปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10% ก็มีผลกระทบต่อกลยุทธ์การตั้งราคาและการแข่งขันในตลาด EV อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ค่ายรถยนต์ต้องเร่งออกโปรโมชั่นและสื่อสารกับลูกค้าอย่างเข้มข้นว่า “โอกาสทอง” นี้มีจำนวนจำกัด

ตลาดรถยนต์โดยรวมและอนาคต EV ในประเทศไทย

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาว่ามีการเติบโตประมาณ 3% และคาดการณ์ว่ายอดขายรวมทั้งปี 2568 จะปิดตัวเลขที่ 600,000 คัน ซึ่งเป็นการเติบโตที่ดีแม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ คาดการณ์ว่าปี 2568 นี้จะมียอดขายสูงกว่า 100,000 คัน และจะพุ่งขึ้นเป็น 120,000 คันในปี 2569 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งและการยอมรับของผู้บริโภคต่อยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์ “สงครามราคา” ในปี 2568 ที่นายเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงว่าค่อนข้างรุนแรงนั้น คาดว่าจะยังคงมีอยู่บ้างในปี 2569 แต่ความรุนแรงอาจจะลดลงตามเงื่อนไขของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะมีผลต่อต้นทุนราคารถยนต์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ค่ายรถต้องนำมาพิจารณาในการวางแผนกลยุทธ์ราคาในระยะยาว

กลยุทธ์ค่ายรถยนต์กับการเผชิญหน้าในสมรภูมิ Motor Expo

บีวายดี-เรเว่ กรุ๊ป (BYD-Rever Group): ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด EV ด้วยการนำเสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุด โดยเฉพาะสำหรับ BYD Dolphin และ BYD ATTO 3 ด้วยการมอบ “การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน” เป็นครั้งแรก ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 50,000 บาท ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ การลดราคา BYD SEAL ลงกว่า 525,000 บาทในรุ่น Dynamic เหลือเพียง 799,000 บาท และการลดราคา BYD SEALION 7 (นำเข้า) ถือเป็นการใช้กลยุทธ์ราคาเชิงรุกอย่างแท้จริง เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของมาตรการ EV3.5 และระบายสต็อกรถยนต์นำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จีเอซี ไอออน (GAC AION): จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” ส่งท้ายมาตรการ EV สำหรับ AION V ด้วยราคาพิเศษ 899,000 บาท และ AION UT ที่ลดราคาลงอย่างมาก พร้อมการประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และกล่องควบคุมตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงส่วนลดชุดแต่งและแถมฟรี iPhone 17 สะท้อนถึงการทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างฐานผู้ใช้งาน

ฉางอาน (CHANGAN): แบรนด์ดาวรุ่งที่นำเสนอเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจ เช่น ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท ควบคู่ไปกับการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานสำหรับผู้จอง Deepal S05 แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการลดภาระการเข้าถึงให้กับลูกค้าและสร้างความมั่นใจในระยะยาว

โอโมด้า แอนด์ เจคู (OMODA & JAECOO): หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดส่งมอบกว่า 12,000 คันในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ และคาดการณ์ยอดรวม 14,000 คันในปี 2568 บริษัทตัดสินใจมอบราคาพิเศษให้อีก 3,000 คันก่อนสิ้นปีสำหรับ JAECOO 5 EV ที่ลดราคาสูงสุดถึง 80,000 บาท และ JAECOO 6 EV ที่ลดสูงสุดถึง 250,000 บาท รวมถึง JAECOO 7 SHS ลดสูงสุด 100,000 บาท แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้ในตลาด

จีลี่ (Geely): แม้จะประกาศไม่เข้าร่วมมาตรการรัฐบาล แต่ Geely EX2 ที่เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท สำหรับ 2,000 คันแรก เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านราคาในตลาด EV ระดับเริ่มต้น นายณรงค์ สีตลายน ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ยืนยันว่าการตั้งราคาที่ถูกต้องตั้งแต่แรกโดยไม่เน้นส่วนลดแคมเปญเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องและยั่งยืน

ลีปมอเตอร์ (Leapmotor): โดย บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) ได้ส่งรุ่นพิเศษ C10 Limited Edition Kinetix Model ราคา 928,000 บาท เพียง 100 คัน และแคมเปญบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เป็นการดึงดูดลูกค้าด้วยข้อเสนอที่มีมูลค่าเพิ่มและจำกัดจำนวน

ภาพรวมและบทสรุปเชิงลึก

Motor Expo 2025 ได้ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญในการขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไทยไปสู่ยุคใหม่ ปัจจัยหลักคือการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว โดยมีมาตรการส่งเสริมของรัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นหลัก แม้มาตรการเหล่านี้จะเริ่มลดลง แต่การแข่งขันด้านราคาและนวัตกรรมจากค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะจากแบรนด์จีน จะยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญ

ตลาด EV ในประเทศไทยไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการลงทุนในอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยทั้งโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้า และบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่ายรถยนต์และภาครัฐต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ผู้บริโภคในยุค 2025 ไม่ได้มองหาแค่รถยนต์ แต่กำลังมองหาโซลูชั่นการเดินทางที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ประหยัด และเทคโนโลยีอัจฉริยะ

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าตลาดในปี 2569 และปีต่อ ๆ ไป จะยังคงมีการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กถึงกลาง การที่ค่ายรถต่าง ๆ กล้าที่จะปรับกลยุทธ์ราคาอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะสู้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด และผู้บริโภคคือผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการแข่งขันนี้

การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่รวมถึงเทคโนโลยี การรับประกัน บริการหลังการขาย และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว

กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของยานยนต์คันใหม่ใช่หรือไม่? โอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตยานยนต์ไทยอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว! อย่าพลาดการศึกษาข้อมูลเชิงลึก เปรียบเทียบข้อเสนอจากค่ายต่าง ๆ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยตัวคุณเอง เพื่อให้การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025 สะท้อนอนาคตยานยนต์ไทย: ยอดจองพุ่ง 3.6 หมื่นคัน แข่งเดือด EV นำทัพ สู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรม

งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่เพิ่งผ่านพ้นครึ่งทางไปอย่างคึกคัก ไม่เพียงแต่เป็นเวทีจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์แห่งปี แต่ยังเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางตลาดรถยนต์ไทยได้อย่างชัดเจน ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า (EV) มอเตอร์เอ็กซ์โปปีนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ยอดจองถล่มทลายทะลุ 36,174 คัน ภายใน 8 วันแรก แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความสนใจอย่างล้นหลามของผู้บริโภคชาวไทยในการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด และเป็นบทพิสูจน์ถึงการแข่งขันที่ดุเดือดของแบรนด์รถยนต์ทั้งเก่าและใหม่

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่า Motor Expo 2025 ไม่ใช่แค่การขายรถ แต่เป็นการสะท้อนภาพรวมของระบบนิเวศยานยนต์ที่เรากำลังเผชิญ ทั้งมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมยานยนต์อัจฉริยะ และการปรับตัวของค่ายรถต่างๆ ที่ต่างงัดกลยุทธ์และโปรโมชั่นสุดพิเศษมาดึงดูดลูกค้า ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ยอดจองทุบสถิติ: แรงขับเคลื่อนจาก EV และมาตรการรัฐ

ตัวเลข 36,174 คันที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 นั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 30-45% ซึ่งปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตนี้ มาจากหลายส่วนผสมกันอย่างลงตัว ประการแรกคือ “รถยนต์ไฟฟ้า (EV)” ที่กวาดยอดจองไปถึง 52% ของทั้งหมด ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ก็ยังมีส่วนแบ่งในตลาด แต่เป็นที่ชัดเจนว่าเมกะเทรนด์ของยานยนต์ในประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่การใช้พลังงานทางเลือกอย่างเต็มตัว

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า แรงกระตุ้นสำคัญคือ “มาตรการอีวี” ของภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นเส้นตายสำหรับผู้ที่ต้องการรับส่วนลดจากโครงการ EV3.0 มูลค่าสูงสุด 150,000 บาท ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ตัดสินใจได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ค่ายรถต่างๆ จึงเร่งอัดแคมเปญโปรโมชั่นรถยนต์ราคาพิเศษ พร้อมทั้งการระบายสต็อกรถยนต์ก่อนที่ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นจากนโยบาย EV3.5 ที่จะปรับลดเงินอุดหนุนและเพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าบางประเภท การแข่งขันด้านราคาจึงเป็นปรากฏการณ์ที่รุนแรงและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เปิดโผ 10 อันดับค่ายรถยนต์และรุ่นยอดนิยม: ใครคือผู้นำเกม?

การแข่งขันที่ดุเดือดสะท้อนได้จาก 10 อันดับค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงทิศทางความนิยมของตลาดรถยนต์ไทยในปัจจุบัน:

โตโยต้า (Toyota): 6,013 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Toyota Yaris Cross
แบรนด์เจ้าตลาดที่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง และการนำเสนอรถยนต์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงอย่าง Yaris Cross ที่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ประหยัดพลังงาน
บีวายดี (BYD): 3,154 คัน รถยนต์ที่มาแรง: BYD Atto 3
BYD ยังคงเป็นดาวเด่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วย Atto 3 ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่น่าจับตา ค่ายนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเจาะตลาด EV ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ฮอนด้า (Honda): 3,039 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Honda HR-V e:HEV
ฮอนด้ายังคงแข็งแกร่งในตลาดไฮบริด ด้วย HR-V e:HEV ที่ผสมผสานดีไซน์ทันสมัย ประสิทธิภาพ และความประหยัดได้อย่างลงตัว แม้การรุกตลาด EV จะยังไม่หวือหวาเท่าคู่แข่ง แต่ก็ยังรักษาฐานลูกค้าได้อย่างมั่นคง
โอโมด้า แอนด์ เจคู (Omoda & Jaecoo): 2,678 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Jaecoo 5 EV
แบรนด์น้องใหม่จากจีนที่สร้างความประหลาดใจ ด้วยการทะยานเข้าสู่ท็อป 5 อย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าในการนำเสนอรถยนต์ EV ดีไซน์โดดเด่นและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
เอ็มจี (MG): 2,360 คัน รถยนต์ที่มาแรง: MG S5 EV
MG ผู้บุกเบิกตลาด EV ในไทย ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยรุ่น S5 EV ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและราคาที่เข้าถึงง่าย เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่รักษามาตรฐานและตำแหน่งในตลาด EV ได้ดี
GAC (ไอออน): 2,187 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Aion UT
GAC AION เป็นอีกหนึ่งแบรนด์จีนที่เข้ามาเขย่าตลาด EV ด้วย Aion UT ที่เน้นความล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
จีลี่ (Geely): 2,134 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Geely EX2
Geely สร้างความฮือฮาด้วยการนำเสนอ EX2 ในราคาที่จับต้องได้ง่ายมาก โดยไม่พึ่งพิงมาตรการรัฐ เป็นการสร้างโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจและอาจเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต
ดีพอล (Deepal): 2,117 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Deepal S05
Deepal S05 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจ แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของแบรนด์จีนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ที่มีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้น
เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM): 2,015 คัน รถยนต์ที่มาแรง: GWM Tank 300 Diesel
GWM ยังคงมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ออฟโรดอย่าง Tank 300 Diesel ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง ORA Good Cat ก็ยังคงเป็นที่นิยม การมีทั้ง ICE และ EV ทำให้ GWM มีความหลากหลายในการตอบโจทย์ลูกค้า
มิตซูบิชิ (Mitsubishi): 1,588 คัน รถยนต์ที่มาแรง: Mitsubishi Xforce HEV
มิตซูบิชิยังคงมีส่วนแบ่งตลาดด้วย Xforce HEV ที่เน้นความคุ้มค่าและสมรรถนะที่ไว้วางใจได้

นโยบายภาครัฐและการเร่งระบายสต็อก: กลยุทธ์ที่ส่งผลถึงผู้บริโภคโดยตรง

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์อย่างเราต้องจับตามองคือ การสิ้นสุดของมาตรการส่งเสริม EV ของไทย (EV3.0) ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งหมายถึงการปรับลดเงินอุดหนุนจากคันละ 150,000 บาท เป็น 50,000 บาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าตามมาตรการ EV3.5 รวมถึงการปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มจาก 2% เป็น 10% เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ต้องเร่งระบายรถในสต็อกให้มากที่สุดก่อนสิ้นปี เพื่อลดภาระต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2569 สิ่งนี้เองที่ทำให้ Motor Expo 2025 กลายเป็นมหกรรมแห่งโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผู้บริโภคเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด EV อย่าง BYD ได้นำเสนอส่วนลดมหาศาลสำหรับรุ่น BYD SEAL กว่า 525,000 บาท สำหรับรุ่น Dynamic ทำให้ราคาเหลือเพียง 799,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าตกใจและสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการมอบการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานเป็นครั้งแรกสำหรับ BYD Dolphin และ BYD Atto 3 ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

MG เองก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการปรับราคา NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ลงถึง 279,000 บาท เหลือเพียง 849,000 บาท พร้อมข้อเสนอสำหรับ MG IM6 และรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการแข่งขันด้านราคาเพื่อรักษาตำแหน่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

GWM แม้จะประกาศปรับขึ้นราคา ORA Good Cat ในปี 2569 แต่ก็ยังมอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากมายเพื่อช่วยผ่อนและประกันภัย เพื่อชดเชยการปรับราคา

GAC AION และ Changan ก็เข้าร่วมสงครามราคา ด้วยโปรโมชั่นที่ดึงดูด ทั้งส่วนลดพิเศษ ประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และของแถมสุดพรีเมียมอย่าง iPhone 17 สำหรับ AION V และ AION UT รวมถึงเงื่อนไขทางการเงินสุดพิเศษจาก Changan สำหรับ Deepal S05

แม้กระทั่ง Jaecoo ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีนี้ด้วยยอดส่งมอบกว่า 12,000 คัน ก็ยังมอบราคาพิเศษสำหรับ JAECOO 5 EV อีก 3,000 คันก่อนสิ้นปี เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้สิทธิ์ EV3.0 อย่างเต็มที่

ตลาดรถยนต์ไทยปี 2569 และอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้า

ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 มีอัตราการเติบโตประมาณ 3% และคาดการณ์ว่ายอดขายรวมทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 คัน ซึ่งเป็นการเติบโตที่ดี แม้จะไม่หวือหวามากนัก แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดการณ์ว่าปี 2568 จะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่า 100,000 คัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 120,000 คันในปี 2569

จากข้อมูลนี้ ผมมองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้าสู่เฟสที่น่าสนใจอย่างยิ่ง การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงใน Motor Expo 2025 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ปี 2569 จะเป็นปีที่ค่ายรถต้องใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ลดราคา แต่ต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Proposition) ที่แตกต่าง เช่น เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า สถานีชาร์จรถ EV ที่ครอบคลุมมากขึ้น บริการหลังการขายที่เหนือกว่า และการสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว ทั้งในเรื่องแบตเตอรี่รถ EV ราคาการบำรุงรักษา หรือแม้แต่โอกาสในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

แบรนด์อย่าง Geely ที่ประกาศชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมมาตรการภาครัฐ แต่จะเน้นการตั้งราคาที่แข่งขันได้ตั้งแต่ต้น ก็เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าจับตา หากสามารถคงราคาที่เข้าถึงง่ายอย่าง Geely EX2 ที่ 399,990 บาทได้ต่อเนื่อง ก็อาจเป็นผู้เล่นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดรถยนต์ราคาประหยัด

ความท้าทายในปี 2569 จะไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่ยังรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถ EV ที่ต้องขยายตัวให้รองรับการเติบโตของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนน และการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อายุการใช้งานยาวนานขึ้น และราคาที่ถูกลง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาขายและต้นทุนการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าตลาดรถยนต์ไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ได้เข้าถึงนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ในราคาที่คุ้มค่า และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การลงทุนในรถ EV ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่เป็นการลงทุนในอนาคตที่ยั่งยืน

ก้าวสู่ยุคใหม่ของยานยนต์: โอกาสที่ไม่ควรพลาด

งาน Motor Expo 2025 ได้ปิดฉากครึ่งทางไปแล้ว แต่ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ นั่นคือการเร่งสปีดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย การแข่งขันที่เข้มข้น และข้อเสนอสุดพิเศษจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ยังคงรอให้คุณได้สัมผัส การตัดสินใจซื้อรถยนต์ในวันนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกพาหนะ แต่เป็นการตัดสินใจเลือก “เทคโนโลยีรถยนต์ 2025” ที่จะพาคุณไปสู่อนาคต ไม่ว่าคุณจะมองหารถยนต์ประหยัดพลังงาน รถยนต์พลังงานทางเลือก หรือรถยนต์อัจฉริยะ มอเตอร์เอ็กซ์โปปีนี้ได้นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า นี่คือช่วงเวลาทองที่คุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโปรโมชั่นรถใหม่และมาตรการส่งเสริมจากค่ายต่างๆ ก่อนที่นโยบายภาครัฐจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่าพลาดโอกาสที่จะศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบรถยนต์ EV และรับข้อเสนอที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด

อนาคตยานยนต์อยู่ที่ปลายนิ้วคุณ! หากคุณยังไม่ตัดสินใจ ผมขอเชิญชวนให้คุณใช้โอกาสนี้ในการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมโชว์รูมของผู้จำหน่าย หรือแม้แต่ทดลองขับรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจ เพราะการลงทุนในรถยนต์ยุคใหม่คือการลงทุนในคุณภาพชีวิตและอนาคตที่ยั่งยืนของคุณ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ไปพร้อมกัน!

Previous Post

N1512345 เบ องหล งท #มายป ณย ปานวาด #หน งส นสะท อนส งคม part 2

Next Post

N1512349 ไม ชอบ แค บอกสาม ไล ออก #มายป ณย ปานวาด part 2

Next Post
N1512349 ไม ชอบ แค บอกสาม ไล ออก #มายป ณย ปานวาด part 2

N1512349 ไม ชอบ แค บอกสาม ไล ออก #มายป ณย ปานวาด part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612007 จม กโตและเพ อน บแผนเถ อนๆของเขา part 2
  • N1612020 แม าแตงโม รวมห วก บแม าสาล part 2
  • N1612009 นแรกเป นพน กงานด เด นต อมาเป นล กค าหน าหม part 2
  • N1612003 งานการไม อยทำ ขย นสร างแต เร องว นๆ part 2
  • N1612005 กามเทพจม กโต แผลงศรแห งความร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.