ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
งานมหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย 2025: เจาะลึกปรากฏการณ์ยอดจองถล่มทลายและทิศทางตลาดยานยนต์ไฟฟ้า
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมยืนยันได้ว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงพลวัตอันเร่าร้อนของตลาดรถยนต์ไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งทางของการจัดงานที่เราได้เห็นยอดจองรถยนต์พุ่งทะยานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่แค่การซื้อขายรถยนต์ แต่เป็นการฉายภาพอนาคตของยานยนต์ที่เราทุกคนกำลังจะได้สัมผัส
ปรากฏการณ์ยอดจองทะลุเป้า: สัญญาณแห่งการฟื้นตัวและพลิกโฉม
เพียง 8 วันแรกของงานมหกรรมยานยนต์ 2025 ยอดจองรวมทุกค่ายได้พุ่งสูงถึง 36,174 คัน ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงถึงความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเติบโตของตลาดรถยนต์ไทยถึง 30-45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตัวเลขนี้ไม่เพียงบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่กลับมาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเข้าใจของผู้บริโภคที่มองเห็นถึงช่วงเวลาอันเหมาะสมในการลงทุนกับยานยนต์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญหลายประการ
การที่ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ครองสัดส่วนสูงถึง 52% ของยอดจองทั้งหมด เป็นข้อพิสูจน์ที่ไม่อาจโต้แย้งได้ว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานสะอาดอย่างเต็มตัว ตามมาด้วยรถยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงรักษาความนิยมได้เป็นอย่างดี ส่วนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) แม้จะยังคงมีส่วนแบ่งตลาด แต่แนวโน้มก็แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้บริโภคไปสู่ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมากขึ้น
นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ได้แสดงความมั่นใจว่ายอดจองรวมตลอดงานจะสูงกว่าปีก่อนอย่างน้อย 30-40% โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัจจัยเร่งด่วนที่มาพร้อมกับมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง ทำให้ผู้ที่ตัดสินใจเปลี่ยนรถมีความเร่งด่วนในการตัดสินใจซื้อ การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดรถยนต์ไทยที่คาดการณ์ว่าจะปิดยอดขายรวมทั้งปี 2568 ที่ 600,000 คัน และตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะแตะหลัก 100,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งและน่าจับตามองอย่างยิ่ง
เจาะลึก 10 อันดับค่ายรถยนต์และรุ่นยอดนิยมแห่งปี 2025
การแข่งขันในงาน Motor Expo ครั้งนี้ดุเดือดกว่าที่เคย โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ซึ่งเป็นสองขั้วหลักที่ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโต ลองมาดูกันว่าค่ายใดและรุ่นใดคือผู้ชนะในใจผู้บริโภคในช่วงครึ่งแรกของงาน:
Toyota (6,013 คัน) – Toyota Yaris Cross: แบรนด์เจ้าตลาดที่ยังคงความแข็งแกร่งด้วยไลน์อัพที่หลากหลาย แต่ Yaris Cross ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่ม Compact SUV ที่เน้นความประหยัดและความคล่องตัว นับเป็นการผสมผสานระหว่างชื่อเสียงที่น่าเชื่อถือกับนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ Toyota Yaris Cross ราคา ถือเป็นหนึ่งในคำค้นหายอดนิยม
BYD (3,154 คัน) – BYD Atto3: แบรนด์จีนที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาด EV ไทย ด้วยกลยุทธ์ราคาที่แข่งขันได้และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เหนือกว่า BYD Atto3 ยังคงเป็นดาวเด่น ส่วน BYD SEAL ที่มาพร้อมส่วนลดมหาศาลกว่า 5 แสนบาท ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมาก BYD SEAL ราคา ที่เข้าถึงง่ายได้ทำให้รุ่นนี้เป็นที่จับตามอง
Honda (3,039 คัน) – Honda HR-V e:HEV: ความน่าเชื่อถือของ Honda กับเทคโนโลยี Full Hybrid ที่ลงตัว ทำให้ HR-V e:HEV ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ประหยัดน้ำมันและมีสมรรถนะที่ดี Honda HR-V e:HEV โปรโมชั่น เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง
Omoda & Jaecoo (2,678 คัน) – Jaecoo 5 EV: แบรนด์น้องใหม่จากจีนที่ก้าวเข้ามาสร้างความฮือฮา ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและเทคโนโลยี EV ที่ทันสมัย Jaecoo 5 EV ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว Jaecoo 5 EV รีวิว กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก
MG (2,360 คัน) – MG S5 EV: MG ยังคงเป็นผู้นำในตลาด EV ราคาเข้าถึงง่าย ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น S5 EV สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ MG ในการขยายฐานผู้ใช้ EV ในไทย MG EV ราคา ที่ดึงดูดใจเป็นจุดแข็งสำคัญของค่าย
GAC Aion (2,187 คัน) – Aion UT: อีกหนึ่งแบรนด์จีนที่กำลังมาแรง Aion นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย พร้อมแคมเปญที่น่าสนใจ ทำให้ Aion UT เป็นรุ่นที่ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี Aion UT โปรโมชั่น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดความสนใจ
Geely (2,134 คัน) – Geely EX2: Geely สร้างความแตกต่างด้วยการไม่เข้าร่วมมาตรการ EV ของรัฐบาล แต่เน้นการทำราคาที่เข้าถึงง่ายด้วยตัวเอง ซึ่ง Geely EX2 ที่เปิดตัวในราคาเริ่มต้น 399,990 บาท ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Geely EX2 ราคา เป็นราคาที่สั่นสะเทือนวงการ
Deepal (2,117 คัน) – Deepal S05: แบรนด์ในเครือ Changan ที่เน้นดีไซน์ล้ำสมัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ Deepal S05 ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความโดดเด่นและประสิทธิภาพสูง Deepal S05 รีวิว กำลังได้รับความสนใจจากผู้ที่มองหานวัตกรรม
Great Wall Motor (2,015 คัน) – GWM Tank 300 Diesel: แม้ GWM จะโดดเด่นในตลาด EV ด้วย ORA Good Cat แต่ Tank 300 Diesel ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในตลาด SUV ออฟโรดที่ต้องการสมรรถนะและความทนทาน GWM Tank 300 ราคา ยังคงเป็นที่สอบถามอย่างต่อเนื่อง
Mitsubishi (1,588 คัน) – Mitsubishi Xforce HEV: Mitsubishi กลับมาสร้างความคึกคักในตลาดด้วย Xforce HEV ซึ่งเป็น Hybrid SUV ที่เน้นความอเนกประสงค์และความคุ้มค่า สะท้อนถึงการปรับตัวของแบรนด์ให้เข้ากับเทรนด์การใช้พลังงานทางเลือก Mitsubishi Xforce HEV ราคา และฟีเจอร์ต่างๆ ได้รับความสนใจ
การเปลี่ยนผ่านสู่ EV 3.5: จุดสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นและการปรับตัวของอุตสาหกรรม
สิ่งที่ขับเคลื่อนยอดขายในช่วง Motor Expo 2025 อย่างมีนัยสำคัญ คือการสิ้นสุดของมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งให้เงินอุดหนุนส่วนลดสูงสุดถึง 150,000 บาทต่อคัน ผู้บริโภคจึงเร่งตัดสินใจซื้อเพื่อใช้สิทธิ์ประโยชน์สูงสุดที่ยังคงเหลืออยู่
หลังจากนั้น เราจะก้าวเข้าสู่มาตรการ EV 3.5 ซึ่งจะมีการปรับลดเงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ EV นำเข้าเหลือ 50,000 บาท และเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 2% เป็น 10% การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต้องเร่งระบายสต็อกและกระตุ้นยอดขายอย่างหนักเพื่อลดภาระต้นทุน และนี่คือที่มาของแคมเปญ “นาทีทอง” ที่เห็นได้ในงาน
กลยุทธ์การตลาดและสงครามราคาที่ดุเดือด: แบรนด์ไหนได้เปรียบ?
สงครามราคาในปี 2568 ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2569 แม้ความรุนแรงอาจจะลดลงตามเงื่อนไขของมาตรการรัฐ นี่คือภาพรวมของกลยุทธ์ที่แต่ละค่ายงัดออกมาสู้:
BYD-Rever Group: โดดเด่นด้วยการมอบ การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน เป็นครั้งแรก มูลค่า 50,000 บาท สำหรับลูกค้า BYD Dolphin และ Atto 3 พร้อมส่วนลดมหาศาลสำหรับรถยนต์นำเข้ารุ่น BYD SEAL ที่ลดสูงสุดถึง 525,000 บาทในรุ่น Dynamic (จาก 1,325,000 เหลือ 799,000 บาท) และ BYD SEALION 7 ที่ลด 175,000 บาท กลยุทธ์นี้สะท้อนความมั่นใจในเทคโนโลยีและกระตุ้นการตัดสินใจขั้นสุดท้าย BYD โปรโมชั่น เป็นหัวข้อที่ผู้สนใจติดตามอย่างใกล้ชิด
MG: ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการปรับลดราคารถยนต์ EV อีกแล้ว เนื่องจากราคาปัจจุบันถือเป็นราคา “สุดท้าย” อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ที่มาในราคาพิเศษ 849,000 บาท (ลด 279,000 บาท) และ MG IM6 ในราคา 1,299,900 บาท พร้อมข้อเสนอประกันภัยและดอกเบี้ยพิเศษ นอกจากนี้ยังมี MG ZS EV และ MG EP PLUS ที่ได้รับข้อเสนอพิเศษ MG ZS EV โปรโมชั่น ดึงดูดผู้ที่ต้องการ EV ในราคาเข้าถึงได้
GAC AION: จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” สำหรับ AION V (จาก 1,020,900 เหลือ 899,000 บาท) และ AION UT (Standard จาก 519,900 เหลือ 469,000 บาท / Premium จาก 669,900 เหลือ 599,900 บาท) พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน ส่วนลดชุดแต่ง และ แถมฟรี iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่น่าดึงดูด AION V ราคา และของแถมเป็นจุดขายสำคัญ
Changan (Deepal): นำเสนอเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจอย่าง ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานสำหรับผู้จอง Deepal S05 ในช่วงงาน
Omoda & Jaecoo: หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2568 ด้วยยอดส่งมอบกว่า 12,000 คัน Jaecoo ยังคงเสนอราคาพิเศษสำหรับ JAECOO 5 EV อีก 3,000 คันสุดท้ายก่อนสิ้นปี (รุ่น Long Range Dynamic เหลือ 549,000 บาท / Max เหลือ 599,000 บาท) รวมถึงส่วนลดสูงสุด 250,000 บาทสำหรับ JAECOO 6 EV
Geely: ยืนยันแนวทางที่ไม่เข้าร่วมมาตรการรัฐบาล แต่เน้นการทำราคาจากบริษัทแม่โดยตรง ทำให้ Geely EX2 เปิดตัวด้วยราคาที่น่าตกใจเพียง 399,990 บาท สำหรับ 2,000 คันแรก แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความสามารถในการเข้าถึงของผู้บริโภคเป็นหลัก
Great Wall Motor: คาดการณ์ว่าสงครามราคาจะเบาบางลงในปี 2569 พร้อมประกาศปรับขึ้นราคารถยนต์ ORA Good Cat แต่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น โปรแกรมช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 บาท และประกันภัยชั้นหนึ่ง 2 ปี ซึ่งแสดงถึงการปรับสมดุลระหว่างราคาและมูลค่าเพิ่ม ORA Good Cat ราคา ที่ปรับขึ้นเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องพิจารณา
Leapmotor (พระนครยนตรการ): เปิดตัวรุ่นพิเศษ C10 Limited Edition Kinetix Model ราคา 928,000 บาท เพียง 100 คัน และมอบแคมเปญบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ให้กับลูกค้าที่จองรถในงาน
ทิศทางตลาดและนวัตกรรมยานยนต์สำหรับปี 2569 และอนาคต
ปี 2569 จะเป็นปีแห่งการปรับตัวครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การเปลี่ยนผ่านจากมาตรการ EV 3.0 สู่ EV 3.5 จะทดสอบความแข็งแกร่งของตลาด EV อย่างแท้จริง ค่ายรถยนต์จะต้องใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้นในการดึงดูดลูกค้า โดยอาจไม่ได้เน้นแค่ “สงครามราคา” แต่รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บริการหลังการขายที่เหนือกว่า และการสร้างระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเป้าหมายที่ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น การชาร์จที่เร็วขึ้น และต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ จะต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้น การขยายสถานีชาร์จสาธารณะและนวัตกรรมด้านการชาร์จ เช่น การชาร์จไร้สาย หรือการสลับแบตเตอรี่ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คือหนึ่งในหัวใจสำคัญ
เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และ นวัตกรรมยานยนต์ จะเป็นสิ่งที่เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยานยนต์อัจฉริยะ (Smart Cars) และ ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) จะเริ่มเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมและรถยนต์จากจีน ซึ่งมักจะมาพร้อมฟีเจอร์ที่ล้ำหน้าในราคาที่แข่งขันได้ รถยนต์ประหยัดพลังงาน และ ยานยนต์แห่งอนาคต ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดอีกต่อไป แต่กำลังเป็นความจริงที่จับต้องได้
ตลาดรถยนต์มือสองสำหรับรถ EV ก็จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น และผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์และประกันภัยรถยนต์ก็จะออกผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ EV มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังขยายตัว สินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า และ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
บทสรุปและคำเชิญ
Motor Expo 2025 เป็นมากกว่างานแสดงรถยนต์ แต่เป็นเวทีที่สะท้อนถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ครั้งใหญ่ของประเทศไทย ยอดจองที่ถล่มทลายและกระแสตอบรับรถยนต์ EV ที่ร้อนแรง คือหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและทิศทางในอนาคต
ในฐานะผู้ที่ติดตามวงการนี้มานาน ผมอยากเชิญชวนทุกท่านให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ในงาน Motor Expo 2025 ที่ยังเหลือเวลาอีกหลายวัน เปิดโอกาสให้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถไฮบริดที่ประหยัดพลังงาน หรือเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย งานนี้คือโอกาสทองที่คุณจะได้เปรียบเทียบข้อเสนอที่ดีที่สุด ทดลองขับรุ่นที่สนใจ และรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุด มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอนาคตของยานยนต์ไทยไปด้วยกัน!
มอเตอร์เอ็กซ์โป 2568: ถอดรหัสปรากฏการณ์ยานยนต์แห่งอนาคต ยอดจองพุ่งกว่า 3.6 หมื่นคัน พร้อมเผย 10 อันดับสุดฮอตในตลาดอีวีไทย
งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงพลวัตอันร้อนแรงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เมื่อผ่านพ้นครึ่งทางของการจัดงานระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดจองรถยนต์สะสมทะลุ 36,174 คันในเวลาเพียง 8 วัน ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่คือสัญญาณที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังถาโถมเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยมี “รถยนต์ไฟฟ้า (EV)” เป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อน ซึ่งได้เข้ามาพลิกโฉมภูมิทัศน์ของวงการอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบทศวรรษ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนานกว่า 10 ปี ผมมองเห็นว่า Motor Expo 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเวทีสำหรับจัดแสดงนวัตกรรม แต่เป็นจุดรวมของกลยุทธ์การตลาดที่ดุเดือด นโยบายรัฐที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค และความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสโลก การเติบโตของยอดจองกว่า 30-45% เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่กลับมาอีกครั้ง รวมถึงแรงกระตุ้นจากมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง
หัวใจของการเติบโต: รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮบริด (xEV) แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่
ข้อมูลเชิงลึกจากงาน Motor Expo 2025 เผยให้เห็นสัดส่วนที่น่าตกใจ โดยกว่า 52% ของยอดจองทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตอกย้ำถึงกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานสะอาดที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) และปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ยังคงมีบทบาท แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนแบ่งตลาดกำลังถูกบุกรุกจากขุมพลังไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นดาวเด่นในงานครั้งนี้? จากประสบการณ์ ผมมองว่ามีหลายองค์ประกอบที่ผนวกกันอย่างลงตัว:
นโยบายภาครัฐ: มาตรการส่งเสริม EV 3.0 ที่มอบส่วนลดสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังลังเลตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายในการเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า ในราคาที่เข้าถึงได้มากที่สุดก่อนการปรับเปลี่ยนเข้าสู่มาตรการ EV 3.5 ที่จะลดเงินสนับสนุนลง
แคมเปญกระตุ้นยอดขาย: ผู้ผลิตต่างเร่งระบายสต็อกรถยนต์ด้วยการอัดฉีดโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดเงินสดมหาศาล อัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลานาน การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน หรือแม้แต่ของแถมมูลค่าสูง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงดึงดูดที่ยากจะปฏิเสธสำหรับผู้ที่ต้องการ ซื้อรถ คันใหม่
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น: ประสิทธิภาพของ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ดีขึ้น ระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น และการพัฒนาของ สถานีชาร์จ ที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ความกังวลเรื่อง “Range Anxiety” ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้บริโภคจึงมั่นใจในการเปลี่ยนมาใช้รถ EV มากขึ้น
ราคาที่แข่งขันได้: การแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากแบรนด์จีน ทำให้ ราคารถยนต์ไฟฟ้า มีความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น จากรุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นพรีเมียม ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคโดยตรง
เปิดโผ 10 อันดับรถยนต์ยอดนิยมแห่ง Motor Expo 2025: ใครคือผู้ชนะในสมรภูมิยานยนต์?
นี่คือการวิเคราะห์เจาะลึก 10 อันดับแรกของค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุด พร้อมรุ่นรถยนต์ที่มาแรง ซึ่งสะท้อนเทรนด์และความสนใจของผู้บริโภคในปัจจุบัน:
โตโยต้า (Toyota) – ยอดจอง 6,013 คัน | รุ่นมาแรง: Toyota Yaris Cross
แม้ตลาด EV จะร้อนแรง แต่โตโยต้ายังคงรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นความหลากหลายและตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน โดยเฉพาะ Toyota Yaris Cross รถยนต์ครอสโอเวอร์ไฮบริดรุ่นใหม่ ที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างตลาดและดึงดูดลูกค้าด้วยดีไซน์ทันสมัย ความประหยัดน้ำมัน และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ซึ่งยังคงเป็นจุดแข็งสำคัญของโตโยต้า
บีวายดี (BYD) – ยอดจอง 3,154 คัน (โดยประมาณ) | รุ่นมาแรง: BYD Atto 3
BYD ยังคงสร้างปรากฏการณ์ในตลาด EV ไทยอย่างต่อเนื่อง BYD Atto 3 รถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ยังคงเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ BYD ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆ ในตลาด EV การที่ BYD ไม่ได้แจ้งยอดจองโดยตรงในทันที แต่จากข้อมูลผู้ลงทะเบียนสะท้อนถึงความต้องการที่มหาศาล นอกจากนี้ โปรโมชั่นสุดเดือดสำหรับรุ่น BYD SEAL ที่ลดราคากว่า 500,000 บาท ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่กระตุ้นยอดขายได้อย่างน่าทึ่ง
ฮอนด้า (Honda) – ยอดจอง 3,039 คัน | รุ่นมาแรง: Honda HR-V e:HEV
ฮอนด้ายังคงแข็งแกร่งในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ด้วย Honda HR-V e:HEV ที่ผสมผสานดีไซน์สปอร์ต เทคโนโลยีไฮบริดอันชาญฉลาด และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Honda เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการ รถยนต์ประหยัดพลังงาน ที่ยังคงสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
โอโมด้า แอนด์ เจคู (Omoda & Jaecoo) – ยอดจอง 2,678 คัน | รุ่นมาแรง: Jaecoo 5 EV
สองแบรนด์ใหม่จากจีนที่เข้ามาเขย่าตลาดอย่างรุนแรง Jaecoo 5 EV เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเปิดรับ แบรนด์รถยนต์จีน และเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย ในราคาที่น่าสนใจ พร้อมโปรโมชั่นที่ดึงดูด ทำให้พวกเขาติด 1 ใน 5 ได้อย่างรวดเร็ว
เอ็มจี (MG) – ยอดจอง 2,360 คัน | รุ่นมาแรง: MG S5 EV
MG ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด EV ด้วยการนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้า ที่หลากหลายและคุ้มค่า MG S5 EV ที่เป็นตัวขับเคลื่อนยอดจองของค่าย แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มที่ต้องการความคุ้มค่าและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในราคาที่จับต้องได้
จีเอซี ไอออน (GAC AION) – ยอดจอง 2,187 คัน | รุ่นมาแรง: Aion UT
GAC AION เป็นอีกหนึ่งแบรนด์จีนที่กำลังมาแรงในตลาด EV ไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ Aion UT ถือเป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดของ แบรนด์รถยนต์จีน ในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด EV ในประเทศไทย
จีลี่ (Geely) – ยอดจอง 2,134 คัน | รุ่นมาแรง: Geely EX2
Geely เลือกเส้นทางที่แตกต่างด้วยการไม่เข้าร่วมมาตรการภาครัฐ แต่กลับมุ่งเน้นการตั้งราคาที่แข่งขันได้โดยตรงกับบริษัทแม่ และ Geely EX2 ที่เปิดตัวในงาน Motor Expo ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของ ราคารถยนต์ไฟฟ้า ที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดรุ่นหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดที่กล้าหาญ
ดีพอล (Deepal) – ยอดจอง 2,117 คัน | รุ่นมาแรง: Deepal S05
Deepal แบรนด์พรีเมียม EV ภายใต้ Changan ที่เน้นดีไซน์ล้ำสมัยและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม Deepal S05 เป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย
เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) – ยอดจอง 2,015 คัน | รุ่นมาแรง: GWM Tank 300 Diesel
GWM แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ EV แต่ยังคงมีรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลที่แข็งแกร่งอย่าง GWM Tank 300 Diesel ที่ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ออฟโรดและสมรรถนะที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ Ora Good Cat EV ของ GWM ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาด EV
มิตซูบิชิ (Mitsubishi) – ยอดจอง 1,588 คัน | รุ่นมาแรง: Mitsubishi Xforce HEV
มิตซูบิชิกลับมาพร้อมกับ Mitsubishi Xforce HEV ที่เน้นความอเนกประสงค์และความคุ้มค่าในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ญี่ปุ่นยังคงมีฐานลูกค้าที่ภักดีและเชื่อมั่นในคุณภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์
สงครามราคาและมาตรการรัฐ: ปัจจัยที่กำหนดทิศทางตลาด
นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน Motor Expo 2025 ได้สะท้อนภาพรวมว่ากระแสการปรับภาษีและมาตรการ EV ที่กำลังจะสิ้นสุดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถได้ง่ายขึ้น ผู้ผลิตต่างเร่งระบายสต็อก เพื่อลดภาระต้นทุน และกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของมาตรการ EV 3.0 ที่จะหมดเขตในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งให้การสนับสนุนส่วนลดรถยนต์ EV ที่ 150,000 บาทต่อคัน ส่วนมาตรการ EV 3.5 ที่จะตามมาจะลดเงินสนับสนุนสำหรับรถยนต์นำเข้าเหลือ 50,000 บาท และปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10%
สถานการณ์นี้ทำให้เกิด “สงครามราคา” ที่ดุเดือดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันมอบ โปรโมชั่นรถยนต์ และ แคมเปญรถยนต์ ที่เหนือความคาดหมายเพื่อดึงดูดลูกค้า:
BYD: จัดเต็มด้วยการมอบการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานมูลค่า 50,000 บาท สำหรับรุ่น BYD Dolphin และ BYD Atto 3 พร้อมส่วนลดมหาศาลสำหรับรุ่นนำเข้าอย่าง BYD SEAL (สูงสุดกว่า 525,000 บาท ทำให้ราคาเริ่มต้นเพียง 799,000 บาท) และ BYD SEALION 7
GAC AION: จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” สำหรับ AION V และ AION UT ด้วยราคาพิเศษ การรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และกล่องควบคุมตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงของแถมสุดพรีเมียมอย่าง iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท
CHANGAN (Deepal): เสนอเงื่อนไขทางการเงินสุดยืดหยุ่น เช่น ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานสำหรับผู้ที่จองภายในงาน
JAECOO: มอบราคาพิเศษสำหรับ JAECOO 5 EV อีก 3,000 คันก่อนสิ้นปี โดยลดราคาสูงสุดถึง 80,000 บาท นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสำหรับ JAECOO 6 EV และ JAECOO 7 SHS
MG: ยืนยันว่าจะไม่ปรับลดราคาจำหน่ายรถยนต์ EV อีกแล้ว โดยราคาล่าสุดถือเป็นราคาสุดท้ายจริง ๆ เช่น NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ราคาพิเศษ 849,000 บาท (ลด 279,000 บาท) และ MG IM6 ราคา 1,299,900 บาท พร้อมแพ็คเกจประกันภัยและดอกเบี้ยพิเศษ
GWM: เตรียมปรับขึ้นราคา ORA Good Cat ในปี 2569 แต่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์อย่างฟรีโปรแกรมช่วยผ่อน และแพ็คเกจบำรุงรักษา แสดงให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์จากสงครามราคาโดยตรงไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า
ตลาดรถยนต์ไทยในอีกก้าวข้างหน้า: 2025-2026
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ จาก MG Sales (ประเทศไทย) คาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปี 2568 จะปิดยอดขายรวมที่ 600,000 คัน เติบโต 3-4% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ดี แม้จะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า กลับมีแนวโน้มสดใสอย่างมาก โดยคาดการณ์ยอดขายกว่า 100,000 คันในปี 2568 และจะเพิ่มเป็น 120,000 คันในปี 2569
ทิศทางนี้สอดคล้องกับมุมมองของผมว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับสมดุล หลังจากการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดในปี 2568 คาดว่าในปี 2569 ความรุนแรงของสงครามราคาอาจจะลดลง เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ผลิตจะหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่ม การบริการหลังการขาย และ นวัตกรรมยานยนต์ มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
ผู้บริโภคในปี 2569 จะได้เห็น เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ทั้งในด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) การเชื่อมต่อภายในรถยนต์ (Connectivity) และประสิทธิภาพของ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น สถานีชาร์จ จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับจำนวนรถ EV ที่เพิ่มขึ้นในท้องถนน
บทสรุปและคำเชิญชวน
Motor Expo 2025 เป็นเสมือนภาพสะท้อนอันชัดเจนของอนาคตยานยนต์ไทยที่กำลังเร่งเครื่องสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า การเติบโตของยอดจอง รถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคในการปรับตัว และความสามารถของผู้ผลิตในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ แม้สงครามราคาจะยังคงดำเนินอยู่ แต่ในระยะยาว ตลาดจะมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรม ประสบการณ์ผู้ใช้งาน และความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการมองหา รถยนต์ไฟฟ้า ที่มี โปรโมชั่นรถยนต์ สุดคุ้ม หรือ รถไฮบริด ที่ยังคงความประหยัดและน่าเชื่อถือ หรือแม้แต่รถยนต์สันดาปภายในที่ยังคงมีจุดแข็งเฉพาะตัว ตัวเลือกในตลาดมีความหลากหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สำหรับท่านที่กำลังพิจารณา ซื้อรถ คันใหม่ หรือต้องการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ ตลาดรถยนต์ไทย ผมขอเชิญชวนให้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เปรียบเทียบ แคมเปญรถยนต์ และเงื่อนไข สินเชื่อรถยนต์ ต่างๆ รวมถึงพิจารณาความคุ้มครองจาก ประกันภัยรถยนต์ ที่เหมาะสม เพื่อให้การตัดสินใจของคุณเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ อย่าพลาดโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์ที่น่าตื่นเต้นนี้!

