• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1112113 เป ดกระโปรงเลยหรอ part 2

admin79 by admin79
December 14, 2025
in Uncategorized
0
N1112113 เป ดกระโปรงเลยหรอ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เจาะลึก Motor Expo 2025: ยอดจองถล่มทลาย, EV ครองบัลลังก์, โปรโมชั่นเดือดรับมาตรการใหม่

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่เมืองทองธานี ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีแสดงนวัตกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่สำคัญที่สุดแห่งปีอีกด้วย เมื่อมองจากภาพรวมของ 8 วันแรกที่ผ่านมา (28 พ.ย. – 5 ธ.ค. 2568) ตัวเลขยอดจองรถยนต์ที่พุ่งทะยานสู่ 36,174 คัน ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความคึกคักและความพร้อมของตลาดไทยในการก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นการเติบโตที่น่าจับตาอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ปรากฏการณ์ Motor Expo ปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของ “ตลาดรถยนต์ 2568” ที่กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแรงขับเคลื่อนของ “รถยนต์ไฟฟ้า” (EV) ที่ได้รับความสนใจอย่างถล่มทลาย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงกว่า 52% ของยอดจองทั้งหมด ตามมาด้วย “รถยนต์ไฮบริด” (xEV) และ “รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด” (PHEV) ที่ยังคงเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดและความอเนกประสงค์ ในขณะที่ “รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน” (ICE) ก็ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดที่แข็งแกร่ง ด้วยกลยุทธ์การปรับปรุงประสิทธิภาพและแคมเปญที่น่าสนใจ

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025: ปัจจัยหนุนยอดจองพุ่งทะยาน

การที่ยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2025 เติบโตขึ้นถึง 30-45% จากปีที่แล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลพวงจากหลายปัจจัยที่มาบรรจบกันอย่างลงตัว ประการแรกคือ “นโยบาย EV ไทย” ที่กำลังจะสิ้นสุดมาตรการส่งเสริม EV3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเสนอส่วนลดเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 150,000 บาท ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ “รถยนต์ไฟฟ้า” ได้ง่ายขึ้นเพื่อคว้าโอกาสสุดท้ายนี้

นอกจากนี้ การเตรียมการปรับเปลี่ยนมาตรการสู่ EV3.5 ในปี 2569 ที่จะลดเงินอุดหนุนลงเหลือ 50,000 บาท และปรับเพิ่ม “ภาษีสรรพสามิต” จาก 2% เป็น 10% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้า ก็ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ค่ายรถยนต์เร่งระบาย “รถในสต็อก” ด้วย “โปรโมชั่นรถ EV” ที่ดุเดือดและ “ส่วนลดรถยนต์” ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงภาระต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

ผมเชื่อว่าช่วงเวลาสุดท้ายของงาน Motor Expo 2025 ที่เหลืออีกไม่กี่วัน ซึ่งรวมถึงช่วงวันหยุดยาว จะเป็นช่วงที่คึกคักที่สุด และจะทำให้ยอดจองรวมของงานทะลุเป้าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจสูงกว่าปีที่ผ่านมา 30-40% จากยอดจองรถยนต์ 54,513 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 7,982 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อ “เทคโนโลยีรถยนต์” ยุคใหม่และความพร้อมในการลงทุน

10 อันดับค่ายรถยอดนิยม: ใครคือดาวเด่นแห่ง Motor Expo 2025?

จากการรวบรวมข้อมูลของผู้จัดงาน แสดงให้เห็นถึง 10 อันดับค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในช่วง 8 วันแรก พร้อมกับ “รถยนต์ยอดนิยม” ของแต่ละค่าย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มและกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จใน “ตลาดรถยนต์ 2568”:

โตโยต้า: ยอดจอง 6,013 คัน – “Toyota Yaris Cross”

โตโยต้ายังคงยืนหยัดด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในแบรนด์ Yaris Cross ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมันและไว้ใจได้ในระยะยาว นับเป็น “รถยนต์ประหยัดพลังงาน” ที่เข้าถึงง่าย

บีวายดี (BYD): ยอดจอง 3,154 คัน – “BYD Atto3”

BYD ยังคงเป็นผู้นำเทรนด์ “รถยนต์ไฟฟ้า” อย่างแท้จริง แม้ว่ายอดจองจะมาจากการประมาณการณ์ของผู้จัดงาน (เนื่องจาก BYD ไม่ได้แจ้งยอดโดยตรง) แต่ Atto3 ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็น “รถยนต์ยอดนิยม” ที่ครองใจผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยี Blade Battery ที่เป็นเอกลักษณ์และ “ราคา BYD” ที่น่าสนใจ

ฮอนด้า (Honda): ยอดจอง 3,039 คัน – “Honda HR-V e:HEV”

ฮอนด้ายังคงแข็งแกร่งในตลาด “รถยนต์ไฮบริด” ด้วย HR-V e:HEV ที่ผสมผสานดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และความประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น

โอโมด้า แอนด์ เจคู (OMODA & JAECOO): ยอดจอง 2,678 คัน – “Jaecoo 5 EV”

การเข้ามาของ “ค่ายรถจีน” น้องใหม่นี้สร้างความฮือฮาได้อย่างมาก JAECOO 5 EV ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า”

เอ็มจี (MG): ยอดจอง 2,360 คัน – “MG S5 EV”

MG ยังคงเดินหน้าขยายตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า” อย่างต่อเนื่อง ด้วย S5 EV ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยและ “ราคา MG” ที่แข่งขันได้ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการรถยนต์ EV ที่คุ้มค่า

จีเอซี ไอออน (GAC AION): ยอดจอง 2,187 คัน – “Aion UT”

GAC AION เป็นอีกหนึ่ง “ค่ายรถจีน” ที่น่าจับตา Aion UT แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์ EV ที่มาพร้อมนวัตกรรมและ “ราคา AION” ที่ดึงดูดใจ

จีลี่ (Geely): ยอดจอง 2,134 คัน – “Geely EX2”

Geely สร้างปรากฏการณ์ด้วย EX2 ซึ่งเป็นรถยนต์ EV ที่เปิดตัวด้วย “ราคา Geely” ที่สร้างความตกตะลึง ถือเป็นกลยุทธ์ที่ท้าทายตลาดด้วยราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด

ดีพอล (Deepal): ยอดจอง 2,117 คัน – “Deepal S05”

Deepal ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Changan Group ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว S05 สะท้อนถึงการออกแบบที่ทันสมัยและสมรรถนะของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่น่าประทับใจ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM): ยอดจอง 2,015 คัน – “GWM Tank 300 Diesel”

GWM แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในไลน์ผลิตภัณฑ์ โดย Tank 300 Diesel ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ออฟโรดที่สมบุกสมบันและมีสไตล์

มิตซูบิชิ (Mitsubishi): ยอดจอง 1,588 คัน – “Mitsubishi Xforce HEV”

มิตซูบิชิกลับมาพร้อมกับ Xforce HEV ที่เน้นความอเนกประสงค์และระบบไฮบริดที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

กลยุทธ์เด็ดของค่ายรถ: ฟาดฟันด้วยโปรโมชั่นสุดร้อนแรง

บรรยากาศการแข่งขันใน Motor Expo 2025 ร้อนระอุเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในกลุ่ม “รถยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งต่างงัด “โปรโมชั่นรถ EV” และแคมเปญพิเศษออกมาดึงดูดลูกค้าก่อนสิ้นสุดมาตรการ EV3.0 นี่คือการวิเคราะห์เชิงลึกจากประสบการณ์ของผมเกี่ยวกับกลยุทธ์ของแต่ละค่าย:

BYD – Rever Group: แบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และส่วนลดมหาศาล

BYD ภายใต้ Rever Group นำเสนอ “ราคา BYD” ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับ BYD Dolphin และ BYD Atto 3 จุดแข็งสำคัญคือการมอบการรับประกัน “แบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในตลาด และมีมูลค่าถึง 50,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นอกจากนี้ยังขยายการรับประกันย้อนหลังให้กับลูกค้าที่ซื้อตั้งแต่ 24 ตุลาคม 2568 อีกด้วย

สำหรับรถยนต์นำเข้าอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 ที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ก็มีข้อเสนอที่เร้าใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ BYD SEAL รุ่น Dynamic ที่ลดราคาลงกว่า 525,000 บาท จาก 1,325,000 บาท เหลือเพียง 799,000 บาท และรุ่น Premium ลดถึง 549,100 บาท จาก 1,449,000 บาท ซึ่งเป็นการลด “ราคา EV” ที่สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดอย่างมหาศาล ส่วน BYD SEALION 7 (นำเข้า) รุ่น Premium ก็ลด 175,000 บาท เหลือ 1,074,900 บาท

MG: ปรับโครงสร้างราคา สู่ความคุ้มค่าสูงสุด

MG Sales (ประเทศไทย) ยืนยันว่าจะไม่ปรับลด “ราคา MG” อีกแล้ว เนื่องจาก “ราคาล่าสุด” ถือเป็นราคาที่คุ้มค่าที่สุด ผมมองว่านี่คือการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า MG ต้องการสร้างความเชื่อมั่นด้านราคาให้กับผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ในราคาพิเศษ 849,000 บาท จาก 1,119,900 บาท (ส่วนลด 279,000 บาท) ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 90 คันเท่านั้น

สำหรับ MG IM6 ใหม่ ราคา 1,299,900 บาท มาพร้อมประกันชั้นหนึ่งและ พ.ร.บ. นาน 3 ปี พร้อม “อัตราดอกเบี้ยรถยนต์” 0.99% นาน 48 เดือน และ MG Shield “ประกันภัยรถยนต์” ชั้น 1 นาน 1 ปี นอกจากนี้ MG4 ELECTRIC รุ่นอื่น ๆ ยังมีราคาเริ่มต้นเพียง 519,900 บาท, MG ZS EV ที่ 499,900 บาท และ MG EP PLUS ที่ 469,900 บาท พร้อมของแถมมากมาย ตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่เข้าถึงง่าย

GAC AION: โปรคุ้ม 4 ต่อ พร้อมของแถมระดับพรีเมียม

GAC AION จัด “โปรโมชั่นรถ EV” แบบคุ้มค่า 4 ต่อ เพื่อส่งท้ายมาตรการ EV3.0 สำหรับ AION V ในราคา 899,000 บาท จากปกติ 1,020,900 บาท และ AION UT Standard ลดเหลือ 469,000 บาท (จาก 519,900 บาท) ส่วนรุ่น Premium ลดเหลือ 599,900 บาท (จาก 669,900 บาท)

สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่, มอเตอร์ขับเคลื่อน และกล่องควบคุมในชุดมอเตอร์ “ตลอดอายุการใช้งาน” (เช่นเดียวกับ BYD) พร้อมส่วนลดชุดแต่ง 6,000 บาท และของแถมสุดเซอร์ไพรส์อย่าง iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท ซึ่งเป็นการดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ “เทคโนโลยีรถยนต์” และแกดเจ็ตไปพร้อมกัน

Changan (CHANGAN): ข้อเสนอทางการเงินที่ยืดหยุ่น

“ฉางอาน” สร้างความน่าสนใจด้วยเงื่อนไขทางการเงินที่เข้าถึงง่าย เช่น “ดาวน์ 0%” และผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,990 บาท พร้อม “ส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท” และ “ประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน” สำหรับ Deepal S05 สำหรับผู้ที่จองภายในวันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2568 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดภาระทางการเงินในช่วงเริ่มต้น

OMODA & JAECOO: การเติบโตที่น่าประทับใจ

จากยอดส่งมอบกว่า 12,000 คันใน 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2568) OMODA & JAECOO ได้มอบ “ราคาพิเศษ” อีก 3,000 คันสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2568 สำหรับ JAECOO 5 EV LONG RANGE DYNAMIC ราคา 549,000 บาท (จาก 629,000 บาท) และ JAECOO 5 EV LONG RANGE MAX ราคา 599,000 บาท (จาก 679,000 บาท) นอกจากนี้ JAECOO 6 EV ยังลดราคาสูงสุด 250,000 บาท และ JAECOO 7 SHS ลดสูงสุด 100,000 บาท ซึ่งเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงท้ายปีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Geely: กลยุทธ์ราคาที่ไม่ต้องพึ่งพามาตรการรัฐ

Geely มาพร้อมแนวคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยยืนยันว่าจะ “ไม่เข้าร่วมมาตรการของรัฐบาล” แต่จะมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อนำเสนอ “ราคา Geely” ที่ “จับต้องได้ง่ายขึ้น” สำหรับลูกค้าชาวไทย Geely EX2 เปิดตัวในงาน Motor Expo 2025 ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท (จำกัด 2,000 คันแรก) ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของ “ราคา รถ EV” ขนาดเล็ก ผมมองว่าหาก Geely EX2 ได้รับการตอบรับที่ดี นโยบายการตั้งราคาที่ถูกต้องตั้งแต่แรกโดยไม่ต้องพึ่งพาส่วนลดแคมเปญจะกลายเป็นโมเดลที่น่าศึกษา

Great Wall Motor (GWM): สงครามราคาที่กำลังเปลี่ยนผ่าน

GWM ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้จุดประกาย “สงครามราคา 2568” ในตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า” คาดการณ์ว่าในปี 2569 ความรุนแรงของสงครามราคาอาจลดลงตามเงื่อนไขของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะมีผลต่อต้นทุนรถยนต์ GWM มีแผนปรับขึ้น “ราคา GWM” ของ ORA Good Cat ในปี 2569 จากราคาเริ่มต้น 599,000 บาทในปัจจุบัน แต่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น ฟรีโปรแกรมช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 บาท, “ประกันภัยรถยนต์” ชั้นหนึ่งนาน 2 ปี และค่าอะไหล่ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง 5 ปี มูลค่า 11,000 บาท ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจาก “ส่วนลดรถยนต์” ตรงๆ ไปสู่การเพิ่มมูลค่าในระยะยาว

Leapmotor Thailand: รุ่นพิเศษและแคมเปญบำรุงรักษา

Leapmotor Thailand โดย บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) นำเสนอ Leapmotor C10 Limited Edition Kinetix Model ในราคา 928,000 บาท เพียง 100 คันเท่านั้น พร้อมแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าและใหม่ ด้วยสิทธิพิเศษบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร มูลค่า 20,000 บาท เมื่อจองรถยนต์ทุกรุ่นในงานและรับรถภายในเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เน้นความคุ้มค่าในระยะยาว

ภาพรวมตลาดและแนวโน้มสำหรับปี 2569

จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ยอดจดทะเบียน “รถยนต์ไฟฟ้า” ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปี 2568 มีจำนวน 10,330 คัน โดยมี JAECOO, BYD, MG, AION และ Deepal เป็น 5 อันดับแรก ซึ่งสอดคล้องกับ “แนวโน้มตลาดรถยนต์” ที่ “ค่ายรถจีน” เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผมมองว่า “ตลาดรถยนต์ 2568” มีอัตราเติบโตที่ดี แม้จะเพิ่มขึ้นไม่มากก็ตาม โดยคาดการณ์ว่ายอดขายรวมของตลาดจะปิดที่ 600,000 คัน เติบโต 3-4% สำหรับตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า” โดยเฉพาะ คาดการณ์ว่ายอดขายในปี 2568 จะอยู่ที่กว่า 100,000 คัน และในปี 2569 จะพุ่งขึ้นสู่ 120,000 คัน ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว

“สงครามราคา” ที่เราเห็นในปี 2568 อาจจะยังคงมีอยู่บ้างในปี 2569 แต่ผมเชื่อว่าความรุนแรงจะลดลง และจะเปลี่ยนไปสู่ “สงครามเทคโนโลยีและบริการ” มากขึ้น ค่ายรถยนต์จะแข่งขันกันที่นวัตกรรม ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ความสะดวกสบายในการชาร์จ บริการหลังการขาย และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานของ “เทคโนโลยีรถยนต์” ในประเทศไทยไปอีกขั้น

โอกาสทองสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่

งาน Motor Expo 2025 เป็นเสมือนจุดนัดพบสำคัญที่รวบรวมสุดยอด “เทคโนโลยีรถยนต์” ล่าสุด “โปรโมชั่นรถยนต์” ที่ดีที่สุด และ “ราคา รถ EV” ที่แข่งขันได้อย่างดุเดือด ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่ล้ำสมัย “รถยนต์ไฮบริด” ที่ประหยัด หรือ “รถยนต์ประหยัดพลังงาน” ในรูปแบบใดก็ตาม นี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้รับข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุด

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอแนะนำว่านี่คือ “โอกาสทอง” ที่คุณไม่ควรพลาด ไม่เพียงแค่เพราะ “ส่วนลดรถยนต์” ที่ล่อใจ แต่ยังรวมถึงโอกาสในการสัมผัสและเปรียบเทียบ “รถยนต์ยอดนิยม” จากหลากหลายแบรนด์ในที่เดียว และยังได้ใช้สิทธิ์จาก “นโยบาย EV ไทย” ก่อนที่มาตรการจะเปลี่ยนแปลงไป

อย่าพลาดที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคต! ขอเชิญชวนทุกท่านที่กำลังพิจารณาซื้อรถยนต์คันใหม่ เข้าชมงาน Motor Expo 2025 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี (ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568) เพื่อทดลองขับ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละค่ายรถยนต์ เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกยานยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และคุ้มค่าที่สุด ก่อนที่โอกาสทองนี้จะหมดลง.

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025: ครึ่งทางยอดจองทะลุ 3.6 หมื่นคัน ปฏิวัติยานยนต์ด้วยพลัง EV และไฮบริด

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2568 นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีจัดแสดงรถยนต์ แต่เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงพลวัตและความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ณ ปัจจุบัน จากข้อมูลล่าสุดที่งานได้ดำเนินมาครึ่งทาง เพียง 8 วันแรก ยอดจองรถยนต์พุ่งสูงถึง 36,174 คัน แสดงให้เห็นถึงความคึกคักและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่กลับมาอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสความนิยมใน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ รถยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในตลาด ยานยนต์ยุคใหม่ อย่างแท้จริง

ทะลุทุกความคาดหมาย: พลังขับเคลื่อนจากนวัตกรรมและการแข่งขันดุเดือด

ยอดจองที่เติบโตขึ้นถึง 30-45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่บ่งบอกถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่กำลังหล่อหลอมตลาดรถยนต์ไทยในปี 2568 นี้ ปัจจัยแรกคือ มาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า EV3.0 ของภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ทำให้ผู้บริโภคที่เล็งเห็นถึง ส่วนลด EV สูงสุดถึง 150,000 บาท เร่งตัดสินใจซื้อก่อนจะพลาดโอกาสทองนี้ นอกจากนี้ การแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างค่ายรถยนต์ โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่ขนทัพนวัตกรรมและโปรโมชั่นสุดร้อนแรงเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ได้กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมว่า การตอบรับจากผู้เข้าชมงานเป็นไปอย่างล้นหลาม และมั่นใจว่ายอดจองรวมของงานปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 30-40% โดยมียอดจองรถยนต์ 54,513 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 7,982 คันในปี 2567 ที่เป็นฐานเปรียบเทียบ เหตุผลสำคัญคือ “กระแสการปรับภาษี และมาตรการอีวีที่จะสิ้นสุดลง ทำให้คนที่จะเปลี่ยนรถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น” ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญได้ติดตามมาโดยตลอดว่า นโยบายภาครัฐมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อทิศทางตลาด รถยนต์ประหยัดพลังงาน

เปิดโผ 10 อันดับ แบรนด์และรุ่นรถยนต์มาแรง: ใครคือผู้ชนะในสมรภูมิ Motor Expo 2025?

จากยอดจองสะสม 8 วันแรก ตัวเลขจากแหล่งข้อมูลอย่าง “ซื้อรถชิงรถ” ได้เผยให้เห็นถึงแบรนด์และรุ่นรถยนต์ที่ได้รับความสนใจอย่างถล่มทลาย แสดงให้เห็นถึงเทรนด์ความนิยมของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน:

โตโยต้า (Toyota): ยอดจอง 6,013 คัน โดยมี Toyota Yaris Cross เป็นรุ่นที่มาแรงที่สุด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ญี่ปุ่นในกลุ่ม B-SUV ที่ผสานความน่าเชื่อถือกับเทคโนโลยีไฮบริดได้อย่างลงตัว ดึงดูดผู้ที่มองหา รถยนต์ไฮบริดประหยัดน้ำมัน
บีวายดี (BYD): ยอดจอง 3,154 คัน โดย BYD Atto3 ยังคงเป็นขวัญใจมหาชน ในขณะที่ค่าย BYD ยังคงไม่เปิดเผยยอดจองโดยตรง ผู้จัดงานจึงประเมินจากอัตราส่วนผู้ลงทะเบียน “ซื้อรถชิงรถ” ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลของแบรนด์จีนในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ฮอนด้า (Honda): ยอดจอง 3,039 คัน โดยมี Honda HR-V e:HEV เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตอกย้ำความสำเร็จของ Honda ในตลาด SUV ไฮบริด ที่ผสานสมรรถนะและความประหยัด
โอโมด้า แอนด์ เจคู (Omoda & Jaecoo): ยอดจอง 2,678 คัน โดยมี Jaecoo 5 EV เป็นดาวเด่น การเข้ามาของแบรนด์ใหม่จากจีนที่เน้นดีไซน์และเทคโนโลยี EV กำลังสร้างกระแสในตลาดอย่างรวดเร็ว
เอ็มจี (MG): ยอดจอง 2,360 คัน โดย MG S5 EV มาแรง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ MG ในการนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้
GAC (ไอออน): ยอดจอง 2,187 คัน โดยมี Aion UT เป็นรุ่นที่โดดเด่น แบรนด์จากจีนอีกรายที่กำลังสร้างฐานลูกค้าในไทยด้วยนวัตกรรมและราคาที่แข่งขันได้
จีลี่ (Geely): ยอดจอง 2,134 คัน โดยมี Geely EX2 เป็นรุ่นที่น่าจับตา การเข้ามาของ Geely ด้วยโมเดล EV ขนาดเล็กในราคาที่น่าสนใจ กำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด
ดีพอล (Deepal): ยอดจอง 2,117 คัน โดยมี Deepal S05 เป็นตัวชูโรง แบรนด์น้องใหม่จากฉางอานที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาด EV พรีเมียม ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย
เกรทวอลล์มอเตอร์ (GWM): ยอดจอง 2,015 คัน โดยมี GWM Tank 300 Diesel เป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงตลาดกลุ่ม รถยนต์ออฟโรด ที่ยังคงมีกำลังซื้อสูง แม้กระแส EV จะมาแรง
มิตซูบิชิ (Mitsubishi): ยอดจอง 1,588 คัน โดย Mitsubishi Xforce HEV มาแรง ชี้ให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ SUV Hybrid ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน

สิ่งที่น่าสนใจคือสัดส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า กว่า 52% เป็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามด้วย รถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ซึ่งตอกย้ำถึงทิศทางที่ผู้บริโภคไทยกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดมากขึ้นอย่างชัดเจน ตลาด EV ในไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดการณ์ว่าในปี 2568 ยอดขาย รถยนต์ไฟฟ้า จะทะลุ 100,000 คัน และในปี 2569 จะอยู่ที่ 120,000 คัน

สงครามราคาและการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์: บทสรุปก่อนสิ้นสุดมาตรการ EV3.0

ช่วงโค้งสุดท้ายของมาตรการ EV3.0 ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ งัดกลยุทธ์และแคมเปญสุดร้อนแรงออกมาอย่างไม่ลดละ เพื่อเร่งระบายรถในสต็อกและกระตุ้นยอดขายก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่สิทธิประโยชน์ต่างๆ จะถูกปรับลดลง ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนและราคาจำหน่ายในปีหน้า

BYD – Rever Group: นำเสนอเงื่อนไขราคาที่ดีที่สุดสำหรับ BYD Dolphin และ BYD Atto 3 พร้อมมอบ การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน มูลค่า 50,000 บาท ซึ่งเป็นครั้งแรกของตลาดไทย นอกจากนี้ รถยนต์นำเข้าอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 ที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ก็มีการจัดส่วนลดมหาศาล โดยเฉพาะ BYD SEAL รุ่น Dynamic ที่ลดสูงถึง 525,000 บาท เหลือเพียง 799,000 บาท จากราคาปกติ 1,325,000 บาท นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ โปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดึงดูดใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง
MG: นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดราคาจำหน่ายรถยนต์ EV ของ MG อีกแล้ว เนื่องจากราคาปัจจุบันถือเป็น “ราคาสุดท้ายจริง ๆ” พร้อมจัดหนักกับ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ราคาพิเศษ 849,000 บาท จากเดิม 1,119,900 บาท (ส่วนลด 279,000 บาท) จำนวนจำกัดเพียง 90 คัน รวมถึงรุ่นยอดนิยมอื่นๆ เช่น MG4 ELECTRIC เริ่มต้น 519,900 บาท และ MG ZS EV รับข้อเสนอ The Last Offer ราคา 499,900 บาท การกำหนดราคาที่ชัดเจนนี้อาจเป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
GAC AION: จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” ส่งท้ายมาตรการ EV สำหรับ AION V ราคาพิเศษ 899,000 บาท จาก 1,020,900 บาท และ AION UT Standard ลดเหลือ 469,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และกล่องควบคุมตลอดอายุการใช้งาน พร้อมส่วนลดชุดแต่งและแถมฟรี iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท สะท้อนถึงการทุ่มทุนเพื่อเร่งยอดขายก่อนหมดมาตรการ
CHANGAN (ฉางอาน): จัดโปรฯ ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท และ รับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน สำหรับ Deepal S05 ที่จองภายในงาน มาพร้อมเงื่อนไขที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำ
JAECOO: นายเซดริก ชุย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เผยถึงความสำเร็จของ JAECOO 5 EV ที่มียอดส่งมอบกว่า 12,000 คัน ในช่วง 10 เดือนแรก และคาดว่าจะปิดปี 2568 ที่ 14,000 คัน พร้อมมอบราคาพิเศษเพิ่มอีก 3,000 คัน ก่อนสิ้นปี เช่น JAECOO 5 EV LONG RANGE DYNAMIC ราคา 549,000 บาท จาก 629,000 บาท การทำตลาดเชิงรุกนี้สะท้อนความมั่นใจในผลิตภัณฑ์
Geely: นายณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ Geely ยืนยันว่าจะ ไม่เข้าร่วมมาตรการของรัฐบาล แต่เน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อตั้งราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น โดยเปิดตัว Geely EX2 ในราคาเริ่มต้น 399,990 บาท สำหรับ 2,000 คันแรก นี่เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าบางแบรนด์เลือกที่จะแข่งขันด้วยราคาพื้นฐานที่เข้าถึงง่ายตั้งแต่แรก มากกว่าการพึ่งพิงส่วนลดจากรัฐบาล
Leapmotor (ลีปมอเตอร์): บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) ส่งรุ่นพิเศษ C10 Limited Edition Kinetix Model ราคา 928,000 บาท เพียง 100 คัน และแคมเปญบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร มูลค่า 20,000 บาท สะท้อนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า

อนาคตของตลาดรถยนต์ไทย: ความท้าทายและการเติบโตอย่างยั่งยืน

สงครามราคาในปี 2568 นี้ค่อนข้างรุนแรง นายเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย คาดการณ์ว่าในปี 2569 สถานการณ์ดังกล่าวอาจยังคงอยู่ แต่ความรุนแรงจะลดลง ตามเงื่อนไขของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะมีผลต่อต้นทุนราคาของรถยนต์ โดย GWM เองก็จะปรับขึ้นราคาจำหน่าย ORA Good Cat ในปี 2569 แต่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อชดเชย เช่น ฟรีโปรแกรมช่วยผ่อน เดือนละ 5,000 บาท ประกันภัยชั้นหนึ่งนาน 2 ปี และค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง 5 ปี

การเปลี่ยนแปลงสู่มาตรการ EV3.5 ที่จะลดเงินสนับสนุนรถยนต์ EV นำเข้าจากคันละ 150,000 บาท เหลือ 50,000 บาท และปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มจาก 2% เป็น 10% จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2569 ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตต้องพิจารณากลยุทธ์การตั้งราคาและโปรโมชั่นกันใหม่หมด การลงทุนใน สถานีชาร์จรถไฟฟ้า และการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน EV จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อรองรับจำนวน รถยนต์ไฟฟ้า ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในภาพรวมตลาดรถยนต์ประเทศไทยในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะปิดยอดขายรวมที่ประมาณ 600,000 คัน เติบโตราว 3-4% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดีท่ามกลางความท้าทายต่างๆ แม้ว่าตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ผู้บริโภคมีความตื่นตัวและเปิดรับ เทคโนโลยี EV มากขึ้นกว่าเดิม และนี่คือทิศทางที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังมุ่งหน้าไป

บทสรุปและคำเชิญ

งาน Motor Expo 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการจัดแสดง นวัตกรรมยานยนต์ ล่าสุด แต่เป็นโอกาสทองที่คุณจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต และคว้าข้อเสนอสุดพิเศษก่อนที่มาตรการส่งเสริม EV3.0 จะสิ้นสุดลง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2568 ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ขอเชิญชวนทุกท่านที่กำลังมองหา รถยนต์คันใหม่ หรือสนใจใน การลงทุน EV ในไทย ให้เข้าเยี่ยมชมงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 เพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอสุดคุ้มจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ และเลือกสรรยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด ก่อนจะพลาดโอกาสครั้งสำคัญนี้

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย มาสัมผัสประสบการณ์ขับเคลื่อนแห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง และค้นพบว่า รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ไฮบริด รุ่นใดคือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณและครอบครัว แล้วพบกันที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี!

Previous Post

N1112112 องไม part 2

Next Post

N1112110 ทาส บช part 2

Next Post
N1112110 ทาส บช part 2

N1112110 ทาส บช part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612007 จม กโตและเพ อน บแผนเถ อนๆของเขา part 2
  • N1612020 แม าแตงโม รวมห วก บแม าสาล part 2
  • N1612009 นแรกเป นพน กงานด เด นต อมาเป นล กค าหน าหม part 2
  • N1612003 งานการไม อยทำ ขย นสร างแต เร องว นๆ part 2
  • N1612005 กามเทพจม กโต แผลงศรแห งความร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.