ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025: เจาะลึกปรากฏการณ์ยอดจองถล่มทลายและทิศทางตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย
จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการยานยนต์ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่เพิ่งผ่านพ้นครึ่งทางไปอย่างงดงาม ด้วยยอดจองที่พุ่งทะยานจนน่าตกใจ สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตที่รุนแรงและทิศทางใหม่ที่ชัดเจนของตลาดรถยนต์ในประเทศ
งาน Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม ได้กลายเป็นเวทีประลองกำลังของบรรดาค่ายรถยนต์จากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ รถยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเลขยอดจองที่ทะลุ 36,174 คัน ภายในเวลาเพียง 8 วันแรก ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความพร้อมของตลาดไทยที่จะก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ผมมองว่านี่คือโอกาสทองสำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ หรือกำลังพิจารณา เปลี่ยนรถยนต์ ในช่วงปลายปีนี้
พลวัตแห่งการเปลี่ยนแปลง: EV พลิกโฉมตลาดรถยนต์ไทย
หากย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้า ยังคงเป็นภาพที่เลือนรางและดูไกลตัวสำหรับผู้บริโภคชาวไทย แต่ในปี 2025 นี้ สถานการณ์ได้พลิกผันอย่างสิ้นเชิง ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านมาตรการส่งเสริม EV 3.0 และ EV 3.5 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ราคาที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น และความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้ โปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้า กลายเป็นไฮไลต์สำคัญของงาน Motor Expo 2025
ยอดจองที่สูงถึงกว่า 52% มาจากกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตอกย้ำถึงกระแสความนิยมที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองแค่รูปลักษณ์หรือสมรรถนะเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ประหยัดกว่า เทคโนโลยีอัจฉริยะที่มาพร้อมกับรถ EV และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้ การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง ค่ายรถจีน ที่เข้ามาทำตลาดอย่างเต็มตัว ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นยอดขายได้อย่างมีนัยยะ มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยเฉพาะส่วนลด 150,000 บาทสำหรับ EV 3.0 และการปรับลดลงของส่วนลดสำหรับ EV 3.5 พร้อมการปรับภาษีสรรพสามิตสำหรับรถนำเข้า ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อก่อนที่สิทธิประโยชน์จะหมดไป นี่คือปัจจัยที่ทำให้เกิด “สงครามราคา” และ “แคมเปญสุดพิเศษ” ที่เราได้เห็นกันในงาน ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ซื้ออย่างแท้จริง
เจาะลึก 10 อันดับรถยนต์ยอดนิยม: ใครคือดาวเด่นแห่ง Motor Expo 2025?
การวิเคราะห์ 10 อันดับรถยนต์ยอดจองสูงสุดในงาน Motor Expo 2025 เผยให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย แบรนด์ที่ติดอันดับเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่มีผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ยังต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคม และความเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการ
โตโยต้า (ยอดจอง 6,013 คัน) – ดาวเด่น: Toyota Yaris Cross
โตโยต้ายังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน Toyota Yaris Cross เป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ SUV ขนาดกะทัดรัด ที่ผสานความประหยัดน้ำมัน ดีไซน์ทันสมัย และความน่าเชื่อถือแบบโตโยต้าเข้าไว้ด้วยกัน แม้ว่ากระแส EV จะมาแรง แต่ Yaris Cross ซึ่งเป็นไฮบริด ก็ยังคงตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าและลดความกังวลเรื่องสถานีชาร์จได้อย่างดีเยี่ยม
บีวายดี (ยอดจอง 3,154 คัน) – ดาวเด่น: BYD Atto3
BYD กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยอย่างรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์ราคาที่แข่งขันได้และเทคโนโลยี Blade Battery ที่เป็นเอกลักษณ์ BYD Atto3 ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และสมรรถนะการขับขี่ที่น่าประทับใจ ทำให้ Atto3 ดึงดูดผู้บริโภคที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ EV ที่แท้จริงได้อย่างล้นหลาม ราคา BYD Atto3 ที่จับต้องได้ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ
ฮอนด้า (ยอดจอง 3,039 คัน) – ดาวเด่น: Honda HR-V e:HEV
ฮอนด้ายังคงยืนหยัดด้วยขุมพลังไฮบริดที่พิสูจน์แล้ว Honda HR-V e:HEV เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่ไม่ทิ้งดีไซน์สปอร์ตและสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ฮอนด้า ประกอบกับเทคโนโลยี e:HEV ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างเห็นผล ทำให้ HR-V e:HEV ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในกลุ่ม SUV ขนาดเล็ก
โอโมด้า แอนด์ เจคู (ยอดจอง 2,678 คัน) – ดาวเด่น: Jaecoo 5 EV
แบรนด์น้องใหม่จากจีนอย่าง Jaecoo ได้สร้างความประหลาดใจด้วยยอดจองที่แข็งแกร่ง Jaecoo 5 EV สะท้อนถึงเทรนด์ของ รถยนต์ SUV ไฟฟ้า ที่เน้นดีไซน์ทันสมัย ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน และราคาที่น่าดึงดูดใจ การเข้ามาของ Jaecoo แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์จีนที่เน้นคุณภาพและนวัตกรรม
เอ็มจี (ยอดจอง 2,360 คัน) – ดาวเด่น: MG S5 EV
MG ยังคงเป็นอีกหนึ่ง ค่ายรถจีน ที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้สำเร็จ ด้วยไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย MG S5 EV เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพดี ในราคาที่สมเหตุสมผล การที่ MG สามารถทำยอดจองได้ดีในขณะที่ตลาดมีการแข่งขันสูง เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์
GAC (ไอออน) (ยอดจอง 2,187 คัน) – ดาวเด่น: Aion UT
Aion จาก GAC เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งพุ่งแรงในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอ Aion UT ที่เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ กลยุทธ์การทำตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง และการนำเสนอ โปรโมชั่น EV ที่น่าสนใจ ทำให้ Aion UT กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นในงาน
จีลี่ (ยอดจอง 2,134 คัน) – ดาวเด่น: Geely EX2
จีลี่เข้ามาสร้างความคึกคักในตลาดด้วย Geely EX2 ที่โดดเด่นด้วยราคาเริ่มต้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมมาตรการ EV ของรัฐบาล สิ่งนี้สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและการตั้ง ราคา EV ที่แข่งขันได้ตั้งแต่แรกเริ่ม Geely EX2 เป็นตัวเลือกที่น่าจับตาสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด และคุ้มค่า
ดีพอล (ยอดจอง 2,117 คัน) – ดาวเด่น: Deepal S05
Deepal อีกหนึ่งแบรนด์ EV น้องใหม่ที่สร้างกระแสได้อย่างรวดเร็ว Deepal S05 นำเสนอดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน การที่ Deepal สามารถสร้างยอดจองได้ใกล้เคียงกับแบรนด์ใหญ่ๆ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์และการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่เปิดใจรับ รถยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีใหม่
เกรทวอลล์มอเตอร์ (ยอดจอง 2,015 คัน) – ดาวเด่น: GWM Tank 300 Diesel
GWM ยังคงมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น GWM Tank 300 Diesel พิสูจน์ให้เห็นว่า รถยนต์สันดาปภายใน ที่มีเอกลักษณ์และสมรรถนะที่โดดเด่น ก็ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์ออฟโรดและความแข็งแกร่ง แม้ว่า GWM จะมีไลน์อัพ EV ที่น่าสนใจ แต่ Tank 300 ก็ยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดสำคัญ
มิตซูบิชิ (ยอดจอง 1,588 คัน) – ดาวเด่น: Mitsubishi Xforce HEV
มิตซูบิชิกลับมาพร้อมกับ Mitsubishi Xforce HEV ที่เน้นความอเนกประสงค์ ดีไซน์ที่ทันสมัย และขุมพลังไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน Xforce HEV เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ครอบครัว ที่ใช้งานได้หลากหลาย พร้อมความน่าเชื่อถือของแบรนด์ญี่ปุ่น
สงครามราคาและแคมเปญสุดร้อนแรง: ใครได้ ใครเสีย?
สิ่งที่เห็นได้ชัดใน Motor Expo 2025 คือ “สงครามราคา” ที่ดุเดือด โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งค่ายรถต่างๆ ต่างอัดฉีด ส่วนลดรถยนต์ แคมเปญทางการเงิน และสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อกระตุ้นยอดขาย
BYD และ Rever Group ได้สร้างความฮือฮาด้วยการมอบประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และส่วนลดมหาศาลสำหรับ BYD SEAL บางรุ่นลดสูงสุดกว่า 525,000 บาท ทำให้ ราคา BYD SEAL ในงานน่าดึงดูดใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน นี่คือการเร่งระบายสต็อกก่อนมาตรการ EV 3.5 จะมีผลเต็มตัว
MG ยืนยันว่าราคาจำหน่ายรถยนต์ EV ของตนเป็น “ราคาสุดท้ายจริงๆ” พร้อมเสนอส่วนลดสูงสุดถึง 279,000 บาทสำหรับ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER และข้อเสนอพิเศษสำหรับรุ่นอื่นๆ เช่น MG ZS EV และ MG EP PLUS การเน้นย้ำถึง “The Last Offer” เป็นการสร้างความเร่งด่วนในการตัดสินใจซื้อ
GAC AION จัด “โปรฯ คุ้ม 4 ต่อ” สำหรับ AION V และ AION UT รวมถึงประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน และที่น่าสนใจคือ การแถมฟรี iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ล้ำหน้าในการดึงดูดลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยี
CHANGAN (ฉางอาน) ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยข้อเสนอทางการเงินที่น่าสนใจอย่าง ดาวน์ 0% ผ่อนเริ่มต้น 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาทสำหรับ Deepal S05 พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน
JAECOO ที่มียอดขาย JAECOO 5 EV ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยังคงตัดสินใจมอบราคาพิเศษให้กับลูกค้าอีก 3,000 คันก่อนสิ้นปี 2568 โดยมีส่วนลดสูงสุดถึง 250,000 บาทสำหรับ JAECOO 6 EV
Geely เลือกที่จะไม่เข้าร่วมมาตรการภาครัฐ แต่เน้นการตั้งราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ตั้งแต่แรก โดย Geely EX2 เปิดตัวในราคาเพียง 399,990 บาท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าจะได้รับราคาที่ดีที่สุดตั้งแต่วันแรก
Leapmotor Thailand โดย พระนครยนตรการ เสนอ Leapmotor C10 Limited Edition Kinetix Model ในราคาพิเศษ พร้อมแคมเปญบำรุงรักษา 5 ปี
จากปรากฏการณ์เหล่านี้ ผู้บริโภคคือผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ราคารถ EV 2025 ที่ถูกลง สินเชื่อรถยนต์ ดอกเบี้ยพิเศษ หรือ ประกันภัยรถยนต์ ที่แถมมาพร้อมกับการซื้อ
อนาคตของตลาดรถยนต์ไทย: ความท้าทายและโอกาสปี 2026
จากข้อมูลและแนวโน้มที่เห็นในงาน Motor Expo 2025 ผมคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไทยในปี 2026 จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความท้าทายจากการปรับเปลี่ยนมาตรการสนับสนุน EV และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน Motor Expo ได้แสดงความเชื่อมั่นว่ายอดจองโดยรวมของปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 30-40% ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสการปรับภาษีและมาตรการ EV ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ จาก MG Sales (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2569 จะอยู่ที่ประมาณ 120,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2568 ที่คาดว่าจะเกิน 100,000 คัน ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเซกเมนต์ EV
ในขณะที่นายเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย คาดการณ์ว่าสงครามราคาในปี 2568 ค่อนข้างรุนแรง และอาจจะยังคงมีอยู่ในปี 2569 แต่ความรุนแรงจะลดลงตามเงื่อนไขของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะมีผลต่อต้นทุนราคารถยนต์
ผมมองว่าปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ค่ายรถยนต์ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา เทคโนโลยี EV ล่าสุด การสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ครอบคลุมมากขึ้น และการนำเสนอรูปแบบการเป็นเจ้าของที่ยืดหยุ่น เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันจะยังคงเข้มข้น แต่ผู้ที่มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมและคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า จะเป็นผู้ที่คว้าชัยในระยะยาว
บทสรุปและคำเชิญชวน
Motor Expo 2025 ไม่ใช่แค่เพียงงานแสดงรถยนต์ แต่เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ยอดจองที่ทะลุเป้าบ่งบอกถึงความกระตือรือร้นของผู้บริโภคและความพร้อมของตลาดในการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา ซื้อรถใหม่ โดยเฉพาะ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ไฮบริด ด้วยข้อเสนอและโปรโมชั่นที่หลากหลายจากค่ายรถยนต์ชั้นนำ
หากท่านกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ อย่ารอช้าที่จะศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ และเยี่ยมชมโชว์รูม เพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ในยุคใหม่นี้ด้วยตัวท่านเอง เพราะโอกาสทองเช่นนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอนาคตยานยนต์ไทยไปด้วยกัน!
มอเตอร์เอ็กซ์โป 2568: ถอดรหัสยอดจอง 3.6 หมื่นคัน – อนาคตยานยนต์ไทยที่ร้อนแรงกว่าที่เคย
มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่มีพลวัตและน่าจับตามองที่สุดในภูมิภาค ด้วยยอดจองรถยนต์สะสมที่พุ่งทะลุ 36,174 คัน ภายใน 8 วันแรกของการจัดงาน ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความคึกคักและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการนี้ ผมกล้ายืนยันว่า ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ยอดขาย แต่เป็นการสะท้อนภาพรวมของตลาดที่กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยมีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (xEV) เป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จนี้
ปรากฏการณ์ Motor Expo 2025: ครึ่งทางที่สร้างประวัติศาสตร์
งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม ได้สร้างกระแสความสนใจอย่างล้นหลาม ยอดจองกว่า 3.6 หมื่นคันในช่วงครึ่งแรกของงาน ถือเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความพร้อมและกระตือรือร้นอย่างมากในการอัปเกรดหรือเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ยุคใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2568 ได้สร้างแรงกระตุ้นมหาศาลให้กับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในทันทีทันใด
สิ่งที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดคือสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งกินส่วนแบ่งตลาดไปกว่า 52% ของยอดจองทั้งหมด ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เพียงการเพิ่มขึ้นของยอดขาย แต่เป็นการเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อเทคโนโลยียานยนต์ ผมเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปและทวีความเข้มข้นขึ้นในปี 2569 และปีต่อๆ ไป
10 อันดับแบรนด์ยอดนิยม: การแข่งขันที่ดุเดือดและน่าจับตา
การจัดอันดับยอดจองจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2025 ได้เผยให้เห็นถึงภูมิทัศน์การแข่งขันที่หลากหลายและเข้มข้นขึ้นอย่างชัดเจน แบรนด์จากหลากหลายเชื้อชาติได้เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างเต็มกำลัง พร้อมด้วยกลยุทธ์และจุดเด่นที่แตกต่างกันไป
Toyota (โตโยต้า): ผู้นำที่แข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์หลากหลาย
ด้วยยอดจอง 6,013 คัน โตโยต้ายังคงยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำตลาดที่ไม่มีใครก้าวข้ามได้ง่ายๆ รถยนต์ที่มาแรงอย่าง Toyota Yaris Cross แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการทำตลาดรถยนต์ไฮบริดขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมือง โตโยต้ายังคงเน้นย้ำถึงความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้แบรนด์ยังคงได้รับความไว้วางใจอย่างสูง
BYD (บีวายดี): แชมป์ EV ที่ไม่มีใครหยุดอยู่
BYD โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยยอดจองประมาณ 3,154 คัน โดยมี BYD Atto 3 เป็นเรือธงที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย แคมเปญสุดเร้าใจและการมอบส่วนลดกว่า 5 แสนบาทสำหรับรุ่น BYD SEAL ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการขยายฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้ในแบรนด์อย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงง่าย ควบคู่กับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่ล้ำสมัย ทำให้ BYD กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่า
Honda (ฮอนด้า): ไฮบริดตัวจริงที่ยังคงครองใจ
ฮอนด้ายังคงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาด ด้วยยอดจอง 3,039 คัน โดยมี Honda HR-V e:HEV เป็นดาวเด่นที่กวาดยอดจองไปอย่างมหาศาล นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีไฮบริดของฮอนด้ายังคงเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความประหยัดเชื้อเพลิงและสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ฮอนด้ามุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานควบคู่ไปกับประสิทธิภาพ ทำให้ยังคงเป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับผู้บริโภค
OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู): ดาวรุ่ง EV ที่มาแรงเกินคาด
ด้วยยอดจอง 2,678 คัน และ Jaecoo 5 EV เป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจสูงสุด OMODA และ JAECOO ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย แบรนด์จีนน้องใหม่นี้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย ดีไซน์โดดเด่น และราคาที่แข่งขันได้ การรุกตลาดอย่าง aggressive พร้อมข้อเสนอพิเศษต่างๆ ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาอย่างรวดเร็ว
MG (เอ็มจี): EV ขวัญใจมหาชนที่ปรับกลยุทธ์ดุดัน
เอ็มจีทำยอดจองได้ 2,360 คัน โดยมี MG S5 EV เป็นรุ่นยอดนิยม เอ็มจียังคงเป็นผู้นำในการสร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย แม้จะมีการแข่งขันด้านราคาที่สูง แต่เอ็มจีก็ยังคงปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าและสร้างการเติบโต
GAC AION (ไอออน): ผู้ท้าชิงที่พร้อมสร้างความประหลาดใจ
GAC AION ทำยอดจองไป 2,187 คัน โดยมี Aion UT เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม แบรนด์นี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดไทยอย่างจริงจัง ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแพลตฟอร์ม EV ที่เป็นเอกลักษณ์ การทำโปรโมชั่นสุดคุ้ม 4 ต่อ พร้อมของแถมอย่าง iPhone 17 สะท้อนถึงการทุ่มตลาดอย่างเต็มที่เพื่อดึงดูดความสนใจ
Geely (จีลี่): คลื่นลูกใหม่ที่มาพร้อมราคาช็อกตลาด
จีลี่กวาดยอดจองไป 2,134 คัน โดยมี Geely EX2 ที่เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท ซึ่งสร้างความฮือฮาอย่างมากในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป การที่ Geely ประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมมาตรการ EV ของรัฐบาล แต่จะเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อตั้งราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ต้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในโมเดลธุรกิจที่แตกต่างและยั่งยืนในระยะยาว
Deepal (ดีพอล): อีกหนึ่งทางเลือก EV ที่น่าสนใจ
Deepal ทำยอดจองได้ 2,117 คัน โดยมี Deepal S05 เป็นรุ่นเด่น แบรนด์นี้เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นใหม่จากจีนที่กำลังเข้ามาสร้างสีสันในตลาด EV ไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีดีไซน์ทันสมัยและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ การมอบเงื่อนไขการเงินสุดพิเศษและส่วนลดสูงสุดถึง 150,000 บาท ช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ
Great Wall Motor (เกรทวอลล์มอเตอร์): แบรนด์จีนรุ่นบุกเบิกที่ยังคงรักษาส่วนแบ่ง
GWM มียอดจอง 2,015 คัน โดยมี GWM Tank 300 Diesel เป็นรุ่นที่มาแรง แม้จะเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ GWM ยังคงมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ EV อย่าง ORA Good Cat ไปจนถึงรถกระบะและ SUV การปรับกลยุทธ์และเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในปี 2569 จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาการเติบโต
Mitsubishi (มิตซูบิชิ): แบรนด์ญี่ปุ่นที่กำลังปรับตัว
มิตซูบิชิทำยอดจองได้ 1,588 คัน โดยมี Mitsubishi Xforce HEV เป็นรถยนต์ที่มาแรง แบรนด์ญี่ปุ่นรายนี้กำลังเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคของยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น การเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการนำเสนอทางเลือกที่ประหยัดพลังงานให้กับผู้บริโภค
สงครามราคาและมาตรการรัฐ: ตัวเร่งปฏิกิริยาของตลาด 2025
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนยอดจองถล่มทลายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2025 คือ “สงครามราคา” ที่ดุเดือด โดยมีมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ (EV3.0) ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เป็นตัวจุดชนวน มาตรการนี้มอบส่วนลดสูงสุดถึง 150,000 บาท ทำให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเร่งอัดฉีดแคมเปญ ลด แลก แจก แถม เพื่อระบายสต็อกรถยนต์ก่อนที่มาตรการจะหมดอายุ
ค่ายรถยนต์อย่าง BYD ได้สร้างความตกตะลึงด้วยการลดราคารถยนต์ BYD SEAL บางรุ่นลงกว่า 525,000 บาท เหลือเพียง 799,000 บาท ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด EV ที่ยากจะปฏิเสธได้ ส่วน MG เองก็ประกาศราคาพิเศษสำหรับ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER เหลือ 849,000 บาท จากเดิมกว่า 1.1 ล้านบาท เหล่านี้คือกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นยอดขายแบบเร่งด่วน โดยอาศัยจังหวะสุดท้ายของมาตรการรัฐ
ในขณะเดียวกัน สำหรับรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.5 ซึ่งจะเริ่มใช้หลังจากสิ้นสุด EV3.0 การสนับสนุนส่วนลดจะลดลงเหลือ 50,000 บาท และภาษีสรรพสามิตจะเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10% การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต้องเร่งระบายสต็อกอย่างต่อเนื่องเพื่อลดภาระต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าสงครามราคาที่เกิดขึ้นในปี 2568 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาทองสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริด เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ส่วนลดและข้อเสนอที่ดีที่สุดก่อนที่เงื่อนไขต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2569
อนาคตของตลาดรถยนต์ไทย: ความท้าทายและโอกาสปี 2569
ตลาดรถยนต์ไทยตลอด 10 เดือนแรกของปี 2568 มีอัตราการเติบโตโดยรวมประมาณ 3% และคาดการณ์ว่ายอดขายรวมทั้งปีจะปิดที่ประมาณ 600,000 คัน แม้จะดูเป็นการเติบโตที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นอัตราที่ดีภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน
สิ่งที่น่าจับตาคือตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยคาดการณ์ว่ายอดขาย EV ในปี 2568 จะพุ่งสูงกว่า 100,000 คัน และจะเติบโตต่อเนื่องไปเป็น 120,000 คันในปี 2569 นี่คือตัวเลขที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดและทิศทางที่ชัดเจนของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม การสิ้นสุดมาตรการ EV3.0 และการเข้าสู่ EV3.5 ในปี 2569 จะนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ๆ แม้ว่าสงครามราคาจะยังคงอยู่ แต่ความรุนแรงอาจลดลง เนื่องจากต้นทุนรถยนต์จะได้รับผลกระทบจากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลที่ลดลง ค่ายรถยนต์จึงต้องปรับกลยุทธ์จากการเน้นราคาเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มด้านอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี บริการหลังการขาย การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน (ที่ BYD และ GAC AION เริ่มนำเสนอ) และการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จที่ครอบคลุม
สำหรับแบรนด์ที่ตัดสินใจไม่เข้าร่วมมาตรการภาครัฐอย่าง Geely พวกเขามีความเชื่อมั่นในการตั้งราคาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก และมุ่งเน้นที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงได้จริงโดยไม่ต้องพึ่งพาส่วนลดแคมเปญ นี่เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจและอาจเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าราคาระยะยาวของพวกเขามีความสามารถในการแข่งขัน
จากประสบการณ์ของผม ผมมองว่าปี 2569 จะเป็นปีที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้าสู่ช่วงของการ “จัดระเบียบ” มากขึ้น การแข่งขันจะยังคงสูง แต่ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะมีความซับซ้อนกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่จะรวมถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เทคโนโลยีความปลอดภัย นวัตกรรมแบตเตอรี่ การเข้าถึงสถานีชาร์จ และความมั่นคงของบริษัทแม่
สรุปและคำเชิญชวน: ก้าวสู่โลกยานยนต์แห่งอนาคต
Motor Expo 2025 ได้ตอกย้ำถึงความสำเร็จและศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของตลาดรถยนต์ไทยที่กำลังมุ่งหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ยอดจองที่พุ่งสูงสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคในการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และความตื่นตัวของตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับวงการยานยนต์ไทย การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างแบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตลาดดั้งเดิมหรือผู้เล่นหน้าใหม่จากจีน กำลังเป็นแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและข้อเสนอที่เหนือความคาดหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์คันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย รถยนต์ไฮบริดที่ประหยัดพลังงาน หรือรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ตอบโจทย์การใช้งาน การเข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือการเยี่ยมชมโชว์รูมต่างๆ ในช่วงเวลานี้ ถือเป็นโอกาสทองที่คุณไม่ควรมองข้าม
อย่ารอช้า! เพราะข้อเสนอสุดพิเศษและแคมเปญสุดเร้าใจมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะก่อนสิ้นสุดมาตรการ EV3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ก้าวเข้ามาสัมผัสและทดลองขับยานยนต์แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง เพื่อค้นพบรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกการเดินทางของคุณ เพราะตลาดที่คึกคักเช่นนี้ ยิ่งทำให้คุณมีทางเลือกที่ดีที่สุดในการลงทุนกับยานพาหนะคู่ใจ

