ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เปิดมิติใหม่ยานยนต์พลังงานสะอาด: เจาะลึก BYD และ DENZA ใน Motor Expo 2025 โอกาสทองส่งท้าย EV 3.0 ที่คุณห้ามพลาด!
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์พลังงานใหม่มานานกว่าทศวรรษ ผมกล้าพูดได้เลยว่าปี 2568 นี้คืออีกหนึ่งปีประวัติศาสตร์ที่น่าจับตา โดยเฉพาะกับมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ประจำปีอย่าง Motor Expo 2025 ที่อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นเวทีที่ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ต่างงัดไม้เด็ดมาประชันกัน และแน่นอนว่าในปีนี้ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ในฐานะผู้นำเข้ารถยนต์พลังงานใหม่แบรนด์ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการขนทัพยานยนต์นวัตกรรมล้ำสมัยมาจัดแสดงบนพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในงานถึง 2,193 ตารางเมตร พร้อมทั้งประกาศแคมเปญสุดร้อนแรงที่ต้องบอกว่า “นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด” สำหรับการเป็นเจ้าของรถยนต์ EV และ PHEV จากสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่แห่งโลกอนาคตนี้อย่างแท้จริง
เหตุผลที่ผมกล่าวดังนั้น ไม่ได้มาจากการประโคมข่าวทางการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังจะก้าวเข้าสู่โค้งสุดท้ายของมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ EV 3.0 ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และจะถูกแทนที่ด้วยมาตรการ EV 3.5 ที่มีสิทธิประโยชน์ลดลง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษที่เรเว่จัดมาให้ในงาน Motor Expo 2025 กลายเป็น “โอกาสทอง” ที่ยากจะหาได้อีกครั้ง
เจาะลึกสถานการณ์ตลาด EV ไทยปี 2568: ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่ EV 3.5
ก่อนที่เราจะไปสัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ล่าสุด ผมอยากพาทุกท่านมาทำความเข้าใจถึงภาพรวมและผลกระทบของมาตรการภาครัฐที่กำลังจะเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดที่สุด ในฐานะที่ผมอยู่ในวงการนี้มานาน ผมเห็นถึงพลังของนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนตลาด EV อย่างมหาศาล และมาตรการ EV 3.0 ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า BYD เข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยได้มากกว่า 100,000 รายในช่วงเวลาที่ผ่านมา
มาตรการ EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2568 นี้ มอบเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 150,000 บาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ และ 75,000 บาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2569 ภายใต้มาตรการ EV 3.5 รถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทย เช่น BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 ซึ่งเป็นสองรุ่นยอดนิยมและครองใจผู้ใช้งานจำนวนมาก จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดลดลงเหลือเพียง 50,000 บาทเท่านั้น นั่นหมายความว่า ราคาจำหน่ายปลีกของรถยนต์รุ่นเหล่านี้จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าพรีเมียมอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุด 75,000 บาทอีกต่อไป แต่ยังต้องเผชิญกับการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาจำหน่ายพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าการตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ในช่วง Motor Expo 2025 นี้ คือห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการคว้าสิทธิประโยชน์สูงสุดที่ภาครัฐและเรเว่มอบให้
เปิดตัว 3 รุ่นใหม่ครั้งแรกในไทย: นวัตกรรมที่พลิกโฉมการเดินทาง
ความน่าตื่นเต้นที่บูธของ BYD และ DENZA ใน Motor Expo 2025 ไม่ได้มีแค่แคมเปญสุดพิเศษ แต่ยังรวมถึงการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยของยานยนต์พลังงานใหม่ 3 รุ่น ที่สะท้อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตและเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างครอบคลุม ทั้งในด้านสมรรถนะ ดีไซน์ และความยั่งยืน ผมจะพาเจาะลึกไปทีละรุ่น เพื่อให้คุณเห็นภาพว่าทำไมรถยนต์เหล่านี้ถึงเป็นตัวเปลี่ยนเกมในตลาด
DENZA B5: SUV Off-Road พันธุ์แกร่ง สไตล์พรีเมียมสำหรับนักผจญภัยในเมือง
DENZA B5 คือปรากฏการณ์ใหม่ในวงการรถยนต์ SUV Off-Road ที่ผสานความแข็งแกร่งดุดันเข้ากับความหรูหราพรีเมียมอย่างลงตัว ไม่ใช่แค่รถยนต์ออฟโรดทั่วไป แต่ DENZA B5 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและการผจญภัยนอกเส้นทางได้อย่างไร้รอยต่อ
ดีไซน์ที่โดดเด่น: รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงเหลี่ยมแบบพรีเมียมที่สะท้อนความแข็งแกร่งและความมีสไตล์ในเวลาเดียวกัน การออกแบบที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานผสานกับความงามทางสุนทรียศาสตร์ ทำให้ B5 ดูล้ำสมัยและน่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
ความคล่องตัวเหนือชั้นในเมือง: จุดเด่นที่ทำให้ DENZA B5 แตกต่างคือ “ความคล่องตัว” ที่น่าทึ่ง ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร และเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้การกลับรถหรือขับขี่ในพื้นที่จำกัดของเมืองใหญ่กลายเป็นเรื่องง่ายดาย หมดปัญหาเรื่องความเทอะทะของรถ SUV ขนาดใหญ่ ทำให้ B5 เป็นเพื่อนคู่ใจที่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย
สมรรถนะ Off-Road ที่ไร้ขีดจำกัด: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย B5 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันทรงพลังและขุมพลังไฮบริด DMO (Dual Mode Off-Road) ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบกำลังรวมสูงสุด 505 กิโลวัตต์ (เทียบเท่า 687 แรงม้า) และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร ด้วยพละกำลังมหาศาลนี้ ทำให้ B5 พร้อมลุยได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบหรือออฟโรดท้าทาย
ความสะดวกสบายระดับพรีเมียม: ภายในห้องโดยสารอัดแน่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบความสุนทรียภาพและความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศอัจฉริยะ เบาะนั่งที่รองรับสรีระ และระบบความบันเทิงที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้โดยสาร
DENZA B5 จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นไลฟ์สไตล์สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวัน หรือออกไปสำรวจโลกกว้าง
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure พร้อมห้องโดยสารอัจฉริยะแห่งอนาคต
BYD Ti7 คือคำตอบสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ Urban SUV ที่ไม่ธรรมดา ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด STARSHIP Ark ที่ผสานความดุดันเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยมที่ทันสมัย สะท้อนถึงยานยนต์จากโลกอนาคตที่พร้อมจะพาคุณออกไปผจญภัยในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือนอกเมือง
ดีไซน์ที่ดึงดูดสายตา: รูปลักษณ์ภายนอกของ Ti7 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและคล่องตัวในสไตล์ Urban Adventure การออกแบบที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียดทำให้ Ti7 ดูโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์บนท้องถนน
ห้องโดยสารอัจฉริยะ (BYD Intelligent Cockpit): หัวใจสำคัญของ Ti7 คือห้องโดยสารที่ออกแบบสไตล์ Dual Layer Symmetry ที่ให้ความรู้สึกกว้างขวางและทันสมัย พร้อมด้วยระบบ BYD Intelligent Cockpit ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ
AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว: ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าแบบ AR-HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาดใหญ่ถึง 26 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
BYD PAD ขนาด 13 นิ้วสำหรับผู้โดยสาร: อุปกรณ์เสริมหน้าจอ BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ทำให้สามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมความบันเทิงและฟังก์ชันต่างๆ ในรถ ทำให้ทุกการเดินทางไม่น่าเบื่อ
ขุมพลัง DM 5.0 platform 4WD PHEV: Ti7 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery อันเป็นเอกลักษณ์ของ BYD มอบกำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ (เทียบเท่า 490 แรงม้า) และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และยังคงความมั่นใจในการเดินทางระยะไกลด้วยระบบไฮบริด
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+: Ti7 มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ การช่วยจอดรถอัตโนมัติ และการรักษารถให้อยู่ในเลน
BYD Ti7 จึงเป็นยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการความล้ำสมัย ประสิทธิภาพ และความอเนกประสงค์สำหรับการผจญภัยในชีวิตประจำวัน
DENZA D9 Phantom Edition: MPV หรูเหนือระดับ ยกระดับประสบการณ์การเดินทางของครอบครัวและผู้บริหาร
สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ MPV ที่มอบความหรูหรา สะดวกสบาย และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม DENZA D9 Phantom Edition คือคำตอบที่ถูกพัฒนาต่อยอดจาก DENZA D9 ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือไปอีกขั้น
ดีไซน์ภายนอกที่สง่างาม: D9 Phantom Edition เพิ่มความสง่างามและความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคันดีไซน์ใหม่ รวมถึงกระจังหน้าและสปอยเลอร์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดูโดดเด่นและพรีเมียมยิ่งขึ้น การออกแบบที่พิถีพิถันเหล่านี้ช่วยเสริมให้ D9 Phantom Edition มีภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจและบ่งบอกถึงรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์
ภายในห้องโดยสารเพื่อความบันเทิงสูงสุด: หัวใจสำคัญของ D9 Phantom Edition คือการยกระดับความบันเทิงและความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยการติดตั้งจอเพดานระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับภาพยนตร์ เพลง หรือเนื้อหาดิจิทัลต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ตลอดการเดินทาง ทำให้ทุกช่วงเวลาบนรถเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกับครอบครัวหรือการเดินทางเพื่อธุรกิจ
DENZA D9 Phantom Edition ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็น “ห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่” ที่มอบความสะดวกสบายและความหรูหราเทียบเท่ากับการเดินทางด้วยเครื่องบินชั้น First Class เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยและความบันเทิง หรือสำหรับผู้บริหารที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทาง
ทำความรู้จักกับ DM-i Super Hybrid: เทคโนโลยี PHEV ที่เป็นมากกว่าไฮบริดทั่วไป
ในฐานะที่ผมได้ติดตามพัฒนาการของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่มาตลอด ผมขอยืนยันว่า DM-i Super Hybrid คือนวัตกรรม PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) จาก BYD ที่แตกต่างและเหนือกว่าระบบ PHEV ทั่วไปในตลาดอย่างแท้จริง DM-i ไม่ได้เป็นเพียงระบบไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ “ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก” ซึ่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ล้วนๆ
ประสบการณ์ขับขี่แบบ EV: ด้วยการออกแบบให้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงการตอบสนองที่ฉับไว ไร้เสียงรบกวน และความนุ่มนวลในการออกตัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า EV
หมดกังวลเรื่องการชาร์จ: แม้จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ DM-i Super Hybrid ยังคงมีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สามารถเข้ามาเสริมการทำงานหรือสร้างกระแสไฟฟ้าเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย ทำให้ผู้ขับขี่หมดกังวลเรื่องสถานีชาร์จหรือระยะทางในการเดินทางไกล นี่คือจุดแข็งที่ตอบโจทย์การใช้งานในประเทศไทยได้อย่างลงตัว
ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด: ระบบ DM-i ถูกออกแบบมาให้ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย เครื่องยนต์จะทำงานในโหมดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อชาร์จแบตเตอรี่และขับเคลื่อนรถไปพร้อมกัน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในระยะยาว
ความปลอดภัยด้วย BYD Blade Battery: ทุกรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี DM-i มาพร้อมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า ความทนทาน และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ในคุณภาพและประสิทธิภาพ
ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนที่น่าประทับใจ: ด้วย DM-i Super Hybrid รถยนต์ PHEV จาก BYD สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ ทำให้สามารถใช้รถยนต์ในโหมด EV ล้วนได้บ่อยครั้งและช่วยลดการปล่อยมลพิษ
เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid มีให้เลือกทั้งในตัวถัง SUV และ Sedan ที่น่าสนใจ เช่น
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรุ่นย่อย Premium มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 34,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ สมรรถนะ และความประหยัด ในรุ่นย่อย Dynamic มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเช่นกัน โดยดาวน์เริ่มต้นเพียง 44,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
โปรโมชั่นและข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ BYD ยอดนิยม (ส่งท้าย EV 3.0)
นอกจากรุ่นใหม่และเทคโนโลยี DM-i ที่น่าตื่นเต้นแล้ว เรเว่ยังได้จัดเตรียมข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับรถยนต์ BYD ยอดนิยมรุ่นอื่นๆ เพื่อให้คุณสามารถเป็นเจ้าของยานยนต์พลังงานใหม่ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด ก่อนที่มาตรการ EV 3.0 จะสิ้นสุดลง
BYD DOLPHIN: รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ด้วยราคาพิเศษสำหรับรุ่นย่อย Standard เพียง 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท (พร้อมโฮมชาร์จเจอร์) ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก โอกาสสุดท้ายในการเป็นเจ้าของรถ EV คุณภาพในราคาเข้าถึงง่าย
BYD ATTO 3: รถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ในรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท (พร้อมโฮมชาร์จเจอร์) ส่วนรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท (พร้อมโฮมชาร์จเจอร์) ทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD M6: สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ MPV ที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัว หรือการขนส่งที่ต้องการความสะดวกสบายและความประหยัด ในรุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 7: รถยนต์ SUV พรีเมียมอีกรุ่นที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และเทคโนโลยี ในรุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
โปรโมชั่นเหล่านี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของมาตรการ EV 3.0 สู่ EV 3.5 ในปีหน้า การตัดสินใจในตอนนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
วิสัยทัศน์ของเรเว่ ออโตโมทีฟ: ผู้ขับเคลื่อนยานยนต์พลังงานใหม่ในไทย
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ และนางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของเรเว่ในการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย และมีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน การที่เรเว่สามารถครองพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงาน Motor Expo 2025 ได้อีกครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่การขายรถยนต์ แต่เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในภาวะที่มีปัจจัยท้าทายอยู่รอบด้าน
พวกเขามองว่าเทคโนโลยีล่าสุดที่อัดแน่นอยู่ในรถยนต์เหล่านี้ ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อความตื่นตาตื่นใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืน และด้วยการนำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังหลายแบบ ทั้ง EV และ PHEV ระดับแถวหน้าของวงการอย่าง DM-i Super Hybrid รวมถึงรถยนต์ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต เรเว่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ดีกว่ามาให้คนไทยได้สัมผัส พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกว่าให้กับเราทุกคน
บทสรุปและโอกาสสุดท้ายที่คุณต้องคว้า
จากมุมมองของผู้ที่เฝ้าติดตามและวิเคราะห์ตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ผมสามารถยืนยันได้ว่า Motor Expo 2025 คือเวทีที่คุณไม่ควรพลาด ไม่ใช่เพียงเพราะคุณจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยและรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย แต่เป็นเพราะนี่คือ “โอกาสสุดท้าย” ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ก่อนที่มาตรการภาครัฐจะเปลี่ยนแปลงไป
การตัดสินใจซื้อรถยนต์ EV หรือ PHEV ในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่แค่การซื้อยานพาหนะ แต่เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่คุ้มค่า ลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของคุณให้ก้าวไปอีกขั้น
ดังนั้น อย่ารอช้า! หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์พลังงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน รถยนต์ Plug-in Hybrid หรือกำลังมองหายานยนต์อัจฉริยะที่จะตอบโจทย์ชีวิตของคุณ นี่คือเวลาที่คุณจะต้องตัดสินใจ แวะเยี่ยมชมบูธหมายเลข A06 ของ BYD และ DENZA ที่มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 เพื่อสัมผัสกับนวัตกรรมและรับข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยตัวคุณเอง หรือหากไม่สะดวกเดินทางไปงาน คุณสามารถพบกับรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศใกล้บ้านคุณ
นี่คือโอกาสทองที่รอคุณอยู่ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือไป แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน!
เปิดมิติใหม่ยานยนต์แห่งอนาคต: Rêver Automotive ตอกย้ำความเป็นผู้นำใน Motor Expo 2025 พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัดแห่งนวัตกรรม
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย และปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ซึ่งกลายเป็นเวทีประชันเทคโนโลยีและกลยุทธ์ที่ร้อนระอุ และผู้เล่นคนสำคัญที่สร้างปรากฏการณ์ได้อย่างน่าจับตาคงหนีไม่พ้น Rêver Automotive (เรเว่ ออโตโมทีฟ) ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD (บีวายดี) และ DENZA (เดนซ่า) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย การเข้าร่วมงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงศักยภาพ แต่เป็นการประกาศถึงทิศทางและอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง
การผงาดขึ้นของ BYD และ DENZA ในตลาดไทย: มุมมองผู้เชี่ยวชาญ
ย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ BYD ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับโลกที่น่าจับตามองอย่างรวดเร็ว ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ยุคใหม่ เมื่อผนวกกับวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ Rêver Automotive ที่เข้ามาบุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างจริงจัง ก็ทำให้ BYD สามารถสร้างฐานผู้ใช้งานที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรุ่นยอดนิยมอย่าง BYD DOLPHIN หรือ BYD ATTO 3 ที่ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถของคนไทยให้หันมาสนใจ รถยนต์ไฟฟ้า 100% มากขึ้นอย่างชัดเจน การเติบโตนี้ไม่ใช่เพียงแค่กระแส แต่เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และที่สำคัญที่สุดคือ ความยั่งยืนยานยนต์
ใน Motor Expo 2025 นี้ Rêver Automotive ได้ย้ำสถานะความเป็นผู้นำด้วยการครองพื้นที่จัดแสดงรวมใหญ่ที่สุดในงานถึง 2,193 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนสำหรับ BYD และ DENZA สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการลงทุนมหาศาล เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ที่ก้าวล้ำที่สุดในโลก การเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดในไทยมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition ถือเป็นไฮไลต์ที่ดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้เข้าชมงานได้อย่างล้นหลาม ตอกย้ำภาพลักษณ์ของ BYD และ DENZA ในฐานะผู้กำหนดเทรนด์แห่งอนาคต
ทำความเข้าใจสถานการณ์ตลาด 2025: โค้งสุดท้าย EV 3.0 สู่ยุค EV 3.5
หนึ่งในประเด็นร้อนที่ผู้บริโภคและนักลงทุนต่างจับตาคือการสิ้นสุดมาตรการ EV 3.0 จากภาครัฐในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นมาตรการที่ให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดถึง 150,000 บาท และส่งผลอย่างมากต่อราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ผมเชื่อว่าทุกคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าทราบดีว่า นี่คือโค้งสุดท้ายที่จะได้ใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ก่อนที่ราคาจำหน่ายจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งได้แก่ BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาท จากโครงการ EV 3.0 อีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนไปได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 50,000 บาท จากโครงการ EV 3.5 แทน ซึ่งแม้จะลดลง แต่ก็ยังคงเป็นแรงจูงใจที่สำคัญต่อผู้บริโภค สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้เงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุด 75,000 บาทแล้ว ยังมีการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะทองของการเป็นเจ้าของยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD ก่อนที่ต้นทุนจะสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการสนับสนุนการลงทุนและกระตุ้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้าง ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า ที่ยั่งยืนและครบวงจรในประเทศไทย สำหรับผู้บริโภค การเข้าใจในนโยบายเหล่านี้คือหัวใจสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถที่คุ้มค่าที่สุด
แกะกล่อง 3 สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทย
Motor Expo 2025 ไม่เพียงแต่เป็นการโชว์ศักยภาพ แต่ยังเป็นการเปิดตัวนวัตกรรมที่พร้อมจะเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ของเรา โดยเฉพาะ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยเผยโฉมที่ใดในไทยมาก่อน:
DENZA B5: นิยามใหม่ของ SUV Off-Road Hybrid ที่เหนือระดับ
DENZA B5 คือผลงานที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะอันทรงพลังอย่างลงตัวในรูปแบบของรถยนต์ SUV off-road ด้วยดีไซน์ที่เน้นความแข็งแกร่งและเส้นสายที่เฉียบคม ผสานกับสุนทรียศาสตร์แห่งความพรีเมียม รถรุ่นนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อการเดินทางในเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังพร้อมลุยทุกเส้นทางผจญภัย ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาด และหัวใจหลักคือ ขุมพลังไฮบริด DMO (Dual Mode Off-road) ที่เป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบกำลังรวมสูงสุด 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุดถึง 760 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถในกลุ่มนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าเทคโนโลยี DMO ไม่ใช่แค่การเพิ่มแรงม้า แต่เป็นการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้นทั้งบนทางเรียบและทางวิบาก ผสานความประหยัดเชื้อเพลิงเข้ากับพละกำลังที่พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ DENZA B5 ยังโดดเด่นด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร และเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้การขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือรถที่ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความอเนกประสงค์ในการใช้งานได้อย่างแท้จริง
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure อัจฉริยะแห่งอนาคต
BYD Ti7 คือรถยนต์ Urban SUV ที่มาพร้อมกับแนวคิดการออกแบบ “STARSHIP Ark” ที่ผสานความดุดันเข้ากับความล้ำสมัย โดดเด่นด้วยตัวถังทรงเหลี่ยมที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความเป็นผจญภัย ภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งเทคโนโลยีและดีไซน์แบบ Dual Layer Symmetry ที่มอบความรู้สึกกว้างขวางและเป็นสัดส่วน หัวใจสำคัญคือ BYD Intelligent Cockpit ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน และจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุม
Ti7 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) แบบ DM 5.0 platform 4WD ซึ่งเป็นการวิวัฒนาการขั้นต่อไปของระบบไฮบริดอัจฉริยะจาก BYD ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery อันเลื่องชื่อ มอบกำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับหลายๆ คน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความปลอดภัยและความสะดวกสบายในระดับสูงสุด นี่คือรถสำหรับผู้ที่มองหาความอัจฉริยะ ประสิทธิภาพ และพร้อมลุยไปในทุกเส้นทาง
DENZA D9 Phantom Edition: อีกระดับของ MPV ไฟฟ้าหรู ความสง่างามที่เหนือใคร
DENZA D9 Phantom Edition คือการยกระดับประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์ MPV ไฟฟ้าให้ไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่มความสง่างามและความพิเศษจากชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคัน ทั้งยังติดตั้งกระจังหน้าแบบใหม่และชุดสปอยเลอร์ดีไซน์สปอร์ต ซึ่งเสริมให้ตัวรถดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายและความบันเทิงสูงสุดสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจอเพดานระบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้ใช้งานระดับพรีเมียม
ในมุมมองของผม DENZA D9 Phantom Edition ไม่ใช่แค่รถสำหรับเดินทาง แต่คือ “ห้องรับรองเคลื่อนที่” ที่มอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทางธุรกิจและครอบครัวที่ต้องการความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีล้ำสมัย นี่คือการรุกเข้าสู่ตลาด MPV พรีเมียมที่ BYD และ DENZA มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ด้วยการผสานดีไซน์ที่โดดเด่นเข้ากับความสามารถทางเทคโนโลยีของยานยนต์ไฟฟ้า
เจาะลึก DM-i Super Hybrid: เทคโนโลยี PHEV ที่เป็นมากกว่าไฮบริดทั่วไป
นอกจากการเปิดตัวรุ่นใหม่แล้ว BYD ยังได้เน้นย้ำถึงนวัตกรรมสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของยานยนต์พลังงานใหม่ นั่นคือระบบ DM-i Super Hybrid ซึ่งเป็นเทคโนโลยี PHEV ที่แตกต่างจากระบบไฮบริดทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า DM-i ถูกออกแบบมาให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกในการขับขี่ที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า EV 100% คือตอบสนองฉับไว ไร้เสียงรบกวน และที่สำคัญคือประหยัดเชื้อเพลิงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังคงความยืดหยุ่นของการมีเครื่องยนต์สันดาปเป็นตัวช่วยในการปั่นไฟหรือขับเคลื่อนยามจำเป็น หมดกังวลเรื่องการหาที่ชาร์จเมื่อเดินทางไกล
หัวใจสำคัญของ DM-i Super Hybrid คือการทำงานร่วมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ระดับชั้นนำของวงการ ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยสูงสุดและประสิทธิภาพในการให้พลังงานสูง ทำให้รถยนต์ที่ใช้ระบบนี้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในเมือง โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเลย
เทคโนโลยีนี้มีให้เลือกทั้งในตัวถัง SUV และ Sedan ไม่ว่าจะเป็น BYD Seal 5 DM-i ซีดานขนาดกลางที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและประหยัด หรือ BYD SEALION 6 DM-i รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่ขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์และความทันสมัย นี่คือโซลูชันการเดินทางยั่งยืนที่ผสมผสานสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ข้อเสนอพิเศษจาก Rêver Automotive: โอกาสทองที่ไม่อาจมองข้าม
Rêver Automotive ไม่เพียงนำเสนอนวัตกรรม แต่ยังมาพร้อมกับแคมเปญที่ดีที่สุด เพื่อกระตุ้นตลาดและมอบโอกาสให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของยานยนต์พลังงานใหม่ก่อนการปรับเปลี่ยนมาตรการ EV 3.0 สิ้นสุดลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เฉียบคมในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของตลาด
BYD DOLPHIN: รุ่นย่อย Standard มาพร้อมราคาพิเศษ 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ฟรี, ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก นี่คือจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้
BYD ATTO 3: สำหรับรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ และรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ทั้งสองรุ่นย่อยยังได้รับฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก ATTO 3 ยังคงเป็น SUV ไฟฟ้าที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยเป็นอย่างดี
BYD M6: รุ่นย่อย Dynamic มาพร้อมดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ขึ้น
BYD SEALION 7: รุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการนำเสนอ SUV ไฟฟ้าพรีเมียมที่ครบครัน
BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i: สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ก็มีข้อเสนอที่น่าสนใจเช่นกัน เช่น ดาวน์เริ่มต้นสุดพิเศษ หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่แค่โปรโมชั่นทั่วไป แต่เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการ ลงทุนในรถ EV ก่อนที่ต้นทุนจะสูงขึ้นจากผลกระทบของนโยบาย EV 3.0 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง นี่คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดในด้านการเงินและเป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นส่วนหนึ่งของ อนาคตยานยนต์ไฟฟ้าไทย
บทสรุปและคำเชิญ
จากประสบการณ์ในวงการยานยนต์ ผมสามารถสรุปได้ว่า Motor Expo 2025 เป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และ Rêver Automotive ได้ใช้เวทีนี้ในการตอกย้ำความเป็นผู้นำ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่สุดจาก BYD และ DENZA ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 100,000 ราย ที่ให้การยอมรับในคุณภาพและนวัตกรรมระดับชั้นนำของวงการ คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความสำเร็จนี้ การเปลี่ยนแปลงของมาตรการ EV 3.0 สู่ EV 3.5 และข้อเสนอสุดพิเศษในโค้งสุดท้ายนี้ จึงเป็นจังหวะที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
อย่ารอช้า! หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหารถยนต์พลังงานใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ ประสิทธิภาพเหนือระดับ และข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุดในรอบปี นี่คือโอกาสทองของคุณแล้ว ผมขอเชิญชวนทุกท่านสัมผัสประสบการณ์ยานยนต์แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง ที่บูธหมายเลข A06 ของ Rêver Automotive ในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 หรือเยี่ยมชมโชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านท่านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ เพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และทดลองขับยานยนต์ที่คุณสนใจ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าคุณกำลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตการเดินทางของคุณ ผมเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในระยะยาวสำหรับคุณและโลกของเรา
