ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เรเว่ ออโตโมทีฟ ผงาดนำทัพ BYD และ DENZA ณ มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025: โอกาสทองส่งท้ายมาตรการ EV 3.0 สู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมขอมองย้อนกลับไปถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดรถยนต์ไทยตลอดปี 2025 ที่ผ่านมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ได้ตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดของภูมิทัศน์ยานยนต์พลังงานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากค่ายยักษ์ใหญ่ผู้ขับเคลื่อนตลาดอย่าง Rêver Automotive ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย การปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่พร้อมพื้นที่จัดแสดงรวมที่ใหญ่ที่สุดในงาน ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงศักยภาพ แต่เป็นการประกาศถึงความพร้อมที่จะนำพานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตมาสู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่มาในช่วงเวลาที่ไม่อาจมองข้ามได้ อันเป็นผลพวงจากการสิ้นสุดของมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0
ตลอดปี 2568 ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐอย่าง EV 3.0 ที่ช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคในการตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ EV แต่เมื่อเราเข้าสู่ช่วงปลายปี 2025 เส้นทางของการเปลี่ยนผ่านนี้ก็มาถึงทางแยกที่สำคัญ ด้วยมาตรการ EV 3.0 กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และจะถูกแทนที่ด้วย EV 3.5 ที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป ทำให้ช่วงเวลาที่ Motor Expo 2025 จัดขึ้นนี้ กลายเป็น “โอกาสทอง” ครั้งสุดท้ายที่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากนโยบายเดิม ก่อนที่ ราคา EV 2025 โดยรวมมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้น
Rêver Automotive: ผู้นำที่เข้าใจตลาดและอนาคต
การที่ Rêver Automotive สามารถคว้าพื้นที่จัดแสดงขนาดมหึมากว่า 2,193 ตารางเมตร ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับ BYD 1,591 ตารางเมตร และ DENZA 602 ตารางเมตร สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นและพันธกิจอันแน่วแน่ในการเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำตลาด ยานยนต์พลังงานใหม่ ในประเทศไทย คุณประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดจากทั้ง BYD และ DENZA ที่ผู้บริโภคจะสามารถสัมผัสได้อย่างเต็มที่ภายในงานนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการสร้างประสบการณ์และให้ความรู้แก่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน และด้วยความเชี่ยวชาญกว่าสิบปีในการวิเคราะห์ตลาด ผมกล้ากล่าวว่านี่คือกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
อีกทั้ง คุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ฉายภาพวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าแค่ตัวเลขยอดขาย โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของเทคโนโลยีในรถยนต์ BYD และ DENZA ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน การจัดแสดงยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังหลากหลายรูปแบบ ทั้ง EV (Electric Vehicle) และ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ระดับแนวหน้าของวงการอย่าง DM-i Super Hybrid คือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าสำหรับทุกคน นับเป็นแนวคิดที่ก้าวหน้าและสอดรับกับทิศทางโลกในปี 2025 ที่ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็น
เปิดตัว 3 รุ่นใหม่ครั้งแรกในไทย: นิยามใหม่แห่งนวัตกรรมยานยนต์
หัวใจสำคัญของการจัดแสดงในครั้งนี้คือการเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดในไทยมาก่อน ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ BYD และ DENZA ในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดและล้ำสมัยที่สุดสู่ตลาดประเทศไทย ได้แก่ DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition แต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตอย่างชัดเจน
DENZA B5: SUV Off-road ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย
DENZA B5 คือการประกาศถึงนิยามใหม่ของรถยนต์ SUV Off-road ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลุยทางสมบุกสมบัน แต่ยังรวมเอาความหรูหราและความชาญฉลาดในการขับขี่ในเมืองเข้าไว้ด้วยกัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า DENZA B5 จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ SUV ไฟฟ้า ที่มีความแข็งแกร่งและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานเทคโนโลยีขับเคลื่อนขั้นสูง DMO (Dual Mode Off-road) เข้ากับสุนทรียศาสตร์ของดีไซน์ทรงเหลี่ยมแบบพรีเมียม
จุดเด่นสำคัญที่ต้องจับตาคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันทรงพลังที่มาพร้อมขุมพลังไฮบริด DMO ซึ่งเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สเปกทางเทคนิค แต่เป็นการการันตีถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซง การปีนป่าย หรือการขับขี่บนสภาพถนนที่ท้าทาย นอกจากสมรรถนะแล้ว ความใส่ใจในรายละเอียดอย่างรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร ร่วมกับเทคโนโลยี B-Style U-Turn ยังสะท้อนถึงการออกแบบที่เข้าใจการใช้งานในเมืองใหญ่ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้รถยนต์ขนาดใหญ่มีความคล่องตัวอย่างไม่น่าเชื่อ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันภายในห้องโดยสารจะมอบความสุนทรียภาพตลอดการเดินทางอย่างลงตัว นี่คือยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งสายผจญภัยและผู้ใช้งานในเมืองได้อย่างไร้รอยต่อ
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure พร้อมห้องโดยสารอัจฉริยะ
BYD Ti7 คืออีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจับตามองในกลุ่ม รถ EV รุ่นใหม่ ที่เน้นความล้ำสมัยและดีไซน์ที่ดึงดูดใจ ภายใต้แนวคิดการออกแบบ STARSHIP Ark ที่ผสานความดุดันเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยม ทำให้ BYD Ti7 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำในตลาด รถยนต์ SUV ไฟฟ้า ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในปี 2025
แต่สิ่งที่ทำให้ BYD Ti7 ก้าวไปอีกขั้นคือห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Dual Layer Symmetry พร้อมด้วย BYD Intelligent Cockpit ที่ไม่ใช่แค่หน้าจอแสดงผล แต่เป็นศูนย์กลางการควบคุมที่เชื่อมต่อทุกฟังก์ชันเข้าด้วยกันผ่านจอแสดงผลต่างๆ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน และอุปกรณ์เสริมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมในรถ ฟีเจอร์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ BYD ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
ในด้านขุมพลัง BYD Ti7 มาพร้อมแพลตฟอร์ม PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Plug-in Hybrid เจเนอเรชั่นล่าสุดของ BYD ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery ที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง มอบกำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (NEDC) ซึ่งเป็นระยะทางที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ PHEV นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทาง การขับขี่อัจฉริยะ เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังจากรถยนต์ในปี 2025
DENZA D9 Phantom Edition: MPV หรูเหนือระดับ
สำหรับผู้ที่มองหาที่สุดแห่งความหรูหราและความสะดวกสบายในการเดินทาง DENZA D9 Phantom Edition คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบในตลาด รถหรูไฟฟ้า ประเภท MPV รุ่นนี้คือการยกระดับประสบการณ์การเดินทางไปอีกขั้น ด้วยชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคันที่เพิ่มความสง่างามและสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่และชุดสปอยเลอร์ที่เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับรูปลักษณ์ภายนอก
ภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งความสะดวกสบายและเทคโนโลยี ด้วยจอเพดานระบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่ทำให้ทุกท่านเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิงหรือการทำงาน DENZA D9 Phantom Edition ไม่เพียงแค่เป็นพาหนะ แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ออกแบบมาเพื่อมอบความพรีเมียมและความสะดวกสบายสูงสุดให้กับทุกคนในรถ
DM-i Super Hybrid: เทคโนโลยี PHEV ที่เหนือกว่า
BYD ไม่เพียงเป็นผู้นำด้าน EV แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี PHEV ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน DM-i Super Hybrid คือนวัตกรรม รถยนต์ PHEV ที่ดีที่สุด จาก BYD ที่แตกต่างจากระบบ PHEV ทั่วไปในตลาดอย่างสิ้นเชิง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่าจุดเด่นของ DM-i คือการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงประสบการณ์การขับขี่เหมือน รถยนต์ไฟฟ้า EV แท้ๆ ทั้งการตอบสนองที่ฉับไว ไร้เสียงรบกวน และปราศจากมลพิษในระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องพะวงเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ในระยะทางไกล เพราะมีเครื่องยนต์ที่พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มระยะทางและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด
DM-i Super Hybrid มาพร้อมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่รับประกันทั้งความปลอดภัยสูงสุดและระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร (NEDC) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สูงในกลุ่ม PHEV ทำให้ BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน ตอบสนองดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยยังคงความยืดหยุ่นในการเดินทางระยะไกล
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) มาพร้อมข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ที่ทำให้การเป็นเจ้าของง่ายขึ้น
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ในรุ่นย่อย Dynamic ก็มีข้อเสนอพิเศษที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
โปรโมชั่นและแคมเปญส่งท้าย EV 3.0: โอกาสที่พลาดไม่ได้
เป็นที่ชัดเจนว่า Rêver Automotive ได้เตรียม โปรโมชั่น BYD 2568 ที่ดีที่สุดเพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงเวลาสำคัญนี้ ด้วยการสิ้นสุดของมาตรการ EV 3.0 ที่จะส่งผลให้ นโยบายรถ EV 3.0 ไม่มีการสนับสนุนเงินสูงสุด 150,000 บาท สำหรับรถยนต์ BYD ที่ผลิตในประเทศไทย (BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3) อีกต่อไป โดยจะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดเพียง 50,000 บาท จากโครงการ EV 3.5 แทน
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BYD นำเข้า ได้แก่ BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 ไม่เพียงจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุดมูลค่า 75,000 บาทแล้ว ยังมีการปรับอัตราการจัดเก็บ ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า สรรพสามิตรเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 8% รวมเป็น 10% การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ราคา BYD ล่าสุด ของรถยนต์นำเข้าและที่ผลิตในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น การคว้าโอกาสในช่วง Motor Expo 2025 จึงเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดเพื่อเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า BYD ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษจาก Rêver Automotive ที่ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายที่กำลังจะเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น:
BYD DOLPHIN: รุ่นย่อย Standard ราคาพิเศษ 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก ทำให้ รถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก แต่คุณภาพสูงรุ่นนี้ยิ่งคุ้มค่า
BYD ATTO 3: สำหรับรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ และรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ทั้งสองรุ่นย่อย ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD M6: รุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือ เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 7: รุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือ เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
สำหรับ BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i ก็มีข้อเสนอที่น่าสนใจเช่นกัน เช่น ดาวน์เริ่มต้นต่ำ หรืออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟิล์มเซรามิก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ EV Motor Expo 2568 ที่ไม่ควรพลาด
ความมั่นใจจากเครือข่ายบริการหลังการขาย
สิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อ ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะมือใหม่มักกังวลคือบริการหลังการขายและจุดชาร์จ Rêver Automotive ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคชาวไทยด้วยการขยาย โชว์รูม BYD และศูนย์บริการรวมกว่า 167 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคมากกว่า 100,000 รายให้การยอมรับในคุณภาพและนวัตกรรมระดับชั้นนำของวงการ การมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ความสะดวกสบาย แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
บทสรุปและคำเชิญชวน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่ามหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ไม่ใช่แค่เพียงงานแสดงรถยนต์ทั่วไป แต่เป็นประตูสู่ยุคใหม่ของ เทคโนโลยีรถ EV และ ยานยนต์พลังงานใหม่ ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD หรือ DENZA นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากนโยบาย EV 3.0 และข้อเสนอสุดพิเศษที่ Rêver Automotive ได้จัดเตรียมไว้ การลงทุนในรถยนต์พลังงานใหม่ในวันนี้คือการลงทุนในอนาคตที่ยั่งยืนและชาญฉลาด
อย่าพลาดโอกาสสำคัญนี้ ที่จะได้สัมผัสกับนวัตกรรมล้ำสมัยและเป็นเจ้าของยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เชิญทุกท่านเยี่ยมชมทัพยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ได้ที่บูธหมายเลข A06 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในงาน Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านท่านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่โลกที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน!
เรเว่ ออโตโมทีฟ เขย่าบัลลังก์ยานยนต์พลังงานใหม่ ปูพรม BYD และ DENZA ณ Motor Expo 2025 กับข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางโอกาสทองช่วงเปลี่ยนผ่าน EV 3.0
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์มานับทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 คือหมุดหมายสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามสำหรับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ Rêver Automotive ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 การปรากฏตัวของเรเว่ในปีนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำตลาด แต่ยังเป็นการนำเสนอนวัตกรรมและข้อเสนอที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของยานยนต์แห่งอนาคต ก่อนที่โอกาสทองบางอย่างจะหมดลงอย่างถาวร
ทิศทางตลาดและบทบาทของเรเว่ ออโตโมทีฟ ในปี 2025: โอกาสและความท้าทาย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้แสดงศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ด้วยแรงขับเคลื่อนจากนโยบายภาครัฐ มาตรการสนับสนุนต่างๆ เช่น EV 3.0 และ EV 3.5 ได้สร้างแรงจูงใจมหาศาลทั้งสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้บริโภคชาวไทยได้เปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเริ่มมองหารถยนต์ที่ไม่เพียงแต่ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมาพร้อมนวัตกรรมที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่
อย่างไรก็ตาม ปี 2025 นี้เป็นช่วงเวลาที่มีความละเอียดอ่อนและสำคัญยิ่ง เนื่องจากมาตรการ EV 3.0 ซึ่งมอบเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 150,000 บาท กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างราคาของรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น การเปลี่ยนผ่านสู่มาตรการ EV 3.5 ซึ่งจะให้เงินสนับสนุนสูงสุด 50,000 บาทสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ และไม่มีเงินสนับสนุนสำหรับรถยนต์นำเข้า พร้อมกับการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตจากเดิม 2% เป็น 10% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า คือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องตระหนัก และนี่คือเหตุผลที่ช่วงเวลานี้คือ “โอกาสสุดท้าย” ที่จะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD และ DENZA
กลุ่มธุรกิจเรเว่ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในไทย ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาด ด้วยการทุ่มเทนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยและสร้างเครือข่ายการบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 167 สาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและยั่งยืนยิ่งขึ้น การปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ใน Motor Expo 2025 ด้วยพื้นที่จัดแสดงรวมที่ใหญ่ที่สุดถึง 2,193 ตร.ม. (BYD 1,591 ตร.ม. และ DENZA 602 ตร.ม.) สะท้อนถึงความพร้อมและความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำในตลาดแห่งอนาคตนี้อย่างแท้จริง
สามยานยนต์ไฮไลต์: เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ที่งาน Motor Expo 2025
ความตื่นเต้นที่แท้จริงของการเข้าร่วมงาน Motor Expo 2025 ของเรเว่อยู่ที่การเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งสะท้อนถึงวิวัฒนาการและนวัตกรรมยานยนต์ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ได้แก่ DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition แต่ละรุ่นล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่
DENZA B5: นิยามใหม่ของ SUV Off-Road หรูหราและลุยได้จริง
DENZA B5 คือรถยนต์ SUV Off-Road ที่มาพร้อมความโดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์และสมรรถนะ เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการขับเคลื่อนล้ำสมัยเข้ากับสุนทรียศาสตร์แห่งดีไซน์ทรงเหลี่ยมสุดพรีเมียมที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV ปี 2025 ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองใหญ่หรือการผจญภัยในเส้นทางที่ท้าทาย
ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร และเทคโนโลยี B-Style U-Turn ทำให้ DENZA B5 มีความคล่องตัวเหนือชั้น สามารถกลับรถหรือเลี้ยวในพื้นที่จำกัดได้อย่างง่ายดาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจราจรในเมืองกรุง ขณะเดียวกัน ก็พร้อมลุยทุกเส้นทางด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันทรงพลัง และขุมพลังไฮบริด DMO (Dual Mode Off-road) ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ได้อย่างลงตัว ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงพละกำลังที่ไม่ธรรมดา ตอบสนองได้ทันใจในทุกจังหวะการขับขี่
ภายในห้องโดยสาร DENZA B5 มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบความสุนทรียภาพตลอดการเดินทาง ด้วยวัสดุคุณภาพสูง การออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ และเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ ทำให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย เป็นรถ SUV ที่ไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังใช้งานได้จริงและมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure อัจฉริยะ ล้ำอนาคต
BYD Ti7 คืออีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจับตาในกลุ่ม Urban SUV สไตล์ Adventure ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “STARSHIP Ark” ซึ่งสะท้อนความดุดันและแข็งแกร่งผ่านตัวถังทรงเหลี่ยมที่ทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในเมืองและการเดินทางออกนอกเส้นทางปกติ การออกแบบภายในห้องโดยสารสไตล์ Dual Layer Symmetry มอบความรู้สึกหรูหราและล้ำสมัย พร้อมด้วยเทคโนโลยี BYD Intelligent Cockpit ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ
สิ่งที่ทำให้ BYD Ti7 โดดเด่นอย่างแท้จริงคือเทคโนโลยีภายใน ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลการขับขี่และนำทางเสมือนจริงบนกระจกหน้ารถ และอุปกรณ์เสริมจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมในรถ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อสำหรับผู้โดยสารทุกคน
ในด้านขุมพลัง BYD Ti7 มาพร้อมระบบ PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีแบตเตอรี่จาก BYD ให้กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดในการขับขี่
DENZA D9 Phantom Edition: อีกระดับของ MPV หรูหรา เหนือระดับ
สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ MPV ที่สุดของความหรูหราและสง่างาม DENZA D9 Phantom Edition คือคำตอบที่เรเว่นำเสนอเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รุ่นพิเศษนี้ได้รับการยกระดับทั้งในด้านดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน ด้วยชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคันที่เพิ่มความสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่สะท้อนความพรีเมียม และชุดสปอยเลอร์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้โดดเด่นบนท้องถนน
ภายในห้องโดยสาร DENZA D9 Phantom Edition ยังคงความเป็นที่สุดของความสะดวกสบายและความบันเทิง ด้วยการติดตั้งจอเพดานระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สร้างความประทับใจและมอบความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือทำงาน ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่น เป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิสต์คลาสอย่างแท้จริง
เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid: หัวใจสำคัญที่แตกต่างและเหนือกว่า
นอกเหนือจากรถยนต์รุ่นใหม่แกะกล่อง เรเว่ยังคงเน้นย้ำถึงนวัตกรรมสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับรถยนต์ของ BYD และ DENZA นั่นคือระบบ DM-i Super Hybrid ซึ่งเป็นเทคโนโลยี PHEV ที่ไม่เหมือนใครในตลาด โดยมีให้เลือกทั้งในตัวถัง SUV และ Sedan
DM-i Super Hybrid จาก BYD ถูกออกแบบมาให้ “ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก” ซึ่งแตกต่างจากระบบ PHEV ทั่วไปที่มักจะใช้เครื่องยนต์เป็นหลักและมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนเสริม ผลลัพธ์คือความรู้สึกในการขับขี่ที่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า EV อย่างแท้จริง นั่นคือการตอบสนองที่ฉับไว ไร้เสียงรบกวน และประหยัดพลังงานอย่างเหนือชั้น โดยไม่ต้องพะวงเรื่องการชาร์จตลอดเวลา เพราะยังมีเครื่องยนต์ช่วยขยายระยะทางได้เมื่อจำเป็น
จุดเด่นของ DM-i Super Hybrid คือการผสานประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าและ BYD Blade Battery ได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ได้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม การประหยัดเชื้อเพลิงขั้นสูงสุด และระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรในหลายๆ รุ่น ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) มาพร้อมข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ไม่ว่าจะเป็นดาวน์เริ่มต้นเพียง 34,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ พร้อมข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Dynamic ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 44,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
โปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษ: โอกาสสุดท้ายก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ณ จุดนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Motor Expo 2025 คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA เพราะเรเว่ได้นำเสนอ “แคมเปญที่ดีที่สุด” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อส่งท้ายมาตรการ EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นมาตรการที่ให้เงินสนับสนุนสูงสุดถึง 150,000 บาทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศอย่าง BYD Dolphin และ BYD ATTO 3 และสูงสุด 75,000 บาทสำหรับรถยนต์นำเข้าเช่น BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9
หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2568 รถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทยอย่าง BYD Dolphin และ BYD ATTO 3 จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน 150,000 บาทจากโครงการ EV 3.0 อีกต่อไป แต่จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 50,000 บาทจากโครงการ EV 3.5 แทน ซึ่งหมายถึงราคาจำหน่ายที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า ซึ่งรวมถึง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุด 75,000 บาทแล้ว ยังจะมีการปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจากเดิม 2% เป็น 10% ซึ่งหมายถึงราคาที่เพิ่มขึ้นถึง 8% ดังนั้น ช่วงเวลานี้จึงเป็น “โอกาสทองครั้งสุดท้าย” ที่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนที่ดีที่สุดจากภาครัฐและข้อเสนอสุดคุ้มจากเรเว่
ทัพยนตรกรรมพลังงานใหม่จาก BYD พร้อมข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้:
BYD DOLPHIN: สำหรับรุ่นย่อย Standard ราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD ATTO 3:
รุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์
รุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์
ทั้งสองรุ่นย่อย ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD M6: สำหรับรุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 7: สำหรับรุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
นอกจากข้อเสนอราคาและดอกเบี้ยสุดพิเศษแล้ว BYD ยังมอบความมั่นใจด้วย BYD Warranty ที่ครอบคลุม เพื่อให้เจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ได้ขับขี่อย่างสบายใจ ตอกย้ำถึงคุณภาพและนวัตกรรมระดับชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 100,000 ราย
มุมมองจากผู้บริหาร: วิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของเรเว่ว่า “การที่เรเว่ได้ครอบครองพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงานมหกรรมยานยนต์ระดับชาติได้อีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเราในการนำเสนอประสบการณ์ยานยนต์พลังงานใหม่ล่าสุดจาก BYD และ DENZA อย่างเต็มที่ เรามั่นใจว่าแคมเปญพิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ EV 3.0 จะมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวหน้าต่อไป แม้ในสภาวะที่เต็มไปด้วยความท้าทาย”
สอดคล้องกับนางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ที่ได้เน้นย้ำถึงพันธกิจด้านความยั่งยืนว่า “เทคโนโลยีล่าสุดในรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อสร้างความตื่นตาเท่านั้น แต่ยังเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้วย ภายในพื้นที่จัดแสดงของเรา ผู้เยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับรถยนต์พลังงานใหม่หลากหลายรูปแบบ ทั้ง EV และ PHEV ระดับแนวหน้าอย่าง DM-i Super Hybrid รวมถึงนวัตกรรมแห่งอนาคตจาก BYD ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของเราที่จะนำเทคโนโลยีที่ดีกว่ามาสู่คนไทย พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน”
คำกล่าวของผู้บริหารทั้งสองสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อบริบทของตลาดและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของเรเว่ ที่ไม่เพียงแค่ต้องการเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ แต่ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชันการเดินทางที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และยั่งยืน
สรุป: โอกาสครั้งสำคัญที่ไม่ควรพลาด
ปี 2025 คือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย มาตรการภาครัฐที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปทำให้ Motor Expo 2025 เป็น “โอกาสครั้งสุดท้าย” ที่ผู้บริโภคจะสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD และ DENZA ในราคาและเงื่อนไขที่คุ้มค่าที่สุด ก่อนที่โครงสร้างราคาจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามนโยบายใหม่
Rêver Automotive ได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ด้วยพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุด การเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้ง DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ที่เหนือกว่า และข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถยนต์ทุกรุ่นในพอร์ตโฟลิโอ การมาเยือนบูธของ BYD และ DENZA ในงาน Motor Expo 2025 จึงไม่ใช่แค่เพียงการเดินชมรถ แต่เป็นการเปิดประตูสู่การเป็นเจ้าของยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและเงื่อนไขที่ไม่อาจหาได้อีกแล้ว
อย่ารอช้า! โอกาสทองในการเป็นเจ้าของยานยนต์พลังงานใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมล่าสุดและข้อเสนอที่ดีที่สุดกำลังรอคุณอยู่ สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับได้ที่บูธหมายเลข A06 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 นี้ หรือเยี่ยมชมรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศที่ใกล้บ้านคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันแรก รถยนต์สำหรับครอบครัว หรือรถยนต์ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า นี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด เพื่อเริ่มต้นการเดินทางไปกับยานยนต์แห่งอนาคต เคียงข้าง BYD และ DENZA

