• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1412082 งจน งไร วตน part 2

admin79 by admin79
December 13, 2025
in Uncategorized
0
N1412082 งจน งไร วตน part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

Bentley Speed W12: ปิดตำนานเครื่องยนต์ในตำนาน 2025 – บทส่งท้ายแห่งขุมพลังสูงสุด

ในโลกยานยนต์ที่กำลังหมุนไปสู่ยุคไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ปี 2025 ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญที่อุตสาหกรรมกำลังก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ท่ามกลางกระแสแห่งนวัตกรรมสีเขียว ยังคงมีบางตำนานที่กำลังจะสิ้นสุดลง เพื่อให้พื้นที่แก่บทบาทใหม่ที่กำลังจะมาถึง และหนึ่งในนั้นคือเครื่องยนต์ W12 อันเป็นหัวใจหลักของ Bentley Speed โมเดลสมรรถนะสูงสุดจาก Bentley ที่กำลังจะปิดฉากการผลิตลงอย่างสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่แค่การยุติสายการผลิตเครื่องยนต์ แต่คือการอำลาให้กับยุคสมัยแห่งความยิ่งใหญ่ทางวิศวกรรมยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยความหรูหราและพละกำลังอันไร้ขีดจำกัด ผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรมพรีเมียมสมรรถนะสูงคงจะทราบดีว่า “Speed” ในตระกูล Bentley ไม่ใช่เพียงแค่คำบรรยายถึงความเร็วเท่านั้น แต่คือปรัชญาที่หลอมรวมความสง่างามเข้ากับขีดสุดแห่งสมรรถนะอย่างลงตัวที่สุด และในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่คลุกคลีอยู่ในวงการรถหรูมานับทศวรรษ ผมขอพาทุกท่านไปสัมผัสกับมรดกอันล้ำค่าของ Bentley Speed W12 ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้

ปรัชญาแห่ง “Speed” – เหนือกว่าแค่ความเร็ว

คำว่า “Speed” ในบริบทของ Bentley ไม่ได้หมายถึงเพียงตัวเลขอัตราเร่งหรือความเร็วสูงสุดเท่านั้น แต่มันคือการแสดงออกถึงจุดสูงสุดของวิศวกรรม การออกแบบ และงานฝีมือที่ Bentley สามารถมอบให้ได้ สำหรับปี 2025 กลุ่มผลิตภัณฑ์ Bentley Speed อันประกอบด้วย Continental GT Speed, Continental GT Convertible Speed, Flying Spur Speed และ Bentayga Speed คือบทสรุปของความสำเร็จที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษของเครื่องยนต์ W12 ที่ทรงพลังที่สุด การก้าวข้ามขีดจำกัดของสมรรถนะในขณะที่ยังคงรักษากลิ่นอายความหรูหราในแบบฉบับอังกฤษไว้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือความท้าทายที่ Bentley ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทำได้อย่างไร้ที่ติ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมรถยนต์เหล่านี้จึงเป็นที่ต้องการของตลาดรถหรูสมรรถนะสูงทั่วโลก

รูปลักษณ์ที่บ่งบอกถึงขีดสุดแห่งสมรรถนะและความสง่างาม

เอกลักษณ์ภายนอกของ Bentley Speed คือการผสานความโฉบเฉี่ยวแบบรถสปอร์ตเข้ากับความสง่างามตามแบบฉบับอัครยนตรกรรมได้อย่างลงตัว ชุดแต่ง Styling Specification รอบคัน ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง วัสดุคาร์บอนมันวาวสีดำน้ำหนักเบาที่ถูกนำมาใช้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ แต่ยังให้ความรู้สึกถึงความสปอร์ตขั้นสุดที่มาพร้อมกับงานฝีมืออันประณีต

รายละเอียดที่น่าสนใจอื่นๆ รวมถึงกระจังหน้าและกระจังกันชนล่างในเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ที่ให้ความดุดันแต่ยังคงความหรูหรา กาบประตูห้องโดยสารพร้อมโลโก้ ‘Speed’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงช่องระบายอากาศสีเข้มและโลโก้ ‘Speed’ โครเมียมที่บังโคลนหน้า องค์ประกอบเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่ง แต่คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึง DNA ของรุ่น Speed ที่แตกต่างและเหนือชั้นกว่า

สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่น Speed โดยเฉพาะ มีให้เลือกทั้งในเฉดสีเงินสว่างที่ให้ความหรูหรา หรือเฉดสีดำเงาที่ดุดัน สอดรับกับฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ ที่ประดับประดาอย่างงดงาม และปลายท่อไอเสียรูปทรงรีที่สะท้อนถึงขุมพลัง W12 ที่ซ่อนอยู่ภายใน สำหรับ Bentayga Speed จะถูกเสริมด้วยสปอยเลอร์ท้ายขนาดใหญ่ที่ชัดเจน ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นคงทางอากาศพลศาสตร์ แต่ยังเป็นประกาศก้องถึงสมรรถนะอันเป็นเลิศของ SUV ที่เร็วที่สุดในโลก

ในส่วนของ Flying Spur Speed นั้น มาพร้อมกับชุดแต่งภายนอก Blackline Specification สีดำสนิท ไม่ว่าจะเป็น Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่าง กรอบประตู มือจับประตู ไปจนถึงช่องระบายอากาศ ทุกรายละเอียดถูกเคลือบด้วยเฉดสีดำที่เพิ่มความลึกลับและสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์

และแน่นอนว่า Bentley มักจะให้ความสำคัญกับการปรับแต่งในแบบเฉพาะตัว (bespoke) อย่างสูงสุด ลูกค้าสามารถรังสรรค์เฉดสีภายนอกได้จาก 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีกกว่า 47 เฉดสีพิเศษจาก Mulliner รวมถึงตัวเลือกแบบดูโอโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้กระทั่งการสร้างเฉดสีใหม่ที่เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคล นี่คือการลงทุนในรถยนต์หรูที่ไม่เพียงแต่ได้รถยนต์สมรรถนะสูง แต่ยังได้ผลงานศิลปะที่สะท้อนตัวตนของผู้ครอบครอง

สัมผัสแห่งความสปอร์ตในห้องโดยสาร – ประสบการณ์ที่เหนือกว่า

เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสารของ Bentley Speed คุณจะถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานความหรูหราคลาสสิกของ Bentley เข้ากับกลิ่นอายความสปอร์ตแบบรถแข่งได้อย่างลงตัว วัสดุหนัง Alcantara® ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการมอเตอร์สปอร์ต ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะรองนั่ง พนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย หรือแม้กระทั่งแผงบุหลังคา มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและเพิ่มการยึดเกาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง

งานฝีมืออันประณีตปรากฏให้เห็นในทุกตารางนิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลโก้ ‘Speed’ ที่ปักอย่างสวยงามบนเบาะโดยสาร และการออกแบบการเย็บแบบตัดกันใหม่ในรูปแบบของ Mulliner Driving Specification ลวดลายควิลท์รูปเพชรแต่ละเส้นถูกเย็บแยกกัน โดยเส้นหนึ่งกลมกลืนกับสีหนังหลัก และอีกเส้นเป็นสีที่ตัดกันอย่างลงตัว สร้างมิติและความหรูหราที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ โลโก้ ‘Speed’ ยังประดับอยู่บนคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง เพิ่มความพิเศษเมื่อก้าวเข้าสู่ภายใน

สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุด Bentley Speed ยังเสนอทางเลือกในการปรับแต่งภายในที่ไม่มีใครเหมือน ด้วยเฉดสีหลัก 15 เฉดสี และเฉดสีรองอีก 11 เฉดสี รวมถึงการใช้ Alcantara ในส่วนอื่นๆ ของห้องโดยสาร และตัวเลือกวัสดุวีเนียร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Piano Black, Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus หรือ Koa การตกแต่งภายในรถหรูเหล่านี้สะท้อนถึงงานฝีมือ Bentley ที่ไม่เป็นสองรองใคร และมอบประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับที่แท้จริง

ขุมพลัง W12 – หัวใจที่เต้นด้วยสมรรถนะสูงสุด

นี่คือหัวใจหลักของบทความนี้ และเป็นสิ่งที่ทำให้ Bentley Speed เป็นตำนาน เครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องยนต์ 12 สูบทั่วไป แต่มันคือผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ด้วยการจัดเรียงกระบอกสูบในลักษณะ ‘W’ ที่กะทัดรัดและซับซ้อน มันมอบพละกำลังที่มหาศาลอย่างเหลือเชื่อ พร้อมทั้งรักษาความประณีตและความนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Continental GT Speed: คือตัวแทนของ Grand Tourer ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยพละกำลัง 650 แรงม้า เพิ่มขึ้น 4% จากเครื่องยนต์ W12 มาตรฐาน แต่ยังคงรักษาแรงบิดมหาศาลที่ 900 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.6 วินาที ความรู้สึกที่ได้จากการกดคันเร่งของ GT Speed คือการพุ่งทะยานอย่างหนักแน่น แต่ยังคงควบคุมได้ง่ายดาย มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและผ่อนคลายในระยะทางไกล

Flying Spur Speed: อัครยานยนต์ซีดานที่เร็วที่สุดและหรูหราที่สุด ด้วยพละกำลัง 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำให้ซีดานคันนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Flying Spur Speed คือนิยามของการเดินทางที่รวดเร็วและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่เองหรือนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงานสำรองอันไร้ขีดจำกัดที่พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์

Bentayga Speed: ก้าวข้ามขีดจำกัดของ SUV ด้วยเครื่องยนต์ W12 เทอร์โบคู่ 6.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเพียง 3.9 วินาที Bentayga Speed คือข้อพิสูจน์ว่า SUV ก็สามารถมอบสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ได้ โดยไม่ละทิ้งความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยในการใช้งานประจำวัน มันคือสุดยอด SUV ที่ผสมผสานความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว

การพัฒนาเครื่องยนต์ W12 ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นการเพิ่มขึ้นของพละกำลังกว่า 37% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงถึง 25% นี่คือเครื่องยนต์ที่ไม่ได้แค่ทรงพลัง แต่ยังถูกปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การควบคุมที่เหนือชั้น – เทคโนโลยีช่วงล่าง Bentley

ด้วยพละกำลังที่มหาศาล การควบคุมรถยนต์ให้มีเสถียรภาพและแม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญ Bentley Speed ตอบโจทย์นี้ด้วยเทคโนโลยีช่วงล่าง Bentley ที่ล้ำสมัย และระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพื่อมอบความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟ (Advanced Active All-Wheel Drive): ระบบนี้ไม่ได้แค่แบ่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่อย่างคงที่ แต่ยังปรับการกระจายแรงบิดอย่างต่อเนื่องตามสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ เพื่อให้มั่นใจถึงการยึดเกาะถนนสูงสุดและเสถียรภาพในการเข้าโค้งที่เหนือชั้น

ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering): เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีช่วงล่างอัจฉริยะที่สำคัญที่สุด ในความเร็วต่ำ ระบบจะหันล้อหลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ทำให้วงเลี้ยวแคบลง เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและจอดรถได้อย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะหันล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและทำให้การเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นใจและนุ่มนวล

Bentley Dynamic Ride System: นี่คือเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้า 48 โวลต์ครั้งแรกของโลก ระบบนี้จะตอบสนองต่อแรงเหวี่ยงด้านข้างทันทีเมื่อรถเข้าโค้ง เพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นผิวถนนได้มากที่สุด ลดการโคลงของตัวรถอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความเสถียร ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร และการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดให้แต่ละล้อสัมพันธ์กับความเร็ว ทำให้รถทรงตัวได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น

เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ทำให้ Bentley Speed ไม่เพียงแต่เร็ว แต่ยังควบคุมได้ง่ายดายและสะดวกสบายอย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือสิ่งที่ทำให้ Bentley Speed โดดเด่นจากรถยนต์สมรรถนะสูงอื่นๆ ในตลาด

มรดกแห่งขุมพลัง W12 – บทส่งท้ายในตำนาน

การประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในเดือนเมษายน 2567 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Bentley มอเตอร์ส หลังจากผลิตมาแล้วกว่า 100,000 เครื่อง ณ โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ นี่คือการสิ้นสุดของยุคสมัยที่เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ 12 สูบ ได้ครองตำแหน่งสูงสุดในฐานะสัญลักษณ์ของความหรูหราและพละกำลังอันไร้ขีดจำกัด

ตลอดระยะเวลา 20 ปี เครื่องยนต์ W12 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมที่ซับซ้อนขึ้น การออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและการระบายความร้อนที่ล้ำหน้า เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนนำไปสู่การเพิ่มพละกำลังและแรงบิดอย่างก้าวกระโดด ในขณะที่ลดการปล่อยมลพิษลงอย่างเห็นได้ชัด การเปิดตัว Bentayga ในปี 2558 ได้เห็นการพัฒนาเครื่องยนต์ W12 ใหม่ทั้งหมด ซึ่งยังคงเป็นรุ่นที่ผลิตอยู่ในปัจจุบัน พร้อมการติดตั้งระบบปิดการทำงานของกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน

การเกษียณของเครื่องยนต์ W12 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Beyond100” ของ Bentley ที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้ผลิตอัครยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปี 2030 แม้ว่าอนาคตจะเป็นไฟฟ้า แต่ W12 จะยังคงเป็นตัวแทนของยุคทองแห่งวิศวกรรมยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ มันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสะสม เป็นชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ของอุตสาหกรรมยานยนต์

ช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้เป็นเจ้าของตำนาน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า Bentley Speed W12 ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ไม่ใช่แค่การซื้อรถยนต์สมรรถนะสูง แต่มันคือการได้เป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์ การลงทุนในรถยนต์หรูระดับนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสุขจากการขับขี่และเป็นสัญลักษณ์สถานะ แต่ยังอาจเป็นการลงทุนที่ทรงคุณค่าในระยะยาว เมื่อพิจารณาว่ามันคือบทสุดท้ายของเครื่องยนต์ที่เป็นไอคอนิกที่สุดรุ่นหนึ่ง

อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ และเป็นส่วนหนึ่งของบทสรุปแห่งตำนาน W12 ก่อนที่ยุคสมัยแห่งขุมพลังอันยิ่งใหญ่นี้จะสิ้นสุดลงอย่างถาวร ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Bentley อย่างเป็นทางการ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายการทดลองขับ ซึ่งอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์อันน่าหลงใหลของ Bentley Speed W12 ด้วยตัวคุณเอง

เบ็นท์ลีย์ สปีด: ตำนานบทสุดท้ายของขุมพลัง W12 และการเดินทางสู่ยุคใหม่แห่งความหรูหราสมรรถนะสูง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ระดับลักชัวรีมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก แต่มีน้อยนักที่จะสร้างความประทับใจและทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ได้เทียบเท่ากับ Bentley โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตระกูล “Speed” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะสูงสุดและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของแบรนด์ ในปี 2025 นี้ เรากำลังยืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนสำคัญที่เครื่องยนต์ W12 อันเป็นหัวใจหลักของ Bentley Speed กำลังจะกลายเป็นตำนาน นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสกับมรดกทางวิศวกรรมอันเป็นเลิศนี้ ก่อนที่ยุคแห่งรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์

Bentley Speed: นิยามแห่ง “รถยนต์หรูสมรรถนะสูง” ที่ไร้คู่แข่ง

Bentley Speed ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อรุ่นที่บ่งบอกถึงความเร็วเท่านั้น แต่เป็นการรวมเอาปรัชญาการออกแบบที่สง่างามเข้ากับขีดสุดแห่งวิศวกรรมยานยนต์ ตลอดระยะเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2546 เครื่องยนต์ W12 ได้ขับเคลื่อนเรือธงตระกูล Speed ให้ก้าวข้ามขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็น Continental GT Convertible Speed, Continental GT Speed, Flying Spur Speed หรือ Bentayga Speed ทุกรุ่นล้วนแสดงออกถึงพลังที่เหนือกว่า ความแม่นยำในการขับขี่ และความหรูหราที่ไม่มีใครเทียบได้ การสิ้นสุดสายการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในปี 2567 จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิค แต่เป็นการปิดฉากหน้าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ Bentley Motors ที่กินเวลามากว่า 20 ปี และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่มีวันลืมเลือนให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและสุนทรียภาพแห่งการเดินทาง

สำหรับตลาดในปี 2025 นี้ รุ่น Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W12 จึงไม่ได้เป็นเพียงยานยนต์ แต่เป็น “รถยนต์สะสม” ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเชิง “การลงทุนรถยนต์หรู” อันน่าสนใจ เนื่องจากเป็นตัวแทนของยุคทองแห่งเครื่องยนต์สันดาปภายในที่กำลังจะสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ เป็นการลงทุนในงานศิลปะวิศวกรรมที่หาไม่ได้อีกแล้วในอนาคต

สุนทรียภาพแห่งการออกแบบที่ผสานความดุดัน

สิ่งที่ทำให้ Bentley Speed โดดเด่นเหนือใครคือการออกแบบที่ผสมผสานความสง่างามตามแบบฉบับของ Bentley เข้ากับความดุดันแบบสปอร์ตอย่างลงตัว ทุกองค์ประกอบทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพที่เหนือชั้นและความเร็วที่เร้าใจ

รูปลักษณ์ภายนอกที่เร้าใจและเหนือระดับ

เมื่อแรกเห็น Bentley Speed จะสะกดทุกสายตาด้วยชุดแต่ง Styling Specification รอบคันที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ตัวชุดแต่งผลิตจากวัสดุคาร์บอนมันวาวสีดำน้ำหนักเบา พร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับการตกแต่งด้วยกระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างในเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ที่เพิ่มความลึกลับและดุดัน ชิ้นส่วนอย่างกาบประตูห้องโดยสาร ช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ แบบโครเมียมบนบังโคลนหน้า ล้วนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เสริมสร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่นของรุ่น Speed

ล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบเฉพาะรุ่น เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะสำคัญที่ยากจะละสายตา ล้อเหล่านี้มีให้เลือกทั้งในเฉดสีเงินสว่างคลาสสิก หรือโทนสีเข้มและสีดำเงาที่ดุดันยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับรสนิยมของเจ้าของ ฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ กาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงประดับด้วยคำว่า ‘Speed’ และปลายท่อไอเสียทรงรี ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึง “ขุมพลัง W12 สุดท้าย” ที่ซ่อนอยู่ภายใน

สำหรับ Bentayga Speed ซึ่งเป็นอัครยานยนต์ SUV สมรรถนะสูง ยังมาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่นสะดุดตา เสริมทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้การขับขี่ด้วยความเร็วสูงมั่นคงยิ่งขึ้น

ในรุ่น Flying Spur Speed นั้น การตกแต่งภายนอกจะมาในรูปแบบ Blackline Specification สีดำสนิท ซึ่งครอบคลุมถึง Flying ‘B’ มาสคอตอันเลื่องชื่อ กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่าง กรอบประตู กันชนหลัง รวมถึงกรอบไฟหน้า ไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศ ทุกรายละเอียดล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความรู้สึกสปอร์ตและหรูหราในเวลาเดียวกัน

Bentley ยังมอบอิสระในการปรับแต่งสีภายนอกให้แก่ลูกค้าอย่างไม่จำกัด โดยมี 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษหรือเฉดสีจาก Mulliner พร้อมตัวเลือกแบบทูโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้แต่การรังสรรค์เฉดสีใหม่ตามความต้องการ เพื่อให้ “ความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ” (Bespoke luxury) เป็นจริงในทุกรายละเอียด

ห้องโดยสาร: ที่สุดแห่งความสปอร์ตและความประณีต

ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed คุณจะสัมผัสได้ถึงการผสมผสานวัสดุระดับพรีเมียมเข้ากับกลิ่นอายของรถแข่งอย่างลงตัว การนำวัสดุหนัง Alcantara® มาใช้ในการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะรองนั่ง แผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา ล้วนสร้างบรรยากาศแห่งความสปอร์ตและกระตุ้นอะดรีนาลีนในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม

งานปักคำว่า ‘Speed’ บนเบาะโดยสาร พร้อมการเย็บตะเข็บแบบตัดกันในลวดลายเพชร Mulliner Driving Specification อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Speed แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่เหนือชั้น เส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านงานควิลท์ถูกแยกออก โดยเส้นหนึ่งเพื่อให้เข้ากับสีหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน สร้างมิติและความโดดเด่นที่ยากจะเลียนแบบ นอกจากนี้ โลโก้ ‘Speed’ บริเวณคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง ยังช่วยเสริมความพิเศษให้กับประสบการณ์ภายในห้องโดยสาร

สำหรับ “การตกแต่งภายในระดับพรีเมียม” ลูกค้าสามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ ด้วยตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรอง 11 เฉดสี รวมถึงการใช้หนัง Alcantara ในส่วนอื่นๆ และตัวเลือกวัสดุวีเนียร์อันหลากหลาย อาทิ Piano Black เป็นตัวเลือกมาตรฐาน หรือจะเป็น Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ที่มอบความรู้สึกหรูหราและอบอุ่น

อัครยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุด: ขีดสุดแห่งขุมพลัง W12

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Bentley Speed เป็นที่จดจำคือขุมพลังเครื่องยนต์ W12 ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี และถึงขีดสุดในรุ่น Speed ซึ่งเป็นการส่งท้ายตำนาน “เครื่องยนต์ W12 สุดท้าย” อย่างสมศักดิ์ศรี

Continental GT Speed: ติดตั้งเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ มอบพละกำลังมหาศาลถึง 650 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 4% จากรุ่น W12 มาตรฐาน) พร้อมแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเดิม 0.1 วินาที ถือเป็น “ประสิทธิภาพรถยนต์ซูเปอร์คาร์” ในร่างของแกรนด์ทัวเรอร์สุดหรู
Flying Spur Speed: อัครยานยนต์สี่ประตูที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะได้อย่างลงตัว มาพร้อมพละกำลัง 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มอบ “ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ” ทั้งในฐานะผู้ขับและผู้โดยสาร
Bentayga Speed: ยกระดับความสามารถของ SUV ลักชัวรีไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร แม้จะเป็น SUV แต่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.9 วินาที พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของ Bentley ในการสร้าง “นวัตกรรมยานยนต์ Bentley” ที่ไร้ขีดจำกัด

เทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูง เพื่อสมรรถนะและความมั่นใจ

นอกเหนือจากขุมพลังที่เหนือชั้นแล้ว Bentley Speed ยังโดดเด่นด้วย “เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ” และระบบช่วงล่างอัจฉริยะที่มอบความมั่นใจและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นบนถนนหลวงหรือเส้นทางคดเคี้ยว

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง (Advanced Active All-Wheel Drive): ช่วยกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เพื่อการยึดเกาะถนนสูงสุดและความมั่นคงในการขับขี่
ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ (All-Wheel Steer): “เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ” นี้เป็นกุญแจสำคัญที่เพิ่มทั้งเสถียรภาพและความคล่องตัว ในขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ล้อหลังจะบังคับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ทำให้ระยะฐานล้อสั้นลง ลดวงเลี้ยว ทำให้การกลับรถหรือจอดรถในพื้นที่แคบทำได้ง่ายขึ้นอย่างน่าทึ่ง แต่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ล้อหลังจะบังคับไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นใจและนุ่มนวล นี่คือสิ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญชื่นชมเป็นพิเศษ เพราะมันคือการผสานความสะดวกสบายในเมืองเข้ากับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ได้อย่างลงตัว
ระบบ Bentley Dynamic Ride System: นี่คือระบบ “ช่วงล่างอิเล็กทรอนิกส์” ควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าตัวแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ ระบบนี้จะตอบสนองต่อแรงเหวี่ยงด้านข้างทันทีเมื่อเข้าโค้ง เพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นถนนให้มากที่สุด ลดการโคลงตัวของรถอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความเสถียร ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพในการควบคุม นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อให้สัมพันธ์กับความเร็ว ทำให้รถทรงตัวได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

การสิ้นสุดของยุค W12 และการก้าวสู่อนาคต

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Bentley Motors ได้ประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในเดือนเมษายน 2567 ซึ่งหมายความว่าในปี 2025 นี้ เครื่องยนต์ W12 กว่า 100,000 เครื่องที่เคยถูกผลิต ณ โรงงานในเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปโดยสมบูรณ์ การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นของ Bentley ในการก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2546 ทีมวิศวกรของ Bentley ได้พัฒนา “เครื่องยนต์ W12 สุดท้าย” นี้อย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในด้านพละกำลัง แรงบิด การปล่อยไอเสีย และการปรับแต่ง ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา กำลังของเครื่องยนต์ W12 เพิ่มขึ้นกว่า 37% และแรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 54% ในขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงถึง 25% ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบควบคุม การออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบระบายความร้อน เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ ระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเปิดตัว Bentayga ในปี 2558 ถือเป็นการยกเครื่องพัฒนาเครื่องยนต์ W12 ครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีการติดตั้งระบบการปิดการทำงานของกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation) ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น (Direct and Port Injection) และระบบเทอร์โบคู่ ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ W12 ยังคงเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในตลาดจนถึงวาระสุดท้าย

บทสรุปและคำเชิญชวน

Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W12 เป็นมากกว่ารถยนต์ มันคือบทสรุปของยุคแห่งวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปที่ไร้ที่ติ เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ “รถยนต์หรูสมรรถนะสูง” ที่ไม่ประนีประนอมทั้งในด้านความเร็ว ความสะดวกสบาย และความประณีต ในปี 2025 นี้ การได้เป็นเจ้าของ Bentley Speed จึงเป็นการได้ครอบครองชิ้นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ยานยนต์ระดับโลก เป็น “รถยนต์สะสม” ที่ไม่เพียงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น แต่ยังเป็นมรดกที่ทรงคุณค่า

ในขณะที่ Bentley กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของ “เบนท์ลีย์ ไฟฟ้า” อย่างเต็มตัว อัครยนตรกรรมตระกูล Speed ที่ขับเคลื่อนด้วย W12 เหล่านี้จะยิ่งทวีมูลค่าและกลายเป็นที่ต้องการของผู้ที่มองหาความพิเศษและตำนานที่จับต้องได้

หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่ปรารถนาที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทสุดท้ายแห่งขุมพลัง W12 ก่อนที่ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขอเรียนเชิญท่านสัมผัสและเป็นเจ้าของ Bentley Speed ได้แล้ววันนี้ เพื่อร่วมจารึกประวัติศาสตร์แห่งความหรูหราและสมรรถนะที่ไม่มีวันหวนคืน

Previous Post

N1412080 แล วแต จะค ตคนละแบบ part 2

Next Post

N1412084 ใช วร วมก part 2

Next Post
N1412084 ใช วร วมก part 2

N1412084 ใช วร วมก part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612003 งานการไม อยทำ ขย นสร างแต เร องว นๆ part 2
  • N1612005 กามเทพจม กโต แผลงศรแห งความร part 2
  • N1612002 นจม กโต บมอไซค กากๆของเขา part 2
  • N1612010 สองมาตรฐาน ตำนานจม กโต part 2
  • N1612006 เร องว นๆ ของการขอใบเสร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.