• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1312222 เดทแรกของเรา พาพ อมาด วย part 2

admin79 by admin79
December 13, 2025
in Uncategorized
0
N1312222 เดทแรกของเรา พาพ อมาด วย part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 รถยนต์รุ่นใหม่สุดเร้าใจ เตรียมเปิดตัวในไทย ปลายปี 2025 – 2026: เจาะลึกราคา, เครื่องยนต์ และฟีเจอร์เด่น ที่ห้ามพลาด!

วงการยานยนต์ไทยกำลังคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อปลายปี 2025 และต่อเนื่องถึงปี 2026 เตรียมนำทัพรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 10 รุ่น เข้ามาเขย่าตลาด ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สุดล้ำ, รถยนต์ไฮบริดประหยัดพลังงาน ไปจนถึงรถ SUV ระดับพรีเมียมที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี การวิเคราะห์เชิงลึกจากประสบการณ์ในวงการกว่า 10 ปีของผม ชี้ให้เห็นว่าปีหน้าจะเป็นปีแห่งการพลิกโฉมยานยนต์อย่างแท้จริง ด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น

จากข้อมูลวงในและแนวโน้มตลาดปัจจุบัน เราจะได้เห็นการมาของ All-New Toyota Fortuner ที่ผสานความแกร่งเข้ากับขุมพลังไฮบริด, Kia Seltos เจเนอเรชันใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์สะดุดตาและเทคโนโลยีจัดเต็ม, รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำจากค่ายใหญ่อย่าง Honda และ Mahindra ที่พร้อมบุกตลาด EV ในประเทศไทย ผมจะพาคุณเจาะลึกทุกรายละเอียด ทั้งราคา (คาดการณ์ 7 แสนบาท – 3.5 ล้านบาท), ขุมพลัง และฟีเจอร์เด่น เพื่อให้คุณวางแผนการเป็นเจ้าของรถยนต์คันโปรดได้อย่างชาญฉลาด

บทนำ: อนาคตยานยนต์ไทย 2025-2026 มาถึงแล้ว!

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้น ด้วยทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยความต้องการรถยนต์ที่มีฟังก์ชันการเชื่อมต่ออัจฉริยะและความปลอดภัยขั้นสูง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่ได้สัมผัสและทดสอบรถยนต์มาแล้วหลากหลายรุ่นบนท้องถนนเมืองไทย ทั้งในเมืองหลวงที่การจราจรหนาแน่น ไปจนถึงเส้นทางชนบทที่ท้าทาย ผมตื่นเต้นอย่างยิ่งกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2025-2026 นี้ เราจะได้เห็นการเปิดตัวของรถยนต์ที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็น “ส่วนหนึ่งของชีวิต” ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับโลกดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกที่ประหยัดและคุ้มค่า หรือครอบครัวที่ต้องการรถ SUV ขนาดใหญ่เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย รายชื่อรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผมกำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ จะเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้คุณค้นพบรถยนต์ในฝันของคุณอย่างแน่นอน

เตรียมพบกับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว, ระบบเชื่อมต่อ 5G, หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ, และขุมพลังที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือรถยนต์ที่จะเข้ามานิยามคำว่า “การเดินทาง” บนท้องถนนเมืองไทยอีกครั้ง

วิธีการคัดเลือกและวิเคราะห์

การจัดอันดับและวิเคราะห์รถยนต์ 10 รุ่นเด่นในครั้งนี้ ได้รับการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่เชื่อถือได้, ภาพ Spyshot ที่หลุดออกมาจากโรงงาน, การประกาศอย่างไม่เป็นทางการจากผู้ผลิต รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเน้นไปที่รถยนต์ที่คาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดประเทศไทย ทั้งรถยนต์โมเดลใหม่หมดจด (New-Generation) ที่มีการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มและขนาดตัวถัง รวมถึงรถยนต์ปรับโฉม (Facelift) ที่มีการอัปเกรดทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน และฟีเจอร์ต่างๆ

ประสบการณ์กว่า 10 ปีของผมในการทดสอบรถยนต์บนสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัด, การเดินทางระยะไกลบนทางหลวง หรือการลุยเส้นทางที่ท้าทาย ได้ช่วยให้การวิเคราะห์นี้มีความสมจริงและตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง สำหรับราคาที่ระบุไว้ เป็นการคาดการณ์ราคาโดยรวมในตลาดประเทศไทย ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนตามรุ่นย่อยและโปรโมชันในช่วงเวลาเปิดตัวจริง

10 รถยนต์รุ่นใหม่สุดฮิต เตรียมเปิดตัวในไทย ปลายปี 2025 – 2026

Kia Seltos (เจเนอเรชันใหม่)

ภาพรวม: Kia Seltos เจเนอเรชันใหม่ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2025-2026 ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นและดีไซน์ที่ทันสมัยกว่าเดิม โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในกลุ่ม Compact SUV ระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ครอบครัวคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่มองหารถยนต์ที่โดดเด่นทั้งสไตล์และเทคโนโลยี

ฟีเจอร์เด่น:

หน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย

ระบบเครื่องเสียง Harman Kardon, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, กระจกมองข้างดิจิทัล

เบาะนั่งระบายอากาศ, หลังคาซันรูฟพาโนรามิก, พอร์ต Type-C ทั้งด้านหน้าและหลัง

ล้ออัลลอยขนาด 17–18 นิ้ว, ระยะห่างจากพื้นประมาณ 200 มม.

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลปรับแต่งได้, ระบบชาร์จไร้สาย

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร (160 แรงม้า)

เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร (115 แรงม้า)

เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร (115 แรงม้า)

ราคาคาดการณ์: 950,000 – 1,400,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 3 ปี 2025 – ไตรมาสที่ 1 ปี 2026

ทำไมน่าสนใจ: Seltos เจเนอเรชันใหม่จะเข้ามาท้าทายคู่แข่งในตลาดด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมียมและห้องโดยสารที่กว้างขวาง ทำให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับผู้ซื้อชาวไทยที่ต้องการรถ SUV ที่มีสไตล์และเทคโนโลยีครบครัน

สรุป: SUV พรีเมียมที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและทางไกล

Hyundai Bayon (Compact SUV ใหม่ถอดด้าม)

ภาพรวม: Hyundai Bayon รถยนต์ Compact Crossover ขนาดเล็กกว่า 4 เมตร คาดว่าจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่าง Hyundai i20 (ที่อาจนำเข้า) และ Venue (ถ้ามีในตลาดไทย) โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระเหนือกว่าคู่แข่ง พร้อมตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย

ฟีเจอร์เด่น:

หน้าจอคู่เชื่อมต่อกันขนาด 10 นิ้ว (สำหรับระบบ Infotainment และแผงหน้าปัด)

รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย, ระบบเครื่องเสียง Bose

เบาะหนัง, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, พอร์ต Type-C

ระบบชาร์จไร้สาย, ไฟหน้า/ไฟท้าย LED

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร (82 แรงม้า)

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร (120 แรงม้า)

อาจมีรุ่น CNG ถังคู่สำหรับตลาดที่เน้นความประหยัดและพื้นที่

ราคาคาดการณ์: 750,000 – 1,100,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 3 – 4 ปี 2025

ทำไมน่าสนใจ: ด้วยยอดขายรถยนต์ Crossover ขนาดเล็กที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย Hyundai Bayon จะเข้ามาเสริมทัพด้วยการตกแต่งภายในที่พรีเมียมและความอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กและผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า

สรุป: Crossover ที่ใช้งานได้จริงและอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานในเมือง

Renault Duster & Nissan Terrano (SUV แฝดเจเนอเรชันใหม่)

ภาพรวม: Renault Duster และ Nissan Terrano เตรียมกลับมาในฐานะ SUV เจเนอเรชันใหม่ ที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกันแต่มีสไตล์การออกแบบที่แตกต่างกัน โดยมีกำหนดเปิดตัวระหว่างไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025-2026 โดยเน้นความคุ้มค่าและขนาดตัวถังที่ใหญ่

ฟีเจอร์เด่น:

กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, หลังคาซันรูฟพาโนรามิก, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง

หน้าจอสัมผัส 10 นิ้ว, รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย

เบาะหนัง, พอร์ต Type-C, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ไฟหน้า/ไฟท้าย LED, จอแสดงผล Head-up Display (ในรุ่นท็อป)

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.3 ลิตร (150 แรงม้า)

ตัวเลือกไฮบริด (รายละเอียดเพิ่มเติมรอการยืนยัน)

ราคาคาดการณ์: 850,000 – 1,300,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 2 – 4 ปี 2025 – 2026

ทำไมน่าสนใจ: กลยุทธ์ของ Renault-Nissan ที่เน้นรถ SUV ขนาดใหญ่ในราคาที่แข่งขันได้ ทำให้รถแฝดคู่นี้น่าสนใจอย่างยิ่ง พวกเขาจะเข้ามาท้าทายรถคู่แข่งด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

สรุป: SUV ที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางไกลและครอบครัว

Mahindra XUV 7.9 (7-ที่นั่ง Electric SUV)

ภาพรวม: Mahindra XUV 7.9 รุ่น 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นรุ่นย่อยของ XUV 9 EV คาดการณ์ว่าจะเป็น Electric SUV ระดับเรือธงที่มีระยะทางวิ่ง 400–550 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เตรียมเปิดตัวในปี 2026 เข้ามาสร้างความตื่นเต้นในตลาด EV ของไทย

ฟีเจอร์เด่น:

หน้าจอเชื่อมต่อกันสามจอขนาด 12.5 นิ้ว (สำหรับ Infotainment, แผงหน้าปัด และผู้โดยสาร)

ระบบเครื่องเสียง Harman Kardon 16 ลำโพง, หลังคากระจกพร้อมไฟ LED Ambient Light

เบาะนั่งระบายอากาศ, เบาะแถวสองปรับได้, ม่านบังแดด

การเชื่อมต่อ 5G สำหรับการสตรีมวิดีโอ (เช่น YouTube), ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เต็มรูปแบบ

ตัวเลือกแบตเตอรี่:

59 kWh (ระยะทาง 400 กม.)

79 kWh (ระยะทาง 500–550 กม.)

ราคาคาดการณ์: 2,300,000 – 2,800,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ปี 2026

ทำไมน่าสนใจ: ด้วยห้องโดยสารที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ ทำให้เป็น EV ระดับพรีเมียมที่เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่หรือผู้ที่เดินทางไกลในประเทศไทย

สรุป: Electric SUV แห่งอนาคตพร้อมฟีเจอร์ที่เหนือชั้น

Toyota Fortuner (เจเนอเรชันใหม่)

ภาพรวม: หลังจากผ่านไปกว่าทศวรรษ Toyota Fortuner เตรียมได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดในปี 2026 โดยคาดว่าจะเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Bangkok Motor Show ก่อนจะเริ่มทำตลาดในไตรมาสที่ 3 ของปีนั้น รถรุ่นใหม่นี้จะผสานเทคโนโลยีไฮบริดเข้ากับความทนทานอันเป็นตำนาน

ฟีเจอร์เด่น:

หน้าจอสัมผัส 10 นิ้ว, ระบบเครื่องเสียง JBL, หลังคาซันรูฟพาโนรามิก

รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย, พอร์ต Type-C

พื้นที่แถวสามกว้างขวาง, อาจมีเบาะ Ottoman สำหรับแถวสองในบางรุ่น

ระบบขับเคลื่อน 4×4 พร้อมโครงสร้าง Ladder-frame ที่แข็งแกร่ง

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.5 ลิตร (ประมาณ 200 แรงม้า, อัตราสิ้นเปลือง 15–16 กม./ลิตร)

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (204 แรงม้า, หากยังคงทำตลาด)

ราคาคาดการณ์: 1,800,000 – 2,300,000 บาท (สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล), 2,800,000 – 3,500,000 บาท (สำหรับรุ่นไฮบริด)

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 3 ปี 2026

ทำไมน่าสนใจ: ความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ของ Fortuner ผนวกกับประสิทธิภาพไฮบริดที่ทันสมัย จะดึงดูดผู้ซื้อรถ SUV ระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน นี่คือ PPV ที่หลายคนรอคอย

สรุป: การอัปเกรดครั้งใหญ่ของไอคอนแห่งความแข็งแกร่งและสถานะทางสังคม

Honda Electric SUV (EV สัญชาติไทย/ภูมิภาค)

ภาพรวม: Honda เตรียมเปิดตัว Electric SUV คันแรกที่ผลิตในภูมิภาค (อาจจะในไทยหรือประเทศใกล้เคียง) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2026 โดยมีเป้าหมายที่ตลาดที่ต้องการรถยนต์ราคาเข้าถึงได้และมีคุณภาพการส่งออก รถรุ่นนี้จะมีขนาดใกล้เคียงกับ Honda Elevate (หากนำเข้าไทย) พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย

ฟีเจอร์เด่น:

กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (Lane Watch Assist), ไฟหน้า/ไฟท้าย LED

รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง

เบาะหนัง, เบาะนั่งด้านหน้าแบบระบายอากาศ, พอร์ต Type-C

ระยะทางวิ่ง: 350–400 กม. ต่อการชาร์จ

ราคาคาดการณ์: 1,200,000 – 1,700,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 3 ปี 2026

ทำไมน่าสนใจ: การผลิตในภูมิภาคจะทำให้สามารถนำเสนอรถยนต์ EV ที่มีฟีเจอร์ระดับพรีเมียมในราคาที่แข่งขันได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานในเมืองที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

สรุป: การเข้าสู่ตลาด EV ของ Honda ที่ผสมผสานคุณภาพและความคุ้มค่า

Skoda & Volkswagen Facelift (Kushaq, Taigun, Slavia, Virtus)

ภาพรวม: Skoda และ Volkswagen เตรียมปรับโฉมโมเดลยอดนิยมอย่าง Kushaq, Taigun (SUV), Slavia และ Virtus (Sedan) โดยจะเพิ่มฟีเจอร์ระดับพรีเมียมและปรับปรุงดีไซน์ คาดว่าจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ปลายปี 2025 จนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2026

การอัปเกรดเด่น:

หลังคาซันรูฟพาโนรามิก (สำหรับ SUV), กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, ฟีเจอร์ ADAS

การปรับแต่งดีไซน์ด้านหน้า/หลังใหม่, ระบบชาร์จไร้สาย, พอร์ต Type-C

หน้าจอสัมผัส 10 นิ้ว, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร (115 แรงม้า)

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร (150 แรงม้า)

ราคาคาดการณ์: 1,100,000 – 1,800,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 4 ปี 2025 – ไตรมาสที่ 4 ปี 2026

ทำไมน่าสนใจ: การปรับโฉมเหล่านี้จะช่วยยกระดับความน่าสนใจของรถยนต์ยอดนิยมด้วยสัมผัสแห่งความพรีเมียม ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และครอบครัวที่มองหารถยุโรปในกลุ่มคอมแพค

สรุป: การอัปเกรดที่ช่วยเพิ่มมูลค่าในกลุ่มรถยนต์คอมแพค

Mahindra XUV700 Facelift

ภาพรวม: XUV700 ซึ่งเป็นรถยนต์ขายดีของ Mahindra เตรียมได้รับการปรับโฉมในปี 2026 ด้วยการปรับแต่งดีไซน์เล็กน้อยและเพิ่มเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่ม Mid-size SUV ที่กำลังเติบโตในภูมิภาค

ฟีเจอร์เด่น:

หน้าจอสามจอเชื่อมต่อกัน (แต่ละจอขนาด 12.5 นิ้ว), การเชื่อมต่อ 5G สำหรับการสตรีมวิดีโอ

กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, ม่านบังแดด, การอัปเกรดไฟ Ambient Light

เบาะนั่งระบายอากาศ, การปรับปรุงระบบ ADAS ให้ดียิ่งขึ้น

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร (200 แรงม้า)

เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (185 แรงม้า)

เกียร์ธรรมดา/อัตโนมัติ 6 สปีด, ตัวเลือกขับเคลื่อน AWD

ราคาคาดการณ์: 1,200,000 – 2,200,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ปี 2026

ทำไมน่าสนใจ: การอัปเกรดเทคโนโลยีและห้องโดยสารระดับพรีเมียมของ XUV700 จะทำให้รถรุ่นนี้ยังคงนำหน้าคู่แข่งในกลุ่ม Mid-size SUV

สรุป: รถขายดีที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย

Suzuki Baleno Facelift

ภาพรวม: Suzuki Baleno รุ่นปรับโฉมเตรียมเปลี่ยนเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ พร้อมเพิ่มเทคโนโลยีไฮบริดและการอัปเดตเล็กน้อย คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

ฟีเจอร์เด่น:

ตัวเลือกหลังคาซันรูฟ, ระบบชาร์จไร้สาย, เทคโนโลยีไฮบริด (อัตราสิ้นเปลือง 25–28 กม./ลิตร)

หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว, รองรับ Apple CarPlay/Android Auto

ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, การปรับแต่งแผงหน้าปัดใหม่

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร (90 แรงม้า)

รุ่น CNG 1.2 ลิตร, Mild Hybrid (25–28 กม./ลิตร)

ราคาคาดการณ์: 650,000 – 850,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 4 ปี 2025

ทำไมน่าสนใจ: ตัวเลือกไฮบริดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ทำให้เป็นรถ Hatchback พรีเมียมที่คุ้มค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับผู้ใช้งานในเมืองที่มองหารถประหยัดพลังงาน

สรุป: ประหยัด คุ้มค่า สำหรับคนเมือง

Suzuki Fronx Hybrid

ภาพรวม: Suzuki Fronx เตรียมเพิ่มรุ่นไฮบริด พร้อมตัวเลือก CNG แบบถังคู่เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ โดยจะเปิดตัวควบคู่ไปกับ Baleno Facelift

ฟีเจอร์เด่น:

เทคโนโลยีไฮบริด (อัตราสิ้นเปลือง 25–28 กม./ลิตร), ตัวเลือกหลังคาซันรูฟ

หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว, ระบบชาร์จไร้สาย, พอร์ต Type-C

ไฟหน้า LED, คุณภาพภายในห้องโดยสารที่ดีขึ้น

ขุมพลัง:

เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร (90 แรงม้า)

รุ่น CNG 1.2 ลิตร, Mild Hybrid

ราคาคาดการณ์: 700,000 – 950,000 บาท

ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาสที่ 4 ปี 2025

ทำไมน่าสนใจ: พื้นที่เก็บสัมภาระที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพไฮบริด ทำให้เป็น Crossover ที่ใช้งานได้จริงในเมืองและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สรุป: Hybrid ที่คุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

รุ่นพิเศษที่น่าจับตามองเพิ่มเติม (Bonus Mentions)

Hyundai Venue Facelift (ปลายปี 2026): การปรับโฉมดีไซน์ใหม่, เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร, และฟีเจอร์ ADAS ที่ทันสมัย (ราคาคาดการณ์ 750,000 – 1,100,000 บาท)

Tata Nexon EV Update (ไตรมาสที่ 1 ปี 2026): ระยะทางวิ่งที่เพิ่มขึ้น (ประมาณ 450 กม.), หน้าจอสัมผัสใหม่ (ราคาคาดการณ์ 1,200,000 – 1,700,000 บาท)

MG Cloud EV: Electric Crossover ขนาดคอมแพคพร้อมเทคโนโลยีระดับพรีเมียม (ราคาคาดการณ์ 1,200,000 – 1,800,000 บาท)

ตารางเปรียบเทียบรถยนต์รุ่นใหม่น่าจับตาปลายปี 2025 – 2026

| รุ่นรถยนต์ | ประเภท | เครื่องยนต์/แบตเตอรี่ | ราคาคาดการณ์ (บาท) | ช่วงเวลาเปิดตัว |

| :———————- | :———— | :———————————– | :————————– | :——————— |

| Kia Seltos (New Gen) | SUV | 1.5L เบนซิน/ดีเซล | 950,000 – 1,400,000 | Q3 2025 – Q1 2026 |

| Hyundai Bayon | SUV | 1.0L/1.2L เบนซิน, CNG | 750,000 – 1,100,000 | Q3 – Q4 2025 |

| Renault Duster | SUV | 1.3L เทอร์โบเบนซิน, ไฮบริด | 850,000 – 1,300,000 | Q2 – Q4 2025 – 2026 |

| Nissan Terrano | SUV | 1.3L เทอร์โบเบนซิน, ไฮบริด | 850,000 – 1,300,000 | Q2 – Q4 2025 – 2026 |

| Mahindra XUV 7.9 | Electric SUV | 59/79 kWh (400–550 กม.) | 2,300,000 – 2,800,000 | ปี 2026 |

| Toyota Fortuner (New Gen)| SUV/PPV | 2.5L ไฮบริด/2.8L ดีเซล | 1,800,000 – 3,500,000 | Q3 2026 |

| Honda Electric SUV | Electric SUV | ระยะทาง 350–400 กม. | 1,200,000 – 1,700,000 | Q3 2026 |

| Skoda/VW Facelifts | SUV/Sedan | 1.0L/1.5L เทอร์โบเบนซิน | 1,100,000 – 1,800,000 | Q4 2025 – Q4 2026 |

| Mahindra XUV700 | SUV | 2.0L เบนซิน/2.2L ดีเซล | 1,200,000 – 2,200,000 | ปี 2026 |

| Suzuki Baleno/Fronx | Hatch/SUV | 1.2L เบนซิน, ไฮบริด, CNG | 650,000 – 950,000 | Q4 2025 |

บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ

แนวโน้มตลาดรถยนต์ไทยในช่วงปลายปี 2025 ถึงปี 2026 ชัดเจนว่าเน้นไปที่เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเชื่อมต่ออัจฉริยะ และฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่เริ่มกลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์ระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่หลากหลายรุ่น หรือการอัปเกรดระบบเชื่อมต่อ 5G, หลังคาซันรูฟพาโนรามิก และระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง การแข่งขันที่รุนแรงนี้จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคอย่างเรา

การเปลี่ยนแปลงสู่ขุมพลังที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีเชื่อมต่อสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดไทยสำหรับรถยนต์ที่ยั่งยืนแต่ยังคงอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง All-New Toyota Fortuner ที่จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่ม PPV ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด และ Kia Seltos เจเนอเรชันใหม่ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และนวัตกรรม รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Mahindra XUV 7.9 และ Honda Electric SUV ที่จะสร้างความตื่นเต้นในตลาด EV ของไทย

ตลาดรถยนต์ไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่ทุกแบรนด์ต่างเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการ “มากกว่าแค่รถยนต์” นี่คือโอกาสทองของคุณที่จะได้เป็นเจ้าของรถยนต์แห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างลงตัว

หากคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ในปลายปี 2025 หรือปี 2026 นี้ ผมขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองขับรุ่นที่คุณสนใจอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ที่คุณเลือกนั้นเหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น รถ SUV ที่เน้นความอเนกประสงค์, รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ประหยัดพลังงาน, หรือ รถยนต์ไฮบริดที่ให้สมรรถนะยอดเยี่ยม โอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์ในฝันของคุณอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้? รุ่นไหนที่คุณรอคอยมากที่สุด? แบ่งปันความคิดเห็นของคุณได้ในช่องคอมเมนต์ด้านล่างนี้ และอย่าลืมติดตามข่าวสารยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวในโลกแห่งรถยนต์!

10 อันดับรถยนต์ใหม่น่าจับตาในตลาดไทยปี 2025-2026: เจาะลึกราคา ฟีเจอร์ และเทคโนโลยีล้ำสมัย

ตลาดรถยนต์ไทยในปี 2025 กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากมายที่พร้อมพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ของเราในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ได้มีโอกาสคลุกคลีกับรถยนต์หลากหลายรุ่น และสังเกตการณ์แนวโน้มของตลาดมาโดยตลอด ผมมองว่าปี 2025-2026 จะเป็นปีที่การแข่งขันดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (Hybrid) ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ผลิตต่างให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสุดล้ำ การออกแบบที่กล้าหาญ และประสิทธิภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่มองหาทั้งความคุ้มค่า ความทันสมัย และความยั่งยืน

รายงานฉบับนี้จะเจาะลึกถึง 10 อันดับรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าจับตาที่สุดสำหรับการเปิดตัวในตลาดประเทศไทยช่วงปี 2025-2026 ไม่ว่าจะเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ (Next-Gen) การไมเนอร์เชนจ์ (Facelift) ที่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ หรือการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่เอี่ยมที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด ผมได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากแหล่งข่าววงใน ภาพหลุดจากการทดสอบ รวมถึงบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันแรก รถยนต์สำหรับครอบครัว หรือรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง รายชื่อรถยนต์เหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการตัดสินใจซื้อรถยนต์ได้อย่างมั่นใจและชาญฉลาดที่สุด

เทรนด์ที่เราจะได้เห็นนั้นครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ที่ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง รถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นและราคาที่เข้าถึงง่าย ไปจนถึงเทคโนโลยีเชื่อมต่อ 5G หลังคาพาโนรามา และระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) ที่จะกลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์ระดับกลางมากขึ้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะรถยนต์เหล่านี้กำลังจะเข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับถนนเมืองไทย

ระเบียบวิธีในการคัดเลือก

รายการรถยนต์น่าจับตาในปี 2025-2026 นี้ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันจากหลากหลายแหล่งข้อมูล ได้แก่ รายงานภายในอุตสาหกรรม ภาพรถยนต์ทดสอบที่ถูกพรางตัว การประกาศอย่างเป็นทางการจากผู้ผลิต และการวิเคราะห์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกประเมินจากมุมมองที่เน้นการใช้งานจริงบนถนนเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น การเดินทางบนทางหลวงระยะไกล หรือแม้กระทั่งเส้นทางชนบท โดยผมได้นำประสบการณ์ตรงจากการทดลองขับรถยนต์กว่า 50 รุ่นในสภาพถนนที่หลากหลายของประเทศไทย มาประกอบการพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ที่นำเสนอมีความเกี่ยวข้องและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง

การประเมินประกอบด้วยทั้งรถยนต์เจเนอเรชันใหม่ทั้งหมด (ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มและมิติรถยนต์) และรถยนต์ไมเนอร์เชนจ์ (การอัปเกรดรูปลักษณ์และฟีเจอร์) โดยราคาที่ระบุเป็นราคาประมาณการ ณ วันที่เปิดตัว ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดภาษีและโปรโมชันในแต่ละภูมิภาค

10 อันดับรถยนต์ใหม่น่าจับตาในตลาดไทยปี 2025-2026

Toyota Fortuner Hybrid (เจเนอเรชันใหม่)
ภาพรวม: หลังจากครองตำแหน่ง PPV ยอดนิยมมานานนับทศวรรษ Toyota Fortuner เตรียมเปิดตัวเจเนอเรชันใหม่ทั้งหมดในช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 โดยคาดการณ์ว่าจะเผยโฉมครั้งแรกที่งาน Bangkok International Motor Show ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว Fortuner ใหม่จะยังคงเอกลักษณ์ความแกร่งทนทาน แต่เสริมด้วยเทคโนโลยีไฮบริดที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการทั้งความสมบุกสมบันและประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน
ฟีเจอร์เด่น:
หน้าจอสัมผัสขนาด 10-12 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย
ระบบเครื่องเสียง JBL คุณภาพสูง พร้อมลำโพงหลายตำแหน่ง
หลังคากระจกพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เพื่อความหรูหราและโปร่งสบาย
พอร์ต Type-C ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง โดยเฉพาะเบาะแถวสามที่นั่งสบายขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีออปชันเบาะแถวสองแบบ Ottoman Seat (เบาะพักขา) ในรุ่นท็อป
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4×4) ที่ยังคงโครงสร้างแชสซีส์แบบขั้นบันได (Ladder-frame chassis) เพื่อความทนทาน
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) เวอร์ชั่นล่าสุด
ขุมพลัง:
เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร Hybrid (ประมาณ 220 แรงม้า) ให้การประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น พร้อมสมรรถนะที่ทรงพลัง
อาจมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Hybrid ในบางตลาด แต่สำหรับไทยเน้นดีเซลเป็นหลัก
ราคาประมาณการ: 1,700,000 – 2,500,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 3-4 ปี 2025 หรือ ต้นปี 2026
ความน่าตื่นเต้น: Fortuner Hybrid ผสมผสานตำนานความทนทานเข้ากับประสิทธิภาพไฮบริดยุคใหม่ ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้รถ PPV ที่ต้องการทั้งพละกำลัง ความหรูหรา และความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นี่จะเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่แฟนๆ รอคอย
สรุป: การพลิกโฉมครั้งสำคัญของรถ PPV ระดับตำนาน สู่ยุคไฮบริดที่หรูหราและประหยัดยิ่งขึ้น

BYD Seal U / Song Plus EV (เปิดตัวใหม่)
ภาพรวม: BYD ยังคงเดินหน้าขยายไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะเปิดตัว SUV ไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นใหม่ อย่าง BYD Seal U หรือ Song Plus EV (ชื่อในตลาดโลก) ในช่วงกลางปี 2025 เพื่อเข้ามาเสริมทัพและตอบโจทย์ความต้องการรถ SUV EV สำหรับครอบครัวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดไทย รถยนต์รุ่นนี้จะมาพร้อมเทคโนโลยี Cell-to-Body Blade Battery และดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว
ฟีเจอร์เด่น:
หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว หมุนได้ พร้อมระบบ infotainment อัจฉริยะ
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมระบบระบายอากาศ
หลังคากระจกพาโนรามาขนาดใหญ่
ระบบกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสาร
ระบบ ADAS ครบวงจร ทั้ง Adaptive Cruise Control, Lane Keeping Assist
ระบบ V2L (Vehicle to Load) สำหรับจ่ายไฟออกภายนอก
ขุมพลัง:
มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ให้กำลังสูงสุดประมาณ 204 แรงม้า
แบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 71-87 kWh
ระยะทางวิ่งสูงสุด (WLTP) ประมาณ 500-600 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ราคาประมาณการ: 1,200,000 – 1,600,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 2-3 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: BYD เป็นผู้นำตลาด EV ในไทย การเปิดตัว SUV ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงและราคาที่แข่งขันได้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและกระตุ้นตลาด EV ในกลุ่ม SUV ขนาดกลางให้คึกคักยิ่งขึ้น
สรุป: SUV ไฟฟ้าจากผู้นำตลาด EV พร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัยและระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ

Honda CR-V e:HEV (อัปเดต/รุ่นพิเศษ)
ภาพรวม: Honda CR-V e:HEV ยังคงเป็นหนึ่งใน SUV ขวัญใจมหาชนในตลาดไทย ด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยมและการประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ แม้จะเปิดตัวเจเนอเรชันปัจจุบันไปแล้ว แต่ Honda มักจะมีการอัปเดตไมเนอร์เชนจ์ หรือการเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษ เพื่อรักษาความสดใหม่และเสริมฟีเจอร์ที่น่าสนใจเข้ามาในช่วงปี 2025-2026 ซึ่งอาจรวมถึงการปรับดีไซน์เล็กน้อย การเพิ่มฟังก์ชัน ADAS หรือการปรับปรุงระบบ Infotainment
ฟีเจอร์เด่น:
ระบบ Honda SENSING ที่ได้รับการปรับปรุงให้ฉลาดและแม่นยำยิ่งขึ้น
หน้าจอสัมผัสระบบ Infotainment ขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมฟังก์ชันใหม่
การตกแต่งภายในที่พรีเมียมยิ่งขึ้น อาจมีการใช้วัสดุใหม่หรือโทนสีใหม่
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ
ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน
ขุมพลัง:
เครื่องยนต์ e:HEV 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (กำลังรวมประมาณ 207 แรงม้า)
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม (ประมาณ 18-20 กม./ลิตร)
อาจมีรุ่น 1.5 ลิตร Turbo (190 แรงม้า) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรง
ราคาประมาณการ: 1,400,000 – 1,800,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 3-4 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: CR-V ยังคงเป็นเกณฑ์มาตรฐานของ SUV ในไทย การอัปเดตจะช่วยให้รักษาส่วนแบ่งตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
สรุป: SUV ไฮบริดยอดนิยมที่พร้อมอัปเดตฟีเจอร์และความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ

Mitsubishi Xpander HEV (รุ่น Hybrid ใหม่)
ภาพรวม: Mitsubishi Xpander ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะรถยนต์ MPV/Crossover สำหรับครอบครัว ด้วยความอเนกประสงค์และความคุ้มค่า ในปี 2025-2026 Mitsubishi มีแผนที่จะเปิดตัว Xpander รุ่นไฮบริด เพื่อตอบรับเทรนด์รถยนต์ประหยัดพลังงาน และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่า
ฟีเจอร์เด่น:
ดีไซน์ Dynamic Shield อันเป็นเอกลักษณ์
ห้องโดยสารกว้างขวาง 7 ที่นั่ง ปรับพับเบาะได้หลากหลายรูปแบบ
หน้าจอสัมผัสขนาด 8-9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ
ระบบความปลอดภัย Active Yaw Control (AYC) ช่วยในการเข้าโค้ง
ไฟหน้า LED และไฟท้าย LED
ขุมพลัง:
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า (อาจเป็นระบบ Full Hybrid)
เน้นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีเยี่ยม (ประมาณ 19-22 กม./ลิตร)
ให้กำลังรวมที่เพียงพอต่อการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง
ราคาประมาณการ: 900,000 – 1,100,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 2-3 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: Xpander Hybrid จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาด MPV/Crossover ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับรถยนต์รุ่นนี้อย่างมากสำหรับครอบครัวยุคใหม่
สรุป: MPV/Crossover ยอดนิยมสู่ยุคไฮบริด ประหยัดน้ำมันและยังคงความอเนกประสงค์

Isuzu D-Max EV (กระบะไฟฟ้าใหม่)
ภาพรวม: ประเทศไทยคือตลาดรถกระบะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และ Isuzu D-Max คือเจ้าตลาดอันดับหนึ่ง การเปิดตัว Isuzu D-Max EV ในช่วงปี 2025-2026 ถือเป็นการปฏิวัติวงการรถกระบะอย่างแท้จริง ซึ่ง Isuzu ได้มีการทดสอบและเปิดเผยแนวคิดรถกระบะไฟฟ้ามาแล้วในบางภูมิภาค D-Max EV จะยังคงความแกร่งทนทานและการบรรทุกหนักได้ตามแบบฉบับกระบะ Isuzu แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
ฟีเจอร์เด่น:
ดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความบึกบึน แต่เสริมด้วยองค์ประกอบ EV ที่ทันสมัย (เช่น กระจังหน้าแบบปิดทึบ)
ห้องโดยสารภายในที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่
เทคโนโลยีเชื่อมต่อยานยนต์ (Connected Car Technology)
ระบบความปลอดภัย ADAS ขั้นสูง
ความสามารถในการบรรทุกและลากจูงที่ทัดเทียมกับ D-Max ดีเซล
ขุมพลัง:
มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง อาจมีตัวเลือกทั้งแบบมอเตอร์เดี่ยว (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) และมอเตอร์คู่ (ขับเคลื่อน 4 ล้อ)
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้ระยะทางวิ่งประมาณ 300-400 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) เพื่อรองรับการใช้งานเชิงพาณิชย์
ระบบชาร์จเร็ว (DC Fast Charge)
ราคาประมาณการ: 1,000,000 – 1,500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดแบตเตอรี่)
ช่วงเวลาเปิดตัว: ปลายปี 2025 หรือ ต้นปี 2026
ความน่าตื่นเต้น: D-Max EV จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดรถกระบะไทย ด้วยความสามารถในการประหยัดค่าเชื้อเพลิงอย่างมหาศาล และการลดมลพิษ ซึ่งจะตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความยั่งยืน
สรุป: กระบะไฟฟ้าคันแรกจากเจ้าตลาด พร้อมพลิกโฉมวงการยานยนต์เชิงพาณิชย์ในไทย

Nissan Kicks e-POWER (เจเนอเรชันใหม่)
ภาพรวม: Nissan Kicks e-POWER ได้รับการยอมรับในตลาดไทยด้วยเทคโนโลยี e-POWER ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าแต่ไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จ ในปี 2025-2026 Nissan เตรียมเปิดตัว Kicks e-POWER เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น ฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่าเดิม และระบบ e-POWER ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและกำลังที่ดียิ่งขึ้น
ฟีเจอร์เด่น:
ดีไซน์ภายนอกที่ปรับโฉมใหม่ให้ดูสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารภายในที่พรีเมียมและทันสมัยขึ้น พร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ขึ้น
ระบบ NissanConnect Service ที่เชื่อมต่อการใช้งานได้หลากหลาย
ระบบความปลอดภัย Nissan 360° Safety Shield
เบาะนั่งแบบ Zero Gravity Support เพื่อความสบายสูงสุดในการเดินทาง
ขุมพลัง:
ระบบ e-POWER เจเนอเรชันล่าสุด (เครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่ปั่นไฟ มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน)
ให้กำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นและแรงบิดที่ดีขึ้น
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังคงยอดเยี่ยม (อาจสูงถึง 25-28 กม./ลิตร)
ราคาประมาณการ: 800,000 – 1,100,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 3-4 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: Kicks e-POWER ใหม่จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ B-SUV ด้วยเทคโนโลยี e-POWER ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมดีไซน์ที่ดึงดูดใจและฟีเจอร์ที่ครบครันยิ่งขึ้น ตอบโจทย์คนเมืองที่ต้องการความประหยัดและสมรรถนะการขับขี่ที่ดี
สรุป: B-SUV ไฮบริดเจนใหม่ ดีไซน์สดใหม่ พร้อมเทคโนโลยี e-POWER ที่พัฒนาไปอีกขั้น

MG Cyberster / MG ZS EV (รุ่นใหม่/อัปเดตใหญ่)
ภาพรวม: MG เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่บุกเบิกตลาด EV ในไทยอย่างแข็งแกร่ง นอกจากการอัปเดต MG ZS EV ให้ทันสมัยอยู่เสมอแล้ว ยังมีโอกาสที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่น่าตื่นเต้น อย่าง MG Cyberster รถสปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ หรือการเปิดตัว ZS EV เจเนอเรชันใหม่ทั้งหมด ที่จะมาพร้อมดีไซน์และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้นในช่วงปี 2025-2026
ฟีเจอร์เด่น (สำหรับ ZS EV ใหม่):
ดีไซน์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัยยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารที่พรีเมียมและล้ำยุค พร้อมหน้าจอคู่ขนาดใหญ่
ระบบปฏิบัติการ MG i-SMART เจเนอเรชันใหม่
หลังคากระจกพาโนรามา
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ขั้นสูง
ระบบ V2L (Vehicle to Load)
ขุมพลัง (สำหรับ ZS EV ใหม่):
มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
แบตเตอรี่ความจุเพิ่มขึ้น ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดประมาณ 450-500 กิโลเมตร (WLTP)
รองรับการชาร์จเร็ว DC ที่กำลังไฟสูงขึ้น
ราคาประมาณการ: 900,000 – 1,200,000 บาท (สำหรับ ZS EV)
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 2-4 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: MG ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด EV การนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะช่วยกระตุ้นตลาดและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า
สรุป: EV รุ่นใหม่จาก MG ที่พร้อมเขย่าตลาดด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ

Mazda CX-30 / CX-5 (ปรับปรุง Mild Hybrid / Minor Change)
ภาพรวม: Mazda ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่ Mazda CX-30 และ CX-5 เป็น SUV ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความพรีเมียมและการขับขี่แบบสปอร์ต ในปี 2025-2026 คาดว่า Mazda จะมีการอัปเดตไมเนอร์เชนจ์ หรือการเพิ่มทางเลือกขุมพลังแบบ Mild Hybrid ให้กับรถยนต์ทั้งสองรุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และรักษาความสดใหม่ในตลาด
ฟีเจอร์เด่น:
ดีไซน์ KODO Design ที่ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารที่ยังคงความประณีตและพรีเมียม
ระบบ MZD Connect ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย
ระบบความปลอดภัย i-Activsense ที่ได้รับการปรับปรุง
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head-up Display)
ขุมพลัง:
เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 ลิตร หรือ 2.5 ลิตร (อาจเพิ่มระบบ Mild Hybrid)
ใน CX-30 อาจมีเครื่องยนต์ Skyactiv-X ที่ให้กำลังและประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ
เน้นการขับขี่ที่สนุกและตอบสนองได้ดีตามสไตล์ Mazda
ราคาประมาณการ: 1,000,000 – 1,600,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 1-4 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: การอัปเดตจะช่วยให้ CX-30 และ CX-5 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV ที่มีสไตล์การขับขี่ที่โดดเด่น ความพรีเมียม และประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
สรุป: SUV ดีไซน์หรู ขับสนุก พร้อมการปรับปรุงประสิทธิภาพและความประหยัดน้ำมัน

GWM ORA 07 (เปิดตัวอย่างเป็นทางการ)
ภาพรวม: หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ ORA Good Cat, Great Wall Motor (GWM) เตรียมนำเสนอ ORA 07 รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตคูเป้ ที่เคยเปิดตัวในชื่อ ORA Grand Cat ในต่างประเทศ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการช่วงต้น-กลางปี 2025 รถยนต์รุ่นนี้จะเน้นการออกแบบที่หรูหรา ล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มพรีเมียม EV
ฟีเจอร์เด่น:
ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตคูเป้ โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่โค้งมน
ห้องโดยสารภายในที่หรูหรา ล้ำสมัย พร้อมจอแสดงผลคู่
หลังคากระจกพาโนรามาแบบเต็มบาน
เบาะนั่งไฟฟ้าพร้อมระบบนวดและระบายอากาศ
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ระดับ L2+
ระบบเสียง Harman Kardon
ขุมพลัง:
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว (ขับเคลื่อนล้อหลัง) หรือมอเตอร์คู่ (ขับเคลื่อน 4 ล้อ)
รุ่นมอเตอร์คู่ให้กำลังสูงสุดประมาณ 408 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ความจุ 83 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดประมาณ 640 กม. (NEDC) หรือ 550 กม. (WLTP)
ราคาประมาณการ: 1,300,000 – 1,700,000 บาท
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 1-2 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: ORA 07 จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างรถยนต์ไฟฟ้าซีดานสปอร์ตคูเป้ในราคาที่เข้าถึงได้ มอบทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีดีไซน์โดดเด่นและสมรรถนะสูง
สรุป: EV สปอร์ตคูเป้ดีไซน์หรูหรา ล้ำสมัย พร้อมสมรรถนะที่เร้าใจ

Hyundai Creta / Kona Electric (เจเนอเรชันใหม่/Facelift ในไทย)
ภาพรวม: Hyundai กำลังเร่งขยายตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยมีแผนที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม SUV และ EV ในช่วงปี 2025-2026 คาดว่า Hyundai จะมีการเปิดตัว Creta เจเนอเรชันใหม่ หรือการปรับโฉมครั้งใหญ่ของ Kona Electric เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและแข่งขันกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
ฟีเจอร์เด่น (สำหรับ Creta ใหม่):
ดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยและโดดเด่นตามแบบฉบับ Hyundai ยุคใหม่
ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางขึ้น พร้อมหน้าจอคู่ขนาดใหญ่
ระบบเชื่อมต่อ Bluelink Connected Car Technology
ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense
หลังคากระจกพาโนรามา
เบาะนั่งระบายอากาศ
ขุมพลัง (สำหรับ Creta ใหม่):
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร (อาจมี Mild Hybrid)
เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร (สำหรับบางตลาด)
ฟีเจอร์เด่น (สำหรับ Kona Electric Facelift):
ดีไซน์ที่ได้รับการปรับปรุงให้โฉบเฉี่ยวขึ้น
แบตเตอรี่ที่ได้รับการอัปเกรด ให้ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น
ระบบ Infotainment ใหม่ล่าสุด
ราคาประมาณการ: 850,000 – 1,300,000 บาท (สำหรับ Creta) / 1,200,000 – 1,600,000 บาท (สำหรับ Kona Electric)
ช่วงเวลาเปิดตัว: ไตรมาส 2-4 ปี 2025
ความน่าตื่นเต้น: Hyundai กำลังสร้างฐานลูกค้าในไทย การนำเสนอรถยนต์ที่ตอบโจทย์และมีฟีเจอร์ครบครันในราคาที่แข่งขันได้ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
สรุป: SUV และ EV จาก Hyundai ที่พร้อมแข่งขันด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและฟีเจอร์ที่ครบครัน

สรุปภาพรวมจากมุมมองผู้เชี่ยวชาญ

จากการวิเคราะห์แนวโน้มและรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในตลาดไทยปี 2025-2026 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์
เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮบริด (Hybrid) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ: ผู้ผลิตทุกรายต่างมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอขุมพลังทางเลือกเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น EV 100% จาก BYD, MG, GWM หรือระบบไฮบริดที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นใน Toyota Fortuner, Honda CR-V และ Mitsubishi Xpander นี่คือการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความประหยัดและความยั่งยืน
SUV ยังคงครองแชมป์: รถยนต์อเนกประสงค์ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดไทย ไม่ว่าจะเป็น B-SUV, C-SUV หรือ PPV โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมดีไซน์ที่ดุดันขึ้น เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลาย
เทคโนโลยีและความสะดวกสบาย: ฟีเจอร์อย่างหลังคากระจกพาโนรามา ระบบ Infotainment ขนาดใหญ่ ระบบเชื่อมต่อ 5G (ในบางรุ่น), เบาะนั่งระบายอากาศ และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ขั้นสูง จะกลายเป็นมาตรฐานที่ผู้บริโภคคาดหวังในรถยนต์ระดับกลางขึ้นไป
การแข่งขันที่ดุเดือดจากแบรนด์จีน: แบรนด์จีนอย่าง BYD, MG, GWM ยังคงเป็นผู้เล่นที่สำคัญและสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาด EV ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เข้าถึงได้ ในขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นก็เร่งปรับตัวและนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดและ EV เข้ามาแข่งขัน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าตลาดในปี 2025-2026 จะเป็นปีที่ผู้บริโภคได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากตัวเลือกที่หลากหลายและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ราคาที่แข่งขันได้ และประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น รถยนต์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งาน ความสะดวกสบาย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ตารางเปรียบเทียบรถยนต์น่าจับตาปี 2025-2026 (ภาพรวม)

รุ่นรถยนต์ประเภทขุมพลัง/แบตเตอรี่ราคาประมาณการ (บาท)ช่วงเวลาเปิดตัว
Toyota Fortuner HybridSUV (PPV)2.8L ดีเซล Hybrid1,700,000 – 2,500,000Q3-Q4 2025 / ต้นปี 2026
BYD Seal U / Song Plus EVSUV (EV)มอเตอร์ไฟฟ้า, Blade Battery 71-87 kWh (500-600 กม.)1,200,000 – 1,600,000Q2-Q3 2025
Honda CR-V e:HEVSUV (Hybrid)2.0L e:HEV (207 แรงม้า, 18-20 กม./ลิตร)1,400,000 – 1,800,000Q3-Q4 2025
Mitsubishi Xpander HEVMPV/Crossover1.5L Full Hybrid (19-22 กม./ลิตร)900,000 – 1,100,000Q2-Q3 2025
Isuzu D-Max EVกระบะ (EV)มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ใหญ่ (300-400 กม.)1,000,000 – 1,500,000ปลายปี 2025 / ต้นปี 2026
Nissan Kicks e-POWERB-SUV (Hybrid)e-POWER เจเนอเรชันใหม่ (25-28 กม./ลิตร)800,000 – 1,100,000Q3-Q4 2025
MG ZS EV (รุ่นใหม่/อัปเดต)SUV (EV)มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ (450-500 กม.)900,000 – 1,200,000Q2-Q4 2025
Mazda CX-30 / CX-5SUVSkyactiv-G (อาจเพิ่ม Mild Hybrid)1,000,000 – 1,600,000Q1-Q4 2025
GWM ORA 07Sedan (EV)มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (408 แรงม้า, 550 กม.)1,300,000 – 1,700,000Q1-Q2 2025
Hyundai Creta / Kona EVSUV (ICE/EV)1.5L เบนซิน / มอเตอร์ไฟฟ้า850,000 – 1,600,000Q2-Q4 2025

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับยุคยานยนต์ใหม่

ปี 2025-2026 คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง รถยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเดินทางจากจุด A ไปจุด B แต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสุดล้ำ ดีไซน์ที่สวยงาม และประสิทธิภาพที่ยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารถยนต์คันต่อไป หรือเพียงแค่สนใจในนวัตกรรมยานยนต์ที่กำลังจะมาถึง ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการตัดสินใจของคุณ

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต! หากคุณพร้อมที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์เทคโนโลยีใหม่ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถยนต์ที่คุณสนใจ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่ออัปเดตข่าวสารและโปรโมชั่นล่าสุด หรือติดต่อผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อทดลองขับและปรึกษาเงื่อนไขพิเศษที่รอคุณอยู่

Previous Post

N1312224 เธอค อส วนท ขาด part 2

Next Post

N1312223 ยการช าง ปะทะเด อดเบนซ จม กโต part 2

Next Post
N1312223 ยการช าง ปะทะเด อดเบนซ จม กโต part 2

N1312223 ยการช าง ปะทะเด อดเบนซ จม กโต part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612007 จม กโตและเพ อน บแผนเถ อนๆของเขา part 2
  • N1612020 แม าแตงโม รวมห วก บแม าสาล part 2
  • N1612009 นแรกเป นพน กงานด เด นต อมาเป นล กค าหน าหม part 2
  • N1612003 งานการไม อยทำ ขย นสร างแต เร องว นๆ part 2
  • N1612005 กามเทพจม กโต แผลงศรแห งความร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.