• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1212261 ไทแบนด ไอดอล (เดอะซ EP6 #ซ#ไทแบนด (2) part 2

admin79 by admin79
December 12, 2025
in Uncategorized
0
N1212261 ไทแบนด ไอดอล (เดอะซ EP6 #ซ#ไทแบนด (2) part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

Bentley Speed W12: ตำนานบทสุดท้ายแห่งขุมพลัง และอนาคตอัครยนตรกรรมในยุค 2025

ในโลกแห่งอัครยนตรกรรมที่หมุนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ปี 2025 ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปิดฉากยุคของเครื่องยนต์ W12 อันเป็นหัวใจสำคัญของ Bentley มานานกว่าสองทศวรรษ ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ระดับสูงมากว่า 10 ปี ผมขอยืนยันว่า Bentley Speed ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์สมรรถนะสูง แต่เป็นเสมือนผลงานชิ้นเอกที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อทิ้งทวนความยิ่งใหญ่ของขุมพลัง W12 ก่อนที่โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว อัครยนตรกรรมตระกูล Speed ทั้ง Continental GT Speed, Flying Spur Speed และ Bentayga Speed จึงมิได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะ แต่มันคือตำนานบทสุดท้ายที่จับต้องได้ เป็นความภาคภูมิใจทางวิศวกรรมที่เหนือชั้น และเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงปรัชญาของ Bentley ในการผสานความหรูหราเข้ากับพละกำลังอันไร้ขีดจำกัด

Bentley Speed เหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและเหนือระดับที่สุดเท่าที่แบรนด์จะทำได้ภายใต้ขีดจำกัดของเครื่องยนต์สันดาปภายใน มันคือการผสมผสานอันลงตัวระหว่างสมรรถนะแบบรถสปอร์ตชั้นนำเข้ากับความประณีตบรรจงในทุกรายละเอียดตามแบบฉบับ Bentley การสิ้นสุดสายการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในช่วงเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2025 นี้ รุ่น Speed ที่ขับเคลื่อนด้วย W12 กลายเป็นของสะสมล้ำค่า เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยที่ควรค่าแก่การจดจำ และเป็นดั่งสะพานเชื่อมไปสู่ทิศทางใหม่ของแบรนด์ภายใต้กลยุทธ์ “Beyond100” ที่มุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ บทความนี้จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่แก่นแท้ของ Bentley Speed W12 ทำความเข้าใจในความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร และเหตุผลที่มันยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดอัครยนตรกรรมระดับโลก

มรดกอันยิ่งใหญ่: ขุมพลัง W12 แห่ง Bentley

เมื่อกล่าวถึงหัวใจหลักของ Bentley Speed คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ W12 ซึ่งเป็นมรดกทางวิศวกรรมที่ Bentley พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2546 เครื่องยนต์ W12 ขนาด 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่รุ่นนี้ ได้รับการยอมรับในด้านพละกำลังที่มหาศาลและความนุ่มนวลในการทำงานที่หาคู่แข่งได้ยาก การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการจัดเรียงกระบอกสูบแบบ ‘W’ ทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัด แต่ยังคงให้สมรรถนะที่น่าทึ่ง

ตลอดระยะเวลาสองทศวรรษ ทีมวิศวกรของ Bentley ได้ทุ่มเทพัฒนาเครื่องยนต์ W12 อย่างไม่หยุดยั้ง พละกำลังของมันเพิ่มขึ้นถึง 37% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 25% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน การปรับปรุงที่สำคัญได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบควบคุม, การพัฒนาระบบจ่ายเชื้อเพลิงและระบายความร้อน, เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ก้าวหน้า, และระบบหัวฉีดพร้อมการเผาไหม้ที่แม่นยำยิ่งขึ้น จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2558 เมื่อมีการพัฒนาเครื่องยนต์ W12 ใหม่ทั้งหมดสำหรับ Bentayga โดยมาพร้อมกับนวัตกรรมอย่างระบบปิดการทำงานของกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อไม่ต้องการพละกำลังสูงสุด, ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบ Direct และ Port Injection ที่ทำงานร่วมกัน, และระบบเทอร์โบคู่ที่ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและต่อเนื่อง

การสิ้นสุดยุคของ W12 จึงไม่ใช่เพียงการยุติสายการผลิตเครื่องยนต์ แต่เป็นการปิดฉากบทหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ วิศวกรรมยานยนต์ ที่ยิ่งใหญ่ การได้เป็นเจ้าของ Bentley Speed W12 ในปี 2025 จึงหมายถึงการได้ครอบครองชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องจักรกลที่หลอมรวมเอาความเฉลียวฉลาดทางเทคนิคเข้ากับความแรงในระดับสุดขีด ทำให้มันเป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็น อัครยนตรกรรม ที่สะท้อนถึงยุคทองของเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างแท้จริง ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม เครื่องยนต์ W12 จึงยังคงเป็นหนึ่งใน เทคโนโลยียานยนต์ ที่ถูกกล่าวขานถึงอย่างไม่เสื่อมคลาย

รูปลักษณ์ที่สง่างามและโฉบเฉี่ยว: นิยามแห่ง Speed

Bentley Speed W12 ทุกรุ่นได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตา โดดเด่นด้วยความสง่างามตามแบบฉบับ Bentley ผสมผสานกับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตที่สะท้อนถึงสมรรถนะอันเหนือชั้น ชุดแต่ง Styling Specification รอบคันคือหัวใจสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์นี้ ผลิตจาก วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มันวาวสีดำน้ำหนักเบา พร้อมลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความดุดัน แต่ยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ที่ความเร็วสูง

รายละเอียดภายนอกถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน กระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ให้ความรู้สึกดุดันและลึกลับ กาบประตูห้องโดยสารแบบ ‘Speed’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ แบบโครเมียมที่ตกแต่งบริเวณบังโคลนหน้า ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษของรุ่นนี้ได้อย่างชัดเจน

คุณลักษณะที่โดดเด่นอีกประการคือ ล้ออัลลอยด์ ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่น Speed พร้อมลายที่เป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือกทั้งเฉดสีเงินสว่างคลาสสิก หรือตัวเลือกในโทนสีเข้มและเฉดสีดำเงาที่ดูทรงพลังและดุดันยิ่งขึ้น ฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ และกาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงประดับด้วยคำว่า ‘Speed’ รวมถึงปลายท่อไอเสียรูปทรงรีที่สื่อถึงพละกำลัง W12 ล้วนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เสริมสร้างความหรูหราและแตกต่าง

สำหรับ Bentayga Speed นั้นมาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มแรงกดตามหลักอากาศพลศาสตร์อีกด้วย ส่วน Flying Spur Speed ยกระดับความสง่างามด้วยอุปกรณ์ชุดแต่งภายนอกแบบ Blackline Specification เฉดสีดำ ไม่ว่าจะเป็น Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่างห้องโดยสาร กรอบประตูด้านล่าง กันชนหลัง ไปจนถึงกรอบไฟหน้าและไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศ ล้วนมาในโทนสีเข้ม สร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ การออกแบบยานยนต์ ที่หรูหราแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง

Bentley ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งเฉดสีภายนอกได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษหรือเฉดสีจากแผนก Mulliner พร้อมตัวเลือกเฉดสีแบบดูโอโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้แต่การรังสรรค์เฉดสีใหม่ด้วยการเทียบสีจากวัสดุอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการ นี่คือความหรูหราที่แท้จริง คือการที่รถยนต์สามารถสะท้อนบุคลิกและความปรารถนาของเจ้าของได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้ Bentley Speed W12 ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นงานศิลปะเคลื่อนที่ที่บ่งบอกรสนิยมอันโดดเด่นของเจ้าของ

สัมผัสแห่งความสปอร์ตในห้องโดยสาร: ที่สุดของความประณีต

ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed W12 คุณจะสัมผัสได้ถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราแบบดั้งเดิมของ Bentley กับความเร้าใจในสไตล์ รถสปอร์ตพรีเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง หัวใจหลักของการตกแต่งคือการนำ หนัง Alcantara ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในรถแข่ง มาใช้ในการตกแต่งหลายส่วน ทั้งเบาะรองนั่ง แผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา เพื่อเพิ่มสัมผัสแห่งความสปอร์ตและความกระชับมือในการควบคุม

งานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ยังคงโดดเด่นในรุ่น Speed ด้วยโลโก้และงานปักคำว่า ‘Speed’ บนเบาะโดยสาร รวมถึงการออกแบบการเย็บแบบตัดกันแบบใหม่ผ่านงานควิลท์ลวดลายเพชรในแบบ Mulliner Driving Specification ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Speed เส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านงานควิลท์ถูกแยกออก โดยเส้นหนึ่งเพื่อให้เข้ากับหนังหลัก และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน สร้างมิติและความโดดเด่นให้กับ การตกแต่งภายในหรูหรา ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ โลโก้ ‘Speed’ ยังประดับอยู่บนคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง เพื่อย้ำเตือนถึงความพิเศษของรุ่นนี้ในทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร

Bentley เข้าใจดีว่าความหรูหราที่แท้จริงคือการที่เจ้าของสามารถปรับแต่งพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างไร้ขีดจำกัด การตกแต่งภายในของรุ่น Speed จึงสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรอง 11 เฉดสี รวมถึงการเลือกใช้หนัง Alcantara ในการตกแต่งส่วนอื่นๆ ตามต้องการ และที่สำคัญคือตัวเลือก วัสดุพรีเมียม วีเนียร์ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น Piano Black ที่เป็นตัวเลือกมาตรฐาน Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ซึ่งแต่ละแบบล้วนให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป สะท้อนถึงรสนิยมและความเป็นตัวตนของเจ้าของได้อย่างลึกซึ้ง

อัครยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุด: พลังแห่ง Speed

มาถึงหัวใจหลักของ Bentley Speed นั่นคือ สมรรถนะเครื่องยนต์ อันเหนือชั้นที่มาพร้อมกับขุมพลัง W12 ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อมอบ ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ที่แตกต่างกันไป

Continental GT Speed: คือนิยามของรถยนต์แกรนด์ทัวริ่งที่ผสานความหรูหราเข้ากับพละกำลังอย่างสมบูรณ์แบบ ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่น Speed โดยเฉพาะ มอบ แรงม้า สูงสุดกว่า 650 แรงม้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% จากเครื่องยนต์ W12 แบบมาตรฐาน ในขณะที่ยังคงรักษา แรงบิด มหาศาลที่ 900 นิวตันเมตรไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม Continental GT Speed สามารถทำ ความเร็วสูงสุด ได้ถึง 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมี อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.6 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นปกติถึง 0.1 วินาที ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นการบ่งบอกถึงพละกำลังอันน่าเกรงขามที่พร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้าในทุกจังหวะการกดคันเร่ง มอบความรู้สึกเร้าใจในทุกการเดินทาง

Flying Spur Speed: คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความโอ่อ่าของรถซีดานสุดหรูเข้ากับสมรรถนะที่ทัดเทียม รถยนต์หรูสมรรถนะสูง ระดับซูเปอร์คาร์ มาพร้อมกับพละกำลัง 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.8 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Flying Spur Speed ไม่ได้เป็นเพียงรถที่ขับเร็วได้เท่านั้น แต่ยังคงมอบความสะดวกสบายและ ความสง่างาม ในทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการวิ่งบนไฮเวย์ด้วยความเร็วสูง มันยังคงความหรูหราและนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม

Bentayga Speed: ยกระดับมาตรฐานของ รถ SUV พรีเมียม ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยเครื่องยนต์ W12 เทอร์โบคู่ ขนาด 6.0 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุด 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร ด้วยการผสานสมรรถนะอันทรงพลังเข้ากับความสะดวกสบายและความสามารถในการควบคุมที่เหนือชั้น Bentayga Speed สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น นี่คือ SUV ที่ไม่เพียงแค่พาคุณไปได้ทุกที่ แต่ยังสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและเร้าใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์โดยไม่ลดทอนเรื่องของความเร็วและ ประสิทธิภาพเหนือระดับ

เทคโนโลยีช่วงล่างและระบบควบคุม: ความมั่นใจที่เหนือกว่า

Bentley Speed ทุกรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว แต่ยังคงต้องการความสบายและความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยการผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับระบบขับเคลื่อนอันทรงประสิทธิภาพ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง (Advanced Active All-Wheel Drive): ระบบนี้จะกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอย่างชาญฉลาด เพื่อให้รถมีการยึดเกาะถนนที่ดีที่สุดในทุกสภาพการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือการขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกสถานการณ์

ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering): คืออีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญที่ช่วยเพิ่มทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ในย่านความเร็วสูงและมอบความคล่องตัวในการขับขี่ในย่านความเร็วต่ำได้อย่างน่าอัศจรรย์

เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ: ระบบจะบังคับล้อหลังในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ส่งผลให้ระยะฐานล้อสั้นลงโดยประมาณ ลดวงเลี้ยว ทำให้รถมีความคล่องตัวสูง สามารถกลับรถหรือจอดรถในพื้นที่แคบๆ ได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง: ระบบจะบังคับล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มความเสถียรและทำให้การแซงหรือการเปลี่ยนเลนทำได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนรถมีขนาดเล็กลงและควบคุมง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ นี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสนุกไปกับการใช้ความเร็วสูงได้อย่างปลอดภัย และยังคงความสะดวกสบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน

Bentley Dynamic Ride System: นี่คือ ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ และเป็นเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าตัวแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบจะโต้ตอบแรงเหวี่ยงด้านข้างที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อรถเข้าโค้ง เพื่อให้ยางสามารถยึดเกาะพื้นถนนได้มากที่สุด ช่วยลดอาการโคลงของตัวรถได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ห้องโดยสารมีความเสถียร ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะขับขี่ด้วยความเร็วเท่าใดก็ตาม ระบบนี้ทำงานร่วมกับ ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake) ซึ่งจะช่วยควบคุมแรงบิดที่ล้อให้สัมพันธ์กับความเร็ว เพื่อให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น มอบ ความแม่นยำในการควบคุม และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ในทุกสถานการณ์

สู่ขอบฟ้าใหม่: W12 สู่ยุคไฟฟ้าของ Bentley ในปี 2025

การปิดฉากสายการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในช่วงต้นปี 2567 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ Bentley ก้าวผ่านไปแล้วในปี 2025 นี้ เครื่องยนต์กว่า 100,000 เครื่องที่ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานครูว์ ประเทศอังกฤษ ได้เสร็จสิ้นภารกิจอันยิ่งใหญ่ และ Bentley กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ผลิต อัครยนตรกรรมไฟฟ้า เต็มรูปแบบภายใต้กลยุทธ์ “Beyond100” การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแค่เป็นการปรับตัวตามทิศทางของโลก แต่เป็นการสร้างสรรค์ อนาคตยานยนต์ ที่ยั่งยืนและยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและสมรรถนะตามแบบฉบับของ Bentley

สำหรับผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรม Bentley Speed W12 คือบทสุดท้ายของมหากาพย์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ Bentley ได้มอบให้กับโลก ยานยนต์แห่งประวัติศาสตร์ เหล่านี้จึงมิใช่เพียงยานพาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัย เป็นการลงทุนในความคลาสสิกที่ผสานเข้ากับสมรรถนะอันไร้ที่ติ และเป็นชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ก่อนที่ แบรนด์รถยนต์หรู อย่าง Bentley จะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว การเป็นเจ้าของ Bentley Speed W12 ในปี 2025 จึงเป็นการครอบครองตำนานที่ยังคงมีชีวิต ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวของความยิ่งใหญ่ทางวิศวกรรมไปอีกหลายทศวรรษ

บทสรุปและคำเชิญ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่ได้เห็นวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมกล้ายืนยันว่า Bentley Speed W12 ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่หาใดเทียบได้ และเป็นบทสรุปอันงดงามของยุคสมัยแห่งเครื่องยนต์ W12 ที่ Bentley ได้ทุ่มเทสร้างสรรค์มาอย่างยาวนาน การได้สัมผัสกับ Continental GT Speed, Flying Spur Speed, หรือ Bentayga Speed ในปี 2025 จึงหมายถึงการได้ครอบครองชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์ที่ยังคงมอบ ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ และความรู้สึกพิเศษในทุกครั้งที่ได้อยู่หลังพวงมาลัย

หากคุณคือผู้ที่มองหาสุดยอดแห่ง อัครยนตรกรรม ที่ผสานความหรูหรา สมรรถนะ และความประณีตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นการลงทุนที่มิใช่เพียงแค่พาหนะ แต่คือมรดกอันล้ำค่าที่ส่งต่อได้ และหากคุณพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ หรือสัมผัสกับมิติใหม่แห่งความเร้าใจในแบบ Bentley Speed W12 ก่อนที่โลกจะมุ่งหน้าสู่ ยนตรกรรมไฟฟ้า อย่างเต็มรูปแบบ เชิญสัมผัสประสบการณ์ Bentley ด้วยตัวคุณเองได้แล้ววันนี้ที่ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นเจ้าของตำนานบทสุดท้ายแห่งความยิ่งใหญ่.

Bentley Speed W12: บทสุดท้ายของอัครยานยนต์สมรรถนะสูงสุด สู่ยุคใหม่แห่งยานยนต์ไฟฟ้าปี 2025

ในโลกแห่งยนตรกรรมหรูระดับอัลตร้าลักซ์ชูรี การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 นี้ กำลังจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่ต้องจารึก เมื่อ Bentley Motors เตรียมปิดฉากหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ “เครื่องยนต์ W12” หัวใจอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนอัครยานยนต์ตระกูล Speed มาตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา และก่อนที่ประวัติศาสตร์บทนี้จะถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์ เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขอพาทุกท่านดำดิ่งสู่แก่นแท้ของ Bentley Speed เรือธงแห่งสมรรถนะสูงสุดที่ใช้เครื่องยนต์ W12 ที่จะยังคงเป็นที่กล่าวขานไปอีกนานเท่านาน

Bentley Speed ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อรุ่น แต่คือสัญลักษณ์ของวิศวกรรมยานยนต์ที่ไร้ขีดจำกัด การผสมผสานความหรูหราเข้ากับพละกำลังอันมหาศาล และการออกแบบที่สะท้อนถึง DNA แห่งความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด นับตั้งแต่ Continental GT Speed, Continental GT Convertible Speed, Flying Spur Speed ไปจนถึง Bentayga Speed ทุกรุ่นล้วนแต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเบนท์ลีย์ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เหนือชั้น ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่และความประณีตในการรังสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว การอำลาของเครื่องยนต์ W12 จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับยุคทองของเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทรงพลังที่สุดรุ่นหนึ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบทใหม่ของเบนท์ลีย์

W12: มรดกแห่งวิศวกรรมที่หาใดเทียบ

เมื่อพูดถึงหัวใจหลักของ Bentley Speed คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ทั่วไป แต่เป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างไม่หยุดยั้งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ในปี 2025 นี้ เรากำลังมองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นในปี 2003 ที่เครื่องยนต์ W12 ถูกเปิดตัวครั้งแรก มันเป็นเครื่องยนต์ที่โดดเด่นด้วยการจัดวางกระบอกสูบแบบ ‘W’ ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ได้เครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัดแต่ให้พละกำลังมหาศาล เหนือกว่าเครื่องยนต์ V12 ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดตลอดหลายปีที่ผ่านมา วิศวกรของเบนท์ลีย์ได้ผลักดันขีดจำกัดของเครื่องยนต์ W12 อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการปล่อยมลพิษ

การเพิ่มขึ้นของพละกำลังและแรงบิดอย่างมีนัยสำคัญกว่า 37% และ 54% ตามลำดับ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มาจากการปรับแต่งเพียงผิวเผิน แต่เป็นการปฏิวัติระบบภายในทั้งหมด ตั้งแต่ระบบการจัดการเครื่องยนต์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น การออกแบบระบบเชื้อเพลิงและระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน ไปจนถึงเทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ก้าวล้ำ และระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแบบ Direct และ Port Injection ที่ทำงานควบคู่กัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ W12 ยังคงเป็นมาตรฐานของสมรรถนะในโลกของรถยนต์หรู การตัดสินใจยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในเดือนเมษายน 2024 (ตามที่ประกาศ) และก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบนั้น แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของเบนท์ลีย์ในการตอบรับกระแสของโลก แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างความพิเศษให้กับรถยนต์ Bentley Speed W12 รุ่นสุดท้ายเหล่านี้ ให้กลายเป็น “ของสะสมที่ทรงคุณค่า” สำหรับนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบ รถยนต์สมรรถนะสูง อย่างแท้จริง

รูปลักษณ์ที่สง่างาม โฉบเฉี่ยว และสมบูรณ์แบบ

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Bentley Speed เริ่มต้นที่รูปลักษณ์ภายนอกที่ผสมผสานความสง่างามตามแบบฉบับเบนท์ลีย์เข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ด้วยชุดแต่ง Styling Specification รอบคันที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและลดแรงต้านอากาศขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง วัสดุที่ใช้คือคาร์บอนไฟเบอร์สีดำมันวาวน้ำหนักเบา พร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ภายใน

รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ทรงความหมาย ได้แก่ กระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ที่ให้ความรู้สึกดุดัน กรอบไฟหน้าและไฟท้ายสีเข้ม มือจับประตู และช่องระบายอากาศ รวมถึงกาบประตูห้องโดยสารและโลโก้ ‘Speed’ โครเมียมที่ตกแต่งบริเวณบังโคลนหน้า ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษของรุ่น Speed อย่างชัดเจน ล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบเฉพาะรุ่น เป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่เสริมให้รถดูแข็งแกร่งและสง่างามไปพร้อมกัน โดยมีตัวเลือกทั้งเฉดสีเงินสว่างคลาสสิก หรือโทนสีเข้มและดำเงาที่ดุดัน สะท้อนถึงบุคลิกของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว

สำหรับรุ่น Flying Spur Speed นั้นมาพร้อมกับชุดแต่งภายนอกแบบ Blackline Specification ที่เน้นโทนสีดำสนิท ตั้งแต่ Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง กระจังหน้าเมทริกซ์ กรอบหน้าต่างห้องโดยสาร กรอบประตูด้านล่างและกันชนหลัง ทั้งหมดนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ Flying Spur Speed ดูโฉบเฉี่ยวและลึกลับมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ความหรูหราเหนือระดับ ยังหมายถึงอิสระในการปรับแต่งในแบบเฉพาะตัว เบนท์ลีย์เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีภายนอกได้จาก 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษจาก Mulliner รวมถึงตัวเลือกเฉดสีแบบทูโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้แต่การรังสรรค์เฉดสีใหม่ที่เข้ากับสไตล์และความต้องการของลูกค้าแต่ละรายอย่างแท้จริง นี่คือการลงทุนในงานฝีมือที่สะท้อนถึงรสนิยมอันเป็นเลิศ

สัมผัสแห่งความสปอร์ตและความประณีตในห้องโดยสาร

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Bentley Speed คุณจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสนามแข่งที่ผสมผสานเข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว วัสดุหนัง Alcantara® คุณภาพสูงที่ใช้ในรถแข่งถูกนำมาใช้ในการตกแต่ง ทั้งเบาะรองนั่ง แผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา มอบความรู้สึกสปอร์ตและจับกระชับมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบาะโดยสารแบบเฉพาะรุ่น ‘Speed’ ที่มาพร้อมงานปักคำว่า ‘Speed’ และการเย็บตะเข็บแบบตัดกันในรูปแบบเพชรของ Mulliner Driving Specification ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Speed โดยเส้นเย็บแต่ละเส้นถูกร้อยเรียงอย่างประณีต โดยมีเส้นหนึ่งเพื่อให้เข้ากับหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน สร้างมิติและความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ โลโก้ ‘Speed’ บริเวณคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสงยังเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงความพิเศษของยนตรกรรมคันนี้

การปรับแต่งภายใน ยังคงเป็นจุดเด่นของเบนท์ลีย์ ลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรอง 11 เฉดสี รวมถึงการใช้หนัง Alcantara® ในการตกแต่งส่วนอื่นๆ และวัสดุวีเนียร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Piano Black, Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa แต่ละตัวเลือกสะท้อนถึงรสนิยมและความต้องการของผู้ครอบครอง Bentley Speed ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนถูกรังสรรค์ด้วยมืออย่างพิถีพิถันจากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญของเบนท์ลีย์ ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของความประณีตบรรจงลงไปในทุกรายละเอียด

ขุมพลัง W12: สมรรถนะสูงสุดที่ไม่มีวันจางหาย

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Bentley Speed เป็นที่กล่าวขานคือ สมรรถนะสูงสุด ของเครื่องยนต์ W12 ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ:

Continental GT Speed: ติดตั้งเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร พละกำลัง 650 แรงม้า เพิ่มขึ้น 4% จากรุ่น W12 มาตรฐาน แต่ยังคงแรงบิดมหาศาลที่ 900 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเพียง 3.6 วินาที ซึ่งเร็วขึ้น 0.1 วินาที ถือเป็น รถหรูสมรรถนะสูง ที่แทบไม่มีใครเทียบได้
Flying Spur Speed: มาพร้อมพละกำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สะท้อนถึงนิยามของ ยนตรกรรมหรู ที่สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจได้อย่างแท้จริง
Bentayga Speed: ก้าวข้ามขีดจำกัดของ SUV หรูด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ W12 ขนาด 6.0 ลิตร มอบพละกำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.9 วินาทีเท่านั้น นี่คือ SUV ที่ให้ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นบนทางเรียบหรือเส้นทางที่ท้าทาย

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของ วิศวกรรมยานยนต์ ที่เบนท์ลีย์ได้สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความเร็วและความตื่นเต้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายและความมั่นใจในการขับขี่ ซึ่งเป็นปรัชญาสำคัญของ Bentley Speed

เทคโนโลยีขับเคลื่อนเพื่อประสบการณ์ที่เหนือชั้น

เพื่อให้สมรรถนะอันมหาศาลของเครื่องยนต์ W12 ถูกถ่ายทอดลงสู่พื้นถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบ Bentley Speed ได้รับการติดตั้ง เทคโนโลยีรถยนต์ สุดล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง (Advanced Active All-Wheel Drive), ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ (Four-Wheel Steering) และระบบ Bentley Dynamic Ride

ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Four-Wheel Steering): คือหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง และความคล่องตัวในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ล้อหลังจะบังคับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ทำให้ระยะฐานล้อสั้นลง ลดวงเลี้ยว และเพิ่มความคล่องตัวในการเลี้ยวหรือจอดรถได้อย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ล้อหลังจะบังคับไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ และทำให้การเปลี่ยนเลนหรือแซงเป็นไปได้อย่างมั่นใจและราบรื่นยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่จึงสามารถสัมผัสได้ถึงความมั่นใจสูงสุดในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเร่งความเร็วบนทางหลวง หรือซอกแซกในเมือง
Bentley Dynamic Ride System: นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการ นั่นคือเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยจะตอบสนองต่อแรงเหวี่ยงด้านข้างในทันทีเมื่อรถเข้าโค้ง เพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นถนนให้มากที่สุด ลดการโยนตัวของตัวถัง เพิ่มความเสถียรในห้องโดยสาร และมอบ ความสะดวกสบายในการขับขี่ ที่เหนือกว่า นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดให้ล้อสัมพันธ์กับความเร็ว ทำให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น

เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน เพื่อมอบ การขับขี่เหนือระดับ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Bentley Speed ผสานความตื่นเต้นของสมรรถนะสูงสุดเข้ากับความมั่นคงและสะดวกสบายในทุกการเดินทาง

ปิดฉากตำนาน สู่ยุคใหม่ของเบนท์ลีย์ในปี 2025

การยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในช่วงเดือนเมษายน 2024 เป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของ Bentley Motors ที่จะก้าวสู่การเป็นผู้ผลิต อัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘Beyond100’ ของแบรนด์ที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบใน รถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นสุดท้าย W12 เหล่านี้ พวกมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะ แต่เป็นชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ เป็นสัญลักษณ์ของยุคทองแห่งวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ถึงจุดสูงสุดก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ ด้วยจำนวนการผลิต W12 กว่า 100,000 เครื่องตลอดสองทศวรรษ การตัดสินใจครั้งนี้จึงเป็นการมอบโอกาสสุดท้ายในการเป็นเจ้าของ ของสะสมที่ทรงคุณค่า ที่จะยังคงคุณค่าและราคาไว้ได้ในฐานะของ การลงทุนรถยนต์ ที่มีมูลค่าทางประวัติศาสตร์

ปี 2025 นี้จึงเป็นปีที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วย W12 คือบทสรุปอันงดงามของตำนานที่เปี่ยมด้วยพละกำลัง ความหรูหรา และวิศวกรรมอันล้ำเลิศ และเป็นการเปิดประตูสู่ยุคแห่งนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของเบนท์ลีย์ ที่ยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความเป็นเลิศไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

หากท่านคือหนึ่งในผู้ที่ปรารถนาจะครอบครองชิ้นส่วนประวัติศาสตร์แห่งยนตรกรรมอันยิ่งใหญ่ ที่เป็นทั้งสุดยอดแห่งสมรรถนะ ความหรูหรา และความประณีตบรรจง ผมขอเชิญชวนให้ท่านมาสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทสุดท้ายนี้ด้วยตัวท่านเอง ก่อนที่โอกาสจะผ่านพ้นไป ท่านสามารถติดต่อเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและสัมผัสประสบการณ์การเป็นเจ้าของอัครยานยนต์ Bentley Speed W12 ที่จะถูกจดจำไปตลอดกาล

Previous Post

N1212268 ชายแท EP3 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอนใ part 2

Next Post

N1212269 ชายแท EP2 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอนใ part 2

Next Post
N1212269 ชายแท EP2 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอนใ part 2

N1212269 ชายแท EP2 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอนใ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612662 าตอบแทนเป นปลาห าแสน part 2
  • N1612665 หายไปไหน part 2
  • N1612336 จากด นส ดาว #ตอนจบ part 2
  • N1612337 สาม ใหม ของแม แฟนหน ในอนาคต part 2
  • N1612342 ไม ชอบแม งค บแต งงาน เลยจะมาหาผ ชายแปลกหน าส กคน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.