ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
สุดยอดรถยนต์อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก 2025: 10 อันดับที่กำหนดนิยามแห่งความแรง
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนิยาม “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” จากเดิมที่ความเร็วสูงสุดคือมาตรวัดหลัก แต่ในยุคปี 2025 นี้ สิ่งที่เรากำลังมองหาคือ “อัตราเร่ง” ที่เร้าใจและสัมผัสได้จริง ความเร็วสูงสุดในระดับ 400 กม./ชม. ขึ้นไปนั้น อาจเป็นเพียงตัวเลขที่น่าตื่นตาในผับ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มีสนามแข่งไม่กี่แห่งบนโลกนี้ที่คุณจะสามารถปลดปล่อยศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่
ปัจจุบัน การก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสมรรถนะ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องยนต์สันดาปภายในอีกต่อไป ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบขับเคลื่อนไฮบริดได้นำพานวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่สนามประลองความเร็ว ทำให้รถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์หลายรุ่นสามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 0-96 กม./ชม.) ได้ในเวลาที่สั้นลงอย่างไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญคือ เทคโนโลยีเหล่านี้เริ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึก 10 อันดับรถยนต์ที่ทำอัตราเร่งได้เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดยเน้นที่ความสามารถในการพุ่งทะยานจากจุดหยุดนิ่งสู่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องและสัมผัสได้จริงบนสนามแข่งหรือในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ การขับขี่รถยนต์เหล่านี้บนท้องถนนสาธารณะด้วยความเร็วเกินกำหนดเป็นสิ่งต้องห้ามและอันตรายอย่างยิ่ง การควบคุมพลังมหาศาลนี้อย่างรับผิดชอบคือหัวใจสำคัญ
การปฏิวัติของรถยนต์ไฟฟ้าได้ทำให้ความเร็วกลายเป็นของที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างเช่น Tesla Model 3 Performance ที่ให้อัตราเร่งเทียบเท่าซูเปอร์คาร์ในราคาที่จับต้องได้มากกว่า แต่คำถามคือ รถเหล่านั้นเร็วพอที่จะติดอันดับสุดยอดแห่งความเร็วของเราหรือไม่? มาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมกันครับ
10 อันดับรถยนต์อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก 2025
Lamborghini Revuelto
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: ต่ำกว่า 2.5 วินาที
ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่าการเริ่มต้นอันดับด้วยแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Lamborghini ที่เป็นดั่งโปสเตอร์ติดผนังในฝันของเด็กๆ ทั่วโลก Revuelto คือทายาทของ Aventador ที่ไม่ได้เป็นแค่ความสวยงาม แต่เป็นขุมพลังที่แท้จริง มันคือยนตรกรรมไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเปิดศักราชใหม่ของสมรรถนะขั้นสุดยอดในแบบฉบับกระทิงดุ
ขุมพลังของ Revuelto มาจากเครื่องยนต์ V12 หายใจเองขนาด 6.5 ลิตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้พละกำลังรวมกันมหาศาลถึง 1,001 แรงม้า การผสมผสานที่ลงตัวนี้ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ต่ำกว่า 2.5 วินาที และทะยานไปถึง 0-124 ไมล์/ชม. (200 กม./ชม.) ได้ภายใน 7.0 วินาที เทคโนโลยีไฮบริดแบบใหม่นี้ไม่ได้ลดทอนความดุดันของเครื่องยนต์ V12 อันเป็นเอกลักษณ์ แต่กลับเสริมให้มันก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ นี่คือซูเปอร์คาร์แห่งยุค 2025 ที่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจในแบบ Lamborghini อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น
BYD Yangwang U9
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: 2.36 วินาที
คุณคงเคยได้ยินชื่อ BYD มาบ้างแล้ว แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนรายนี้กำลังสร้างปรากฏการณ์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก และมีแนวโน้มที่จะแซงหน้า Tesla ในด้านยอดขาย EV ภายในปีนี้ เดิมที BYD อาจไม่ได้เป็นที่จับตามองในกลุ่มผู้คลั่งไคล้ความเร็วเท่าไรนัก เนื่องจากโมเดลส่วนใหญ่เน้นที่ความคุ้มค่ามากกว่าสมรรถนะจัดจ้าน
แต่ทั้งหมดนั้นได้เปลี่ยนไปเมื่อ Yangwang U9 ถือกำเนิดขึ้น Yangwang คือแบรนด์พรีเมียมของ BYD และ U9 สองประตูที่มีดีไซน์สุดล้ำคันนี้ก็ตอกย้ำจุดยืนด้านสมรรถนะด้วยพละกำลัง 1,287 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสี่ตัว ทำให้มันสามารถทำเวลาควอเตอร์ไมล์ได้ต่ำกว่าสิบวินาทีอย่างสบายๆ นอกจากนี้ U9 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟที่สามารถปรับการเคลื่อนไหวของแต่ละล้อ และแม้กระทั่งยกตัวรถให้ลอยจากพื้นได้ชั่วขณะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมยานยนต์จากจีนที่ก้าวล้ำไม่แพ้ใครในตลาดโลก
Tesla Model S Plaid
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: 1.99 วินาที
สำหรับสาวก Tesla ไม่ต้องกังวลไป! Model S Plaid ยังคงยืนหยัดอยู่ในอันดับนี้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณไม่จำเป็นต้องแลกประสิทธิภาพด้านความเร็วกับการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน รถซีดานสี่ประตูคันนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” ในลิสต์นี้ (แม้คำว่าคุ้มค่าจะมีความหมายสัมพัทธ์ในโลกของรถสมรรถนะสูง) ด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าหลายรุ่นในอันดับเดียวกัน
Model S Plaid อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยตามแบบฉบับ Tesla แต่เพิ่มขุมพลังมหาศาล 1,020 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเวลา 0-60 ไมล์/ชม. ที่ Tesla เคลมไว้ว่าต่ำกว่า 2.0 วินาที ซึ่งเป็นการทดสอบแบบ “one-foot rollout” (เริ่มจับเวลาเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่แล้วเล็กน้อย) หากวัดด้วยวิธีมาตรฐานเดียวกับรถคันอื่นๆ ในลิสต์นี้ Plaid จะทำได้ประมาณ 2.3 วินาที ซึ่งก็ยังคงเป็นตัวเลขที่เร็วเหลือเชื่อ และตอกย้ำถึงความเหนือชั้นของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงจากแบรนด์อเมริกันรายนี้
Pininfarina B95
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: < 2.0 วินาที
Automobili Pininfarina อาจเป็นที่รู้จักกันดีจาก Battista ที่ใช้พื้นฐานของ Rimac ซึ่งหากไม่ติดว่าขายหมดไปแล้ว ก็คงติดอันดับสูงกว่านี้แน่นอน แต่ไม่ต้องห่วง เพราะการสร้างสรรค์ EV ล่าสุดจากแบรนด์อิตาลีนี้ก็ไม่ได้ช้าไปกว่ากันเลย B95 คือไฮเปอร์คาร์แบบเปิดประทุน (Barchetta) ที่ไร้หลังคาอย่างแท้จริง และขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้ามหาศาลถึง 1,876 แรงม้าที่ส่งลงสู่พื้นผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว
Pininfarina เคลมอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ได้ต่ำกว่า 2 วินาที ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่น่าตกใจอย่างยิ่งในรถที่ไม่มีหลังคา และที่สำคัญคือไม่มีกระจกบังลมหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ! โชคดีที่คุณสามารถสั่งหมวกกันน็อกที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้เข้ากับตัวรถได้ ยนตรกรรมคันนี้แสดงให้เห็นถึงการผสานรวมระหว่างความงดงามทางดีไซน์แบบอิตาลีเข้ากับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสมรรถนะและความรู้สึกในการขับขี่ที่ดิบเถื่อน
Bugatti Tourbillon
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: < 2.0 วินาที
คุณอาจแปลกใจที่เห็นโมเดลล่าสุดของ Bugatti ไม่ได้ติดท็อป 5 ในด้านอัตราเร่ง แต่ในแง่ของความเร็วสูงสุดแล้ว Tourbillon ที่มีราคา 3.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 140 ล้านบาท) คันนี้ ยังคงเป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดในโลก มันเข้ามาแทนที่ Bugatti Chiron โดยทิ้งเครื่องยนต์ W16 ควอด-เทอร์โบอันเป็นตำนาน และหันมาใช้เครื่องยนต์ V16 หายใจเองที่มาพร้อมเสียงอันกึกก้อง
เครื่องยนต์ V16 เพียงอย่างเดียวให้กำลัง 986 แรงม้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่ยังไม่เพียงพอที่จะติดอันดับนี้ สิ่งที่ทำให้ Tourbillon มีอัตราเร่งที่แท้จริงคือมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวที่มาจาก Rimac ทำให้ไฮบริดปลั๊กอินคันนี้มีพละกำลังรวมถึง 1,775 แรงม้า แม้จะมีน้ำหนักถึงสองตัน แต่ Bugatti เคลมว่ามันสามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ได้ต่ำกว่า 2 วินาที และ 0-124 ไมล์/ชม. (200 กม./ชม.) ภายใน 5 วินาที และด้วยชื่อของ Bugatti เรามั่นใจได้ว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่คิดขึ้นมาเอง แต่เป็นผลลัพธ์ของการวิศวกรรมที่ไร้ที่ติ
Lucid Air Sapphire
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: 1.93 วินาที
ไม่ใช่รถยนต์อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกทุกคันที่จะต้องมีป้ายราคาเจ็ดหลัก และมีรูปลักษณ์ที่เหมือนรถของ Batman ออกไปสนามแข่ง Lucid Air คือรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราที่ดูเรียบหรู แต่ซ่อนเร้นสมรรถนะอันดุดัน อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปกเด็ดขาดครับ
รุ่น Sapphire ของ Lucid Air ถูกปรับแต่งเพื่อสมรรถนะสูงสุด โดยให้กำลังมากกว่า 1,200 แรงม้า โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว แม้จะมีน้ำหนักเกือบ 2.4 ตัน แต่ Lucid ได้แสดงให้เห็นว่าพลังงานนี้เพียงพอสำหรับอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ในเวลาเพียง 1.93 วินาที และ 0-100 ไมล์/ชม. (160 กม./ชม.) ได้ภายในเวลาไม่ถึง 4 วินาที นี่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับรถทุกคัน แต่สำหรับรถลิมูซีนหรูหราขนาดใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบาย มันช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และตอกย้ำถึงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าในการก้าวข้ามขีดจำกัดของยานยนต์เครื่องยนต์สันดาป
Koenigsegg Gemera
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: ต่ำกว่า 1.9 วินาที (เคลม)
Koenigsegg ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนผู้บ้าระห่ำ มีความเชี่ยวชาญในศิลปะแห่งสมรรถนะมาอย่างยาวนาน พวกเขาเคยสร้างสถิติความเร็วรถยนต์ผลิตจริงครั้งแรกในปี 2005 แม้สถิตินั้นจะถูกทำลายในเวลาเพียงเจ็ดเดือนต่อมาโดย Bugatti Veyron แต่ Koenigsegg ก็ไม่เคยท้อถอย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราได้เห็นการสร้างสรรค์ที่แปลกประหลาดมากมายจากบริษัท ทำให้ Gemera ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุด ดูเหมือนจะมีความเป็นอารยชนอย่างน่าประหลาดใจ มันมีสี่ที่นั่งและถูกจัดประเภทเป็น “แกรนด์ทัวเรอร์” แต่คุณรู้จักรถ GT คันไหนที่มีพละกำลัง 2,268 แรงม้าบ้างล่ะ? ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด V8 ทวินเทอร์โบ ทำให้ Gemera เป็นรถยนต์ผลิตจริงที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นโมเดลที่ใช้เชื้อเพลิงเพียงคันเดียวที่ติดท็อป 5 ในลิสต์นี้ แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปอย่างเหนือชั้นเพื่อสร้างสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้
Rimac Nevera
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: 1.74 วินาที
Rimac บริษัทสัญชาติโครเอเชียแห่งนี้ไม่ใช่บริษัทรถยนต์เล็กๆ เลย แม้จะมีอายุเพียง 15 ปี แต่ Mate Rimac ซีอีโอของบริษัทก็ได้ก้าวจากการแปลงรถ BMW เก่าๆ เป็น EV ไปสู่การเป็นผู้นำของ Bugatti Rimac ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Bugatti ใช่ครับ Bugatti – บริษัทที่รู้เรื่องความเร็วเป็นอย่างดี
Rimac Nevera คือไฮเปอร์คาร์ EV ที่มาพร้อมความสามารถที่เหนือธรรมดา ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ในปี 2023 มันได้สร้างสถิติความเร็วอิสระถึง 23 รายการในวันเดียว รวมถึงเวลา 0-186 ไมล์/ชม. (0-300 กม./ชม.) เพียง 9.22 วินาที เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน นี่คือเวลาพอๆ กับที่รถครอบครัวทั่วไปใช้ในการเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์/ชม. และที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ Nevera R ที่จะเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม กำลังจะตามมาในไม่ช้า นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนว่าอนาคตของรถสมรรถนะสูงคือพลังงานไฟฟ้า
Aspark Owl
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: 1.72 วินาที
Aspark Owl ที่มีชื่อแปลกๆ คันนี้ ไม่ใช่นกฮูกน้อยน่ารัก แต่เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่สูบฉีดกำลังมหาศาลถึง 1,985 แรงม้าผ่านล้อทั้งสี่ และแตกต่างจากรถที่เร็วที่สุดในลิสต์ของเรา ตรงที่มันยังคงเป็นรถที่สามารถวิ่งบนถนนได้ตามกฎหมาย แม้จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110 ล้านบาท) โอกาสที่คุณจะได้เห็นมันวิ่งอยู่บนถนนจึงมีน้อยมาก
Aspark ได้ทดสอบ Owl ที่ Misano World Circuit ในอิตาลี ซึ่งมันสามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ได้ใน 1.72 วินาที ด้วยยางที่ใช้บนถนนตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของสถิติโลกกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดสำหรับความเร็วเฉลี่ยสูงสุดในระยะควอเตอร์ไมล์ ที่มากกว่า 198 ไมล์/ชม. (318 กม./ชม.) อย่างไรก็ตาม Rimac Nevera ยังคงครองสถิติเวลาควอเตอร์ไมล์ที่เร็วที่สุดโดยรวม และรั้งท้าย Aspark Owl อย่างฉิวเฉียดในการทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.
McMurtry Speirling
อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.: 1.5 วินาที
จงหยุดนิ่งชั่วขณะเพื่อความภาคภูมิใจในชาติ: รถยนต์ที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกนี้สร้างขึ้นในสหราชอาณาจักร คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อ McMurtry มาก่อน จนกระทั่ง Spéirling คันเล็กแต่ทรงพลังคันนี้ปรากฏตัวขึ้นและทำลายสถิติ Hillclimb ที่ Goodwood Festival of Speed 2022 แต่มันก็ได้สร้างความประทับใจไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
รถยนต์ไฟฟ้าแบบที่นั่งเดียวคันนี้ ให้กำลัง 1,000 แรงม้า ในขณะที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1,000 กก. ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ได้ต่ำกว่า 1.5 วินาที และ 0-100 ไมล์/ชม. (160 กม./ชม.) ในเวลา 2.6 วินาทีที่น่าทึ่ง มันเป็นรถที่ใกล้เคียงกับรถแข่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ McMurtry จะจำหน่ายรุ่นสำหรับสนามแข่งเท่านั้นให้กับลูกค้ากระเป๋าหนักในปี 2025 ในราคาไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 44 ล้านบาท) ต่อคัน อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันสำหรับวิ่งบนถนนกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มันติดอันดับนี้
จุดเด่นที่สุดของ Spéirling คือพัดลมใต้ท้องรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Formula 1 ซึ่งดูดรถให้ติดกับพื้นผิวถนน สร้างแรงกดอากาศ (Downforce) ได้ถึง 2,000 กก. ตามต้องการ ทำให้มันเป็นสุดยอดแห่งวิศวกรรมยานยนต์ที่ผสมผสานนวัตกรรมและความบ้าระห่ำเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
สรุปและอนาคตของความเร็ว
การจัดอันดับรถยนต์อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกปี 2025 นี้ ชี้ให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมยานยนต์สมรรถนะสูง นั่นคือการครอบงำของรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีไฮบริด การที่รถยนต์ EV สามารถปลดปล่อยแรงบิดได้ทันที ทำให้มันได้เปรียบอย่างมากในการทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง แบรนด์ดังระดับโลกต่างก็หันมาใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เร็วและแรงยิ่งขึ้นไปอีก
นวัตกรรมไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ระบบควบคุมแรงบิดที่แม่นยำ และแอโรไดนามิกที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง McMurtry Speirling การแข่งขันนี้กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ทำให้เราได้เห็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะเหนือจินตนาการ และเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในบางระดับ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าอนาคตของรถยนต์สมรรถนะสูงจะยังคงน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานทางเลือกใหม่ๆ หรือการออกแบบที่ปฏิวัติวงการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้พลังงานเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัยอยู่เสมอ เพราะความเร็วที่แท้จริงคือความเร็วที่อยู่ภายใต้การควบคุม
คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโลกยานยนต์ไปข้างหน้าได้! หากคุณหลงใหลในนวัตกรรมยานยนต์สมรรถนะสูงเช่นเดียวกับเรา และต้องการติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับรถซูเปอร์คาร์ รถไฮเปอร์คาร์ และเทคโนโลยีแห่งอนาคต อย่าลืมติดตามบทความและข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญของเราอย่างต่อเนื่อง แล้วร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับรถในฝัน หรือทิศทางที่คุณคิดว่าความเร็วจะก้าวไปในอนาคตได้เลยครับ
รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 10 อันดับสุดยอดอัตราเร่งที่เปลี่ยนนิยามความเร็ว
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในโลกของ “รถยนต์ที่เร็วที่สุด” ในอดีตเมื่อไม่กี่ปีก่อน คำว่า “เร็วที่สุด” มักจะหมายถึงความเร็วสูงสุด หรือ Top Speed ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้นบนกระดาษ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะเข้าถึงความเร็วระดับ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยบนถนนสาธารณะ และแม้แต่ในสนามแข่ง ก็มีเพียงไม่กี่สนามเท่านั้นที่เอื้ออำนวยให้รถยนต์เหล่านี้ได้ปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มที่ ราคาของมันก็แพงมหาศาล จนกลายเป็นของเล่นของเศรษฐีเพียงหยิบมือ และมักจะถูกเก็บซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุมมากกว่าจะถูกนำมาใช้งานจริง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 นี้ นิยามของความเร็วได้ถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เรากำลังมองหาไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขความเร็วสูงสุดที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่คือ “อัตราเร่ง” จาก 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถสัมผัสได้จริงในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นบนสนามแข่ง หรือแม้กระทั่งการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งอย่างถูกกฎหมายในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเทคโนโลยีล้อยางที่ก้าวล้ำ ทำให้การควบคุมพละกำลังมหาศาลเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก แต่ถึงกระนั้น รถยนต์ในลิสต์นี้ก็ยังคงมีสมรรถนะที่ “บ้าคลั่ง” เกินกว่าจะนำไปใช้บนถนนสาธารณะโดยประมาท การขับขี่อย่างปลอดภัยและเคารพกฎจราจรยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
การปฏิวัติของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้เข้ามาพลิกโฉมวงการนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าให้มีอัตราเร่งที่น่าทึ่งนั้นทำได้ง่ายกว่ารถยนต์สันดาปภายในมาก ด้วยแรงบิดที่มาทันทีตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เป็นศูนย์ ทำให้สมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แม้แต่ Tesla Model 3 Performance ที่มีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่ามาก ก็ยังสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที ซึ่งถือเป็นระดับเดียวกับซูเปอร์คาร์ แต่แน่นอนว่า การจะติดอันดับในลิสต์ “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” ของเรานั้น ต้องไม่ใช่แค่ “เร็ว” แต่ต้อง “เร็วที่สุด” ในระดับที่ต้องใช้คำว่า “สุดขีด”
มาดูกันว่าในปี 2025 นี้ ยานยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใดบ้างที่ก้าวเข้ามาอยู่ใน 10 อันดับแรกของรถยนต์ที่มีอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ที่รุนแรงที่สุดในโลก โดยลิสต์นี้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์จากประสบการณ์จริงในวงการยานยนต์ไฮเปอร์คาร์และซูเปอร์คาร์ที่ผมได้สั่งสมมา เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจและตรงประเด็นที่สุด
10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: โฟกัสอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.
10: Lamborghini Revuelto
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: ต่ำกว่า 2.5 วินาที
คงจะเหมาะสมอย่างยิ่งที่แบรนด์ซูเปอร์คาร์ในฝันที่อยู่บนโปสเตอร์ผนังห้องนอนของใครหลายคนอย่าง Lamborghini จะมีชื่อติดอยู่ใน 10 อันดับแรกนี้ Lamborghini รุ่นก่อนๆ อาจจะเน้นไปที่ความเร้าใจและดราม่ามากกว่าความเร็วดิบๆ แต่ Revuelto ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของ Aventador นั้น ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์ แต่ยังมาพร้อมสมรรถนะที่ปฏิเสธไม่ได้ ในฐานะที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์จากค่ายกระทิงดุมาหลายรุ่น ผมมองว่า Revuelto คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผสมผสานอารมณ์ดิบแบบ Lamborghini เข้ากับเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว
Revuelto ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ Plug-in Hybrid เพื่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เป็นวิศวกรรมที่คำนึงถึง “สมรรถนะเหนือระดับ” เป็นหัวใจหลัก มันมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ขับเคลื่อนล้อหน้า เสริมด้วยขุมพลัง V12 หายใจตามธรรมชาติขนาด 6.5 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์ที่ส่งกำลังมหาศาลไปยังล้อหลัง ผลลัพธ์ที่ได้คือพละกำลังรวมกันถึง 1,001 แรงม้า (bhp) ซึ่งเพียงพอที่จะผลักให้รถคันนี้พุ่งทะยานจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 2.5 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ได้ใน 7.0 วินาทีถ้วน สำหรับ Lamborghini แล้ว นี่คือการก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ โดยยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจไว้ได้อย่างครบถ้วน และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ซูเปอร์คาร์ยุคใหม่ที่ทรงพลังและเปี่ยมด้วยนวัตกรรม
9: BYD Yangwang U9
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 2.36 วินาที
คุณอาจจะเริ่มคุ้นหูชื่อ BYD กันบ้างแล้ว แบรนด์จีนรายนี้กำลังสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก และมีแนวโน้มที่จะแซงหน้า Tesla ในด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 นี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็ว อาจจะยังไม่มี BYD อยู่ในเรดาร์มากนัก เพราะส่วนใหญ่แล้วรถยนต์ของ BYD จะเน้นไปที่ความคุ้มค่าและเทคโนโลยีที่เข้าถึงง่าย มากกว่าสมรรถนะสูงสุด
จนกระทั่ง Yangwang U9 ได้ถือกำเนิดขึ้นมา Yangwang คือแบรนด์พรีเมียมระดับไฮเอนด์ของ BYD และรถยนต์คูเป้ดีไซน์ล้ำคันนี้ก็สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยพละกำลัง 1,287 แรงม้า (bhp) จากมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี E4 Platform ที่เป็นนวัตกรรมของ BYD ผมในฐานะนักวิเคราะห์วงการยานยนต์ที่ติดตามเทรนด์จากจีนมาอย่างใกล้ชิด ยอมรับว่า U9 เป็นการแสดงศักยภาพที่น่าทึ่ง ไม่ใช่แค่เรื่องอัตราเร่งที่ทำ 0-96 กม./ชม. ได้ใน 2.36 วินาที และวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ต่ำกว่า 10 วินาทีเท่านั้น แต่ U9 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus ที่สามารถควบคุมล้อแต่ละข้างได้อย่างอิสระ จนสามารถทำให้รถ “กระโดด” จากพื้นดินได้ชั่วขณะ นี่คือการประกาศอย่างชัดเจนว่า BYD พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนไฮเปอร์คาร์ระดับโลก และเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับแบรนด์ดั้งเดิมทั้งหลาย
8: Tesla Model S Plaid
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 1.99 วินาที
อย่าเพิ่งตกใจไป แฟนๆ Tesla ที่รักในความเร็ว Model S Plaid ยังคงครองตำแหน่งในลิสต์นี้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณไม่จำเป็นต้องทิ้งความใช้งานได้จริงเพื่อแลกกับอัตราเร่งที่รุนแรงเฉกเช่นซูเปอร์คาร์คันอื่นๆ ที่มีราคาแพงกว่าหลายเท่า Model S Plaid เป็นรถซีดาน 4 ประตู ที่เป็น “ตัวเลือกที่คุ้มค่า” ที่สุดในลิสต์นี้ ด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าคันอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด (ในบริบทของรถระดับนี้)
Model S Plaid อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยจาก Tesla แต่เพิ่มเติมด้วยพละกำลังมหาศาลถึง 1,020 แรงม้า (bhp) จากมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ทำให้มันสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 1.99 วินาที ตามที่ Tesla เคลมไว้ อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีการจับเวลาของ Tesla ที่ใช้การจับเวลาแบบ “one-foot rollout” (เริ่มจับเวลาเมื่อรถเคลื่อนที่ไปแล้ว 1 ฟุต) หากวัดด้วยมาตรฐานเดียวกันกับรถคันอื่นๆ ในลิสต์นี้ อัตราเร่งจะอยู่ที่ประมาณ 2.3 วินาที ซึ่งถึงแม้จะช้ากว่าตัวเลขเคลมเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเป็นอัตราเร่งที่น่าทึ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าซีดานหรูที่ยังคงความสะดวกสบายและความเป็นรถยนต์ประจำวันไว้ได้อย่างครบถ้วน สำหรับผมแล้ว นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยี EV ได้ทำให้ “ความเร็ว” เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น และยังคงเป็นหนึ่งใน “ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ที่ดีที่สุดในตลาดปี 2025
7: Pininfarina B95
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: < 2.0 วินาที
Pininfarina Automobili เป็นที่รู้จักจากผลงานชิ้นเอกอย่าง Battista ซึ่งสร้างบนพื้นฐานของ Rimac และถ้าหากยังไม่ขายหมด ก็คงจะอยู่ในอันดับที่สูงกว่านี้ อย่างไรก็ตาม การสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้าล่าสุดของแบรนด์อิตาลีนี้ก็ไม่ได้ช้าไปกว่ากันเลย B95 คือ “Hyper Barchetta” ไร้หลังคา ไร้กระจกหน้าอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นดีไซน์ที่กล้าหาญและน่าทึ่งในโลกยานยนต์ปี 2025 นี้
B95 มาพร้อมกับพละกำลังมหาศาลถึง 1,876 แรงม้า (bhp) ที่ถูกส่งลงสู่พื้นถนนผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสี่ตัว Pininfarina อ้างว่า B95 สามารถเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ซึ่งสำหรับรถที่ไม่มีหลังคาและไม่มีกระจกหน้าเต็มรูปแบบเช่นนี้ การทำความเร็วระดับนี้ย่อมเป็นประสบการณ์ที่ “ตื่นเต้น” อย่างยิ่งยวด และอาจจะต้องสั่งหมวกกันน็อกแบบพิเศษเพื่อให้เข้ากับรถด้วย เพื่อความปลอดภัยและความมีสไตล์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ได้ติดตามวิวัฒนาการของ Pininfarina มานาน ผมมองว่า B95 ไม่ใช่แค่รถ แต่เป็นผลงานศิลปะที่ผสมผสานความหลงใหลใน “ดีไซน์อิตาลี” เข้ากับ “สุดยอดสมรรถนะ” ของยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร้ที่ติ และเป็นบทพิสูจน์ว่านวัตกรรมยานยนต์ยังคงสามารถสร้างความประหลาดใจได้เสมอ
6: Bugatti Tourbillon
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: < 2.0 วินาที
อาจจะน่าแปลกใจที่ Bugatti รุ่นล่าสุดยังไม่ติดอันดับ Top 5 ของรถยนต์ที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุด แต่ถ้าพูดถึงความเร็วสูงสุดแล้ว Tourbillon ซึ่งมีราคาถึง 3.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 140 ล้านบาท) นั้นอยู่ในระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน มันเข้ามาแทนที่ Bugatti Chiron โดยทิ้งเครื่องยนต์ W16 ควอด-เทอร์โบอันเป็นตำนาน และหันมาใช้เครื่องยนต์ V16 หายใจตามธรรมชาติที่คำรามกึกก้องแทน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่กล้าหาญและน่าสนใจในตลาด “ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด” ของปี 2025
เครื่องยนต์ V16 เพียงอย่างเดียวให้กำลัง 986 แรงม้า (bhp) ซึ่งมากพออยู่แล้ว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะติดอันดับนี้ สิ่งที่ทำให้ Tourbillon มีอัตราเร่งที่แท้จริงคือมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวที่มาจาก Rimac ทำให้ระบบ Plug-in Hybrid คันนี้มีพละกำลังรวมถึง 1,775 แรงม้า (bhp) แม้จะมีน้ำหนักถึงสองตัน แต่ Bugatti อ้างว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ได้ใน 5 วินาทีถ้วน และด้วยชื่อชั้นของ Bugatti เรามั่นใจได้ว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่การคาดเดา แต่เป็นผลลัพธ์จากการออกแบบทางวิศวกรรมที่แม่นยำและไม่ประนีประนอม สิ่งที่โดดเด่นสำหรับผมคือ Bugatti ยังคงรักษาสมดุลระหว่าง “ความหรูหรา” และ “สมรรถนะ” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะเปลี่ยนไปใช้ระบบไฮบริดก็ตาม
5: Lucid Air Sapphire
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 1.93 วินาที
ไม่ใช่รถยนต์ที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกทุกคันจะต้องมีป้ายราคาสูงระดับหลายสิบล้านและมีรูปลักษณ์ที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์ Batman Lucid Air เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรูที่ดูเรียบง่าย แต่มีสมรรถนะซ่อนรูป มันดูเหมือนรถซีดานหรูสำหรับการเดินทางมากกว่าจะเป็นรถแข่ง แต่จงอย่าตัดสินหนังสือจากปก!
Air Sapphire คือรุ่นที่ถูกปรับแต่งมาเพื่อสมรรถนะสูงสุด โดยให้กำลังมากกว่า 1,200 แรงม้า (bhp) โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว แม้จะมีน้ำหนักเกือบ 2.4 ตัน แต่ Lucid ก็ได้สาธิตให้เห็นแล้วว่า พละกำลังนี้เพียงพอที่จะทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 1.93 วินาที และ 0-160 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 4 วินาที สำหรับรถยนต์ทั่วไปนี่คือความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่สำหรับรถซีดานหรูขนาดใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบาย นี่คือสิ่งที่น่าทึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ในฐานะผู้ที่ชื่นชม “นวัตกรรมยานยนต์” ที่ผสานความหรูหราเข้ากับความแรง ผมมองว่า Lucid Air Sapphire เป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม และเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด “รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ที่ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า
4: Koenigsegg Gemera
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: ต่ำกว่า 1.9 วินาที (เคลม)
Koenigsegg ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนผู้บ้าระห่ำ เป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะแห่งสมรรถนะอย่างแท้จริง พวกเขาเคยสร้างสถิติความเร็วรถยนต์ผลิตจริงครั้งแรกในปี 2005 ก่อนที่ Bugatti Veyron จะมาทำลายสถิติไปในอีกเจ็ดเดือนต่อมา แต่ Koenigsegg ก็ไม่เคยท้อถอย ตรงกันข้าม พวกเขายังคงสร้างสรรค์ผลงานที่บ้าคลั่งและล้ำสมัยออกมาอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้เห็นผลงานที่น่าทึ่งมากมายจากบริษัทแห่งนี้ ทำให้ Gemera ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด ดูเหมือนจะเป็นรถที่ “สุภาพ” ไปเลย มันมาพร้อมเบาะนั่ง 4 ที่นั่ง และถูกจัดให้เป็น “Grand Tourer” แต่มีรถ GT สักกี่คันที่คุณรู้จักที่มีพละกำลังถึง 2,268 แรงม้า (bhp) ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด Gemera มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ไฮบริด ทำให้มันเป็น “รถยนต์ผลิตจริงที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์” และยังเป็นรถยนต์เบนซินเพียงคันเดียวที่ติดอันดับ Top 5 ของลิสต์นี้อีกด้วย จากมุมมองของผม Gemera คือการแสดงวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญในการผสมผสาน “ความสะดวกสบาย” เข้ากับ “สุดยอดสมรรถนะ” และ “เทคโนโลยีไฮบริด” ที่ก้าวหน้าที่สุด ทำให้มันเป็นยานยนต์แห่งอนาคตที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
3: Rimac Nevera
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 1.74 วินาที
Rimac จากโครเอเชียไม่ใช่บริษัทรถยนต์เล็กๆ อีกต่อไปแล้ว ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา Mate Rimac ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้พัฒนาจากผู้แปลงรถยนต์ BMW รุ่นเก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า มาสู่การเป็นผู้นำในการร่วมทุน Bugatti Rimac ใช่ครับ Bugatti แบรนด์ที่รู้เรื่องความเร็วเป็นอย่างดี
Rimac Nevera คือ “EV Hypercar” ที่มีความสามารถพิเศษเหลือเชื่อ ไม่น้อยกว่าพละกำลัง 1,888 แรงม้า (bhp) ที่ขับเคลื่อนผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ในปี 2023 Nevera สร้างสถิติความเร็วอิสระถึง 23 รายการภายในวันเดียว รวมถึงอัตราเร่ง 0-300 กม./ชม. ที่ 9.22 วินาทีเท่านั้น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน นี่คือระยะเวลาเดียวกับที่รถยนต์ครอบครัวทั่วไปใช้ในการเร่งจาก 0-96 กม./ชม. และในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ได้ติดตามการพัฒนาของเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนของ Rimac มาโดยตลอด ผมยืนยันได้ว่า Nevera คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ “นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” ที่ก้าวข้ามขีดจำกัด และเป็นหนึ่งใน “ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ที่ดีที่สุดในโลก และข่าวดีคือ Nevera R ที่จะเร็วกว่านี้กำลังจะตามมาอีกด้วย!
2: Aspark Owl
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 1.72 วินาที
Aspark Owl ที่มีชื่อแปลกๆ นี้ ไม่ใช่นกฮูกกลางคืนน่ารักๆ อย่างแน่นอน มันคือ “อสูร” แห่งท้องถนน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่สูบฉีดพละกำลังมหาศาลถึง 1,985 แรงม้า (bhp) ไปยังล้อทั้งสี่ และต่างจากรถยนต์ที่เร็วที่สุดในลิสต์ของเรา Aspark Owl ยังสามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย แม้ว่าด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110 ล้านบาท) โอกาสที่จะเห็นมันวิ่งอยู่บนถนนหลวงคงมีไม่มากนัก
Aspark ได้ทดสอบ Owl ที่สนาม Misano World Circuit ในอิตาลี ซึ่งสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ใน 1.72 วินาที ด้วยยางที่ใช้สำหรับวิ่งบนถนนตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังครองสถิติ Guinness World Record สำหรับความเร็วเฉลี่ยสูงสุดในระยะควอเตอร์ไมล์ ที่มากกว่า 318 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม Rimac Nevera ยังคงครองสถิติเวลาควอเตอร์ไมล์โดยรวมที่เร็วที่สุด และขับเคี่ยวกับ Owl อย่างดุเดือดในการแข่งขัน 0-96 กม./ชม. สำหรับผมแล้ว Owl เป็นสัญลักษณ์ของ “เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ก้าวไปถึงขีดสุด พร้อมกับดีไซน์ที่ล้ำยุคและสมรรถนะที่น่าทึ่ง ที่สะท้อนถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ EV
1: McMurtry Speirling
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.: 1.5 วินาที
โปรดหยุดนิ่งสักครู่เพื่อความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ รถยนต์ที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกคันนี้สร้างขึ้นในสหราชอาณาจักร คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อ McMurtry มาก่อน จนกระทั่ง Speirling รถคันเล็กแต่ทรงพลังนี้ได้ปรากฏตัวและทำลายสถิติ Hillclimb ที่เทศกาล Goodwood Festival of Speed ปี 2022 แต่มันก็ได้สร้างความประทับใจอย่างแท้จริง
รถยนต์ไฟฟ้าที่นั่งเดี่ยวคันนี้ ให้กำลัง 1,000 แรงม้า (bhp) ในขณะที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1,000 กก. ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 1.5 วินาที และ 0-160 กม./ชม. ได้ในเวลา 2.6 วินาทีที่น่าทึ่ง มันใกล้เคียงกับรถแข่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ McMurtry จะวางจำหน่ายรุ่นสำหรับสนามแข่งให้กับลูกค้ากระเป๋าหนักในปี 2025 ในราคาไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 44 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม รุ่นที่สามารถวิ่งบนถนนได้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในลิสต์ของเรา
จุดเด่นที่สุดของ Speirling คือพัดลมใต้ท้องรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Formula 1 ซึ่งจะดูดรถให้ติดกับพื้นถนน สร้างแรงกดอากาศ (Downforce) ได้ถึง 2,000 กก. ตามความต้องการ สำหรับผมแล้ว Speirling ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่มันคือนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่เปลี่ยนนิยามของ “ความเร็ว” และ “การยึดเกาะถนน” มันคือ “สุดยอดสมรรถนะ” ที่มาจากความเข้าใจในหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง และเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบของทิศทางยานยนต์สมรรถนะสูงในปี 2025
สรุปและบทเชิญชวน
โลกของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในปี 2025 ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของตัวเลขความเร็วสูงสุดที่ไม่สามารถใช้งานได้จริงอีกต่อไป แต่ได้เปลี่ยนมาสู่ “อัตราเร่ง” ที่เหนือกว่าจินตนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การขับขี่รถยนต์เหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจอย่างแท้จริง ดังที่เราได้เห็นจาก 10 อันดับสุดยอดรถยนต์เหล่านี้ ตั้งแต่ซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่ผสานโลกเก่ากับโลกใหม่ ไปจนถึงไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่ล้ำยุคและม้ามืดจากแดนมังกร
เทคโนโลยี “ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้สมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือต้องจ่ายแพงจนเกินเอื้อม (ในบางกรณี) และยังคงมอบ “ประสบการณ์การขับขี่” ที่เหนือกว่าให้กับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและนวัตกรรม สิ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้มองเห็นคือ อนาคตของ “ยานยนต์” นั้นเต็มไปด้วยความหลากหลาย ความกล้าหาญในการออกแบบ และการก้าวข้ามขีดจำกัดทางวิศวกรรมอย่างต่อเนื่อง
โลกแห่งความเร็วและ “นวัตกรรมยานยนต์” กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเหนือความคาดหมายให้กับเราทุกคน คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะสัมผัสอนาคตของ “รถยนต์สมรรถนะสูง” ที่กำลังจะมาถึงนี้? มาร่วมติดตามการปฏิวัติของความเร็วและเทคโนโลยีไปพร้อมกัน แล้วคุณจะรู้ว่าขีดจำกัดของยานยนต์นั้นไม่มีอยู่จริง!

