• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111052 ตท หลงผ part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111052 ตท หลงผ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

20 อันดับสุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: ทะยานสู่ขีดจำกัดแห่งความเร็ว

ในโลกของยานยนต์ ไม่มีสิ่งใดปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันได้เท่ากับ “ความเร็วสูงสุด” ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการไฮเปอร์คาร์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของการแสวงหาความเร็วที่ไร้ขีดจำกัด การเดินทางจากตัวเลขสองร้อยไมล์ต่อชั่วโมงที่เคยเป็นเพียงความฝัน กลายมาเป็นหลักไมล์ที่ถูกท้าทายและก้าวข้ามอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 นี้ ขอบเขตแห่งความเร็วได้ถูกผลักดันไปไกลกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยการผสานรวมของวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูงสุด นวัตกรรมวัสดุศาสตร์ และที่สำคัญที่สุดคือพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าที่กำลังปฏิวัติวงการ

แม้ในชีวิตประจำวัน ความเร็วสูงสุดของรถยนต์อาจดูเป็นเรื่องที่ไม่มีความสำคัญมากนัก แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ การสร้างรถที่สามารถทำความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อนั้นคือบทพิสูจน์ถึงความสามารถทางวิศวกรรม ความกล้าหาญทางเทคนิค และสถานะของแบรนด์ มันคือการประกาศศักดาว่าพวกเขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ “เป็นไปไม่ได้” ให้กลายเป็นจริงได้ การแข่งขันเพื่อครองตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกไม่ใช่แค่การโอ้อวด แต่เป็นการลงทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของฟิสิกส์ และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือจินตนาการ

ในยุค 90 เราเคยตื่นตะลึงกับการก้าวข้ามกำแพง 200 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยรถยนต์อย่าง Ferrari F40, Porsche 959 และ McLaren F1 ในวันนี้ เรากำลังพูดถึงการวิ่งเข้าใกล้หลัก 300 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือแม้แต่ทะลุผ่านไปแล้วในบางกรณี ที่น่าสนใจคือ เวทีแห่งการแข่งขันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์ซูเปอร์คาร์ดั้งเดิมอีกต่อไป แต่ยังเปิดกว้างให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฟฟ้า ซึ่งสามารถสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ทำลายสถิติได้อย่างรวดเร็ว ด้วยพละกำลังที่มหาศาลและแรงบิดที่มาทันที

ในบทความนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของยานยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ประจำปี 2025 โดยวิเคราะห์เจาะลึก 20 อันดับแรก ที่ไม่ใช่แค่เร็วที่สุด แต่ยังเป็นผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมที่น่าหลงใหลที่สุดอีกด้วย เราจะมาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีอะไรที่ทำให้มันพิเศษ ทำไมมันถึงอยู่ในลิสต์นี้ และอนาคตของไฮเปอร์คาร์จะก้าวไปในทิศทางใด

วิวัฒนาการแห่งความเร็ว: จากสนามแข่งสู่ถนนหลวง

การแสวงหาความเร็วเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์มายาวนาน จากรถแข่งยุคแรกที่ถูกปรับมาวิ่งบนถนน สู่การพัฒนารถยนต์ถนนโดยเฉพาะที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด การสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นไม่ใช่แค่การติดตั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ที่ติ การใช้วัสดุน้ำหนักเบาพิเศษ ระบบส่งกำลังที่ซับซ้อน และยางที่สามารถรองรับแรงมหาศาลได้ นี่คือการทดสอบขีดจำกัดของทั้งเครื่องจักรและมนุษย์

ในอดีต แบรนด์ยุโรปอย่าง Bugatti, Ferrari และ Lamborghini เป็นผู้ครอบครองเวทีนี้ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์จากสหรัฐอเมริกา สวีเดน และแม้แต่ญี่ปุ่น ได้ก้าวขึ้นมาท้าทายด้วยนวัตกรรมและปรัชญาการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร และในปี 2025 นี้ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการเข้ามามีบทบาทอย่างเต็มตัวของรถยนต์ไฟฟ้า ที่พลิกโฉมวิธีการคิดค้นและสร้างรถยนต์สมรรถนะสูงไปอย่างสิ้นเชิง

การแข่งขันในปี 2025 มีความเข้มข้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างพละกำลังและอัตราเร่งที่น่าตกใจ พร้อมกับความเร็วสูงสุดที่ทัดเทียม หรือแม้กระทั่งแซงหน้ารถยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม นี่คือยุคที่เส้นแบ่งระหว่าง “พลังบริสุทธิ์” กับ “ประสิทธิภาพอันชาญฉลาด” กำลังถูกท้าทาย และผู้ชนะคือผู้ที่สามารถผสานรวมสองสิ่งนี้ได้อย่างลงตัวที่สุด

20 อันดับสุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก ปี 2025

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมได้คัดสรรและวิเคราะห์รถยนต์แต่ละคันในลิสต์นี้ โดยพิจารณาจากข้อมูลล่าสุด ประสิทธิภาพที่ได้รับการยืนยัน และผลกระทบต่ออุตสาหกรรม โดยหลีกเลี่ยงรุ่นที่ปรับแต่งหนักเกินไปหรือรุ่นที่ไม่ใช่รถยนต์เพื่อการผลิตเป็นหลัก

McLaren F1

ความเร็วสูงสุด: 386.4 กม./ชม. (240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 15 ล้านปอนด์+

ในฐานะผู้บุกเบิกแห่งยุค 90 McLaren F1 คือตำนานที่ยังมีชีวิต มันคือมาตรฐานที่ไฮเปอร์คาร์ยุคใหม่หลายคันพยายามจะตามรอย ด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจตามธรรมชาติ และเกียร์ธรรมดา มันมอบประสบการณ์การขับขี่ที่บริสุทธิ์และดิบเถื่อนอย่างแท้จริง ในปี 2025 F1 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่เร็วเท่านั้น แต่เป็นงานศิลปะที่ทรงคุณค่า เป็นการลงทุนที่มั่นคง และเป็นเครื่องเตือนใจว่าวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมไม่มีวันล้าสมัย อิทธิพลของมันยังคงส่งผ่านมายังทายาททางจิตวิญญาณอย่าง GMA T.50 ซึ่งออกแบบโดย Gordon Murray คนเดียวกัน

W Motors Fenyr Supersport

ความเร็วสูงสุด: 394 กม./ชม. (245 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 1.4 ล้านปอนด์

W Motors Fenyr Supersport คือผลงานชิ้นโบแดงจากตะวันออกกลาง ที่ผสานความหรูหราเข้ากับความเร็วได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างใหม่ แต่ Fenyr Supersport ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยเครื่องยนต์ Flat-Six ทวินเทอร์โบจาก Ruf และการตกแต่งภายในที่ประดับด้วยอัญมณี มันไม่ใช่แค่เร็ว แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมอันประณีตของเจ้าของอีกด้วย ในปี 2025 มันยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษและไม่เหมือนใคร

Saleen S7 Twin Turbo

ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 500,000 ปอนด์

Saleen S7 Twin Turbo คือตัวแทนของพละกำลังสไตล์อเมริกันที่ดิบและดุดัน เมื่อเปิดตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า มันคือผู้ท้าชิงที่กล้าหาญในการโค่น McLaren F1 แม้ว่าความเร็วสูงสุดที่ 248 ไมล์ต่อชั่วโมงจะยังไม่เคยถูกพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ความพยายามและความกล้าหาญของ Saleen ก็ทำให้ S7 Twin Turbo เป็นที่จดจำในฐานะสัตว์ร้ายที่มีเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาดใหญ่ มันคือสัญลักษณ์ของยุคที่พละกำลังดิบๆ ยังคงครองสนาม

Koenigsegg Gemera & CCXR

ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 2 ล้านปอนด์

Koenigsegg คือชื่อที่ปรากฏบ่อยครั้งในลิสต์นี้ และสำหรับอันดับที่ 17 เราขอพูดถึงสองรุ่นที่น่าสนใจคือ Gemera และ CCXR ทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 400 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง) โดย Gemera คือ “Mega-GT” แบบไฮบริด 4 ที่นั่งสุดล้ำ ที่ผสานเครื่องยนต์สันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว สร้างพละกำลังมหาศาล ขณะที่ CCXR เป็นรถรุ่นเก่ากว่าที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว การที่สองรุ่นจากต่างยุคสมัยสามารถทำความเร็วได้เท่ากัน แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยี แต่ยังคงปรัชญาการออกแบบที่เน้นความเร็วสูงสุดของ Koenigsegg ได้อย่างชัดเจน

Aspark Owl

ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 2.5 ล้านปอนด์

จากแดนอาทิตย์อุทัย Aspark Owl คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดไฮเปอร์คาร์ ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและตัวเลขประสิทธิภาพที่น่าตกใจ Owl คือรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดคันหนึ่งในด้านอัตราเร่ง (0-100 กม./ชม. ใน 1.72 วินาที) และยังมีความเร็วสูงสุดที่น่าประทับใจ การใช้แบตเตอรี่ขนาด 64kWh ที่เบากว่าคู่แข่ง ทำให้มันสามารถทำความเร็วได้อย่างน่าทึ่งพร้อมกับระยะทางวิ่งที่ใช้งานได้จริง นี่คือสัญญาณบ่งบอกถึงอนาคตที่สดใสของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า

Ultima RS

ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 130,000 ปอนด์

Ultima RS คือม้ามืดในลิสต์นี้ ด้วยราคาที่ “เข้าถึงได้” เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น และเป็นรถยนต์ที่สามารถประกอบเองได้ (Kit Car) การที่รถที่สร้างในโรงรถสามารถทำความเร็วได้ถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นฟังดูเหลือเชื่อ แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่ปรับแต่งจนมีพละกำลัง 1,200 แรงม้า Ultima RS แสดงให้เห็นว่าพลังงานดิบและอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เหนือชั้น ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างรถที่เร็วที่สุด มันคือบทพิสูจน์ว่าบางครั้งความเรียบง่ายก็สามารถเอาชนะความซับซ้อนได้

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 2.1 ล้านปอนด์

McLaren Speedtail คือการยกย่องให้กับ McLaren F1 ด้วยการออกแบบ 3 ที่นั่งแบบคนขับอยู่ตรงกลาง และการจำกัดจำนวนการผลิตที่ 106 คันเท่ากัน Speedtail เป็น “Hyper-GT” ที่เน้นความเร็วและความหรูหราในการเดินทางไกล McLaren ได้ทดสอบความเร็วของ Speedtail ที่ Kennedy Space Centre และยืนยันว่ามันสามารถทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้จริง นี่คือการผสมผสานระหว่างสุนทรียภาพทางศิลปะและวิศวกรรมที่ล้ำสมัย แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ McLaren ในการสร้างรถยนต์ที่ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ยังสวยงามและมีเอกลักษณ์

Czinger 21C V Max

ความเร็วสูงสุด: 407 กม./ชม.+ (253 ไมล์ต่อชั่วโมง+)

ราคาประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์

Czinger 21C V Max คือนวัตกรรมจากอเมริกาที่นำเสนอแนวคิดการผลิตด้วยการพิมพ์ 3 มิติ (3D printing) เข้ามาใช้ในการสร้างชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ การผสานเครื่องยนต์อันทรงพลังเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 1,233 แรงม้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้มันมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.9 วินาที และรุ่น V Max ยังถูกปรับแต่งเพื่อลดแรงต้านอากาศ เพิ่มความเร็วสูงสุดให้ทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างไฮเปอร์คาร์แห่งอนาคต

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 410 กม./ชม. (255 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 2.6 ล้านปอนด์

Koenigsegg Regera เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าทึ่งจากแบรนด์สวีเดน ด้วยระบบส่งกำลัง Direct Drive ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีเกียร์หลายอัตราส่วน ผสานพลังจากเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า สร้างพละกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า Regera ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็ว แต่ยังเป็นรถที่ทำลายสถิติอัตราเร่ง 0-400-0 กม./ชม. ในปี 2019 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเร่งและเบรกที่เหนือชั้นอย่างแท้จริง ในปี 2025 Regera ยังคงเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ไฮบริดที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก

SSC Ultimate Aero

ความเร็วสูงสุด: 412.3 กม./ชม. (256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 500,000 ปอนด์

SSC Ultimate Aero เคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแย่งชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกไปจาก Bugatti Veyron ในปี 2007 ด้วยความเร็ว 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งทำได้บนถนนสาธารณะที่ปิดชั่วคราว Ultimate Aero คือรถที่เน้นความบริสุทธิ์ของการขับขี่ ไม่มีระบบช่วยขับขี่ใดๆ เช่น Traction Control ทำให้มันเป็นประสบการณ์ที่ดิบและท้าทายอย่างยิ่งสำหรับคนขับ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า มันคือเครื่องจักรที่สร้างมาเพื่อความเร็วโดยเฉพาะ และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของแบรนด์จากอเมริกา

Rimac Nevera / Nevera R

ความเร็วสูงสุด: 415 กม./ชม. (258 ไมล์ต่อชั่วโมง) / 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง) สำหรับ Nevera R

ราคาประมาณ: 2.4 ล้านปอนด์

Rimac Nevera ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก แต่ยังเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกโดยรวม ด้วยพละกำลังมหาศาล 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร มันสามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.9 วินาที และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 80% ภายใน 19 นาทีเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี EV ในปี 2025 ยิ่งไปกว่านั้น Rimac ยังเปิดตัว Nevera R ที่เพิ่มพละกำลังเป็น 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้มันเป็นรถถนนที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ Nevera คือตัวแทนแห่งอนาคตของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง

Bugatti Veyron

ความเร็วสูงสุด: 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง) สำหรับรุ่น Super Sport

ราคาประมาณ: 1 ล้านปอนด์

Bugatti Veyron คือชื่อที่สั่นสะเทือนวงการยานยนต์เมื่อปรากฏตัวครั้งแรก ด้วยเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 8.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า มันคือการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับไฮเปอร์คาร์ และรุ่น Veyron Super Sport ที่ตามมาได้เพิ่มพละกำลังเป็น 1,183 แรงม้า และสร้างสถิติความเร็วสูงสุดที่ 268 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะผ่านมาหลายปี Veyron Super Sport ก็ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วได้ในระดับนี้ และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 2.5 วินาที ก็ยังคงเป็นสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าหลายคันต้องพยายามตามให้ทัน Veyron คือตำนานแห่งวิศวกรรมที่ยังคงน่าเคารพในปี 2025

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 437.1 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 1.7 ล้านปอนด์

Hennessey จากสหรัฐอเมริกา คือผู้ท้าชิงที่มุ่งมั่นในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก หลังจาก Venom รุ่นก่อนที่สร้างจาก Lotus Exige ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาสามารถทะลุ 270 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ และ Venom F5 ก็ก้าวข้ามไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,817 แรงม้า Hennessey ตั้งเป้าหมายที่จะแตะ 311 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานอันไร้ขีดจำกัด แม้จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังที่อาจมีปัญหาเรื่อง Traction ในช่วงออกตัว แต่อัตราเร่ง 0-400 กม./ชม. ใน 15.5 วินาที ก็ตอกย้ำถึงความเร็วทางตรงอันเหลือเชื่อเมื่อมันเริ่มออกตัวได้อย่างเต็มที่

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 446 กม./ชม. (277 ไมล์ต่อชั่วโมง) (โดยประมาณ)

ราคาประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์+ (โดยประมาณ)

Bugatti Tourbillon คือทายาทแห่งอนาคตของ Bugatti ที่จะมาแทนที่ Chiron ด้วยระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 หายใจตามธรรมชาติ 986 แรงม้า เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า สร้างพละกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เรามั่นใจว่า Tourbillon จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความเร็วอย่างแน่นอนเมื่อมันเปิดตัวในปี 2026 การใช้เครื่องยนต์ V16 แบบหายใจตามธรรมชาติในยุคที่เทอร์โบและไฟฟ้ากำลังครองโลกนั้น แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความเป็นเอกลักษณ์ของ Bugatti

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 447.2 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์

Koenigsegg Agera RS สร้างประวัติศาสตร์ในปี 2017 ด้วยการทำลายสถิติความเร็วสูงสุดบนถนนสาธารณะ ด้วยการวิ่งเฉลี่ยสองทิศทางที่ 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง บนทางหลวงที่ปิดชั่วคราวในเนวาดา สหรัฐอเมริกา นี่ไม่ใช่แค่การพิสูจน์ความเร็วของรถยนต์ แต่ยังเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของ Koenigsegg ในการก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง Agera RS เป็นตัวแทนของความสมดุลระหว่างพละกำลังอันมหาศาลและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ชาญฉลาด ทำให้มันเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก

Bugatti Mistral

ความเร็วสูงสุด: 453.9 กม./ชม. (282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 5.2 ล้านปอนด์

Bugatti Mistral คือบทสรุปอันงดงามของเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบอันโด่งดังของ Bugatti มันคือไฮเปอร์คาร์เปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการผลิตจำกัดเพียง 99 คัน Mistral ไม่ใช่แค่รถที่เร็ว แต่ยังเป็นงานศิลปะที่หายากและทรงคุณค่า ในปี 2024 Mistral ได้สร้างสถิติความเร็วสูงสุดที่ 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่สนามทดสอบ Papenburg ในเยอรมนี ด้วย Andy Wallace นักขับทดสอบระดับตำนานอยู่หลังพวงมาลัย Mistral เป็นเครื่องยืนยันว่า Bugatti ยังคงเป็นผู้นำในการสร้างรถยนต์ที่ไม่มีใครเทียบได้ แม้ในยามที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของ Tourbillon

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 455.3 กม./ชม. (282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์

SSC Tuatara คือไฮเปอร์คาร์จากอเมริกาที่มาพร้อมเรื่องราวการทำลายสถิติที่น่าสนใจ หลังจากความพยายามครั้งแรกที่มีข้อถกเถียงอย่างหนัก SSC ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2021 ด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อสร้างสถิติใหม่ที่ได้รับการยืนยัน ด้วยความเร็วเฉลี่ยสองทิศทาง 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง Tuatara แสดงให้เห็นถึงพละกำลังอันมหาศาลจากเครื่องยนต์ V8 Flat-Plane-Crank ทวินเทอร์โบ 5.9 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 1,750 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อหลังเท่านั้น ผนวกกับตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา มันคือเครื่องจักรที่สร้างมาเพื่อความเร็วสูงสุดอย่างแท้จริง

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 3 ล้านปอนด์

Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถยนต์คันแรกที่สามารถทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างเป็นทางการ ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี นี่คือความสำเร็จทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ โดยการปรับแต่งเครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร ให้มีพละกำลัง 1,578 แรงม้า พร้อมกับการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์อย่างละเอียด รวมถึงการออกแบบ “Longtail” ที่ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศราบรื่นยิ่งขึ้น Chiron Super Sport 300+ ผลิตจำกัดเพียง 30 คัน และยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลกในปี 2025

Koenigsegg Jesko Absolut

ความเร็วสูงสุด: 499 กม./ชม. (310 ไมล์ต่อชั่วโมง) (เป้าหมาย)

ราคาประมาณ: 2.3 ล้านปอนด์

เมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศว่าพวกเขากำลังสร้าง “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยสร้าง” นั่นไม่ใช่คำพูดที่เล่นๆ Jesko Absolut คือรุ่นที่ลดแรงต้านอากาศของ Jesko ซึ่งมีพละกำลัง 1,578 แรงม้า (และเพิ่มเป็น 1,600 แรงม้าในรุ่น Absolut) วิศวกรของ Koenigsegg ได้ใช้เวลาอย่างพิถีพิถันในการปรับแต่งทุกรายละเอียด ตั้งแต่ตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก ไปจนถึงมาตรการลดน้ำหนักที่รุนแรง รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก Koenigsegg ตั้งเป้าหมายความเร็วสูงสุดไว้ที่ 310 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งหากทำได้จริง มันจะขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก และด้วยประวัติของ Koenigsegg เรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 495 กม./ชม. (308 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ราคาประมาณ: 250,000 ปอนด์+

และอันดับหนึ่งสำหรับปี 2025 คือ Yangwang U9 Xtreme นี่คือการประกาศศักดาของเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำอย่างรวดเร็ว ด้วยราคาที่ไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ แต่สามารถทำลายสถิติความเร็วที่รถยนต์ราคาแพงกว่าหลายเท่าทำไว้ Yangwang U9 Xtreme ทำความเร็วสูงสุดที่ 308 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ทรงพลังเป็นพิเศษ ให้พละกำลังรวม 2,978 แรงม้า! มันยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ที่ช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป และแบตเตอรี่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อรองรับการใช้งานพลังงานสูงที่ความเร็วสูง โดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป ซึ่งมาจาก BYD บริษัทแม่ของ Yangwang U9 Xtreme คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าอนาคตของไฮเปอร์คาร์นั้นเป็นของรถยนต์ไฟฟ้า และตลาดกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ตารางสรุป: รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก ปี 2025

| อันดับ | รถยนต์ | ราคาเริ่มต้น | ความเร็วสูงสุด |

| :— | :— | :— | :— |

| 1. | Yangwang U9 Xtreme | £250,000+ | 308 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 2. | Koenigsegg Jesko Absolut | £2.3 ล้าน (โดยประมาณ) | 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย) |

| 3. | Bugatti Chiron Super Sport 300+ | £3 ล้าน | 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 4. | SSC Tuatara | £1.5 ล้าน | 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 5. | Bugatti Mistral | £5.2 ล้าน | 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 6. | Koenigsegg Agera RS | £3.5 ล้าน | 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 7. | Bugatti Tourbillon | £3.5 ล้าน+ (โดยประมาณ) | 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (โดยประมาณ) |

| 8. | Hennessey Venom F5 | £1.7 ล้าน | 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 9. | Bugatti Veyron Super Sport | £1 ล้าน | 268 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 10. | Rimac Nevera R | £2.4 ล้าน | 268 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 11. | SSC Ultimate Aero | £500,000 | 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 12. | Koenigsegg Regera | £2.6 ล้าน | 255 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 13. | Czinger 21C V Max | £1.5 ล้าน | 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ |

| 14. | McLaren Speedtail | £2.1 ล้าน | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 15. | Ultima RS | £130,000 | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 16. | Aspark Owl | £2.5 ล้าน | 249 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 17. | Koenigsegg Gemera & CCXR | £2 ล้าน | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 18. | Saleen S7 Twin Turbo | £500,000 | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 19. | W Motors Fenyr Supersport | £1.4 ล้าน | 245 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 20. | McLaren F1 | £15 ล้าน+ | 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง |

สโมสร 200 ไมล์ต่อชั่วโมง: ทางเลือกที่เข้าถึงได้มากขึ้น

แม้ว่ารถยนต์ใน 20 อันดับแรกนี้จะมีราคาที่สูงเกินเอื้อมสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่การเข้าถึงรถยนต์เพื่อการผลิตที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมาอย่างน่าประหลาดใจ ด้วยจำนวนผู้ผลิตที่นำเสนอรถยนต์ความเร็วสูงมากขึ้น ทำให้มีตัวเลือกมากมายสำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่โชคดีพอที่จะเป็นเจ้าของ

ในบรรดารถยนต์เหล่านี้ เราจะพบกับตัวเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่รถสปอร์ตสองที่นั่งระดับพรีเมียมอย่าง Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ที่ไม่เพียงแต่เร็ว แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ Grand Tourer หรูหราที่ให้ความเร็วสูงพร้อมความสะดวกสบายระดับสูงสุด เช่น Bentley Flying Spur (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Bentley Continental GT Speed (208 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเร็วและไลฟ์สไตล์หรูหราสามารถไปด้วยกันได้

แม้แต่รถเปิดประทุนก็สามารถทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมงได้เช่นกัน (โดยส่วนใหญ่เมื่อปิดหลังคา) เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนของคูเป้ที่เร็วกว่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าไฮเปอร์คาร์ระดับท็อปบางรุ่น เช่น Mercedes-AMG One (217 ไมล์ต่อชั่วโมง+) และ Aston Martin Valkyrie ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดแบบตรงไปตรงมา แต่เน้นไปที่การทำเวลาต่อรอบสนามแข่งที่เร็วที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคำว่า “เร็วที่สุด” ไม่ได้มีเพียงมิติเดียวอีกต่อไป แต่ครอบคลุมถึงประสิทธิภาพในภาพรวมของรถยนต์

อนาคตแห่งความเร็ว: อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป?

ในฐานะผู้สังเกตการณ์ในวงการนี้มานาน ผมเชื่อว่าอนาคตของไฮเปอร์คาร์จะยังคงน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า เราจะเห็นความเร็วสูงสุดที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเบาและประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงการบูรณาการของ AI และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในรถยนต์สมรรถนะสูง

วัสดุศาสตร์จะก้าวหน้าไปอีกขั้น ทำให้รถยนต์เบาและแข็งแรงขึ้น การออกแบบอากาศพลศาสตร์จะชาญฉลาดยิ่งขึ้น และอาจเห็นรถยนต์ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนรูปทรงตามความเร็วเพื่อลดแรงต้านอากาศ การแข่งขันจะไม่ใช่แค่เรื่องของพละกำลังดิบๆ อีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด การควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่เหนือชั้น และการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดื่มด่ำและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ความหลงใหลในความเร็วของมนุษย์ไม่มีวันสิ้นสุด และอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังคงผลักดันขีดจำกัดต่อไป เพื่อสร้างสรรค์เครื่องจักรที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา

เข้าร่วมการสนทนา!

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่คลุกคลีในวงการนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นทิศทางที่อุตสาหกรรมไฮเปอร์คาร์กำลังก้าวไป รถยนต์ที่เราได้กล่าวถึงไปข้างต้นไม่เป็นเพียงแค่เครื่องจักรที่เร็วที่สุด แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางวิศวกรรม นวัตกรรม และความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง

คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ 20 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 นี้? มีรถยนต์ในฝันคันไหนที่คุณอยากเป็นเจ้าของ หรือคุณคิดว่าแบรนด์ใดจะขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงรายใหม่ในอนาคตอันใกล้? ร่วมแบ่งปันความคิดเห็น การคาดการณ์ หรือประสบการณ์ของคุณกับเราได้เลย! มาสนทนาและสำรวจโลกแห่งความเร็วที่ไม่สิ้นสุดนี้ไปด้วยกัน!

เปิดโผ 20 อันดับ รถยนต์บนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลก ปี 2025: ความเร็วสูงสุดที่ทะลุขีดจำกัด

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของความเร็วและสมรรถนะในโลกของรถยนต์บนท้องถนนมาโดยตลอด แม้ว่าในชีวิตจริงของคนส่วนใหญ่ ความเร็วสูงสุดของรถยนต์แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน – รถยนต์สำหรับครอบครัวธรรมดาก็สามารถวิ่งที่ 110 กม./ชม. ได้อย่างสบายๆ แล้ว – แต่สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงแล้ว “ความเร็วสูงสุด” กลับเป็นมากกว่าแค่ตัวเลข มันคือเครื่องหมายแห่งศักดิ์ศรี เป็นการประกาศถึงขีดความสามารถทางวิศวกรรม และเป็นเวทีที่ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายต่างงัดไม้เด็ดมาประชันกัน

การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อนั้นไม่ใช่แค่ความท้าทายทางเทคนิค แต่ยังรวมถึงความซับซ้อนในการทำให้ถูกกฎหมายบนท้องถนน ซึ่งเป็นอีกระดับของความยากลำบาก รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกจึงเป็นเสมือนผลงานชิ้นเอกที่ดึงดูดความสนใจ สร้างสถานะ และพิสูจน์ความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงยังคงร้อนระอุ ด้วยนวัตกรรมที่ก้าวกระโดด ทั้งจากเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมที่พัฒนาไปอีกขั้น และการเข้ามาปฏิวัติวงการของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าอันล้ำสมัย ซึ่งทำให้ผู้ผลิตรายใหม่ๆ สามารถท้าทายยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมได้ไม่ยาก

ในยุค 90 เราเคยตื่นเต้นกับการแข่งขันเพื่อทะลุขีดจำกัด 320 กม./ชม. ด้วยตำนานอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และ McLaren F1 ที่สร้างความประทับใจด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังและรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่สวยงาม พวกเขาสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจากรถยนต์ที่มีป้ายทะเบียน แต่ในวันนี้ การแข่งขันได้ขยับเข้าใกล้หลัก 480 กม./ชม. (300 ไมล์/ชม.) ซึ่งเป็นความเร็วที่ยากจะเข้าถึงได้มากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ การที่รถยนต์บนท้องถนนสามารถทำได้ถึงจุดนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ เทคโนโลยีแบตเตอรี่และความแรงของมอเตอร์ไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้ผู้ผลิตหน้าใหม่บางรายสามารถสร้างรถยนต์ที่เอาชนะแบรนด์ระดับโลกได้

รายการรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การพัฒนารถยนต์ไฮเปอร์คาร์แต่ละรุ่นต้องใช้เวลาและเงินลงทุนมหาศาล เพื่อผลักดันขีดจำกัดของความเร็วสูงสุดให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง นี่คือรายการล่าสุดของรถยนต์บนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดยเราได้คัดสรรมาตั้งแต่ลำดับที่ 20 ไปจนถึงอันดับ 1 โดยหลีกเลี่ยงรุ่นซ้ำๆ หรือรถที่ได้รับการดัดแปลงอย่างหนัก เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับสุดยอดวิศวกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง

McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 386.4 กม./ชม. (240.1 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: มากกว่า 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 690 ล้านบาท)

สำหรับผู้ที่เติบโตมาในยุคก่อนปี 2000 ชื่อของ McLaren F1 แทบไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำ รถคันนี้สร้างสถิติโลกสำหรับรถโปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็วสูงสุด 386.4 กม./ชม. ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือมันทำได้ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ และเกียร์ธรรมดา นี่คือสิ่งที่ทำให้มันเป็นตำนานที่ยังคงมีมนต์ขลังจนถึงปี 2025 ในยุคที่รถยนต์เทอร์โบและรถยนต์ไฟฟ้าครองตลาด McLaren F1 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ในการขับขี่และวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งผลงานชิ้นเอกของ Gordon Murray ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักสะสมและวิศวกรทั่วโลก

W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 394.3 กม./ชม. (245 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 64.4 ล้านบาท)

W Motors ผู้ผลิตรถยนต์หรูจากดูไบ (เริ่มต้นในเลบานอน) ได้ส่ง Fenyr SuperSport ตามรอย Lykan HyperSport ที่โด่งดัง (และแพงที่สุดใน Fast & Furious 7) รถทั้งสองรุ่นนี้อ้างว่าสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 394.3 กม./ชม. จุดเด่นของ Fenyr อยู่ที่ขุมพลังจากเครื่องยนต์ Flat-Six เทอร์โบคู่ที่ปรับแต่งโดย Ruf สำนักแต่ง Porsche ชื่อดังของเยอรมนี นอกจากสมรรถนะอันดุดันแล้ว รถคันนี้ยังโดดเด่นด้วยวัสดุสั่งทำพิเศษที่รวมถึงเพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้า สร้างสรรค์ให้เป็นเครื่องจักรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง

Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

ในปี 2005 Saleen S7 Twin Turbo ได้ปรากฏตัวพร้อมกับพละกำลัง 750 แรงม้า และคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ถึง 399 กม./ชม. ซึ่งเหนือกว่า McLaren F1 ในตำนานถึง 8 ไมล์/ชม. นี่เป็นคำกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่มากในเวลานั้น เนื่องจาก Saleen ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับโลกเท่า McLaren แต่ S7 คืออสูรกายสไตล์อเมริกันแท้ๆ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบลูกมหึมาสองตัว แม้ว่าตัวเลขนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่หลายคนก็สามารถเข้าใกล้ความเร็วนี้ได้แล้ว

Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 92 ล้านบาท)

แบรนด์ Koenigsegg จากสวีเดนปรากฏในรายการนี้หลายครั้ง และในอันดับนี้เราขอรวมสองรุ่นคือ Gemera และ CCXR ซึ่งทั้งคู่มีความเร็วสูงสุด 399 กม./ชม. พอดี ถือเป็นการปรากฏตัวคู่ที่เหมาะสม Gemera คือรถไฮบริดยุคใหม่ที่ล้ำสมัยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว มอเตอร์สองตัวหลังให้กำลังประมาณ 500 แรงม้า และมอเตอร์หน้าให้กำลังประมาณ 800 แรงม้า ที่น่าทึ่งคือยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ด้วย ในขณะที่ CCXR เป็นรถรุ่นเก่ากว่ามาก แต่ก็มีความเร็วสูงสุดเท่ากัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว พร้อมน้ำหนักที่เบาและรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้น

Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 400.7 กม./ชม. (249 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 115 ล้านบาท)

แม้ว่าคุณจะคาดหวังที่จะเห็นชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg ในรายการรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก แต่ในปัจจุบัน รถยนต์ประเภทนี้ยังเป็นสนามเด็กเล่นสำหรับแบรนด์เกิดใหม่ที่ต้องการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตด้วยมือในจำนวนจำกัด Aspark Owl จากญี่ปุ่นคือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนนี้ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่คันนี้เปิดตัวในรูปแบบต้นแบบที่งาน Frankfurt Motor Show 2017 พร้อมตัวเลขที่น่าตกใจ Aspark อ้างว่า Owl สามารถเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. (0-60 ไมล์/ชม.) ได้ใน 1.72 วินาที ซึ่งจะทำให้เป็นรถโปรดักชั่นที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุด และยังระบุความเร็วสูงสุดของ Owl ที่มีกำลัง 1,985 แรงม้า ไว้ที่ 400.7 กม./ชม. การเร่งความเร็วที่รวดเร็วนี้เป็นผลมาจากชุดแบตเตอรี่ 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ซึ่งเล็กกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่ก็ยังให้ระยะทางวิ่งประมาณ 450 กม.

Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 402.3 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 5.98 ล้านบาท)

Ultima RS เป็นรถที่โดดเด่นที่สุดในรายการนี้ ไม่เพียงแต่มีราคาถูกที่สุด โดยมีราคาประมาณ 130,000 ปอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นรถแบบ Kit Car อีกด้วย การขับรถที่ความเร็ว 402.3 กม./ชม. – ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่บริษัทอ้างสิทธิ์สำหรับรุ่นที่เร็วที่สุด – ในรถที่สร้างขึ้นเองในโรงรถที่บ้านอาจฟังดูไม่จริง แต่เป็นไปได้หากคุณมีเงินและทักษะที่จะทำได้ รถคันนี้ใช้น้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่ปรับแต่งให้กำลัง 1,200 แรงม้า แทนที่จะใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน เพื่อให้ได้ความเร็วระดับนั้น ถือเป็นขุมพลังแบบ Old-School ที่เน้นอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก

McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 402.3 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96.6 ล้านบาท)

แบรนด์ซูเปอร์คาร์อังกฤษระบุว่า McLaren Speedtail สามารถทำความเร็ว 402.3 กม./ชม. ได้มากกว่า 30 ครั้ง ระหว่างการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นั่นหมายความว่า Speedtail เร็วกว่า McLaren F1 ในตำนาน อย่างไรก็ตาม รถทั้งสองรุ่นมีความหายากเท่ากัน เนื่องจาก McLaren ผลิต Speedtail เพียง 106 คัน ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับ F1 รุ่นพี่ที่โด่งดัง Speedtail เป็นส่วนหนึ่งของ “Ultimate Series” ของ McLaren และยังคงรูปแบบเบาะสามที่นั่งแบบ F1 โดยคนขับนั่งอยู่ตรงกลางรถ ล้อมรอบด้วยผู้โดยสารสองคน แตกต่างจากรุ่นเก่า Speedtail ไม่มีคันเกียร์ ทำให้เข้าออกรถได้ง่ายขึ้นจากทั้งสองด้าน

Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 407 กม./ชม. (253 ไมล์/ชม.)+
ราคาเริ่มต้น: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

Czinger 21C อาจฟังดูเหมือนชื่อเครื่องดูดฝุ่นไฮเทค แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เช่นเดียวกับรถเกือบทั้งหมดในรายการนี้ มันใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังมหาศาล และรูปทรงตัวถังที่เพรียวลม ควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าบางส่วนที่รวมกันให้กำลังสูงสุดถึง 1,233 แรงม้า ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.9 วินาที และรุ่น V Max ได้กำจัดชุดแอโรไดนามิกที่สร้างแรงต้าน เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดจากรุ่นปกติให้สูงกว่า 407 กม./ชม.

Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 410.4 กม./ชม. (255 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 119.6 ล้านบาท)

Koenigsegg มีความมุ่งมั่นกับการทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนท้องถนนอย่างแท้จริง และ Regera ของผู้ผลิตชาวสวีเดนคันนี้ก็ไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์ด้วยซ้ำ มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 410.4 กม./ชม. ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ให้กำลังเกือบ 1,500 แรงม้า และใช้ระบบเกียร์ความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แทนที่จะเป็นเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการตั้งค่าแบบปลั๊กอินไฮบริด แน่นอนว่ายังมีเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่ให้พลังงานจำนวนมาก และแม้จะดูเหมือนรถคูเป้ แต่จริงๆ แล้วมันมีหลังคา Targa-top ที่ถอดออกได้ รถคันนี้ยังเคยสร้างสถิติโลก 0–400–0 กม./ชม. (0–249–0 ไมล์/ชม.) ในการเร่งความเร็วและเบรกในปี 2019

SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 412.3 กม./ชม. (256.18 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

SSC Ultimate Aero ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ 1,183 แรงม้า ในช่วงเจ็ดปีของการผลิต มันสามารถแย่งตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดจาก Bugatti Veyron ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 412.3 กม./ชม. ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตใช้ทางหลวงสองเลนที่ปิดชั่วคราวใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา Ultimate Aero เป็นรถที่มอบประสบการณ์ดิบๆ ด้วยการตัดระบบช่วยขับขี่อย่าง Traction Control ออกไป

Rimac Nevera/Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 415.2 กม./ชม. (258 ไมล์/ชม.) / 431.3 กม./ชม. (268 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110.4 ล้านบาท)

Rimac Nevera เป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอันดับที่ห้า และยังเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกด้วย ด้วยความรุนแรงของการแข่งขันด้านพลังงาน EV ดูเหมือนว่าอีกไม่นานรถยนต์ไฟฟ้าจะครองตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่างแท้จริง ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera จึงเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พุ่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 1.9 วินาที แม้จะมีน้ำหนักมาก และยังสามารถทำความเร็วถึง 300 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่าที่รถยนต์ครอบครัวส่วนใหญ่จะทำความเร็วถึง 96 กม./ชม. ได้เสียอีก นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 500kW ทำให้แบตเตอรี่ชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาเพียง 19 นาที และเมื่อชาร์จเต็ม จะมีระยะทางวิ่ง 547 กม.

และเมื่อไม่พอใจ Rimac ได้เปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 431.3 กม./ชม. ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดโดยรวมเท่านั้น แต่ยังเป็นรถยนต์บนท้องถนนที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.8 วินาที และถึง 300 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.9 วินาที ที่น่าเหลือเชื่อ

Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 431.3 กม./ชม. (268 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท)

เป็นเวลานานแล้วที่ Bugatti Veyron ได้เข้ามาเขย่าวงการไฮเปอร์คาร์ แต่ชื่อนี้ยังคงเป็นที่เคารพและชื่นชมอย่างมากจากคนรักรถและวิศวกรทุกวัยและทุกเชื้อชาติ ในขณะที่ Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงให้กับโลกยานยนต์ด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และแรงบิด 1,500 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 6.0 ลิตร อันทรงพลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักวิจัย Bugatti ไม่กี่ปีต่อมา Veyron Super Sport ที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริงก็เปิดตัวขึ้น และเพิ่มกำลังเป็น 1,183 แรงม้า หลายปีผ่านไปก็ยังมีรถยนต์ไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เหนือกว่า Veyron Super Sport ที่ 431.3 กม./ชม. เวลา 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 2.5 วินาทีของเจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้ยังคงเป็นความสำเร็จที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าบางคันก็ยังต้องพยายามจับคู่ให้ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง รถคันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในรถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างง่ายดาย

Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437.1 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 78.2 ล้านบาท)

Hennessey บริษัทปรับแต่งรถสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ เคยทำความเร็วได้เกิน 434 กม./ชม. ด้วย Venom ที่ใช้ Lotus Exige เป็นพื้นฐาน แต่ Venom F5 ได้ทำความเร็วแซงหน้าไปแล้ว อันที่จริง มันได้ทำความเร็วที่สูงกว่าในการทดสอบ โดยทำความเร็ว 437.1 กม./ชม. ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจาก Venom รุ่นเก่ามีกำลังเพียง 1,244 แรงม้า ในขณะที่รุ่นใหม่มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ เป็นที่ชัดเจนว่า Hennessey ตั้งเป้าที่จะทำความเร็ว 500 กม./ชม. เมื่อรถได้รับการพัฒนาเต็มที่ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง การยึดเกาะที่จำกัดทำให้เวลา 0-100 กม./ชม. ของ F5 อยู่ที่ 2.6 วินาที แต่ตัวเลขการเร่งความเร็ว 0-400 กม./ชม. ใน 15.5 วินาที แสดงให้เห็นถึงความเร็วทางตรงที่น่าทึ่งของ Hennessey เมื่อมันเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่

Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445.8 กม./ชม. (277 ไมล์/ชม.) (ประมาณการ)
ราคาเริ่มต้น: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)+ (ประมาณการ)

มีพื้นที่สำหรับ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ในรายการนี้ ซึ่งจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 ขนาด 986 แรงม้า และแรงบิด 664 ฟุต-ปอนด์ ให้กำลังรวมมากกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ควบคู่ไปกับความรู้ความชำนาญทางวิศวกรรมทั้งหมดที่มาพร้อมกับมัน เรามั่นใจว่ารุ่นใหม่นี้จะพบที่ยืนในหมู่รถยนต์คันอื่นๆ เมื่อมันเปิดตัวในปี 2026 อย่างแน่นอน การมาถึงของ Tourbillon จะเป็นบทใหม่ของ Bugatti ในยุคไฮบริด ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ผสานขุมพลังดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคต

Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 447.2 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)

Koenigsegg ได้ยกระดับมาตรฐานในปี 2017 โดยการเพิ่มสถิติความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจากรุ่น CCXR และในขณะเดียวกันก็ได้บันทึกความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะ ด้วยการใช้ทางหลวง 11 ไมล์ที่ปิดไว้ในเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์ชาวสวีเดนได้นำ Agera RS ของลูกค้าคนหนึ่งมาวิ่งทำความเร็วได้ถึง 447.2 กม./ชม. ซึ่งถือเป็นการแสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของ Agera RS ที่ไม่เพียงแค่เร็ว แต่ยังพิสูจน์ได้บนสภาพถนนจริง

Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 453.9 กม./ชม. (282.05 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 239.2 ล้านบาท)

Bugatti อาจมีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสร้างข่าวพาดหัวอย่างต่อเนื่อง – ล่าสุดกับ Bugatti Mistral แม้แต่สำหรับ Bugatti เองก็ยังเป็นรถที่มีราคาแพงอย่างน่าตกใจและหายากอย่างเหลือเชื่อ โดยจำกัดการผลิตเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ คือ Mistral เป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในการผลิต ด้วยนักขับทดสอบผู้ทรงเกียรติอย่าง Andy Wallace เป็นผู้ขับ Mistral ได้สร้างสถิติที่ Papenburg ประเทศเยอรมนีในปี 2024 โดยมีขุมพลังจากเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 8.0 ลิตร อันเลื่องชื่อของ Bugatti ซึ่งกำลังจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 แบบไร้ระบบอัดอากาศอันน่าทึ่งของ Tourbillon รุ่นใหม่ในไม่ช้า

SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 455.3 กม./ชม. (282.9 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

สถิติความเร็วมักจะสร้างความขัดแย้ง และ SSC ผู้ปรับแต่งรถชาวอเมริกันก็สร้างความปั่นป่วนบนอินเทอร์เน็ตเมื่อการวิ่งความเร็วสูงที่ 508 กม./ชม. (316 ไมล์/ชม.) ของ Tuatara ถูกตั้งคำถาม วิดีโอที่พยายามบันทึกสถิติบนทางหลวงในเนวาดาถูกอ้างว่าพิสูจน์ว่ารถไม่เคยไปเร็วเท่าที่ SSC กล่าวไว้ ในปี 2021 SSC ได้พยายามสร้างสถิติความเร็วอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหา โดยบันทึกความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางได้ 455.3 กม./ชม. ซึ่งแม้จะไม่ทะลุ 500 กม./ชม. แต่ก็ยังคงน่าประทับใจอย่างมาก Tuatara มีกำลังมากมาย ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ V8 Flat-plane-crank 5.9 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร แตกต่างจากรถส่วนใหญ่ในรายการนี้ พลังทั้งหมดนี้ถูกส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมกับแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 1,247 กก. เท่านั้น

Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.4 กม./ชม. (304.8 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 138 ล้านบาท)

นับตั้งแต่ Bugatti กลายเป็นอัญมณีในเครือ Volkswagen Group ชื่อนี้ก็มีความหมายเหมือนกันกับพลังและความเร็วทางตรง การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติทั้งหมดของแบรนด์ และผลักดันให้ทะลุขีดจำกัด 480 กม./ชม. ที่ดูเหมือนจะทะลุผ่านไม่ได้ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ เครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตรของ Bugatti ได้รับการปรับแต่งให้มีกำลัง 1,578 แรงม้า ซึ่งมากกว่า Chiron รุ่นมาตรฐาน 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบระบายความร้อนพิเศษสำหรับเครื่องยนต์และเกียร์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์จำนวนมาก การอัปเกรดตามหลักอากาศพลศาสตร์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิ่งความเร็วสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ ‘Longtail’ ที่เพิ่มความยาวของตัวถัง 25 ซม. เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศ Chiron Super Sport 300+ ทำความเร็วได้ 490.4 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี และมีการผลิตรถ 30 คันที่โรงงาน Molsheim ของ Bugatti สำหรับลูกค้าพิเศษ โดยมีราคาคันละ 3 ล้านปอนด์

Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 500 กม./ชม. (310 ไมล์/ชม.) (เป้าหมาย)
ราคาเริ่มต้น: 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 105.8 ล้านบาท) (โดยประมาณ)

Koenigsegg ไม่ได้ด้อยประสบการณ์ในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่สร้างความกังวลให้กับ Bugatti เลย ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศเองว่าแบรนด์กำลังพัฒนารถ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่เราเคยสร้างมา” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ต้องมองข้าม รถที่พูดถึงคือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแรงต้านต่ำของ Koenigsegg Jesko ที่มีกำลัง 1,578 แรงม้า รุ่นมาตรฐานก็เร็วอยู่แล้ว แต่วิศวกรชาวสวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อปรับปรุงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านและกำลังเครื่องยนต์ของรถให้ดียิ่งขึ้นไปอีก มาตรการเหล่านี้รวมถึงการขยายตัวถัง การถอดปีกหลังออก และการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น – รวมถึงสิ่งที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 5.0 ลิตรที่ดุดันยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เป้าหมายของแบรนด์คือความเร็วสูงสุด 500 กม./ชม. แม้ว่าในตอนแรกอาจฟังดูไกลตัว แต่ Koenigsegg เคยเป็นผู้ครองตำแหน่ง ‘รถที่เร็วที่สุดในโลก’ มาก่อน ดังนั้นความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าแก่อย่าง Bugatti จึงสูงมาก

Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 495.7 กม./ชม. (308 ไมล์/ชม.)
ราคาเริ่มต้น: 250,000 ปอนด์ (ประมาณ 11.5 ล้านบาท)+

เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาอันสั้น ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่รถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่รถยนต์ที่แพงที่สุดในตลาดทำไว้ นั่นคือสิ่งที่ Yangwang U9 Xtreme ทำได้ ด้วยการสร้างสถิติ 495.7 กม./ชม. เพื่อครองตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน นี่เป็นผลมาจากการปรับปรุงแอโรไดนามิกส์จากรุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ทรงพลังเป็นพิเศษ และกำลังขับรวมถึง 2,978 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ และแม้แต่ U9 รุ่นปกติที่มีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่าเป็นพิเศษเพื่ออนุญาตให้ใช้พลังงานที่ความเร็วสูงได้เร็วขึ้น (โดยไม่ร้อนเกินไป) และมาจาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang การปรากฏตัวของ U9 Xtreme ในอันดับสูงสุดนี้ คือการประกาศอย่างชัดเจนว่าอนาคตของไฮเปอร์คาร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกต่อไป และยุคของความเร็วไฟฟ้ากำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มตัว ด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน นี่อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงในตลาดไฮเปอร์คาร์ปี 2025

ตารางสรุป: รถยนต์บนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลก 2025

อันดับรถยนต์ราคาเริ่มต้น (โดยประมาณ)ความเร็วสูงสุด
1.Yangwang U9 Xtreme11.5 ล้านบาท+495.7 กม./ชม.
2.Koenigsegg Jesko Absolut105.8 ล้านบาท500 กม./ชม. (เป้าหมาย)
3.Bugatti Chiron SS 300+138 ล้านบาท490.4 กม./ชม.
4.SSC Tuatara69 ล้านบาท455.3 กม./ชม.
5.Bugatti Mistral239.2 ล้านบาท453.9 กม./ชม.
6.Koenigsegg Agera RS161 ล้านบาท447.2 กม./ชม.
7.Bugatti Tourbillon161 ล้านบาท+445.8 กม./ชม. (ประมาณการ)
8.Hennessey Venom F578.2 ล้านบาท437.1 กม./ชม.
9.Bugatti Veyron Super Sport46 ล้านบาท431.3 กม./ชม.
10.Rimac Nevera/Nevera R110.4 ล้านบาท415.2 กม./ชม. / 431.3 กม./ชม.
11.SSC Ultimate Aero23 ล้านบาท412.3 กม./ชม.
12.Koenigsegg Regera119.6 ล้านบาท410.4 กม./ชม.
13.Czinger 21C V Max69 ล้านบาท407 กม./ชม.+
14.McLaren Speedtail96.6 ล้านบาท402.3 กม./ชม.
15.Ultima RS5.98 ล้านบาท402.3 กม./ชม.
16.Aspark Owl115 ล้านบาท400.7 กม./ชม.
17.Koenigsegg Gemera & CCXR92 ล้านบาท399 กม./ชม.
18.Saleen S7 Twin Turbo23 ล้านบาท399 กม./ชม.
19.W Motors Fenyr Supersport64.4 ล้านบาท394.3 กม./ชม.
20.McLaren F1690 ล้านบาท+386.4 กม./ชม.

รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: ตัวเลือกความเร็วเกิน 320 กม./ชม. (200 ไมล์/ชม.) ที่เข้าถึงได้มากขึ้น

รถยนต์ในรายการข้างต้นมีราคาแพงลิบลิ่ว โดยส่วนใหญ่ต้องใช้เงินเจ็ดหลักเพื่อซื้อ และยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 320 กม./ชม. นั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมาในตลาดปี 2025 คุณยังคงต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อ แต่ด้วยผู้ผลิตจำนวนมากขึ้นที่นำเสนอรถยนต์ความเร็ว 320 กม./ชม. จึงมีตัวเลือกมากมาย หากคุณอยู่ในสถานะที่โชคดีพอที่จะซื้อได้

แบรนด์ยุโรปหลายแห่งได้ก้าวเข้าสู่กลุ่มนี้ รวมถึง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของรถซูเปอร์คาร์และแกรนด์ทัวเรอร์ที่พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์ความเร็ว นอกจากนี้ยังมีรถเปิดประทุนไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 320 กม./ชม. แม้ว่าพวกเขาจะทำได้ด้วยการปิดหลังคา เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (323 กม./ชม.) และ Ferrari 296 GTS (330 กม./ชม.+) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนของรถคูเป้ที่เร็วกว่า

หากคุณปรารถนารถยนต์หรูที่รวดเร็ว อีกทางเลือกหนึ่งคือรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ รถยนต์เหล่านี้สามารถทำความเร็วสูงได้โดยไม่ลดทอนความหรูหรา และแบรนด์อังกฤษก็ยังคงเป็นผู้นำ Bentley นำเสนอ Flying Spur สี่ประตู (333 กม./ชม.) ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed ทำความเร็วได้ 335 กม./ชม.

โดยธรรมชาติแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ในกลุ่ม 320 กม./ชม. นี้ประกอบด้วยซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนทำความเร็วได้เกินมาตรฐานนี้พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริดอย่าง Ferrari SF90 ที่ทำความเร็วได้ 340 กม./ชม.

คุณอาจจะกำลังอ่านรายการนี้และคิดว่ามีชื่อใหญ่ๆ บางชื่อหายไป มีไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์จำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดในลักษณะที่คุณต้องทำเมื่อตั้งเป้าที่จะทำความเร็วเกิน 400 กม./ชม. Mercedes-AMG One (350 กม./ชม.+) และ Aston Martin Valkyrie ที่น่าทึ่งถูกออกแบบมาเพื่อมอบเวลาต่อรอบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่ความเร็วสูงสุด และเช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่ราคาจับต้องได้มากกว่า แต่ก็ยังน่าเกรงขาม

ประวัติศาสตร์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก

การเดินทางของความเร็วบนท้องถนนเริ่มต้นด้วย Benz Patent Motorwagen ที่สร้างขึ้นในปี 1898 ซึ่งเป็นรถยนต์คันแรกที่ได้รับการยอมรับ ด้วยความเร็วสูงสุด 19 กม./ชม. (12 ไมล์/ชม.) เพียงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับเดิมพันขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120

ยุคทศวรรษ 1950 คือการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองคันสามารถทำความเร็วได้เกิน 240 กม./ชม. (150 ไมล์/ชม.) ตามมาด้วยยุคทศวรรษ 1960 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายแห่ง Iso Grifo เป็นผู้กำหนดทิศทางในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 259 กม./ชม. (161 ไมล์/ชม.)

ผู้มาใหม่ AC Cobra ที่ผลิตร่วมกันระหว่างอังกฤษ-อเมริกา ได้ครองตำแหน่งชั่วคราวในปี 1965 ก่อนที่จะถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะไปในระหว่างปี 1967 ถึง 1969

สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ด้วย Countach ซึ่งเป็นรถโปรดักชั่นคันแรกที่ทะลุขีดจำกัด 290 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.) ในปี 1983 RUF ผู้ปรับแต่ง Porsche ชาวเยอรมันนำเสนอ BTR ที่ทำความเร็ว 305 กม./ชม. (190 ไมล์/ชม.) ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เองอย่าง 959 ทำความเร็ว 318 กม./ชม. (198 ไมล์/ชม.) ในปี 1986

Ferrari สร้างรถโปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ทะลุขีดจำกัด 320 กม./ชม. (200 ไมล์/ชม.) ในปี 1987 ด้วย F40 ที่มีกำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1990 McLaren F1 ก็ยกระดับเดิมพันอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด 356 กม./ชม. (221 ไมล์/ชม.) แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบเครื่องยนต์จะทำความเร็วได้ 386 กม./ชม. (240 ไมล์/ชม.)

Koenigsegg CCR ครองตำแหน่งรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลกเพียงช่วงสั้นๆ เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยทำความเร็วได้ 388 กม./ชม. (241 ไมล์/ชม.) ที่ Nardo Ring ในอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุขีดจำกัด 400 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.) และคว้าตำแหน่งไปครองด้วยความเร็ว 408 กม./ชม. (253.8 ไมล์/ชม.)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เช่น ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกันอย่าง SSC และ Hennessey เข้ามาร่วมวงด้วย และในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการมาถึงของผู้เล่นใหม่อย่าง Yangwang ที่เข้ามาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างน่าสนใจ

ในขณะที่เรามองไปข้างหน้า สิ่งเดียวที่แน่นอนคือขีดจำกัดของความเร็วจะยังคงถูกผลักดันไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นด้วยเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V16 หรือกระแสพลังงานไฟฟ้าที่เงียบเชียบ โลกของไฮเปอร์คาร์ยังคงเป็นเวทีแห่งนวัตกรรม วิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม และการแสวงหาความเร็วสูงสุดอย่างไม่สิ้นสุด รถยนต์อันน่าทึ่งเหล่านี้คันไหนที่จุดประกายความหลงใหลของคุณมากที่สุด? มาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณ หรือเตรียมตัวสำหรับบทต่อไปของความเป็นเลิศทางยานยนต์อนาคตแห่งความเร็วอยู่ที่นี่แล้ว และมันช่างน่าตื่นเต้นเหลือเกิน!

Previous Post

N1111055 #ตอนแรก#มายป ณย ปานวาด #ละครส#หน งส part 2

Next Post

N1111051 เม อส นสอดกลายเป นเพชฌฆาต part 2

Next Post
N1111051 เม อส นสอดกลายเป นเพชฌฆาต part 2

N1111051 เม อส นสอดกลายเป นเพชฌฆาต part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.