ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 อันดับสุดยอดแห่งความเร็วสูงสุด
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าไม่มีสถิติใดที่ดึงดูดใจผู้คนได้เท่ากับ “ความเร็วสูงสุด” อีกแล้ว แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง การขับขี่ด้วยความเร็วระดับ 300 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนสาธารณะจะเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ (ยกเว้นบนสนามแข่งหรือถนนที่ไร้ข้อจำกัดบางแห่ง) แต่ตัวเลขเหล่านี้คือเครื่องพิสูจน์ถึงขีดสุดของวิศวกรรมยานยนต์และนวัตกรรมที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาได้
การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้อย่างน่าทึ่งนั้นเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่ใหญ่หลวง และการทำให้มันถูกกฎหมายสำหรับการใช้งานบนถนนก็เป็นอีกก้าวที่ซับซ้อนยิ่งกว่า ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างสรรค์ “รถไฮเปอร์คาร์” ระดับโลกที่ทำความเร็วสูงสุดได้นั้น ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างชื่อเสียง เกียรติยศ และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์อีกด้วย
ในช่วงยุค 90 เราเคยตื่นตาตื่นใจกับการแข่งขันเพื่อไปให้ถึงความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยรถยนต์ระดับตำนานอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และสุดยอดแห่งยุคนั้นอย่าง McLaren F1 ที่ใช้เครื่องยนต์อันทรงพลังและการออกแบบอากาศพลศาสตร์อันชาญฉลาดทำลายสถิติได้อย่างต่อเนื่อง
มาถึงปี 2025 การต่อสู้ได้ย้ายไปสู่พิกัดความเร็วที่เหนือกว่า 300 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความท้าทายที่ทวีคูณความยากขึ้นอย่างมหาศาล และที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ การรุกคืบของ “รถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง” ที่เริ่มเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งในรายชื่อนี้ได้อย่างน่าประหลาดใจ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หน้าใหม่หลายรายสามารถท้าทายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
รายชื่อ “รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก” นี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและผลการทดสอบที่เกิดขึ้น ผมได้รวบรวมข้อมูลล่าสุดสำหรับปี 2025 มาให้ทุกท่านได้สัมผัสถึงขีดสุดแห่งความเร็ว โดยหลีกเลี่ยงรุ่นซ้ำซ้อนหรือรถที่ได้รับการปรับแต่งอย่างหนัก เพื่อให้เป็นรายการที่บริสุทธิ์ของสุดยอด “ไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูง” บนท้องถนน
20 อันดับสุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025
McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้นที่ 15 ล้านปอนด์ขึ้นไป
สำหรับใครที่เกิดก่อนศตวรรษที่ 21 McLaren F1 ไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำมากมาย มันคือตำนานที่สร้างสถิติโลกสำหรับรถโปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็ว 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งน่าทึ่งมากที่ทำได้ด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจตามธรรมชาติ (NA) และเกียร์ธรรมดา F1 เป็นรถที่สร้างความหลงใหลในหมู่ผู้คลั่งไคล้ยานยนต์ และยังคงเป็นหนึ่งใน “รถสปอร์ตระดับตำนาน” ที่มีคุณค่าสูงตลอดกาล ปัจจุบันมีรุ่นที่สืบทอดจิตวิญญาณอย่าง GMA T.50 ที่ออกแบบโดย Gordon Murray คนเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าเร็วพอ ๆ กันหรืออาจจะเร็วกว่า แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ
W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 1.4 ล้านปอนด์
จากผู้ผลิตรถไฮเปอร์คาร์สัญชาติเลบานอนที่ปัจจุบันมีฐานอยู่ในดูไบ W Motors ได้ต่อยอดความสำเร็จจาก Lykan HyperSport มาสู่ Fenyr SuperSport รถทั้งสองรุ่นนี้ผู้ผลิตเคลมว่าสามารถทำความเร็วได้ถึง 245 ไมล์ต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ได้รับมาจากสำนักแต่ง Porsche ชื่อดังอย่าง Ruf ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แฟลต-ซิกซ์ ทวินเทอร์โบ ติดตั้งอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร นอกจากสมรรถนะอันดุดันแล้ว การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ยังโดดเด่นด้วยวัสดุสั่งทำพิเศษที่รวมถึงเพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้า สร้างสรรค์ให้เป็น “ยนตรกรรมสุดหรู” ที่ไม่เหมือนใคร หาก Lykan HyperSport ดูคุ้นตา นั่นก็เพราะมันเป็นรถที่แพงที่สุดที่เคยปรากฏในซีรีส์ Fast & Furious และเป็นรถที่พุ่งชนระหว่างตึกระฟ้าใน Furious 7
Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 500,000 ปอนด์
Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ 248 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งแซงหน้า McLaren F1 ที่เป็นสัญลักษณ์ถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง นับเป็นการอ้างสิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น เนื่องจาก Saleen ไม่มีทรัพยากรระดับเดียวกับ McLaren (และ BMW ผู้ผลิตเครื่องยนต์ F1) S7 Twin Turbo คือ “รถอเมริกันมัสเซิล” พันธุ์ดุที่ใช้เครื่องยนต์ V8 พร้อมเทอร์โบขนาดใหญ่สองตัว แม้ว่าตัวเลขนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่หลายคนก็สามารถเข้าใกล้ได้
Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 2 ล้านปอนด์
Koenigsegg คือชื่อที่ปรากฏในรายการนี้หลายครั้ง และในอันดับนี้เราขอรวมสองรุ่นคือ Gemera และ CCXR ทั้งสองรุ่นมี “ความเร็วสูงสุด” 248 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นการปรากฏตัวคู่ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์จากสวีเดน Gemera คือ “ไฮเปอร์คาร์ไฮบริด” ที่ทันสมัยสุด ๆ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ซึ่งสองตัวด้านหลังให้กำลังเกือบ 500 แรงม้า และตัวหน้าให้กำลังเกือบ 800 แรงม้า แถมยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ด้วย ส่วน CCXR เป็นรถรุ่นเก่ากว่าที่บังเอิญมีความเร็วสูงสุดเท่ากัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว แต่มีน้ำหนักที่เบากว่ามากและรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม
Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 2.5 ล้านปอนด์
ในขณะที่คุณอาจคาดว่าจะเห็นชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg ในรายชื่อ “รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก” แต่ประเภทรถที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นนี้ยังเป็นสนามแข่งขันสำหรับแบรนด์เกิดใหม่ที่ต้องการสร้าง “ไฮเปอร์คาร์แฮนด์เมด” จำนวนน้อย ๆ Aspark Owl จากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้น เปิดตัวในรูปแบบรถต้นแบบที่งาน Frankfurt Motor Show 2017 Owl คือ “รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่” อีกรุ่นที่มาพร้อมตัวเลขที่น่าตกใจบนกระดาษ เริ่มต้นด้วยการเคลมว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 1.72 วินาที ซึ่งจะทำให้เป็นรถโปรดักชั่นที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก Aspark ยังระบุว่า Owl ที่มีพละกำลัง 1,985 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 249 ไมล์ต่อชั่วโมง อัตราเร่งที่น่าทึ่งของมันได้รับความช่วยเหลือจากชุดแบตเตอรี่ 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่ก็ยังให้ระยะทางประมาณ 280 ไมล์
Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 130,000 ปอนด์
Ultima RS เป็นรถที่โดดเด่นที่สุดในรายการนี้ ไม่เพียงแต่มีราคาถูกที่สุด โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 130,000 ปอนด์ แต่ยังเป็นรถแบบคิทคาร์อีกด้วย การขับขี่ด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่บริษัทเคลมไว้สำหรับรุ่นที่เร็วที่สุด ในรถที่สร้างขึ้นเองที่บ้าน อาจฟังดูไม่จริง แต่ก็เป็นไปได้หากคุณมีเงินและทักษะในการประกอบ “รถยนต์สมรรถนะสูง” คันนี้ รถคันนี้ใช้น้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่ได้รับการปรับแต่งให้ผลิตกำลัง 1,200 แรงม้า แทนที่จะเป็นเทคโนโลยีหรูหรา เพื่อให้ได้ความเร็วนั้น ดังนั้น จึงเป็นพลังงานต่ออัตราส่วนน้ำหนักแบบโรงเรียนเก่าที่ทำให้ Ultima อยู่ในรายการนี้
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 2.1 ล้านปอนด์
จากข้อมูลของแบรนด์ “ซูเปอร์คาร์อังกฤษ” McLaren Speedtail ทำความเร็วได้ 250 ไมล์ต่อชั่วโมง มากกว่า 30 ครั้งในระหว่างการทดสอบที่ Kennedy Space Center ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นี่หมายความว่า Speedtail เร็วกว่า McLaren F1 ในตำนาน แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะหายากพอ ๆ กัน เนื่องจากแบรนด์จำกัดจำนวน Speedtail ไว้เพียง 106 คัน ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอันเลื่องชื่อ ในฐานะส่วนหนึ่งของโมเดล ‘Ultimate Series’ ของ McLaren Speedtail ยังคงใช้การจัดวางที่นั่งแบบสามที่นั่งของ F1 โดยผู้ขับขี่นั่งอยู่ตรงกลางรถ ล้อมรอบด้วยผู้โดยสารสองคน แตกต่างจากรุ่นเก่า Speedtail ที่ใช้คลัตช์คู่ไม่มีคันเกียร์ ทำให้เข้าออกได้ง่ายขึ้นจากทั้งสองด้าน
Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+
ราคา: 1.5 ล้านปอนด์
แม้ชื่ออาจฟังดูคล้ายอาหารจานด่วนผสมกับเครื่องดูดฝุ่น แต่ Czinger 21C คือหนึ่งใน “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” เช่นเดียวกับรถเกือบทั้งหมดในรายการนี้ มันใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังมหาศาลและการออกแบบตัวถังที่เพรียวลม ควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าบางส่วนที่รวมกันให้กำลังทั้งหมด 1,233 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที ต้องขอบคุณระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่น V Max ยังลดชุดอากาศพลศาสตร์ที่สร้างแรงต้าน เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกจากรุ่นปกติที่เกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 2.6 ล้านปอนด์
Koenigsegg มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการทำสถิติความเร็วสูงสุดของ “รถยนต์ถนน” และ Regera ของผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนนี้ยังไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์ด้วยซ้ำ มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 255 ไมล์ต่อชั่วโมง ต้องขอบคุณระบบส่งกำลังไฮบริดที่มีพละกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า และยังใช้เกียร์ความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แทนที่จะเป็นเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการตั้งค่าปลั๊กอินไฮบริด แน่นอนว่ายังมีเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบอยู่บนรถที่ให้กำลังมหาศาล และแม้จะดูเหมือนรถคูเป้ แต่ก็มีหลังคา Targa-top ที่ถอดออกได้ รถคันนี้ยังสร้างสถิติโลก 0–249–0 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับการเร่งความเร็วและการเบรกในปี 2019
SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 500,000 ปอนด์
SSC Ultimate Aero ใช้เครื่องยนต์ V8 เบนซินทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า และในช่วงเจ็ดปีของการผลิต มันสามารถแย่งชิงตำแหน่ง “รถที่เร็วที่สุด” จาก Bugatti Veyron ได้ด้วยการวิ่งทำความเร็วสูงสุด 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตรถยนต์ใช้ถนนสองเลนที่ปิดชั่วคราวใกล้กับโรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา Ultimate Aero ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบเถื่อนอย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบควบคุมการทรงตัว
Rimac Nevera/Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 2.4 ล้านปอนด์
Rimac Nevera คือ “รถยนต์ไฟฟ้าไฮเปอร์คาร์” ที่เร็วที่สุดในโลก และเป็นรถที่เร็วเป็นอันดับห้าของโลก ด้วยความรุนแรงของสงครามพลังงานไฟฟ้า ดูเหมือนว่าอีกไม่นานรถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถครองตำแหน่ง “รถที่เร็วที่สุดในโลก” ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยพละกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera จึงมีความเร็วที่เหลือเชื่อ พุ่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 1.9 วินาที แม้จะมีน้ำหนักมาก และสามารถทำความเร็วได้ถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่าที่รถครอบครัวส่วนใหญ่จะทำ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงเสียอีก สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 500kW Nevera ไม่เพียงแต่เร็วบนท้องถนนเท่านั้น แบตเตอรี่ยังสามารถชาร์จได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียง 19 นาที และเมื่อเต็มจะสามารถวิ่งได้ 340 ไมล์ Rimac ยังไม่พอใจ และเพิ่งเปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และ “ความเร็วสูงสุด” 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดโดยรวม แต่ยังเป็น “รถยนต์ถนนที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุด” เท่าที่เคยมีมา โดยสามารถทำ 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 1.8 วินาที และทำ 186 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.9 วินาทีที่น่าตกใจ
Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 1 ล้านปอนด์
เป็นเวลานานอย่างน่าประหลาดใจนับตั้งแต่ Bugatti Veyron ปรากฏตัวในวงการ “ไฮเปอร์คาร์” แต่ชื่อนี้ยังคงได้รับความเคารพและชื่นชมอย่างมหาศาลจากทั้งผู้ที่หลงใหลในเครื่องยนต์และวิศวกรทุกวัยและทุกภูมิหลัง ในขณะที่ Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงให้กับโลกยานยนต์ด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และแรงบิด 1,500 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 6.0 ลิตร อันทรงพลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความกระหายของนักวิทยาศาสตร์ของ Bugatti ไม่กี่ปีต่อมา Veyron Super Sport ที่บ้าระห่ำอย่างแท้จริงได้เปิดตัวขึ้น ซึ่งเพิ่มกำลังให้สูงขึ้นไปอีกเป็น 1,183 แรงม้า หลายปีผ่านไป แต่ก็ยังมีรถยนต์เพียงไม่กี่คันที่สามารถแซงหน้า “ความเร็วสูงสุด” 268 ไมล์ต่อชั่วโมงของ Veyron Super Sport ได้ เวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ต่ำกว่า 2.5 วินาทีของรถยักษ์คันนี้ยังเป็นความสำเร็จที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังยากที่จะเทียบได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง รถคันนี้ยังคงเป็นหนึ่งใน “สุดยอดรถยนต์ตลอดกาล” อย่างง่ายดาย
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 1.7 ล้านปอนด์
Hennessey บริษัทปรับแต่งสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้ผลิต “ไฮเปอร์คาร์” เคยทำความเร็วได้เกิน 270 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วย Venom ที่ใช้ Lotus Exige เป็นพื้นฐาน แต่ Venom F5 ได้แซงหน้าความเร็วนั้นไปแล้ว ในความเป็นจริง มันได้ทำความเร็วได้เร็วกว่าในการทดสอบ โดยทำความเร็วได้ 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาว่า Venom รุ่นเก่ามีกำลังเพียง 1,244 แรงม้า ในขณะที่รุ่นใหม่มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้าจากเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ เป็นที่ชัดเจนว่า Hennessey ตั้งเป้าที่จะทำความเร็ว 311 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อรถได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง การยึดเกาะที่จำกัดจึงเป็นอุปสรรคต่อเวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 2.6 วินาทีของ F5 แต่ตัวเลขการเร่งความเร็ว 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 15.5 วินาที แสดงให้เห็นว่า “ความเร็วทางตรง” ของ Hennessey นั้นน่าทึ่งเพียงใดเมื่อรถเริ่มออกตัวเต็มที่
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (โดยประมาณ)
ราคา: 3.5 ล้านปอนด์+ (โดยประมาณ)
มีที่สำหรับ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ในรายการนี้ ซึ่งจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 กำลัง 986 แรงม้าและแรงบิด 664 ปอนด์-ฟุต ให้กำลังรวมมากกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในการสร้าง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” พร้อมกับความรู้ด้านวิศวกรรมทั้งหมด เรามั่นใจว่าโมเดลใหม่นี้จะเข้ามาอยู่ในหมู่รถยนต์อื่น ๆ ในรายการนี้เมื่อเปิดตัวในปี 2026 อย่างแน่นอน “นวัตกรรมยานยนต์” จาก Bugatti ครั้งนี้เป็นที่จับตามองอย่างมาก
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 3.5 ล้านปอนด์
Koenigsegg ยกระดับขึ้นไปอีกในปี 2017 ด้วยการเพิ่มสถิติความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจาก CCXR ด้านบน พร้อมทั้งบันทึก “ความเร็วสูงสุด” ที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะ การใช้ถนนทางหลวงที่ปิดเป็นระยะทาง 11 ไมล์ในเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิต “ไฮเปอร์คาร์สวีเดน” ได้ขับ Agera RS ของลูกค้าทำความเร็วได้ถึง 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึง “วิศวกรรมยานยนต์” อันยอดเยี่ยม
Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 5.2 ล้านปอนด์
Bugatti อาจมีประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ยาวนานถึง 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสร้างข่าวพาดหัวอย่างต่อเนื่อง – ล่าสุดคือ Bugatti Mistral แม้แต่สำหรับ Bugatti ก็ถือว่ามีราคาแพงอย่างอุกอาจและหายากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยจำกัดการผลิตเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ ก็คือ Mistral เป็น “รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุด” ที่ผลิตในปัจจุบัน โดยมีนักขับทดสอบชื่อดัง Andy Wallace เป็นผู้ขับ Mistral ทำลายสถิติที่โรงงานทดสอบใน Papenburg ประเทศเยอรมนีในปี 2024 พลังที่ขับเคลื่อนรถไปสู่ความเร็ว 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง คือเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบแปดลิตรชื่อดังของ Bugatti ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 หายใจตามธรรมชาติอันน่าทึ่งของ Tourbillon รุ่นใหม่
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 1.5 ล้านปอนด์
สถิติความเร็วมักจะนำมาซึ่งข้อโต้แย้ง และ SSC ผู้ปรับแต่งรถสัญชาติอเมริกันได้สร้างความร้อนระอุบนอินเทอร์เน็ตเมื่อมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการวิ่ง “ความเร็วสูง” 316 ไมล์ต่อชั่วโมงที่อ้างว่าทำได้ของไฮเปอร์คาร์ Tuatara ภาพวิดีโอของการพยายามบนทางหลวงเนวาดาถูกอ้างว่าพิสูจน์ว่ารถไม่เคยไปเร็วเท่าที่ SSC กล่าวไว้ ในปี 2021 SSC ได้พยายามทำสถิติความเร็วอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระเพื่อแก้ไขปัญหา โดยบันทึกค่าเฉลี่ยสองทางที่ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะไม่สามารถทำความเร็วเกิน 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ แต่ก็ยังน่าประทับใจมาก Tuatara มีพละกำลังมากมาย ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ V8 เพลาข้อเหวี่ยงแบบ Flat-plane 5.9 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จคู่ที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร แตกต่างจากรถส่วนใหญ่ในรายการนี้ พลังงานทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมกับแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ จะทำให้น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 1,247 กิโลกรัม
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 3 ล้านปอนด์
นับตั้งแต่ Bugatti กลายเป็นอัญมณีในกลุ่ม Volkswagen Group แบรนด์นี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังและ “ความเร็วทางตรง” การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติทั้งหมดของแบรนด์ก่อนหน้านี้และทะลุผ่านกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ดูเหมือนจะเจาะไม่เข้า เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ เครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตรของ Bugatti ได้รับการปรับแต่งให้สร้างกำลัง 1,578 แรงม้า – มากกว่า Chiron มาตรฐาน 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้รับการระบายความร้อนเพิ่มเติมสำหรับเครื่องยนต์และเกียร์ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์มากมาย การอัพเกรดอากาศพลศาสตร์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิ่ง “ความเร็วสูง” ของรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ ‘Longtail’ ที่เพิ่มความยาวตัวถัง 25 ซม. เพื่อปรับปรุงการไหลของอากาศ Chiron Super Sport 300+ ที่ ‘ปรับปรุงแล้ว’ ทำความเร็วได้ 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมงที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี และมีการผลิตรถยนต์ 30 คันที่โรงงาน Molsheim ของ Bugatti สำหรับลูกค้าผู้มีอภิสิทธิ์ โดยมีราคาคันละ 3 ล้านปอนด์
Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย)
ราคา: 2.3 ล้านปอนด์ (โดยประมาณ)
Koenigsegg ไม่ได้ด้อยประสบการณ์ในการสร้าง “ไฮเปอร์คาร์” ที่น่าเป็นห่วง Bugatti เลย ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg ตัวเองประกาศว่าแบรนด์กำลังพัฒนา “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่เราจะเคยสร้างมา” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ควรมองข้าม รถคันนั้นคือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแรงต้านอากาศต่ำของ Koenigsegg Jesko ที่มีกำลัง 1,578 แรงม้า รถมาตรฐานก็ไม่ได้ช้าเลย แต่วิศวกรของแบรนด์สวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อปรับปรุงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศและกำลังเครื่องยนต์ของรถให้ดียิ่งขึ้น มาตรการเหล่านี้รวมถึงตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น – รวมถึงสิ่งที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 5.0 ลิตร อันดุดันยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เป้าหมายของแบรนด์คือ “ความเร็วสูงสุด” 310 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่าตอนแรกอาจฟังดูห่างไกลจากความเป็นจริง แต่ Koenigsegg เคยเป็นเจ้าของตำแหน่ง ‘รถที่เร็วที่สุดในโลก’ มาก่อน ดังนั้นความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าอย่าง Bugatti จะสูงมาก
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: 250,000 ปอนด์+
เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์พัฒนาไปไกลมากในเวลาอันสั้น จนดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่รถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่กำหนดโดยรถยนต์ที่แพงที่สุดในธุรกิจได้ นั่นคือสิ่งที่ Yangwang U9 Xtreme ทำได้ โดยทำสถิติ “ความเร็วสูงสุด” ที่ 308 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อครองตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน นั่นเป็นผลมาจากการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์เหนือรุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังเป็นพิเศษสี่ตัวและกำลังรวมสูงสุดถึง 2,978 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” รุ่นอื่น ๆ และแม้แต่ U9 รุ่นปกติ ซึ่งมีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่าเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้พลังงานที่ความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็ว (โดยไม่ร้อนเกินไป) และจัดหาโดย BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang นี่คือการปฏิวัติวงการ “ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ที่แท้จริง
รายชื่อรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก (ตารางสรุป)
| อันดับ | รถยนต์ | ราคาเริ่มต้น | ความเร็วสูงสุด |
| —— | ———————— | —————— | ——————- |
| 1. | Yangwang U9 Xtreme | £250,000+ | 308 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 2. | Koenigsegg Jesko Absolut | £2.3 ล้าน (โดยประมาณ) | 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย) |
| 3. | Bugatti Chiron SS 300+ | £3 ล้าน | 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง|
| 4. | SSC Tuatara | £1.5 ล้าน | 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง|
| 5. | Bugatti Mistral | £5.2 ล้าน | 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง|
| 6. | Koenigsegg Agera RS | £3.5 ล้าน | 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง|
| 7. | Bugatti Tourbillon | £3.5 ล้าน+ (โดยประมาณ) | 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (โดยประมาณ)|
| 8. | Hennessey Venom F5 | £1.7 ล้าน | 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง|
| 9. | Bugatti Veyron | £1 ล้าน | 268 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 10. | Rimac Nevera/Nevera R | £2.4 ล้าน | 258 ไมล์ต่อชั่วโมง / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 11. | SSC Ultimate Aero | £500,000 | 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง|
| 12. | Koenigsegg Regera | £2.6 ล้าน | 255 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 13. | Czinger 21C V Max | £1.5 ล้าน | 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ |
| 14. | McLaren Speedtail | £2.1 ล้าน | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 15. | Ultima RS | £130,000 | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 16. | Aspark Owl | £2.5 ล้าน | 249 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 17. | Koenigsegg Gemera & CCXR | £2 ล้าน | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 18. | Saleen S7 Twin Turbo | £500,000 | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 19. | W Motors Fenyr Supersport| £1.4 ล้าน | 245 ไมล์ต่อชั่วโมง |
| 20. | McLaren F1 | £15 ล้าน+ | 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง|
รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก: ตัวเลือก 200 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เข้าถึงได้มากขึ้น
แม้ว่ารถยนต์ในรายชื่อข้างต้นจะมีราคาที่สูงลิ่ว ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้เงินเจ็ดหลักในการครอบครอง และยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอีกมหาศาล แต่ในปี 2025 การเข้าถึง “รถยนต์โปรดักชั่น” ที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมา คุณยังคงต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อซื้อ แต่ด้วยจำนวนผู้ผลิตที่เสนอรถยนต์ที่ทำความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีตัวเลือกมากมายหากคุณเป็นผู้โชคดีที่มีกำลังซื้อ
มี “รถสปอร์ตสมรรถนะสูง” สัญชาติอังกฤษหลายรุ่นที่สามารถเข้าร่วมคลับนี้ได้ เช่น Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren อีกหลายรุ่น
นอกจากนี้ยังมี “รถเปิดประทุน” บางรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่ารถเหล่านี้จะทำความเร็วได้สูงสุดเมื่อปิดหลังคา เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนของรถคูเป้ที่เร็วกว่า
หากคุณต้องการ “รถยนต์หรูหราความเร็วสูง” ตัวเลือกอีกอย่างคือ Grand Tourer รถยนต์เหล่านี้ทำความเร็วได้สูงโดยไม่ลดทอนความหรูหรา และเป็นแบรนด์อังกฤษอีกครั้งที่เป็นผู้นำ Bentley เสนอ Flying Spur สี่ประตูที่น่าทึ่ง (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed สามารถทำความเร็วได้ 208 ไมล์ต่อชั่วโมง
โดยธรรมชาติแล้ว “คลับ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง” ส่วนใหญ่ประกอบด้วย “ซูเปอร์คาร์” สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์นี้ในขณะที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก “ปลั๊กอินไฮบริด” อย่าง Ferrari SF90 ที่ทำความเร็วได้ถึง 211 ไมล์ต่อชั่วโมง
คุณอาจอ่านรายการนี้แล้วคิดว่ามีชื่อใหญ่ๆ บางชื่อหายไป มี “ไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์” จำนวนมากที่ไม่ให้ความสำคัญกับ “ความเร็วสูงสุด” เท่ากับการตั้งเป้าที่จะทำความเร็วเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง เช่น Mercedes-AMG One (217 ไมล์ต่อชั่วโมง+) และ Aston Martin Valkyrie ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อทำเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด มากกว่าความเร็วสูงสุดอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ยังคงน่าเกรงขาม
ประวัติศาสตร์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก
“รถยนต์คันแรกของโลก” ที่ได้รับการยอมรับอย่าง Benz Patent Motorwagen ที่สร้างขึ้นในปี 1898 เริ่มต้นรายการของเราด้วย “ความเร็วสูงสุด” 12 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่ถึงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับเดิมพันนี้ขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120
ยุค 50 เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ตามมาด้วยยุค 60 และการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายราย Iso Grifo กำหนดมาตรฐานในปี 1963 ด้วย “ความเร็วสูงสุด” 161 ไมล์ต่อชั่วโมง
AC Cobra ที่สร้างโดยอังกฤษ-อเมริกา ซึ่งเป็นผู้มาใหม่ ได้ครองตำแหน่งแชมป์ชั่วคราวในปี 1965 ก่อนที่จะถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะไปในระหว่างปี 1967 ถึง 1969
สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ด้วย Countach ซึ่งเป็น “รถโปรดักชั่น” คันแรกที่ทำความเร็วเกิน 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ในปี 1983 RUF ผู้ปรับแต่ง Porsche สัญชาติเยอรมัน ได้นำเสนอ BTR ที่ทำความเร็วได้ 190 ไมล์ต่อชั่วโมง ในขณะที่ “ซูเปอร์คาร์” ของ Porsche เองอย่าง 959 ทำความเร็วได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986
Ferrari สร้าง “รถโปรดักชั่นคันแรกของโลก” ที่ทำความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1987 ด้วย F40 ที่มีกำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ยุค 90 McLaren F1 ก็ยกระดับเดิมพันอีกครั้งด้วย “ความเร็วสูงสุด” 221 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบเครื่องยนต์จะเคยทำความเร็วได้ 240 ไมล์ต่อชั่วโมง
Koenigsegg CCR มีช่วงเวลาสั้นๆ ในฐานะ “รถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก” เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยทำความเร็วได้ 241 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Nardo Ring ในอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุผ่านกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงและคว้าแชมป์ด้วย “ความเร็ว” 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีคู่แข่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักอย่างผู้ผลิต “ซูเปอร์คาร์อเมริกัน” อย่าง SSC และ Hennessey เข้ามาร่วมวงด้วย และที่น่าตื่นเต้นที่สุดในปี 2025 นี้คือการที่ “รถยนต์ไฟฟ้า” อย่าง Yangwang U9 Xtreme ขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ของ “ยนตรกรรมความเร็วสูง”
อนาคตแห่งความเร็วอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
โลกของ “ไฮเปอร์คาร์” ยังคงหมุนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับการขัดเกลาไปจนถึง “เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ละก้าวคือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการท้าทายขีดจำกัดแห่งความเร็วสูงสุด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่า “วิศวกรรมยานยนต์” จะพาเราไปสู่จุดใดต่อไปในทศวรรษหน้า
คุณคิดว่ารถยนต์รุ่นใดจะเป็นผู้ครองตำแหน่งต่อไป? “รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า” จะก้าวข้ามทุกขีดจำกัดได้อย่างไร? แบ่งปันความคิดเห็นและ “รถในฝัน” ของคุณกับเราได้เลย! อย่าพลาดทุกข่าวสารและบทวิเคราะห์เชิงลึกในโลกยานยนต์สมรรถนะสูง ติดตามเราเพื่ออัปเดตเทรนด์และนวัตกรรมล่าสุด!
รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 สุดยอดแห่งความเร็วสูงสุด ที่คุณต้องรู้
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดที่จุดประกายความหลงใหลและแรงบันดาลใจได้มากเท่ากับ “ความเร็วสูงสุด” แม้ในชีวิตจริง การใช้ความเร็วที่เกินขีดจำกัดบนท้องถนนสาธารณะจะแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ตัวเลขความเร็วสูงสุดนี้ยังคงเป็นดัชนีชี้วัดอันทรงพลังถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่มนุษย์ชาติสามารถทำได้ สำหรับปี 2025 ที่เทคโนโลยีกำลังก้าวล้ำไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของยานยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นดุเดือดและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เคย
การสร้างรถยนต์ที่สามารถทะยานไปได้ด้วยความเร็วสุดขีด พร้อมทั้งยังคงความเป็น “รถยนต์ที่ถูกกฎหมายบนท้องถนน” นั้น ไม่ใช่แค่การประกอบเครื่องยนต์ที่ทรงพลังเข้ากับโครงรถ แต่เป็นการหลอมรวมศาสตร์และศิลป์แห่งอากาศพลศาสตร์ วัสดุศาสตร์ ระบบส่งกำลังที่ล้ำสมัย และระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นี่คือจุดสูงสุดของนวัตกรรมยานยนต์ ที่บ่งบอกถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของผู้ผลิตแต่ละราย ในโลกที่ทุกวันนี้รถยนต์ครอบครัวธรรมดาก็สามารถทำความเร็ว 110 กม./ชม. ได้อย่างง่ายดาย การก้าวข้ามขีดจำกัด 400 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือแม้แต่ 500 กม./ชม. (300 ไมล์ต่อชั่วโมง) นั้นคือความสำเร็จอันน่าทึ่ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากยุคทองของซูเปอร์คาร์ที่เน้นเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน ๆ สู่ยุคไฮเปอร์คาร์ไฮบริด และในที่สุดก็มาถึงยุคของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งกำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการท้าทายสถิติความเร็วสูงสุด ทำให้แบรนด์หน้าใหม่ก็สามารถขึ้นมาทาบรัศมีแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้ วันนี้ผมจะพาทุกท่านดำดิ่งสู่ทำเนียบ 20 อันดับรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 ที่ได้รับการปรับปรุงตามสถานการณ์ตลาดล่าสุด เราจะมาดูกันว่าสุดยอดวิศวกรรมเหล่านี้ได้ผลักดันขีดจำกัดของความเร็วไปได้อย่างไร
McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 386.4 กม./ชม. (240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 15 ล้านปอนด์ขึ้นไป
แม้จะถือกำเนิดขึ้นในยุค 90 แต่ McLaren F1 ยังคงเป็นตำนานที่ไม่เคยจางหายไป ด้วยสถิติโลกในปี 1998 ที่ 386.4 กม./ชม. นับเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งจากเครื่องยนต์ V12 หายใจเองตามธรรมชาติและระบบเกียร์ธรรมดา สิ่งที่ทำให้ F1 โดดเด่นคือปรัชญาการออกแบบของ Gordon Murray ที่เน้นความบริสุทธิ์ในการขับขี่ มอบประสบการณ์ที่เชื่อมโยงผู้ขับขี่กับเครื่องจักรอย่างแท้จริง ยากที่จะหารถคันใดมาเทียบเคียงเสน่ห์ดึงดูดใจของมันได้ในแง่ของความรู้สึกแบบดิบๆ และความคลาสสิกที่ยังคงคุณค่าอย่างเหลือเชื่อในยุค 2025
W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 394 กม./ชม. (245 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 1.4 ล้านปอนด์
จากผู้ผลิตในดูไบ W Motors Fenyr Supersport คือผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานความหรูหราสุดขีดเข้ากับสมรรถนะอันดุดัน ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวราวกับงานศิลปะ พร้อมองค์ประกอบที่ประณีตบรรจง อาทิ ไฟหน้าประดับเพชรและแซฟไฟร์ เครื่องยนต์เบนซินแบบ Flat-Six เทอร์โบคู่จาก Ruf ช่วยให้มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 394 กม./ชม. ชื่อเสียงของ W Motors อาจคุ้นตาจากภาพยนตร์ Fast & Furious ทำให้ Fenyr Supersport ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่เร็ว แต่เป็นสัญลักษณ์ของความโดดเด่นและรสนิยมที่ไม่เหมือนใคร
Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์
Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ในฐานะผู้ท้าชิงบัลลังก์ความเร็วจากฝั่งอเมริกา ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้าจากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาดใหญ่ มันอ้างว่าจะทำความเร็วได้ถึง 399 กม./ชม. ซึ่งสูงกว่า McLaren F1 ถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ความกล้าหาญและความดิบของ Saleen S7 ก็ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในตำนานของไฮเปอร์คาร์อเมริกัน ที่ยังคงได้รับการกล่าวขวัญถึงในเรื่องของความเร็วและการออกแบบที่ดุดัน
Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 2 ล้านปอนด์
Koenigsegg แบรนด์สัญชาติสวีเดนผู้บ้าคลั่งความเร็ว ปรากฏตัวในลิสต์นี้หลายครั้ง และในอันดับที่ 17 นี้ เราขอยกให้สองรุ่นที่ทำความเร็วเท่ากันที่ 399 กม./ชม. คือ Gemera และ CCXR
Gemera: “Mega-GT” 4 ที่นั่งรุ่นแรกของโลก เป็นไฮบริดที่ล้ำสมัย ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว (สองตัวที่ล้อหลัง 500 แรงม้า และหนึ่งตัวที่ล้อหน้า 800 แรงม้า) ผสานกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน 3 สูบอันน่าทึ่ง มอบพละกำลังรวมที่มหาศาล พร้อมความสามารถในการทำความเร็วที่เหนือชั้น และยังคงใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างไม่น่าเชื่อ
CCXR: รถรุ่นเก่ากว่าที่ยังคงความเร็วระดับเดียวกัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าและรูปทรงอากาศพลศาสตร์ที่เฉียบคม ก็ยังคงเป็นเครื่องจักรที่น่าเกรงขาม
Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 400.7 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 2.5 ล้านปอนด์
Aspark Owl ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น คือหนึ่งในผู้ท้าชิงหน้าใหม่ที่ก้าวเข้ามาสร้างความฮือฮา ด้วยตัวเลขบนกระดาษที่น่าเหลือเชื่อ มันอ้างว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ในเพียง 1.72 วินาที ซึ่งจะทำให้มันเป็นรถโปรดักชั่นที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดในโลก มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวให้พละกำลังรวม 1,985 แรงม้า และความเร็วสูงสุดที่ 400.7 กม./ชม. แบตเตอรี่ขนาด 64kWh ที่ค่อนข้างกะทัดรัด ช่วยให้รถมีน้ำหนักเบาและมีระยะทางวิ่งประมาณ 450 กิโลเมตร สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันก้าวกระโดดของเทคโนโลยี EV ในปี 2025
Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 130,000 ปอนด์
Ultima RS คือ “ม้านอกคอก” ในลิสต์นี้ ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายที่สุด และยังเป็น “รถประกอบ” (kit car) ความจริงที่ว่ารถที่สร้างในโรงรถที่บ้านสามารถทำความเร็วได้ถึง 402 กม./ชม. นั้นดูเหนือจริง แต่ก็เป็นไปได้สำหรับผู้ที่มีทักษะและเงินทุน ด้วยน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่ปรับแต่งให้มีกำลังถึง 1,200 แรงม้า Ultima RS แสดงให้เห็นว่าพลังงานแบบ Old-School ผสมผสานกับอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ยังคงเป็นสูตรสำเร็จในการสร้างความเร็ว
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 2.1 ล้านปอนด์
McLaren Speedtail คือบทสรุปแห่งความสง่างามและความเร็วสูงสุดจากแบรนด์อังกฤษคันนี้ มันถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “Hyper-GT” ที่ผสานความเร็วระดับสุดยอดเข้ากับความหรูหรา และยังคงเค้าโครง 3 ที่นั่งแบบเดียวกับตำนาน F1 โดยผู้ขับนั่งตรงกลาง McLaren ยืนยันว่า Speedtail ได้ทำความเร็ว 402 กม./ชม. ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 106 คัน Speedtail ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็ว แต่ยังเป็นงานศิลปะที่หายากและเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง
Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 407 กม./ชม. ขึ้นไป (253 ไมล์ต่อชั่วโมง+)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์
Czinger 21C V Max ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกันที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในชิ้นส่วนโครงสร้าง มอบพละกำลังรวม 1,233 แรงม้า จากเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและการเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มันเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที รุ่น V Max ได้รับการออกแบบโดยลดชิ้นส่วนอากาศพลศาสตร์ที่สร้างแรงต้านลง เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้สูงกว่า 407 กม./ชม. นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของวิศวกรรมที่ล้ำสมัย ซึ่งพร้อมที่จะผลักดันขีดจำกัดของความเร็วอย่างแท้จริง
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 410 กม./ชม. (255 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 2.6 ล้านปอนด์
Koenigsegg Regera คืออีกหนึ่งไฮเปอร์คาร์ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ให้พละกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า และระบบเกียร์นวัตกรรมใหม่แบบ Single-speed Koenigsegg Direct Drive (KDD) ทำให้มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 410 กม./ชม. Regera ยังเป็นที่รู้จักจากการสร้างสถิติโลก 0-400-0 กม./ชม. ในปี 2019 แสดงให้เห็นถึงความสามารถทั้งในการเร่งความเร็วและเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังไฮบริดและวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม
SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 412.3 กม./ชม. (256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์
SSC Ultimate Aero เคยสร้างความสั่นสะเทือนในวงการยานยนต์ด้วยการแย่งชิงตำแหน่งรถที่เร็วที่สุดในโลกจาก Bugatti Veyron ในขณะนั้น ด้วยความเร็วสูงสุด 412.3 กม./ชม. มันขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 1,183 แรงม้า และเป็นที่น่าสังเกตว่าสถิตินี้ทำได้บนถนนสาธารณะที่ถูกปิดชั่วคราว Ultimate Aero มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบเถื่อน ไร้ซึ่งระบบช่วยขับขี่อย่างระบบควบคุมการยึดเกาะถนนใดๆ ทำให้มันเป็นเครื่องจักรที่ต้องอาศัยทักษะและใจที่กล้าหาญในการควบคุม
Rimac Nevera / Nevera R
ความเร็วสูงสุด: Nevera: 415 กม./ชม. (258 ไมล์ต่อชั่วโมง) / Nevera R: 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 2.4 ล้านปอนด์
Rimac Nevera ไม่เพียงแต่เป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังอันมหาศาลของเทคโนโลยี EV ในปี 2025 ด้วยพละกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร ทำให้มันเร่งความเร็ว 0-96 กม./ชม. ได้ใน 1.9 วินาที และพุ่งทะยานสู่ 300 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.3 วินาที แบตเตอรี่ที่ชาร์จเร็วเป็นพิเศษ (0-80% ใน 19 นาที) และระยะทาง 547 กม. ทำให้ Nevera เป็นแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบของสมรรถนะและความยั่งยืน
ล่าสุด Rimac ยังได้เปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุดที่ 431 กม./ชม. พร้อมสถิติ 0-100 กม./ชม. ใน 1.8 วินาที และ 0-300 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที ทำให้มันเป็นรถถนนที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 1 ล้านปอนด์
Bugatti Veyron ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการไฮเปอร์คาร์เมื่อหลายปีก่อน และยังคงเป็นชื่อที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ด้วยเครื่องยนต์ W16 เทอร์โบสี่ตัวขนาด 8.0 ลิตร ที่ให้กำลังเกือบ 1,000 แรงม้าในรุ่นปกติ และเพิ่มเป็น 1,183 แรงม้าในรุ่น Super Sport ที่ทำความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม. Veyron Super Sport คือมาตรฐานที่รถยนต์สมรรถนะสูงหลายคันยังคงพยายามจะตามให้ทัน ความสามารถในการเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ต่ำกว่า 2.5 วินาที ทำให้มันยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดรถยนต์ตลอดกาลอย่างแท้จริง
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 1.7 ล้านปอนด์
Hennessey แบรนด์จากอเมริกาที่เริ่มต้นจากการเป็นสำนักแต่งรถ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์เต็มตัว และ Venom F5 คือบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นนั้น ด้วยพละกำลังมหาศาล 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ทำให้มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 437 กม./ชม. ในการทดสอบ Hennessey มีเป้าหมายสูงสุดที่ 500 กม./ชม. (311 ไมล์ต่อชั่วโมง) Venom F5 แสดงให้เห็นถึงความเร็วทางตรงที่เหลือเชื่อเมื่อมันเริ่มออกตัว และเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของพลังดิบจากอเมริกาที่พร้อมจะท้าทายทุกสถิติ
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 446 กม./ชม. (277 ไมล์ต่อชั่วโมง) (ประมาณการ)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์ขึ้นไป (ประมาณการ)
Bugatti Tourbillon คือทายาทล่าสุดที่จะมาสืบทอดตำนานของ Bugatti ในปี 2026 ด้วยระบบไฮบริดที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V16 หายใจเองตามธรรมชาติ 986 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ทำให้มีพละกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ผสมผสานกับความรู้ทางวิศวกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ผมมั่นใจว่า Tourbillon จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำแห่งความเร็วสูงสุดอย่างแน่นอน และจะเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับไฮเปอร์คาร์ในยุค 2025 เป็นต้นไป
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 447.2 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์
ในปี 2017 Koenigsegg Agera RS ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำลายสถิติความเร็วบนถนนสาธารณะที่ถูกปิดชั่วคราวในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ด้วยความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางที่ 447.2 กม./ชม. มันคือการแสดงพลังอันเหนือชั้นของวิศวกรรมสวีเดน Agera RS ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็ว แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแม่นยำและความสามารถในการควบคุมพละกำลังระดับสุดยอดบนพื้นผิวถนนจริง ทำให้มันยังคงเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ที่ได้รับการยกย่องสูงสุดมาจนถึงปี 2025
Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 453.9 กม./ชม. (282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 5.2 ล้านปอนด์
Bugatti Mistral คือบทสรุปแห่งเครื่องยนต์ W16 อันโด่งดังของ Bugatti ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยขุมพลังไฮบริด V16 ใน Tourbillon Mistral คือรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการทำสถิติ 453.9 กม./ชม. ในปี 2024 ที่สนามทดสอบ Papenburg ประเทศเยอรมนี รถรุ่นนี้ผลิตจำกัดเพียง 99 คันเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดของ Bugatti ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ผสมผสานความหรูหรา ความพิเศษเฉพาะตัว และสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้ไว้ในหนึ่งเดียว
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 455.3 กม./ชม. (282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์
SSC Tuatara เป็นไฮเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำลายสถิติความเร็วสูงสุด หลังจากความพยายามครั้งแรกที่ถูกตั้งคำถาม SSC ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2021 ด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อสร้างสถิติที่ 455.3 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วเฉลี่ยสองทิศทาง เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 5.9 ลิตร ให้กำลัง 1,750 แรงม้า ส่งกำลังทั้งหมดไปยังล้อหลังเท่านั้น ผสมผสานกับแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่เบาเป็นพิเศษ ทำให้ Tuatara เป็นเครื่องจักรที่น่าเกรงขามและเป็นสัญลักษณ์ของความเร็วอเมริกัน
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 3 ล้านปอนด์
Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถยนต์คันแรกที่สามารถทะลวงกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (482 กม./ชม.) ได้อย่างเป็นทางการ ด้วยสถิติ 490.48 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี ขุมพลัง W16 ขนาด 8.0 ลิตร ถูกปรับจูนให้มีกำลังถึง 1,578 แรงม้า พร้อมการปรับปรุงระบบระบายความร้อนและซอฟต์แวร์ที่สำคัญ นอกจากนี้ การออกแบบอากาศพลศาสตร์แบบ “Longtail” ที่ยื่นยาวออกไป 25 ซม. ยังช่วยเพิ่มความเสถียรและความลู่ลมได้อย่างมาก รถรุ่นนี้ผลิตจำกัดเพียง 30 คันสำหรับลูกค้าคนพิเศษ แสดงถึงจุดสูงสุดของวิศวกรรมยานยนต์ในยุคที่ผ่านมา
Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 500 กม./ชม. (310 ไมล์ต่อชั่วโมง) (เป้าหมาย)
ราคาโดยประมาณ: 2.3 ล้านปอนด์ (โดยประมาณ)
เมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศว่ากำลังสร้าง “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยทำได้” นั่นคือคำมั่นสัญญาที่ไม่อาจมองข้ามได้ Jesko Absolut คือรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศสูงสุดของ Jesko ด้วยการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การยืดตัวถังออกไป การถอดปีกหลังออก และการลดน้ำหนักอย่างเข้มข้น รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 5.0 ลิตร ถูกปรับแต่งให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 1,600 แรงม้า แม้ยังไม่มีการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่เป้าหมาย 500 กม./ชม. นั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันสำหรับแบรนด์ที่เคยครองตำแหน่งรถที่เร็วที่สุดในโลกมาก่อน
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 495 กม./ชม. (308 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคาโดยประมาณ: 250,000 ปอนด์ขึ้นไป
และในที่สุด ผู้ครองตำแหน่งอันดับ 1 ในปี 2025 คือ Yangwang U9 Xtreme ที่สร้างความประหลาดใจให้กับวงการยานยนต์ ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ทำให้รถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์คันนี้สามารถทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกได้ ด้วยความเร็ว 495 กม./ชม. มันมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ทรงพลัง และพละกำลังรวมมหาศาลถึง 2,978 แรงม้า
U9 Xtreme ใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ รวมถึงรุ่น U9 ปกติที่ใช้ระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้งานพลังงานได้เร็วขึ้นที่ความเร็วสูง โดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป ซึ่งผลิตโดย BYD บริษัทแม่ของ Yangwang นี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าอนาคตของความเร็วสูงสุดนั้นเป็นของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์
สรุปทำเนียบรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 (เรียงตามลำดับความเร็ว)
| อันดับ | รถยนต์ | ราคาเริ่มต้น (โดยประมาณ) | ความเร็วสูงสุด (กม./ชม. / ไมล์ต่อชั่วโมง) |
|---|---|---|---|
| 1 | Yangwang U9 Xtreme | 250,000+ ปอนด์ | 495 กม./ชม. (308 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 2 | Koenigsegg Jesko Absolut | 2.3 ล้านปอนด์ | 500 กม./ชม. (310 ไมล์ต่อชั่วโมง) (เป้าหมาย) |
| 3 | Bugatti Chiron Super Sport 300+ | 3 ล้านปอนด์ | 490.48 กม./ชม. (304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 4 | SSC Tuatara | 1.5 ล้านปอนด์ | 455.3 กม./ชม. (282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 5 | Bugatti Mistral | 5.2 ล้านปอนด์ | 453.9 กม./ชม. (282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 6 | Koenigsegg Agera RS | 3.5 ล้านปอนด์ | 447.2 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 7 | Bugatti Tourbillon | 3.5 ล้านปอนด์+ | 446 กม./ชม. (277 ไมล์ต่อชั่วโมง) (ประมาณการ) |
| 8 | Hennessey Venom F5 | 1.7 ล้านปอนด์ | 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 9 | Bugatti Veyron Super Sport | 1 ล้านปอนด์ | 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 10 | Rimac Nevera R | 2.4 ล้านปอนด์ | 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 11 | SSC Ultimate Aero | 500,000 ปอนด์ | 412.3 กม./ชม. (256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 12 | Koenigsegg Regera | 2.6 ล้านปอนด์ | 410 กม./ชม. (255 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 13 | Czinger 21C V Max | 1.5 ล้านปอนด์ | 407 กม./ชม. (253 ไมล์ต่อชั่วโมง) + |
| 14 | McLaren Speedtail | 2.1 ล้านปอนด์ | 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 15 | Ultima RS | 130,000 ปอนด์ | 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 16 | Aspark Owl | 2.5 ล้านปอนด์ | 400.7 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 17 | Koenigsegg Gemera & CCXR | 2 ล้านปอนด์ | 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 18 | Saleen S7 Twin Turbo | 500,000 ปอนด์ | 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 19 | W Motors Fenyr Supersport | 1.4 ล้านปอนด์ | 394 กม./ชม. (245 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
| 20 | McLaren F1 | 15 ล้านปอนด์+ | 386.4 กม./ชม. (240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
โลกของรถยนต์ความเร็วเกิน 320 กม./ชม. (200 ไมล์ต่อชั่วโมง): เข้าถึงง่ายกว่าที่คิด
แม้รถยนต์ใน 20 อันดับแรกนี้จะมีราคาสูงถึงเจ็ดหลัก แต่การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วเกิน 320 กม./ชม. นั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมาอย่างมาก ในปี 2025 นี้ มีผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากขึ้นที่นำเสนอตัวเลือกสำหรับผู้ที่ปรารถนารถยนต์สมรรถนะสูงที่สามารถพุ่งทะยานเกินขีดจำกัด 200 ไมล์ต่อชั่วโมง
แบรนด์อังกฤษ: อาทิ Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น ต่างก็เป็นสมาชิกของสโมสร 200 ไมล์ต่อชั่วโมง
รถเปิดประทุน: แม้จะทำความเร็วสูงสุดได้เมื่อปิดหลังคา แต่รถอย่าง Lamborghini Huracan Evo Spyder (323 กม./ชม.) และ Ferrari 296 GTS (330 กม./ชม.+) ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วพร้อมสายลมที่พัดผ่าน
รถยนต์ Grand Tourer สุดหรู: สำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วพร้อมความสะดวกสบายระดับสุดยอด แบรนด์อังกฤษยังคงเป็นผู้นำ Bentley Flying Spur (333 กม./ชม.) และ Bentley Continental GT Speed (335 กม./ชม.) คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจน
ซูเปอร์คาร์ 2 ที่นั่ง: Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สามารถทะลุ 320 กม./ชม. ได้ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ
แน่นอนว่ายังมีไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์อีกหลายรุ่นที่ไม่ได้เน้นความเร็วสูงสุดเป็นหลัก แต่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะในสนามแข่งเป็นอันดับแรก เช่น Mercedes-AMG One (350 กม./ชม.+) และ Aston Martin Valkyrie รวมถึง Porsche 911 GT2 RS ที่ยังคงความดุดันไม่แพ้ใคร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโลกของยานยนต์สมรรถนะสูงนั้นมีหลากหลายมิติอย่างแท้จริง
ประวัติศาสตร์แห่งความเร็ว: การเดินทางอันน่าทึ่ง
การเดินทางของรถยนต์จาก Benz Patent Motorwagen ที่ทำความเร็วได้ 19 กม./ชม. ในปี 1898 สู่ไฮเปอร์คาร์ความเร็วเกือบ 500 กม./ชม. ในปัจจุบัน คือบทสรุปแห่งนวัตกรรมและการแข่งขันที่ไม่สิ้นสุด
ยุคเริ่มต้น: ในปี 1949 Jaguar XK120 ได้ยกระดับสถิติเป็น 193 กม./ชม. และในยุค 50s Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ก็ต่างผลักดันความเร็วให้เกิน 240 กม./ชม.
ยุค 60s และอิตาลี: Iso Grifo, AC Cobra, Lamborghini Miura และ Ferrari 365 GTB/4 ได้แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อช่วงชิงตำแหน่งรถที่เร็วที่สุด
ก้าวข้าม 300 กม./ชม.: Lamborghini Countach ในปี 1983 เป็นรถโปรดักชั่นคันแรกที่ทะลุ 300 กม./ชม. ตามมาด้วย RUF BTR และ Porsche 959
Ferrari F40 สู่ตำนาน: Ferrari F40 ในปี 1987 คือรถโปรดักชั่นคันแรกที่ทำความเร็วได้เกิน 320 กม./ชม. (200 ไมล์ต่อชั่วโมง)
McLaren F1 ยุค 90s: McLaren F1 ยกระดับสถิติขึ้นไปอีกที่ 386 กม./ชม. และครองตำแหน่งอยู่นานหลายปี
การแข่งขันยุคใหม่: Koenigsegg CCR และ Bugatti Veyron ผลัดกันครองบัลลังก์ความเร็วในต้นยุค 2000s ก่อนที่แบรนด์อเมริกันอย่าง SSC และ Hennessey จะเข้ามาเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญในหลายปีที่ผ่านมา
อนาคตที่เร็วกว่าเดิม:
ปี 2025 คือปีที่แสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมของเทคโนโลยีและปรัชญาการออกแบบที่หลากหลาย รถยนต์ไฟฟ้าได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มภาคภูมิ และอาจจะแซงหน้ารถยนต์สันดาปภายในในเรื่องของความเร็วสูงสุดด้วยซ้ำ
ความเร็วสูงสุดอาจไม่ใช่สิ่งที่เราใช้ได้ในชีวิตประจำวัน แต่มันคือแรงผลักดันที่ทำให้วิศวกร นักออกแบบ และผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะส่งผลดีต่อเทคโนโลยียานยนต์โดยรวม
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหลในสุดยอดแห่งความเร็วและนวัตกรรมยานยนต์เช่นเดียวกับผม ผมขอเชิญชวนให้คุณดำดิ่งลงไปในโลกอันน่าตื่นเต้นนี้ และติดตามการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกต่อไป และหากคุณมีความคิดเห็นหรือต้องการพูดคุยเกี่ยวกับสุดยอดเครื่องจักรเหล่านี้ อย่าลังเลที่จะแบ่งปันมุมมองของคุณ!

