• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111565 เห นผ หญ งเป นแค กตาหน ารถ part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111565 เห นผ หญ งเป นแค กตาหน ารถ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งปี 2025: ทลายทุกขีดจำกัดด้วยนวัตกรรมแห่งความเร็ว

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของความเร็วและเทคโนโลยี จากยุคที่เครื่องยนต์สันดาปภายในครองบัลลังก์ มาจนถึงการปฏิวัติของขุมพลังไฟฟ้าที่พลิกโฉมทุกสมการที่เราเคยรู้จัก ในปี 2025 นี้ โลกแห่งไฮเปอร์คาร์ (Hypercar) ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เร็วกว่า แรงกว่า และล้ำหน้ากว่าที่เคยเป็นมา การครอบครองสุดยอดยานยนต์เหล่านี้เปรียบเสมือนการเป็นเจ้าของงานศิลปะทางวิศวกรรมที่ไร้ที่ติ และถึงแม้ว่าเราจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสความเร็วสูงสุดระดับทำลายสถิติบนท้องถนนทั่วไป แต่เสน่ห์ของการได้รู้ว่ารถในโรงรถของเราสามารถทะยานไปได้ไกลเพียงใดนั้น คือความหรูหราที่ไม่อาจประเมินค่าได้

โลกยังคงหลงใหลในตัวเลขบนสถิติ ความเป็นที่สุด และความท้าทายในการผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ ทุกคันในลิสต์นี้สามารถทำความเร็วได้เกิน 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันถึงความสุดยอดในทุกมิติ ทั้งด้านการออกแบบหลักอากาศพลศาสตร์ ความแข็งแกร่งของโครงสร้าง และแน่นอนว่าคือพละกำลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรง มาดูกันว่ายานยนต์แห่งปี 2025 คันไหนบ้างที่สามารถผงาดขึ้นมาเป็นผู้ครองบัลลังก์ความเร็วสูงสุดในโลก

สรุปไฮไลต์ของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025

ก่อนที่เราจะเจาะลึกไปในรายละเอียดของแต่ละคัน ลองมาดูภาพรวมของดาวเด่นแห่งวงการความเร็วในปัจจุบัน:

รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme

รถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์: Yangwang U9 Xtreme

รถยนต์ที่เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. เร็วที่สุดในลิสต์: Rimac Nevera

จากข้อมูลเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่า Yangwang U9 Xtreme กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการยานยนต์ด้วยการท้าทายและแซงหน้ายักษ์ใหญ่ดั้งเดิม นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์สมรรถนะสูง

Yangwang U9 Xtreme: ขีดสุดของพลังงานไฟฟ้าที่ไร้ขีดจำกัด

ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A

ราคา: N/A (ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน)

ระบบส่งกำลัง: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์

กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 kW)

แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่น U9 มาตรฐาน 1,680 Nm)

ระบบเกียร์: Direct-drive electric

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.27

ปี 2025 ได้เปิดศักราชใหม่ของความเร็วอย่างเป็นทางการ ด้วยการมาถึงของ Yangwang U9 Xtreme รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจาก BYD ที่มีกำลังมหาศาลถึง 3,000 แรงม้า มันได้จารึกชื่อลงในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุด 496.22 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่านี่ไม่ใช่ความสำเร็จเล็กๆ แบรนด์อย่าง SSC, Koenigsegg, Hennessey และ Rimac ต่างพยายามมานานกว่าห้าปีที่จะล้มแชมป์ Bugatti Chiron Super Sport 300+ การที่รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักสามารถก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุดได้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในปัจจุบัน เป้าหมายต่อไปที่ทุกคนจับตามองคือการทำความเร็วทะลุ 500 กม./ชม. อย่างเป็นทางการ

นอกจากความเร็วสูงสุดแล้ว Yangwang U9 Xtreme ยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในสนามแข่งด้วยเวลาต่อรอบ Nürburgring Nordschleife ที่ 6:59.157 ซึ่งถือว่าเร็วมาก แม้จะยังไม่เทียบเท่า Porsche 911 GT3 RS (992) แต่ก็เป็นการตอกย้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ไม่ได้มีดีแค่ทางตรงเท่านั้น การที่แต่ละมอเตอร์สามารถควบคุมแรงบิดได้อย่างอิสระ 100 ครั้งต่อวินาทีผ่านเทคโนโลยี “e4 Platform” ของ BYD และทำงานร่วมกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X ทำให้ U9 Xtreme มีการยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าที่หลายคนจะคาดคิด นี่คือการลงทุนในอนาคตของยานยนต์ที่คุ้มค่า และเป็นการนิยามใหม่ของคำว่า “ไฮเปอร์คาร์” อย่างแท้จริง

Bugatti Chiron Super Sport 300+: ตำนานผู้ทลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.4 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: W-16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ลูก

กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 kW)

แรงบิดสูงสุด: 1,180 ปอนด์-ฟุต

ระบบเกียร์: อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.35

Bugatti Chiron Super Sport 300+ ไม่เพียงเป็นรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่สามารถทำความเร็วเกิน 300 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคทองแห่งเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ยังคงสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมในปี 2025 ผมยังจำความตื่นเต้นในวงการยานยนต์ได้ดีเมื่อมันทำสถิติความเร็วสูงสุดที่ 490.484 กม./ชม. (304.773 ไมล์/ชม.) ณ สนามทดสอบของบริษัท

หัวใจของ Chiron Super Sport 300+ คือเครื่องยนต์ W-16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ลูกที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ สร้างกำลัง 1,578 แรงม้า และแรงบิดมากกว่า 1,180 ปอนด์-ฟุต แม้จะมีค่า Cd ที่ 0.35 ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งบางราย แต่พละกำลังมหาศาลก็สามารถเอาชนะแรงต้านอากาศได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือรถยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการวิศวกรรมขั้นสุดยอดจาก Bugatti เพื่อผลักดันขีดจำกัดของเครื่องยนต์สันดาป

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใช้งานจริง แม้ Bugatti Chiron Super Sport 300+ จะทำความเร็วได้ระดับนี้ แต่รถของลูกค้าจะถูกจำกัดความเร็วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์/ชม.) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ Bugatti กำหนด ผมเข้าใจว่านี่อาจสร้างความผิดหวังให้กับบางคน แต่ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบของแบรนด์ในการส่งมอบยานยนต์สมรรถนะสูงที่ยังคงปลอดภัยสำหรับการใช้งาน นี่คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นประสบการณ์การขับขี่ที่หาไม่ได้จากรถคันอื่น

SSC Tuatara: บทเรียนจากความเร็วและความโปร่งใส

ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.7 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 5.9 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 kW)

แรงบิดสูงสุด: 984 ปอนด์-ฟุต (1,350 Nm)

ระบบเกียร์: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.279

เรื่องราวของ SSC Tuatara เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความท้าทายและความซับซ้อนของการทำลายสถิติโลก เมื่อ SSC North America ประกาศว่า Tuatara ทำความเร็วเฉลี่ย 508.73 กม./ชม. (316.11 ไมล์/ชม.) ในทะเลทรายเนวาดา มันสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงการทำลายกำแพง 500 กม./ชม. เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ข้ออ้างดังกล่าวกลับถูกพิสูจน์ว่าเป็นเท็จในภายหลัง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความผิดหวังให้กับผู้คนจำนวนมาก

ในฐานะผู้สังเกตการณ์ในวงการ ผมชื่นชมความกล้าหาญของ SSC ที่ออกมายอมรับความผิดพลาดและมุ่งมั่นที่จะทำลายสถิติอย่างโปร่งใสและเป็นทางการ ความพยายามล่าสุดที่บันทึกไว้ในเดือนพฤษภาคม 2022 แสดงให้เห็นว่า Tuatara สามารถทำความเร็วได้ 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.) บนรันเวย์ยาว 2.3 ไมล์ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds สิ่งที่น่าขนลุกคือรถยังคงเร่งความเร็วได้ต่อไปเมื่อผู้ขับต้องผ่อนคันเร่งลง เนื่องจากรันเวย์ไม่ยาวพอ นี่เป็นข้อบ่งชี้ว่า Tuatara ยังคงมีศักยภาพที่จะทำความเร็วได้สูงกว่านี้อีกมาก

SSC Tuatara เป็นเครื่องจักรที่น่าทึ่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 5.9 ลิตร ที่สร้างกำลัง 1,750 แรงม้า ด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่โดดเด่นและค่า Cd เพียง 0.279 ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ลู่ลมที่สุดในโลก สิ่งนี้เน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างพละกำลังดิบและการออกแบบที่ชาญฉลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำความเร็วระดับสูง การลงทุนในรถยนต์เช่นนี้ไม่ใช่แค่การซื้อรถ แต่เป็นการซื้อชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่ยังคงเขียนต่อไป

Yangwang U9 Track Edition: นิยามใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าในสนามแข่ง

ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 8.5 ล้านบาท)

ระบบส่งกำลัง: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์

กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 kW)

แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่น U9 มาตรฐาน 1,680 Nm)

ระบบเกียร์: Direct-drive electric

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.27

Yangwang U9 Track Edition คืออีกหนึ่งความภาคภูมิใจจาก BYD และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง รุ่น Track Edition นี้มีกำลังเกือบ 3,000 แรงม้า ด้วยระบบมอเตอร์สี่ตัวและสถาปัตยกรรม 1,200 โวลต์ ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ โดยทำความเร็วสูงสุดที่ 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์/ชม.) ที่สนามทดสอบ Papenburg โดย Marc Basseng นักขับมืออาชีพ

ก่อนหน้านี้ Rimac Nevera เคยครองตำแหน่งรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดด้วยความเร็ว 412 กม./ชม. แต่ U9 Track Edition ได้ทำลายสถิตินั้นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับผมและคนในวงการ การทำความเร็วสูงสุดในรถยนต์ไฟฟ้ามักเป็นเรื่องท้าทายหากไม่มีระบบเกียร์แบบเดิม แต่ Yangwang ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการนำเสนอระบบมอเตอร์สี่ตัวรุ่นแรกของโลกที่ใช้มอเตอร์สมรรถนะสูง 30,000 รอบต่อนาที ซึ่งช่วยให้รถสามารถทำความเร็วระดับสุดยอดนี้ได้

การควบคุมแรงบิดของมอเตอร์แต่ละตัวได้อย่างอิสระถึง 100 ครั้งต่อวินาที ด้วยเทคโนโลยี “e4 Platform” ร่วมกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X ทำให้ U9 Track Edition มีการยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่เหนือชั้น การลงทุนในรถยนต์คันนี้ไม่เพียงแต่ได้ครอบครองยานยนต์แห่งอนาคต แต่ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ยานยนต์ นี่คือรถยนต์ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึง ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ อย่างแท้จริง

Koenigsegg Agera RS: ความเร็วจากสวีเดนที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865 kW)

แรงบิดสูงสุด: 940 ปอนด์-ฟุต (1280 Nm)

ระบบเกียร์: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33

Koenigsegg Agera RS ยังคงเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก และเป็น Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ วิดีโอที่เผยแพร่โดยแบรนด์แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้สามารถทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 5.0 ลิตร ที่สร้างกำลัง 1,176 แรงม้า และแรงบิด 940 ปอนด์-ฟุต ทำให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์นี้

หลายคนอาจสงสัยเกี่ยวกับ Koenigsegg Jesko Absolut ที่อ้างว่าทำความเร็วได้ 330 ไมล์ต่อชั่วโมง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าเรายึดตามสถิติที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการเท่านั้น แม้ Jesko Absolut จะแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่น่าทึ่งในการทดสอบ 0-250mph-0 แต่ยังไม่ได้รับการทดสอบความเร็วสูงสุดอย่างเป็นทางการในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Christian von Koenigsegg น่าจะตั้งเป้าหมายไว้

ปัญหาหลักที่ทำให้รถเหล่านี้ไม่สามารถทำความเร็วสูงสุดที่อ้างไว้ได้บ่อยครั้งคือ มีถนนเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ยาวพอและปลอดภัยสำหรับการทดสอบความเร็วระดับนี้ ถนนส่วนใหญ่เป็นสาธารณะ หรือไม่ก็เป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่ม Volkswagen (Bugatti) ซึ่งไม่เปิดให้แบรนด์อื่นใช้งาน Agera RS จึงยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ นวัตกรรมยานยนต์ จากสวีเดนที่แท้จริง

Bugatti Tourbillon: การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฮบริดของ Bugatti

ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์/ชม.) พร้อม Speed Key

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.0 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V16 ขนาด 8.3 ลิตร หายใจเอง (Naturally Aspirated) พร้อมระบบไฮบริด

กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 kW)

แรงบิดสูงสุด: 1464 ปอนด์-ฟุต (1985 Nm)

ระบบเกียร์: อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): N/A

Bugatti Tourbillon อาจไม่ใช่รถที่เร็วที่สุดในโลกในแง่ของสถิติที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว แต่เป็น Bugatti ที่เร็วที่สุดที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้จริง ด้วยความเร็วสูงสุด 445 กม./ชม. (276 ไมล์/ชม.) เมื่อใช้ Speed Key ซึ่งเร็วกว่า Chiron 300+ ในสเปคลูกค้าที่จำกัดความเร็วไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์/ชม.) นี่คือการลงทุนที่ให้คุณได้สัมผัสกับ ประสิทธิภาพสูงสุด ที่ Bugatti นำเสนอ

สิ่งที่น่าสนใจคือ Bugatti Tourbillon ได้ทิ้งเครื่องยนต์ W16 เทอร์โบสี่ลูกของ Chiron ไป และเลือกใช้เครื่องยนต์ V16 ขนาด 8.3 ลิตร แบบหายใจเอง ผสานกับระบบไฮบริด สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Bugatti ในการปรับตัวเข้ากับยุคสมัยใหม่ โดยยังคงรักษาพละกำลังมหาศาลไว้ที่ 1,800 แรงม้า และแรงบิด 1464 ปอนด์-ฟุต ซึ่งช่วยให้รถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2 วินาทีพอดี ก่อนที่จะทะยานไปสู่ความเร็วสูงสุดที่น่าทึ่ง การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิค แต่เป็นการเปิดบทใหม่สำหรับแบรนด์ Bugatti ในยุค 2025

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Tourbillon เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราแบบ Bugatti ดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีขับเคลื่อนแห่งอนาคต รถยนต์คันนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องจักรความเร็วสูง แต่ยังเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ ให้ทั้งความเร็ว ความสบาย และสถานะทางสังคมที่ไม่มีใครเทียบได้

Hennessey Venom F5: การไล่ล่ากำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงของอเมริกา

ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.6 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 6.6 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 kW)

แรงบิดสูงสุด: 1193 ปอนด์-ฟุต

ระบบเกียร์: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33

เช่นเดียวกับการแข่งขันด้านอวกาศ การทำลายสถิติความเร็วสูงสุดยังคงเป็นการแข่งขันอันดุเดือดระหว่างสี่บริษัทหลัก (Bugatti, Hennessey, SSC และ Koenigsegg) Hennessey Venom F5 คืออาวุธที่ Hennessey เลือกใช้เพื่อทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 6.6 ลิตร ที่สร้างกำลัง 1,817 แรงม้า

ในขณะที่ SSC Tuatara ต้องเผชิญกับข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความพยายามครั้งแรก Hennessey Venom F5 ได้ทำความเร็วสูงสุดที่ 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.) อย่างเงียบๆ ในปี 2022 ซึ่งเป็นการตอกย้ำตำแหน่งในฐานะหนึ่งในยานยนต์ที่เร็วที่สุดตลอดกาล สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือถ้ามีรันเวย์ที่ยาวกว่านี้ รถคันนี้ก็น่าจะทำความเร็วได้สูงกว่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ John Hennessey ผู้ก่อตั้งกำลังมองหา

จากข้อมูลล่าสุด John Hennessey กล่าวว่าปี 2024 (ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้านี้ที่เรากำลังอยู่ในปี 2025) จะเป็นปีที่ Venom F5 พยายามทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งโลกจับตามอง สำหรับผู้ที่สนใจ ลงทุนรถยนต์หรู ที่มีศักยภาพในการสร้างประวัติศาสตร์ Venom F5 คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

Hennessey Venom GT: จุดเริ่มต้นแห่งความเร็วจากแนวคิดนอกกรอบ

ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: GM LS7 V8 ขนาด 7.0 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 kW)

แรงบิดสูงสุด: 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 Nm)

ระบบเกียร์: เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33

John Hennessey เคยเล่าถึงแนวคิดเบื้องหลัง Hennessey Venom GT ว่ามันเริ่มต้นจากการหยอกล้อเรื่องการนำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Viper) ไปใส่ไว้ด้านหลังของ Lotus Exige แต่เมื่อเขาเห็นภาพร่าง เขาก็เริ่มจริงจังกับแนวคิดนี้ทันที

“การออกแบบเครื่องยนต์กลางแบบ Ford GT จะทำให้เครื่องยนต์และระบบเกียร์อยู่เหนือยางหลัง ให้การยึดเกาะที่ดีขึ้น ออกแบบแรงกดอากาศให้มากพอที่จะทำให้รถมีการควบคุมเหมือนรถโกคาร์ทบนถนนหรือสนามแข่ง ในขณะเดียวกัน เราก็มีรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้เกิดอัตราเร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ นี่คือวิธีที่แนวคิด Venom GT ถือกำเนิดขึ้น”

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือสถิติโลกใหม่สำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่งที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 บนรันเวย์ลงจอดของกระสวยอวกาศยาว 3.2 ไมล์ ที่ศูนย์อวกาศ John F. Kennedy ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Venom GT เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการสร้างสรรค์ที่เกิดจากวิสัยทัศน์อันกล้าหาญและความมุ่งมั่นในการผลักดันขีดจำกัดทางวิศวกรรม นี่คืออีกหนึ่ง สุดยอดรถสปอร์ต ที่น่าจดจำ

Bugatti Veyron Super Sport: ผู้บุกเบิกแห่งยุคสมัย

ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.5 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: W-16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ลูก

กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 kW)

แรงบิดสูงสุด: 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm)

ระบบเกียร์: อัตโนมัติคลัตช์คู่ Ricardo 7 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.36 (โหมดความเร็วสูงสุด)

เมื่อเปิดตัวในปี 2010 Bugatti Veyron Super Sport ได้รับการยอมรับจาก Guinness World Records ในฐานะรถยนต์โปรดักชั่นที่ถูกกฎหมายบนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลก แม้ปัจจุบันจะถูกแซงหน้าโดย Chiron Super Sport 300+ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมค่าย แต่เครื่องยนต์ W-16 เทอร์โบสี่ลูกขนาด 8.0 ลิตรที่สร้างกำลัง 1,200 PS และแรงบิด 1,106 ปอนด์-ฟุต ก็ยังคงเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างมากสำหรับยุคสมัยนั้น

ในฐานะผู้ที่อยู่ในวงการมานาน ผมยังจำความตื่นเต้นและความอัศจรรย์ใจที่ Veyron Super Sport สร้างขึ้นมาได้ มันคือมาตรฐานใหม่ที่รถยนต์สมรรถนะสูงต้องพยายามก้าวข้าม Veyron ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่เร็ว แต่เป็นวิศวกรรมที่ละเอียดอ่อนและงานฝีมืออันประณีต การออกแบบที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในยุคนั้นทำให้มันยังคงเป็น ตำนานแห่งความเร็ว ที่ไม่มีวันจางหายไป นี่คือรถที่ควรค่าแก่การสะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ยานยนต์

Rimac Nevera: ราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้าและอัตราเร่ง

ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 1.8 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ระบบส่งกำลัง: มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวแบบ Permanent-magnet carbon-sleeve

กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 kW)

แรงบิดสูงสุด: 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm)

ระบบเกียร์: Direct-drive transmission แบบ Single-speed

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.30

Rimac Nevera ยังคงเป็นราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆ ด้าน และยังคงเป็นรถยนต์ที่เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วที่สุดในลิสต์นี้ด้วยเวลาเพียง 1.8 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.) ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

Rimac ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Mate Rimac และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac ที่รวม Bugatti Automobiles และ Rimac Automobili เข้าไว้ด้วยกัน Nevera สามารถทำความเร็วทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ด้วยฝีมือของวิศวกร Rimac ก่อนที่ Bugatti จะเข้ามามีบทบาทในบริษัท พวกเขาติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวในแต่ละล้อ ทำให้มีกำลังรวม 1,888 แรงม้า และแรงบิด 1,741 ปอนด์-ฟุต ซึ่งทำให้มันเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์นี้ด้วย

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Nevera เป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า มันคือการรวมกันของ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าล้ำสมัย และการออกแบบที่ล้ำยุค เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือจริง ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่เป็นการตอบสนองที่ฉับไวและสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้บนท้องถนน

รถยนต์ที่ถูกผลักออกจาก 10 อันดับแรก แต่ยังคงเป็นตำนาน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีรถยนต์หลายคันที่เคยครองตำแหน่งสูงสุด แต่ด้วยวิวัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยีและการทลายสถิติใหม่ๆ ทำให้พวกมันต้องหลุดจาก 10 อันดับแรกไป ถึงกระนั้น ก็ยังคงเป็นสุดยอดยานยนต์ที่น่าจดจำ

Koenigsegg Regera: ความเร็วที่ถูกจำกัด แต่ไม่ลดทอนศักยภาพ

ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.8 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,500 แรงม้า (1,119 kW)

แรงบิดสูงสุด: 944 ปอนด์-ฟุต (1,280 Nm)

ระบบเกียร์: Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.278

Koenigsegg Regera เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกในแง่ของอัตราเร่ง 0-400-0 กม./ชม. มีแนวโน้มว่ามันสามารถทำความเร็วได้สูงกว่า 400 กม./ชม. (249 ไมล์/ชม.) ที่ถูกจำกัดความเร็วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่เนื่องจากแบรนด์ไม่เคยทดสอบอย่างเป็นทางการ จึงทำให้มันหลุดจาก 10 อันดับแรกไปเล็กน้อย

เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 5.0 ลิตร สร้างกำลัง 1,500 แรงม้า และแรงบิด 944 ปอนด์-ฟุต กำลังนี้ถูกส่งผ่านระบบเกียร์ Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้ 88 กก. และเชื่อมโยงเครื่องยนต์เข้ากับเพลาล้อหลังโดยตรง ผลลัพธ์คือรถที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ในเวลาเพียง 20.68 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera ถึง 0.64 วินาที Regera คือการลงทุนที่สะท้อนถึงวิศวกรรมที่ล้ำหน้าและหายาก

McLaren Speedtail: ความงามที่มาพร้อมความเร็ว

ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 3.0 วินาที

ราคามือหนึ่ง: เริ่มต้นที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 746 แรงม้า (556 kW)

แรงบิดสูงสุด: 590 ปอนด์-ฟุต (800 Nm)

ระบบเกียร์: อัตโนมัติคลัตช์คู่ Graziano 7 สปีด

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.278

McLaren Speedtail เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่สวยที่สุดในลิสต์ของเรา และยังเป็นหนึ่งในยานยนต์ที่มีมูลค่าสูง เป็นที่ต้องการ และมีคุณค่ามากที่สุดอีกด้วย ความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.) ถือว่าน่าประทับใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่มีกำลังน้อยที่สุดในลิสต์นี้ โดยมีกำลังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในอันดับ

เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตร สร้างกำลังเพียง 746 แรงม้า และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุต อย่างไรก็ตาม รถคันนี้สามารถทำความเร็วที่น่าทึ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยตัวถังที่ลู่ลมและค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.278 Cd Speedtail แสดงให้เห็นว่าการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ชาญฉลาดมีความสำคัญไม่แพ้พละกำลังดิบ นี่คือ รถยนต์ลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิศวกรรมอย่างลงตัว

ทำไมคุณถึงควรเชื่อมั่นในข้อมูลนี้?

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามวงการยานยนต์อย่างใกล้ชิด ผมขอยืนยันว่าลิสต์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนี้ไม่ได้รวบรวมจากคำกล่าวอ้างของผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว แต่เรายึดมั่นในข้อมูลที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ทำให้ลิสต์ของเราแตกต่างจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ

เราจะไม่เพิ่มรถยนต์ที่ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการเข้าสู่ลิสต์นี้ แม้ว่าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Koenigsegg จะอ้างว่า Jesko Absolut รุ่นใหม่ของพวกเขาสามารถทำความเร็วได้ถึง 330 ไมล์ต่อชั่วโมง เราก็จะรอดูจนกว่าจะมีการพิสูจน์ได้จริงก่อนที่จะเพิ่มเข้าไปในลิสต์นี้

แน่นอนว่า การเพิ่มรถยนต์อย่าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ เข้าไปในอันดับต้นๆ อาจทำให้บางคนสงสัย เนื่องจากลูกค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำความเร็วสูงสุด 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์/ชม.) แต่ข้อเท็จจริงคือ มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้ ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญที่เราใช้ในการจัดอันดับ ความถูกต้องและเป็นกลางคือหัวใจสำคัญของข้อมูลที่เรานำเสนอ

อนาคตแห่งความเร็ว: ก้าวต่อไปที่น่าตื่นเต้น

จากประสบการณ์ 10 ปีในวงการยานยนต์ ผมสามารถพูดได้ว่ายุคที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ในปี 2025 นี้ เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและนวัตกรรมที่น่าทึ่ง การแข่งขันเพื่อทำลายสถิติความเร็วสูงสุดจะยังคงดำเนินต่อไป แต่จะมาพร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ ทั้งในด้านพลังงานทางเลือก ความยั่งยืน และการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัย

รถยนต์ไฟฟ้าได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถท้าทายและแซงหน้าระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราจะได้เห็นการพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และระบบควบคุมอัจฉริยะที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ซึ่งจะผลักดันขีดจำกัดของความเร็วไปสู่ระดับที่เราอาจคาดไม่ถึงในวันนี้

คุณคิดว่าอนาคตของไฮเปอร์คาร์จะเป็นอย่างไร? รถยนต์คันไหนที่คุณคาดหวังว่าจะได้เห็นในการจัดอันดับครั้งต่อไป? มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา แบ่งปันความคิดเห็น และมองเห็นวิวัฒนาการของความเร็วไปพร้อมกับเรา เพราะในโลกแห่งยานยนต์ ทุกวินาทีที่ผ่านไปคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยหลับใหล!

10 สุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งปี 2025: เจาะลึกสถิติความเร็วสูงสุดที่ถูกบันทึกโดยผู้เชี่ยวชาญ

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในแวดวงยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ปี 2025 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับวงการไฮเปอร์คาร์ (Hypercar) เพราะเราได้เห็นการก้าวข้ามขีดจำกัดทางวิศวกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากขุมพลังสันดาปภายในที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างสุดขีด และการมาถึงของยุคยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High-performance EV) ที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง

การเป็นเจ้าของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือการสัมผัสถึงงานศิลปะทางวิศวกรรมที่ไร้ที่ติ และขุมพลังที่เหลือเชื่อที่ผลักดันให้รถเหล่านี้ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ แน่นอนว่าบนถนนสาธารณะทั่วไป การขับขี่ด้วยความเร็วระดับ 400 กม./ชม. นั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ความตื่นเต้นมันอยู่ที่การรู้ว่ารถที่คุณใฝ่ฝันนั้น “ทำได้” หากมีโอกาสที่เหมาะสม

บทความนี้ ผมจะพาคุณไปเจาะลึก 10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดยอ้างอิงจากสถิติความเร็วสูงสุดที่ได้รับการทดสอบและยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น นี่คือการจัดอันดับที่สะท้อนถึงการแข่งขันอันดุเดือด ณ ปลายปี 2025 และเป็นเหมือนบทสรุปของการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งความเร็วที่ไม่หยุดยั้ง

ที่สุดแห่งความเร็วในปี 2025: สรุปภาพรวม
นี่คือไฮไลต์สำคัญจากรายชื่อสุดยอดรถยนต์ที่เราจะเจาะลึกกัน:
รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในรายการ: Yangwang U9 Xtreme (เกือบ 3,000 แรงม้า)
รถยนต์ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วที่สุด: Rimac Nevera (ที่ 1.8 วินาที)
พร้อมแล้วหรือยัง? มาร่วมเดินทางสำรวจสุดยอดแห่งความเร็วกัน!

Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): N/A
ราคา: N/A

ปี 2025 ได้ต้อนรับยุคใหม่แห่งความเร็ว เมื่อ Yangwang U9 Xtreme ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจาก BYD Group สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 496.22 กม./ชม. ณ สนามทดสอบ Papenburg เยอรมนี การทำลายสถิตินี้ไม่เพียงยืนยันศักยภาพของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ยังประกาศว่ายุคของรถ EV ได้ก้าวเข้าสู่สนามแข่งขันความเร็วสูงสุดอย่างเต็มตัว ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่รวมกันให้กำลังมหาศาลกว่า 3,000 แรงม้า (2,226 kW) ทำให้ U9 Xtreme ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ แพลตฟอร์ม “e4 Platform” และระบบควบคุมช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-X ช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้อย่างเหนือชั้น นวัตกรรมนี้ไม่เพียงนำเสนอความเร็ว แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ควบคุมได้ในระดับสูงสุด Yangwang U9 Xtreme คือบทพิสูจน์ว่าอนาคตของไฮเปอร์คาร์กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง

Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.4 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ก่อนที่รถไฟฟ้าจะเข้ามาพลิกโฉมหน้า Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือราชาแห่งความเร็วที่ประกาศศักดาด้วยการเป็นรถโปรดักชั่นคันแรกที่ทะยานข้ามกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างเป็นทางการ ด้วยสถิติ 490.48 กม./ชม. ณ สนามทดสอบของ Bugatti หัวใจหลักคือเครื่องยนต์ W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์ ให้พละกำลังมหาศาล 1,578 แรงม้า (1,160 kW) ซึ่งเพียงพอที่จะผลักดันให้มันทำความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศสูงกว่าคู่แข่งบางราย Bugatti ได้จำกัดความเร็วสูงสุดของรถยนต์ลูกค้าไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์/ชม.) เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งาน นี่คือปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากกว่าสถิติความเร็วดิบๆ สำหรับลูกค้าทั่วไป แต่ก็ยังคงความสามารถในการสร้างสถิติโลกไว้ได้อย่างชัดเจน

SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.7 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

SSC Tuatara มีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความพยายามและอุปสรรค หลังจากการอ้างสิทธิ์ความเร็วสูงสุดที่ 508.73 กม./ชม. ซึ่งเป็นข้อผิดพลาด ในที่สุด SSC North America ก็สามารถบันทึกสถิติความเร็วที่ 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.) ในเดือนพฤษภาคม 2022 ณ ศูนย์อวกาศ Kennedy Space Centre ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,750 แรงม้า (1,300 kW) พร้อมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.279 Cd ซึ่งช่วยให้มันแหวกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่น่าทึ่งคือในการทดสอบล่าสุด รถยังคงเร่งความเร็วได้อีกหากมีรันเวย์ที่ยาวกว่านี้ SSC Tuatara ยังคงเป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตาในสมรภูมิความเร็วสูงสุด และเรายังคงตั้งตารอคอยการพิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของมันในการทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างโปร่งใส

Yangwang U9 Track Edition
ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): N/A
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 1.68 ล้านหยวน

Yangwang U9 Track Edition จาก BYD เป็นอีกหนึ่งไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่สร้างความตื่นตะลึง ด้วยการทำความเร็วสูงสุด 472.41 กม./ชม. ณ สนามทดสอบ Papenburg เยอรมนี ทำให้มันขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก (ก่อนที่ U9 Xtreme จะทำลายสถิติของตัวเอง) ด้วยกำลังเกือบ 3,000 แรงม้าจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว และเทคโนโลยีระบบไฟฟ้า 1,200 โวลต์ พร้อมมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 30,000 รอบต่อนาที นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำความเร็วสูงสุดได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบ “e4 Platform” ควบคุมแรงบิดของมอเตอร์แต่ละตัวอย่างอิสระ 100 ครั้งต่อวินาที และทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-X เพื่อการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพที่ยอดเยี่ยม U9 Track Edition คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพร้อมที่จะเข้าสู่สนามแข่งขันระดับโลกอย่างเต็มภาคภูมิ

Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Koenigsegg Agera RS คือบทพิสูจน์แห่งความสุดยอดของวิศวกรรมยานยนต์สวีเดน ด้วยสถิติความเร็วเฉลี่ย 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.) ที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ Agera RS ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของปรัชญา “Mega-car” ของ Christian von Koenigsegg หัวใจของมันคือเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.0 ลิตร ให้พละกำลัง 1,176 แรงม้า (865 kW) และแรงบิด 940 ปอนด์-ฟุต การออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบาและแอโรไดนามิกที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้รถสามารถทะยานผ่านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ Koenigsegg Jesko Absolut จะอ้างความเร็วที่สูงกว่า แต่เนื่องจากยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการในโลกแห่งความเป็นจริง Agera RS จึงยังคงยืนหยัดในฐานะตัวแทนที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และเป็นหนึ่งในบทเรียนที่สอนให้รู้ว่า “การอ้างสิทธิ์” กับ “การพิสูจน์” นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์/ชม.) ด้วย Speed Key
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.0 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Bugatti Tourbillon ที่เริ่มวางจำหน่ายในปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์ ที่นำเสนอไฮเปอร์คาร์หรูหราพร้อมขุมพลังไฮบริด Tourbillon ไม่เพียงเป็นรถสำหรับลูกค้าที่เร็วที่สุดเท่าที่ Bugatti เคยผลิตมา (แซง Chiron 300+ เวอร์ชันลูกค้า) แต่ยังเป็นการเปิดตัวยุคใหม่ของเครื่องยนต์ V16 หายใจเอง (Naturally Aspirated) ขนาด 8.3 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด ให้กำลังรวมมหาศาลถึง 1,800 แรงม้า (1,342 kW) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 445 กม./ชม. ด้วยการใช้ Speed Key ชื่อ “Tourbillon” สื่อถึงความแม่นยำและงานฝีมืออันประณีตที่ Bugatti ทุ่มเทให้กับรถคันนี้ นี่คือบทสรุปของนิยาม “ไฮเปอร์คาร์หรูหรา” ที่ไม่เคยประนีประนอมทั้งในด้านสมรรถนะและความสง่างาม

Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.6 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในการแข่งขันเพื่อพิชิตกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง Hennessey Venom F5 คืออาวุธสำคัญของ Hennessey Performance Engineering ขุมพลังของ Venom F5 มาจากเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 6.6 ลิตร ที่เรียกว่า “Fury” ให้กำลังสูงสุด 1,817 แรงม้า (1,355 kW) หลังจากการทำความเร็วสูงสุด 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.) ในปี 2022 Hennessey ได้ประกาศว่าปี 2024 จะเป็นปีที่ Venom F5 จะพยายามทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ และจนถึงปลายปี 2025 นี้ โลกยังคงเฝ้ารอคอยผลลัพธ์ที่ชัดเจน หาก Hennessey ประสบความสำเร็จ มันจะเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงของวิศวกรรมยานยนต์สัญชาติอเมริกันในการสร้างรถที่เร็วที่สุดในโลก และแน่นอนว่าแฟนๆ ต่างหวังว่าพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ใช้สนามทดสอบ Ehra-Lessien ของ Volkswagen Group เพื่อการนี้

Hennessey Venom GT
ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Hennessey Venom GT ถือกำเนิดจากแนวคิดสุดโต่ง: นำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Dodge Viper) ไปใส่ในตัวถัง Lotus Exige ที่มีน้ำหนักเบา การออกแบบแบบเครื่องยนต์วางกลางลำตัว (Mid-engine) และแอโรไดนามิกที่เน้นแรงกดอากาศ ช่วยให้รถมีสมดุลและแรงยึดเกาะที่ดีที่สุด Venom GT สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำลายสถิติโลกความเร็วสำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 ณ ศูนย์อวกาศ John F. Kennedy ด้วยความเร็ว 435.31 กม./ชม. ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ GM LS7 V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 7.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,244 แรงม้า (928 kW) และใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีดของ Ricardo ซึ่งแตกต่างจากไฮเปอร์คาร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน การที่ Venom GT ยังคงสามารถทำความเร็วได้ในระดับนี้ด้วยเกียร์ธรรมดา ถือเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง และเป็นเครื่องเตือนใจว่าบางครั้งความคิดที่กล้าหาญก็สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้

Bugatti Veyron Super Sport
ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.5 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมื่อ Bugatti Veyron Super Sport เปิดตัวในปี 2010 มันคือรถยนต์โปรดักชั่นที่ถูกกฎหมายบนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการบันทึกโดย Guinness World Records แม้ในปัจจุบันจะถูกแซงหน้าโดยรุ่นน้องและรถ EV รุ่นใหม่ แต่ Veyron Super Sport ก็ยังคงเป็นตำนานที่ไม่เคยจางหายไปจากประวัติศาสตร์ยานยนต์ มันคือรถที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการไฮเปอร์คาร์ และเป็นผู้บุกเบิกในยุคที่ความเร็วระดับ 400 กม./ชม. กลายเป็นจริง หัวใจของ Veyron Super Sport คือเครื่องยนต์ W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 1,200 แรงม้า (882 kW) และแรงบิด 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm) วิศวกรของ Bugatti ได้ปรับแต่งแอโรไดนามิกและเครื่องยนต์เพื่อความเสถียรและความปลอดภัย Veyron Super Sport ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว แต่ยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

Rimac Nevera
ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 1.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Rimac Nevera ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดในรายการนี้ แต่ยังเป็นราชาแห่งอัตราเร่ง ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. ที่น่าเหลือเชื่อเพียง 1.8 วินาที มันคือเครื่องจักรที่ปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่างแท้จริง Nevera เคยครองตำแหน่งรถ EV ที่เร็วที่สุดด้วยความเร็ว 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี EV ได้อย่างชัดเจน Rimac Automobili ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Bugatti Rimac ได้พัฒนาระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ติดตั้งแยกกันบนแต่ละล้อ ทำให้มีกำลังรวมสูงสุดถึง 1,888 แรงม้า (1,388 kW) และแรงบิดมหาศาล 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm) ซึ่งเป็นแรงบิดที่สูงที่สุดในบรรดารถยนต์ทั้งหมดในรายการนี้ ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ 0.30 Cd นั้นถือว่ายอดเยี่ยม Rimac Nevera เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่ายานยนต์ไฟฟ้าสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตื่นเต้นและก้าวข้ามขีดจำกัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

รถยนต์ที่เคยติดอันดับแต่ถูกเบียดตกไป
ในโลกของไฮเปอร์คาร์ที่การแข่งขันไม่เคยหยุดนิ่ง สถิติใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ที่เคยเป็น “ที่สุด” ต้องหลีกทางให้กับผู้มาใหม่ นี่คือรถยนต์บางรุ่นที่เคยติดอันดับความเร็วสูงสุด แต่ตอนนี้ได้ถูกเบียดออกจาก 10 อันดับแรกไปแล้ว

Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์/ชม.) (จำกัดความเร็วด้วยอิเล็กทรอนิกส์)
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Koenigsegg Regera เป็นผลงานชิ้นเอกที่โดดเด่นด้วยระบบส่งกำลัง Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เชื่อมต่อเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.0 ลิตร กำลัง 1,500 แรงม้า เข้ากับเพลาล้อหลังโดยตรง Regera ทำสถิติ 0-400-0 กม./ชม. ได้อย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วสูงสุดของมันถูกจำกัดไว้ที่ 400 กม./ชม. และไม่เคยมีการทดสอบความเร็วสูงสุดแบบอิสระที่เกินกว่านี้ ทำให้มันต้องหลีกทางให้กับรถยนต์ที่ทำความเร็วได้สูงกว่าที่ได้รับการยืนยัน

McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.)
ราคาใหม่: เริ่มต้นที่ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
McLaren Speedtail คือหนึ่งในรถยนต์ที่สวยงามและเป็นที่ต้องการมากที่สุด ด้วยการออกแบบ “Hyper-GT” ที่เน้นความลื่นไหลของอากาศพลศาสตร์เป็นพิเศษ ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.278 Cd แม้จะมีพละกำลัง “เพียง” 746 แรงม้าจากเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในบรรดารถที่ทำความเร็วระดับนี้ได้ แต่ Speedtail ก็ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 403 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.) ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ Speedtail ต้องออกจาก 10 อันดับแรกไปอย่างน่าเสียดาย

ทำไมคุณควรเชื่อถือการจัดอันดับนี้: มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานะผู้ที่ติดตามวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมาอย่างใกล้ชิด ผมยึดถือหลักการสำคัญที่สุดคือ “ข้อมูลที่ได้รับการทดสอบและยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น” ผมจะไม่เพิ่มรถยนต์ที่ยังคงเป็นเพียง “การเคลม” หรือ “ความคาดหวัง” เข้ามาในรายการนี้ แม้แบรนด์น่าเชื่อถืออย่าง Koenigsegg จะอ้างว่า Jesko Absolut ของพวกเขาสามารถทำความเร็วได้ถึง 330 ไมล์/ชม. ผมก็ยังจะรอจนกว่าจะมีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการในโลกแห่งความเป็นจริงก่อนที่จะนำมาจัดอันดับ

แน่นอนว่าบางคนอาจสงสัยเกี่ยวกับการจัดอันดับ Bugatti Chiron Super Sport 300+ ทั้งที่รถเวอร์ชันลูกค้าถูกจำกัดความเร็วไว้ แต่หลักฐานการทดสอบที่แสดงว่ารถคันนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 490.48 กม./ชม. นั้นชัดเจนและได้รับการยืนยันแล้ว จุดยืนของเราคือการเคารพในสถิติที่ถูกบันทึกไว้จริง ไม่ใช่ข้อจำกัดที่ตั้งขึ้นเพื่อการใช้งานทั่วไป การจัดอันดับนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงวิวัฒนาการทางวิศวกรรมและความทุ่มเทที่ผลักดันขีดจำกัดของมนุษย์และเครื่องจักรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

บทสรุปและคำเชิญชวน
จาก Yangwang U9 Xtreme ที่นำทัพยานยนต์ไฟฟ้าบุกทะลวงกำแพงความเร็ว ไปจนถึง Bugatti Tourbillon ที่หลอมรวมความหรูหราและขุมพลังไฮบริดเข้าด้วยกัน ปี 2025 ได้ตอกย้ำว่าการไล่ล่าความเร็วสูงสุดยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญในโลกยานยนต์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทรงพลัง หรือการปรับแต่งเครื่องยนต์สันดาปภายในขั้นสุด ได้เปิดประตูสู่ยุคแห่งไฮเปอร์คาร์ที่น่าตื่นเต้นและหลากหลายกว่าที่เคย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าติดตามมาตลอดทศวรรษ ผมเชื่อว่าการแข่งขันนี้จะยิ่งเข้มข้นขึ้น และเราจะได้เห็นสถิติใหม่ๆ ที่น่าทึ่งปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้ ใครจะรู้ว่ากำแพงความเร็ว 500 กม./ชม. จะถูกทะลุไปเมื่อไหร่? คำถามเหล่านี้ทำให้วงการยานยนต์ยังคงเต็มไปด้วยความเร้าใจ

คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถยนต์ในรายการนี้? คันไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด หรือคุณคิดว่ารถคันไหนจะก้าวขึ้นมาทำลายสถิติใหม่ในไม่ช้า? ร่วมแบ่งปันมุมมองของคุณในช่องคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยครับ และหากคุณต้องการติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับโลกยานยนต์สมรรถนะสูง เทคโนโลยีสุดล้ำ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์แห่งอนาคต อย่าลืมกดติดตามเว็บไซต์ของเรา เพื่อที่คุณจะไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง!

Previous Post

N1111561 แฟนใหม ของน อง อแฟนเก าของพ part 2

Next Post

N1111426 แอบชอบเพื่อนสนิท part 2

Next Post
N1111426 แอบชอบเพื่อนสนิท part 2

N1111426 แอบชอบเพื่อนสนิท part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.