ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
สุดยอด 10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: ทะยานสู่ขีดสุดแห่งวิศวกรรมยานยนต์
ในโลกของยานยนต์ที่ก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง การแสวงหาความเร็วสูงสุดยังคงเป็นบททดสอบขั้นสุดยอดสำหรับวิศวกรและนักออกแบบรถยนต์ สำหรับผมซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการไฮเปอร์คาร์และซูเปอร์คาร์มานานกว่าทศวรรษ ปี 2025 ได้เปิดมิติใหม่ของการแข่งขันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เรากำลังเห็นการหลอมรวมของเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งจากเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุด และรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่เข้ามาเขย่าบัลลังก์อย่างน่าทึ่ง
ความเร็วไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือสัญลักษณ์ของนวัตกรรม การออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ที่ติ และขุมพลังที่เหนือจินตนาการ รถยนต์แต่ละคันในรายชื่อนี้ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะ แต่เป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของฟิสิกส์ แม้ว่าถนนสาธารณะจะไม่อนุญาตให้เราปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของรถเหล่านี้ได้เต็มที่ แต่การได้ครอบครองหรือแม้แต่ได้อ่านเกี่ยวกับสุดยอดความเร็วเหล่านี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราฝันถึงอนาคตของยานยนต์
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่าการจัดอันดับนี้อ้างอิงจากความเร็วสูงสุดที่ได้รับการทดสอบและยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น ไม่ใช่เพียงการกล่าวอ้างจากผู้ผลิต เพื่อให้มั่นใจในความโปร่งใสและน่าเชื่อถือที่สุด และนี่คือ 10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 ที่จะทำให้คุณต้องทึ่ง!
ไฮไลต์สำคัญจากทำเนียบสุดยอดความเร็วปี 2025:
รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์: Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วที่สุด: Rimac Nevera
และนี่คือรายชื่อเต็มของสุดยอดเครื่องจักรแห่งความเร็ว:
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A
ราคา: N/A
การมาถึงของ Yangwang U9 Xtreme ถือเป็นการประกาศศักราชใหม่ในโลกของสุดยอดรถยนต์ทำความเร็วสูงสุด รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานมหาศาลกว่า 3,000 แรงม้าจากประเทศจีนคันนี้ ได้จารึกชื่อในประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ หลังจากการทดสอบที่สนาม ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี มันได้ทำลายสถิติด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อที่ 496.22 กม./ชม. แบรนด์ดังอย่าง SSC, Koenigsegg, Hennessey และ Rimac ต่างพยายามล้มบัลลังก์ Bugatti Chiron Super Sport 300+ มานานกว่าห้าปี แต่กลับเป็นรถยนต์ EV ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากจีนที่ทำสำเร็จ นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบัน (2025) และเป้าหมายต่อไปคือการทะลุ 500 กม./ชม.
Yangwang U9 Xtreme ถูกผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน และยังคงเดินหน้าทำลายสถิติสนาม Nürburgring Nordschleife โดยสามารถทำเวลาได้ 6:59.157 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมากแม้จะยังห่างจาก Porsche 911 GT3 RS (992) ที่ทำไว้ในปี 2022 แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงของจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักในตลาดไฮเปอร์คาร์ระดับโลก ซึ่งเป็นการลงทุนรถยนต์ที่น่าจับตามองในระยะยาวอย่างแท้จริง
ระบบขับเคลื่อน: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์ (Quad-motor electric system)
กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 kW)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่น U9 มาตรฐาน 1,680 Nm)
ระบบส่งกำลัง: Direct-drive electric
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.27 Cd
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.4 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Bugatti Chiron Super Sport 300+ เป็นรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่ก้าวข้ามกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยทำความเร็วสูงสุดอย่างเป็นทางการที่ 490.484 กม./ชม. ณ สนามทดสอบของบริษัท นี่คือความสำเร็จอันน่าทึ่งที่เกิดจากเครื่องยนต์ W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร ที่ให้กำลังมหาศาลถึง 1,578 แรงม้า และแรงบิดมากกว่า 1,180 ปอนด์-ฟุต แม้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ค่อนข้างสูงที่ 0.35 Cd เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ขุมพลังอันมหาศาลก็ช่วยให้มันทะยานสู่ความเร็วระดับนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตาม Bugatti ได้จำกัดความเร็วของรถยนต์ลูกค้าไว้ที่ 440 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้กับรถสมรรถนะสูงทุกรุ่น รวมถึง Tourbillon รุ่นใหม่ด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Chiron Super Sport 300+ ได้พิสูจน์ถึงขีดจำกัดสูงสุดของวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายใน และยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์หรูหราที่มีสมรรถนะเหนือชั้น
เครื่องยนต์: W-16 ควอด-เทอร์โบ 8.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,180 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.35 Cd
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.7 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
SSC Tuatara เคยสร้างความตกตะลึงให้กับวงการยานยนต์ด้วยการอ้างว่าทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 508.73 กม./ชม. ในทะเลทรายเนวาดา ซึ่งจะแซงหน้า Bugatti ไปอย่างขาดลอย แต่ภายหลังทางแบรนด์ได้ยอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นความจริง บริษัทได้แถลงการณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า “หากยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ เราขอรับทราบอย่างเป็นทางการว่าเราไม่ได้ทำความเร็วตามที่กล่าวอ้างเดิมที่ 331 ไมล์/ชม. หรือแม้แต่ 301 ไมล์/ชม. ในเดือนตุลาคม 2020” และยังคงพยายามที่จะทำลายกำแพง 300 ไมล์/ชม. อย่างโปร่งใสและไร้ข้อกังขา
ถึงแม้จะเกิดความสับสนในช่วงแรก แต่ SSC Tuatara ก็ยังคงเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดในโลก ในการทดสอบล่าสุดที่บันทึกไว้บน YouTube ในเดือนพฤษภาคม 2022 รถคันนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 475 กม./ชม. บนระยะทาง 2.3 ไมล์ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ Tuatara ยังคงเร่งความเร็วต่อไปได้อีก หากมีรันเวย์ที่ยาวกว่านี้ เราอาจได้เห็นตัวเลขที่สูงกว่านี้อีกมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของวิศวกรรมอเมริกัน
เครื่องยนต์: V8 ทวิน-เทอร์โบ 5.9 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 kW)
แรงบิดสูงสุด: 984 ปอนด์-ฟุต (1,350 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.279 Cd
Yangwang U9 Track Edition
ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A
ราคา: เริ่มต้น 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 8.5 ล้านบาท)
สมาชิกใหม่ล่าสุดในทำเนียบรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกคือ Yangwang U9 Track Edition ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ย่อยหรูหราของ BYD รถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าสี่มอเตอร์ 1,200 โวลต์ ที่มีกำลังเกือบ 3,000 แรงม้าคันนี้ ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก หลังจากการทดสอบที่สนาม ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี ด้วยฝีมือของนักขับมืออาชีพ Marc Basseng ซึ่งทำความเร็วสูงสุดได้ 472.41 กม./ชม.
ก่อนหน้านี้ Rimac Nevera เคยครองตำแหน่งรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดด้วยความเร็ว 412 กม./ชม. แต่ตอนนี้ตำแหน่งนั้นได้ถูกแย่งชิงไปโดยรถยนต์จากประเทศจีน แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะทำอัตราเร่งได้อย่างน่าทึ่ง แต่โดยทั่วไปแล้วมักประสบปัญหาในการทำความเร็วสูงสุดเท่ารถเครื่องยนต์สันดาป เนื่องจากขาดระบบเกียร์แบบดั้งเดิม แต่ Yangwang ได้แก้ปัญหานี้ด้วยระบบสี่มอเตอร์ตัวแรกของโลกที่ใช้มอเตอร์สมรรถนะสูง 30,000 รอบต่อนาที ช่วยให้สามารถทำความเร็วอันน่าทึ่งนี้ได้
ระบบขับเคลื่อน: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์ (Quad-motor electric system)
กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 kW)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่น U9 มาตรฐาน 1,680 Nm)
ระบบส่งกำลัง: Direct-drive electric
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.27 Cd
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 2.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Koenigsegg Agera RS ยังคงเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสามของโลก และเป็น Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ วิดีโอที่เผยแพร่โดยแบรนด์แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ทำความเร็วสูงสุดเฉลี่ยได้ถึง 446.97 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,176 แรงม้า และแรงบิด 940 ปอนด์-ฟุต ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในรายชื่อนี้
หลายคนอาจสงสัยว่า Koenigsegg Jesko Absolut รุ่นใหม่ไม่ได้เคลมความเร็วสูงสุดไว้ที่ 330 ไมล์/ชม. หรือ? ใช่ครับ แต่ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการในสนามจริง แม้จะพิสูจน์แล้วว่าเร็วกว่า Agera RS และ Regera ในการทดสอบ 0-250mph-0 แต่ Christian von Koenigsegg ยังไม่เคยทดสอบความเร็วสูงสุดของ Jesko Absolut ในโลกแห่งความเป็นจริง สาเหตุหลักคือมีถนนเพียงไม่กี่แห่งบนโลกที่ยาวพอสำหรับการทดสอบดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนสาธารณะ หรือไม่ก็เป็นของ Volkswagen Group (Bugatti) ที่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นใช้งาน
เครื่องยนต์: V8 ทวิน-เทอร์โบ 5.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865 kW)
แรงบิดสูงสุด: 940 ปอนด์-ฟุต (1,280 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์/ชม.) พร้อม Speed Key
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.0 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แม้ Bugatti Chiron Super Sport 300+ จะเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการทดสอบ แต่ Bugatti Tourbillon คือรถที่ลูกค้าของ Bugatti สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดได้จริง ด้วยความเร็วสูงสุด 445 กม./ชม. เมื่อใช้ Speed Key ซึ่งเร็วกว่า Chiron 300+ ในสเปคลูกค้าที่จำกัดความเร็วไว้ที่ 440 กม./ชม.
ต่างจาก Chiron, Bugatti Tourbillon ได้ทิ้งเครื่องยนต์ W16 ควอด-เทอร์โบไปใช้เครื่องยนต์ V16 ไฮบริดแบบดูดอากาศธรรมชาติขนาด 8.3 ลิตรแทน แต่ยังคงให้กำลังมหาศาลถึง 1,800 แรงม้า และแรงบิด 1464 ปอนด์-ฟุต ซึ่งช่วยให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2 วินาที ก่อนจะพุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุดที่ 445 กม./ชม. ด้วยความเป็น Bugatti คุณจึงมั่นใจได้ว่ารถคันนี้สามารถทำความเร็วเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์แห่งยุคสมัยใหม่ (2025)
เครื่องยนต์: V16 ดูดอากาศธรรมชาติ 8.3 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1464 ปอนด์-ฟุต (1,985 Nm)
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: N/A
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.6 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เช่นเดียวกับการแข่งขันอวกาศ การช่วงชิงตำแหน่งราชารถแห่งความเร็วยังคงดำเนินอยู่ระหว่างสี่บริษัทหลัก (Bugatti, Hennessey, SSC และ Koenigsegg) ซึ่งทั้งหมดต่างพยายามทำลายกำแพง 300 ไมล์/ชม. ในรถยนต์ที่ใช้งานบนถนนได้ อาวุธของ Hennessey คือ Venom F5 ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 6.6 ลิตร ให้กำลัง 1,817 แรงม้า
ในขณะที่ SSC Tuatara ถูกจับได้ว่ามีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการพยายามบันทึกสถิติปลอม Hennessey Venom F5 ได้ทำความเร็วสูงสุด 437 กม./ชม. อย่างเงียบๆ ในปี 2022 ซึ่งทำให้มันเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดเป็นอันดับห้าตลอดกาล หากมีรันเวย์ที่ยาวกว่านี้ มันอาจจะไปได้เร็วกว่านี้อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ John Hennessey ผู้ก่อตั้งกำลังพยายามค้นหาอยู่
เครื่องยนต์: V8 ทวิน-เทอร์โบ 6.6 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1193 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd
Hennessey Venom GT
ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“วันหนึ่งผมเคยล้อเล่นเกี่ยวกับการนำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Viper) ไปใส่ไว้ด้านหลังของ Lotus Exige” John Hennessey กล่าวกับ Road and Track เกี่ยวกับแนวคิดเบื้องหลัง Hennessey Venom GT “จากนั้นผมก็คิดว่า ลองวาดภาพดูสิว่ามันจะเป็นอย่างไร พอดูภาพร่างแล้ว ผมก็หยุดหัวเราะและเริ่มคิดจริงจังกับไอเดียนี้”
“การออกแบบเครื่องยนต์วางกลางแบบ Ford GT จะทำให้ส่วนหนักของเครื่องยนต์และเกียร์อยู่เหนือยางหลัง ทำให้มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ออกแบบแรงกดอากาศให้มากที่สุดเท่าที่เราต้องการเพื่อให้รถมีการควบคุมเหมือนรถโกคาร์ทบนถนนหรือสนามแข่ง ขณะเดียวกันก็มีรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้อัตราเร่งเหนือชั้น นี่คือวิธีที่แนวคิด Venom GT ถือกำเนิดขึ้น”
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือสถิติโลกใหม่สำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่งที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 ที่ศูนย์อวกาศ John F. Kennedy บนรันเวย์ลงจอดกระสวยอวกาศระยะทาง 3.2 ไมล์ ซึ่งเป็นความสำเร็จอันโดดเด่นของ Hennessey ในการสร้างสรรค์ยานยนต์แห่งความเร็ว
เครื่องยนต์: GM LS7 V8 ทวิน-เทอร์โบ 7.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd
Bugatti Veyron Super Sport
ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.5 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อเปิดตัวในปี 2010 Bugatti Veyron Super Sport ได้รับการยอมรับจาก Guinness World Records ว่าเป็นรถยนต์โปรดักชั่นที่ถูกกฎหมายและเร็วที่สุดในโลก ปัจจุบันมันถูกแซงหน้าโดย Chiron Super Sport 300+ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมค่าย อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ W-16 ควอด-เทอร์โบ 8.0 ลิตรของ Veyron Super Sport ให้กำลังมหาศาลถึง 1,200 PS (882 kW) และแรงบิด 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยนั้น มันเป็นตำนานที่ปูทางให้กับนวัตกรรมยานยนต์ความเร็วสูงในปัจจุบัน (2025) และยังคงเป็นรถยนต์ที่น่าจดจำในฐานะหนึ่งในสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
เครื่องยนต์: W-16 ควอด-เทอร์โบ 8.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm)
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติคลัตช์คู่ Ricardo 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.36 Cd (ในโหมดความเร็วสูงสุด)
Rimac Nevera
ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 1.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Rimac Nevera คือราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง เป็นรถยนต์ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่เร็วที่สุดในลิสต์นี้ และยังเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม.
Rimac ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Mate Rimac และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac ซึ่งรวมทั้ง Bugatti Automobiles และ Rimac Automobili Nevera สามารถทะลุขีดจำกัด 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ด้วยฝีมือของวิศวกร Rimac ก่อนที่ Bugatti จะเข้ามามีบทบาทในบริษัท พวกเขาได้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวบนล้อแต่ละข้าง เพื่อให้ได้กำลังรวม 1,888 แรงม้า และแรงบิด 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm) ทำให้มันเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์นี้ด้วย นี่คืออนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่จับต้องได้ในปัจจุบัน (2025)
ระบบขับเคลื่อน: มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร Carbon-sleeve 4 ตัวอิสระ
กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm)
ระบบส่งกำลัง: Direct-drive transmission แบบ Single-speed
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.30 Cd
รถยนต์ที่เคยติดอันดับแต่ถูกผลักออกจาก 10 อันดับแรก
ในขณะที่การแข่งขันด้านความเร็วดำเนินไปอย่างดุเดือด มีรถยนต์บางคันที่เคยโดดเด่นแต่ถูกผลักออกจากลิสต์ 10 อันดับแรกเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็ยังคงความสำคัญและเป็นตำนานในโลกยานยนต์
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Koenigsegg Regera เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกจาก 0-400-0 กม./ชม. และมีแนวโน้มว่าจะเร็วกว่าความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม. ที่ถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่เนื่องจากทางแบรนด์ไม่เคยทดสอบความเร็วสูงสุดอย่างเป็นทางการ จึงทำให้มันอยู่ในอันดับท้ายๆ ของรถที่เร็วที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ 5.0 ลิตร ให้กำลัง 1,500 แรงม้า และแรงบิด 944 ปอนด์-ฟุต ซึ่งส่งกำลังผ่านระบบส่งกำลัง Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) อันเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยลดน้ำหนักได้ 88 กก. และเชื่อมต่อเครื่องยนต์กับเพลาล้อหลังโดยตรง ผลลัพธ์คือรถที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ภายใน 20.68 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera 0.64 วินาที ถือเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมยานยนต์ที่น่าทึ่งแม้จะไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรกแล้ว
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 3.0 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
McLaren Speedtail ไม่ใช่แค่หนึ่งในรถยนต์ที่ดูดีที่สุดในลิสต์นี้ แต่ยังเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่มีคุณค่า เป็นที่ต้องการ และมีราคาแพงที่สุด ความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. ของมันนั้นน่าประทับใจมาก เพราะเป็นรถยนต์ที่มีกำลังน้อยที่สุดในลิสต์นี้ โดยมีกำลังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรถส่วนใหญ่ที่นี่ เครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ 4.0 ลิตร ให้กำลังเพียง 746 แรงม้า และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุต แต่ก็สามารถทำความเร็วอันน่าทึ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ต้องขอบคุณตัวถังที่ลู่ลมและค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.278 Cd ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าการออกแบบที่ชาญฉลาดก็สามารถเอาชนะกำลังที่น้อยกว่าได้
ทำไมคุณจึงควรเชื่อมั่นในรายชื่อนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานในแวดวงยานยนต์ ผมตระหนักดีว่าการจัดอันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่หลากหลาย บางครั้งก็อ้างอิงจากคำกล่าวอ้างของผู้ผลิตที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ แต่รายชื่อที่เรานำเสนอในวันนี้ (2025) แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เราได้รวบรวมข้อมูลอย่างพิถีพิถัน โดยอ้างอิงเฉพาะความเร็วสูงสุดที่ได้รับการทดสอบและยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น เราไม่เพียงแต่ระบุตัวเลข แต่ยังเจาะลึกถึงเบื้องหลังของแต่ละนวัตกรรมยานยนต์ ความเป็นมา เทคโนโลยี และผลกระทบต่อตลาดไฮเปอร์คาร์ในปัจจุบัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณอาจเห็นบางคันปรากฏในอันดับต้นๆ แม้จะมีการจำกัดความเร็วสำหรับรถยนต์ลูกค้าก็ตาม เช่น Bugatti Chiron Super Sport 300+ ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำความเร็วได้ 490.48 กม./ชม. แม้รถยนต์ที่จำหน่ายจริงจะถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 440 กม./ชม. ก็ตาม ซึ่งแสดงถึงศักยภาพที่แท้จริงของมัน
เราให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและข้อเท็จจริง และยังรวมถึงบทวิเคราะห์ตลาด 2025 ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงจากแบรนด์ใหม่ๆ หรือการแข่งขันที่ยังคงเข้มข้นในหมู่ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์ระดับตำนาน เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับการลงทุนรถยนต์ หรือเพียงแค่เพื่อเติมเต็มความหลงใหลในความเร็ว
ในยุคที่เทคโนโลยีด้านยานยนต์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการผงาดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับกำลังมหาศาลและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ที่ติ การแข่งขันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกจึงยังคงดุเดือดและน่าติดตามอย่างยิ่ง รถยนต์แต่ละคันในทำเนียบนี้ล้วนเป็นเครื่องจักรที่แสดงถึงความกล้าหาญทางวิศวกรรมที่ผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในอันทรงพลังที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างสมบูรณ์แบบ หรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่กำลังนิยามคำว่า “ความเร็ว” ขึ้นมาใหม่
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าอนาคตของยานยนต์ความเร็วสูงนั้นน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง ด้วยนวัตกรรมที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราอาจได้เห็นกำแพงความเร็วใหม่ๆ ถูกทำลาย และเทคโนโลยีที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนถูกนำมาใช้
คุณพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าทึ่งนี้หรือยัง? มาร่วมสำรวจโลกของสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดและเทรนด์ยานยนต์แห่งปี 2025 ไปด้วยกัน! หากคุณมีความหลงใหลในสมรรถนะระดับโลกและกำลังมองหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการลงทุนรถยนต์ในตลาดไฮเปอร์คาร์ หรือต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา หรือแบ่งปันความคิดเห็นของคุณได้เลยวันนี้
10 สุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งปี 2025: เจาะลึกความเร็วเหนือขีดจำกัดและนวัตกรรมแห่งอนาคต
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าไม่มีอะไรจุดประกายความหลงใหลได้เท่ากับความเร็วสูงสุดที่ไร้ขีดจำกัด ในปี 2025 นี้ ตลาดไฮเปอร์คาร์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การครอบครองรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกไม่ใช่แค่เรื่องของสถานะทางสังคมอีกต่อไป แต่มันคือการได้เป็นเจ้าของผลงานทางวิศวกรรมชิ้นเอกที่ท้าทายขีดจำกัดของฟิสิกส์และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การสัมผัสประสบการณ์ความเร็วระดับ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งบนท้องถนนสาธารณะ ต้องอาศัยสนามทดสอบพิเศษหรือรันเวย์ส่วนตัวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ความจริงที่ว่ารถยนต์เหล่านี้ ทำได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความประทับใจและความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของ การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่ง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด โดยมีผู้เล่นใหม่ๆ และเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนเข้ามาเปลี่ยนเกม
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึก 10 อันดับสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปี 2025 โดยอ้างอิงจากข้อมูลการทดสอบที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น เราจะสำรวจเทคโนโลยีล้ำสมัย เบื้องหลังความเร็วอันน่าทึ่ง และผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนผ่าน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ก้าวล้ำ หรือเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ถูกผลักดันจนถึงขีดสุด นี่คือรายชื่อที่เราคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมา
ไฮไลท์สำคัญของตลาดไฮเปอร์คาร์ปี 2025 ที่คุณต้องรู้:
รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme (ตอกย้ำการมาถึงของพลังงานไฟฟ้าจากเอเชีย)
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme (พิสูจน์แล้วว่า EV ไม่ได้ด้อยกว่า ICE ในด้านความเร็วสูงสุด)
รถยนต์ที่มีพละกำลังสูงสุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme (มากกว่า 3,000 แรงม้าที่ไม่เคยมีมาก่อน)
รถยนต์ที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุด (0-100 กม./ชม.): Rimac Nevera (พลังงานไฟฟ้าที่ออกตัวได้รุนแรงที่สุด)
ถึงเวลาแล้วที่เราจะไปสำรวจรายชื่อสุดยอดรถยนต์เหล่านี้แบบละเอียดยิบ
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): N/A (คาดการณ์ว่าต่ำกว่า 2 วินาที)
ราคา: N/A (คาดการณ์ว่าแพงกว่า Bugatti หลายเท่าตัว)
ในปี 2025 นี้ วงการยานยนต์ต้องจารึกชื่อ Yangwang U9 Xtreme ไว้ในประวัติศาสตร์ มันคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสัญชาติจีนคันนี้ทะยานสู่ความเร็ว 496.22 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี มันได้ทำลายสถิติสูงสุดของรถยนต์ที่ผลิตเชิงพาณิชย์ทุกคันที่เคยมีมา และขึ้นแท่นเป็นราชันย์แห่งความเร็วตัวจริง การปรากฏตัวของ U9 Xtreme ทำให้ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์เจ้าตลาดอย่าง SSC, Koenigsegg, Hennessey และแม้แต่ Bugatti ต้องหันกลับมามอง การที่รถยนต์ EV จากแบรนด์ที่คนทั่วไปอาจยังไม่คุ้นเคยสามารถโค่นแชมป์เก่าที่ครองตำแหน่งมายาวนานกว่าห้าปีอย่าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ได้นั้น ถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับนวัตกรรมและเทคโนโลยี EV ในปี 2025 เป้าหมายต่อไปของโลกยานยนต์คือการทะลุผ่านกำแพง 500 กม./ชม. และ U9 Xtreme ได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่แค่ความฝัน
Yangwang U9 Xtreme ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็วที่สุด แต่มันคือสุดยอดวิศวกรรมยานยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อท้าทายทุกขีดจำกัด ด้วยพละกำลังมหาศาลกว่า 3,000 แรงม้า จากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบสี่มอเตอร์ ที่ทำงานร่วมกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X ทำให้รถสามารถจัดการแรงบิดและการยึดเกาะถนนได้อย่างเหนือชั้น ในขณะที่กำลังทำการผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน (ที่ยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ) Yangwang ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสถิติรอบสนาม Nürburgring Nordschleife และได้ทำเวลา 6:59.157 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง แม้จะยังไม่เทียบเท่า Porsche 911 GT3 RS (992) แต่ก็เป็นการประกาศศักดาอย่างชัดเจนว่า U9 Xtreme คืออนาคตของซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูง ที่จะเข้ามาเปลี่ยนนิยามของคำว่า “เร็ว” และ “แรง” อย่างแท้จริงในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
ระบบขับเคลื่อน: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์
กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 kW)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่น U9 มาตรฐานมี 1,680 Nm)
ระบบส่งกำลัง: ขับตรงด้วยไฟฟ้า
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.27 Cd
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.4 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ก่อนหน้าที่ Yangwang U9 Xtreme จะเข้ามาพลิกโฉมวงการ Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือสัญลักษณ์แห่งความเร็วสูงสุดที่ผลิตจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน มันเป็นรถยนต์คันแรกที่สามารถทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างเป็นทางการ ด้วยสถิติ 490.484 กม./ชม. ที่สนามทดสอบของบริษัท ซึ่งเป็นผลงานที่น่าทึ่งจากวิศวกรรมเยอรมัน-ฝรั่งเศสที่ไร้ที่ติ ความสำเร็จนี้เป็นไปได้ด้วยเครื่องยนต์ W-16 ขนาด 8.0 ลิตร ควอดเทอร์โบ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Bugatti ที่ให้พละกำลัง 1,578 แรงม้า (1,160 kW) และแรงบิดมหาศาลกว่า 1,180 ปอนด์-ฟุต แม้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ 0.35 Cd ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งบางราย แต่พละกำลังที่เหลือล้นก็สามารถผลักดันให้มันทะยานไปข้างหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่า แม้ Chiron Super Sport 300+ จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึงระดับนี้ แต่ Bugatti ได้จำกัดความเร็วสูงสุดสำหรับรถยนต์ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความทนทานของยาง ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ Bugatti ยืนยันว่าจะไม่มีวันถูกปลดออก อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่ามัน “ทำได้” ก็เพียงพอแล้วที่จะยกย่องให้มันเป็นหนึ่งในตำนานแห่งความเร็ว และเป็นเครื่องยืนยันถึงจุดสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาปภายในก่อนที่โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในปัจจุบัน (ปี 2025)
เครื่องยนต์: 8.0 ลิตร W-16, ควอดเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,180 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.35 Cd
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.7 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เรื่องราวของ SSC Tuatara คือบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความโปร่งใสในการทดสอบความเร็วสูงสุด ในช่วงแรกที่ SSC North America อ้างว่า Tuatara ทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 508.73 กม./ชม. บนทางหลวงในทะเลทรายเนวาดา มันสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลกยานยนต์ เพราะจะทำให้มันเป็นรถคันแรกที่ทะลุ 500 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในภายหลังแบรนด์ยอมรับว่าตัวเลขอ้างสิทธิ์นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งทำให้เกิดคำถามและความไม่เชื่อมั่นตามมาอย่างมาก
แต่ถึงแม้จะมีประวัติที่ขรุขระ SSC ก็ไม่เคยย่อท้อที่จะพิสูจน์ตัวเองอย่างโปร่งใส ความพยายามล่าสุดที่บันทึกไว้ในเดือนพฤษภาคม 2022 แสดงให้เห็นว่า Tuatara สามารถทำความเร็วได้ถึง 475 กม./ชม. (295 ไมล์ต่อชั่วโมง) บนสนามทดสอบ Johnny Bohmer Proving Grounds ที่ Kennedy Space Centre ระยะทาง 2.3 ไมล์ ที่น่าทึ่งคือ ในขณะที่ลูกค้า Larry Caplin ต้องผ่อนคันเร่ง รถยังคงมีอัตราเร่งที่ต่อเนื่อง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า Tuatara มีศักยภาพที่จะทำความเร็วได้สูงกว่านี้อีกหากมีรันเวย์ที่ยาวพอ มันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นและความสามารถทางวิศวกรรมของ SSC ในการสร้างสรรค์ไฮเปอร์คาร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความเร็วโดยเฉพาะ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.9 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 1,750 แรงม้า และแรงบิด 984 ปอนด์-ฟุต ผสานกับค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.279 Cd ทำให้ Tuatara เป็นคู่แข่งที่น่าจับตาในสมรภูมิความเร็วในปี 2025
เครื่องยนต์: 5.9 ลิตร V8, ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 kW)
แรงบิดสูงสุด: 984 ปอนด์-ฟุต (1,350 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.279 Cd
Yangwang U9 Track Edition
ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): N/A (คาดการณ์ว่าเร็วจัด)
ราคา: เริ่มต้น 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 8.5 ล้านบาทไทย)
Yangwang U9 Track Edition คืออีกหนึ่งไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าจาก BYD แบรนด์ย่อยสุดหรูของจีนที่เข้ามาพลิกโฉมตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงในปี 2025 อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หากคุณคิดว่า U9 Xtreme นั้นเร็วแล้ว Track Edition ก็แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในเทคโนโลยี EV มันได้ขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสองของโลกอย่างเป็นทางการ (รองจาก U9 Xtreme ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาไปอีกขั้น) ด้วยความเร็วสูงสุด 472.41 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg เช่นกัน ซึ่งนักขับมืออาชีพ Marc Basseng เป็นผู้ควบคุมพวงมาลัย
ก่อนหน้านี้ Rimac Nevera เคยครองตำแหน่งสูงสุดในกลุ่ม EV ด้วยความเร็ว 412 กม./ชม. แต่ตอนนี้จีนได้ก้าวข้ามไปแล้วอย่างชัดเจน ด้วยพละกำลังเกือบ 3,000 แรงม้า จากระบบมอเตอร์สี่ตัว และสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 1,200 โวลต์ ทำให้ U9 Track Edition สามารถทำความเร็วสูงสุดได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งถือเป็นการท้าทายความเชื่อเดิมๆ ที่ว่ารถ EV ไม่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ดีเท่ารถยนต์ ICE เนื่องจากข้อจำกัดของระบบเกียร์แบบดั้งเดิม Yangwang ได้แก้ปัญหานี้ด้วยระบบมอเตอร์สี่ตัวแรกของโลกที่มาพร้อมมอเตอร์สมรรถนะสูง 30,000 รอบต่อนาที มอเตอร์แต่ละตัวสามารถควบคุมแรงบิดได้อย่างอิสระ 100 ครั้งต่อวินาที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี “e4 Platform” ผนวกกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X ทำให้รถยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์ นับเป็นความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่น่าทึ่ง และเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าอนาคตของไฮเปอร์คาร์คือไฟฟ้า
ระบบขับเคลื่อน: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์
กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 kW)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่น U9 มาตรฐานมี 1,680 Nm)
ระบบส่งกำลัง: ขับตรงด้วยไฟฟ้า
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.27 Cd
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Koenigsegg Agera RS คือตัวแทนของวิศวกรรมสวีเดนที่เน้นความบริสุทธิ์ของสมรรถนะ มันคือรถยนต์ Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ และเคยสร้างสถิติโลกด้วยความเร็วเฉลี่ย 446.97 กม./ชม. ที่ถูกบันทึกไว้ในวิดีโอ YouTube ของแบรนด์ Agera RS ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,176 แรงม้า (865 kW) และแรงบิด 940 ปอนด์-ฟุต ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์นี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมักจะถูกถามเกี่ยวกับ Koenigsegg Jesko Absolut ที่เคลมความเร็วสูงสุดไว้ที่ 531 กม./ชม. (330 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งผมขอยืนยันว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการคาดการณ์ทางทฤษฎีเท่านั้น มันยังไม่เคยได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการในโลกจริง แม้ว่า Jesko Absolut จะพิสูจน์แล้วว่าเร็วกว่า Agera RS และ Regera ในการทดสอบ 0-400-0 กม./ชม. ก็ตาม แต่จนกว่าจะมีการทดสอบความเร็วสูงสุดอย่างเป็นทางการ เรายังคงต้องยึด Agera RS เป็นสถิติที่ได้รับการยืนยัน สาเหตุหลักที่ทำให้เราไม่เห็น Jesko Absolut ทะยานสู่ความเร็วสูงสุดที่เคลมไว้ก็คือ มีถนนเพียงไม่กี่แห่งบนโลกที่ยาวพอสำหรับการทดสอบดังกล่าว และส่วนใหญ่ก็เป็นถนนสาธารณะ หรือไม่ก็เป็นกรรมสิทธิ์ของ Volkswagen Group (Bugatti) ซึ่งไม่เปิดให้แบรนด์อื่นใช้งาน Koenigsegg Agera RS จึงยังคงยืนหยัดในฐานะสัญลักษณ์แห่งความเร็วที่แท้จริงและได้รับการพิสูจน์แล้ว
เครื่องยนต์: 5.0 ลิตร V8, ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865kW)
แรงบิดสูงสุด: 940 ปอนด์-ฟุต (1280 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วย Speed Key
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.0 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เข้าสู่ปี 2025 Bugatti ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกใหม่ในชื่อ Tourbillon ที่ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแสดงถึงความหรูหราและงานฝีมืออันประณีต แต่ยังเป็นไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดที่ลูกค้า Bugatti สามารถสัมผัสได้ ด้วยความเร็วสูงสุด 445 กม./ชม. เมื่อใช้ Speed Key ซึ่งเร็วกว่า Chiron Super Sport 300+ ในสเปคลูกค้าที่จำกัดไว้ที่ 440 กม./ชม. ทำให้ Tourbillon ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านความเร็วที่เข้าถึงได้สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะจากแบรนด์ในตำนานนี้
สิ่งที่น่าสนใจคือ Bugatti Tourbillon ได้ทิ้งเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Chiron ไป และเลือกใช้เครื่องยนต์ V16 ไฮบริดไร้ระบบอัดอากาศขนาด 8.3 ลิตร ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญและมองไปข้างหน้า มันยังคงให้พละกำลังอันน่าทึ่ง 1,800 แรงม้า (1,342 kW) และแรงบิด 1464 ปอนด์-ฟุต (1985 Nm) ที่ช่วยให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.0 วินาทีอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย นี่คือ Bugatti ที่ผสมผสานมรดกอันยาวนานเข้ากับนวัตกรรมแห่งอนาคต แสดงให้เห็นว่าแม้ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน Bugatti ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งทรงพลัง หรูหรา และเหนือกว่าทุกความคาดหมาย
เครื่องยนต์: 8.3 ลิตร V16, ไร้ระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated)
กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1464 ปอนด์-ฟุต (1985 Nm)
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: N/A
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.6 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
การแข่งขันเพื่อพิชิตความเร็วสูงสุดยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น และ Hennessey Performance Engineering จากสหรัฐอเมริกาก็คือหนึ่งในผู้เล่นหลักที่มุ่งมั่นจะทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง Venom F5 คืออาวุธสำคัญของพวกเขา ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบขนาด 6.6 ลิตร ที่ให้พละกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า (1,355 kW) มันถูกออกแบบมาเพื่อความเร็วสูงสุดโดยเฉพาะ ด้วยโครงสร้างที่เบาและแอโรไดนามิกที่ซับซ้อน
ในขณะที่ SSC Tuatara ต้องเผชิญกับข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเคลมความเร็วในช่วงแรก Hennessey Venom F5 ได้สร้างสถิติความเร็วสูงสุด 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในปี 2022 อย่างเงียบๆ และได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ สิ่งที่น่าสนใจคือ John Hennessey ผู้ก่อตั้งเชื่อว่ารถสามารถทำความเร็วได้สูงกว่านี้อีกหากมีสนามทดสอบที่ยาวพอ และในปี 2024 (ก่อนปี 2025) John Hennessey ได้ประกาศผ่าน YouTube ว่า Venom F5 จะพยายามทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกจับตามอง หาก Bugatti อนุญาตให้ Hennessey ใช้สนาม Ehra-Lessien การทดสอบครั้งนั้นอาจสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ได้เลยทีเดียว Venom F5 ไม่ใช่แค่รถเร็ว แต่มันคือการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของ Hennessey ที่ต้องการสร้างรถอเมริกันให้เป็นที่สุดในโลกของไฮเปอร์คาร์
เครื่องยนต์: 6.6 ลิตร V8, ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1193 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd
Hennessey Venom GT
ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Hennessey Venom GT คือจุดเริ่มต้นของตำนานไฮเปอร์คาร์จาก Hennessey มันเกิดจากแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทะเยอทะยานของ John Hennessey ที่จะนำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Viper) ไปใส่ไว้ใน Lotus Exige ที่มีน้ำหนักเบา แนวคิดนี้พัฒนาไปสู่การสร้างสรรค์รถยนต์ที่ให้สมรรถนะอันยอดเยี่ยม ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์วางกลางเพื่อการยึดเกาะที่ดีขึ้น และอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผลลัพธ์คือรถยนต์ที่มีอัตราเร่งที่เหนือชั้น และสามารถทำความเร็วได้อย่างน่าทึ่ง
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 Venom GT ได้สร้างสถิติโลกใหม่สำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่งที่ John F. Kennedy Space Centre บนรันเวย์สำหรับกระสวยอวกาศระยะทาง 3.2 ไมล์ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดในโลกในยุคนั้น มันคือการผสมผสานความเรียบง่ายของแชสซีส์ที่เบาเข้ากับพละกำลังอันมหาศาลจากเครื่องยนต์ GM LS7 V8 ทวินเทอร์โบขนาด 7.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,244 แรงม้า (928 kW) และแรงบิด 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 Nm) ที่ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด ที่น่าขบขันคือ คุณสามารถเลือกติดตั้งระบบเครื่องเสียงที่ออกแบบโดย Steven Tyler แห่ง Aerosmith ได้ด้วย นับเป็นความพิเศษที่หาได้ยากในรถยนต์สมรรถนะสูงระดับนี้
เครื่องยนต์: 7.0 ลิตร GM LS7 V8, ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd
Bugatti Veyron Super Sport
ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.5 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในปี 2010 เมื่อ Bugatti Veyron Super Sport เปิดตัว มันได้รับการยอมรับจาก Guinness World Records ว่าเป็นรถยนต์ที่ผลิตเชิงพาณิชย์ที่ถูกกฎหมายบนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลก แม้ว่าในวันนี้มันจะถูกโค่นแชมป์โดยรุ่นน้องอย่าง Chiron Super Sport 300+ และรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่อย่าง Yangwang U9 Xtreme ไปแล้ว แต่ Veyron Super Sport ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคทองของไฮเปอร์คาร์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
ด้วยเครื่องยนต์ W-16 ควอดเทอร์โบขนาด 8.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 1,200 PS (882 kW) และแรงบิด 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm) ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในยุคนั้น Veyron Super Sport ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็วเท่านั้น แต่มันยังเป็นบทพิสูจน์ถึงวิศวกรรมที่ก้าวล้ำของ Bugatti ที่สามารถสร้างรถยนต์ที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย และสามารถทำความเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นรถที่ทำให้ Bugatti กลับมามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงอีกครั้ง และปูทางไปสู่การแข่งขันความเร็วสูงสุดที่ดุเดือดที่เราเห็นในปัจจุบัน (ปี 2025) รถคันนี้ยังคงเป็นตำนานที่นักสะสมและผู้คลั่งไคล้ความเร็วทั่วโลกใฝ่ฝันถึง
เครื่องยนต์: 8.0 ลิตร W-16, ควอดเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm)
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติคลัตช์คู่ Ricardo 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.36 Cd (ในโหมดความเร็วสูงสุด)
Rimac Nevera
ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 1.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Rimac Nevera คือราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังและเร็วที่สุดในด้านอัตราเร่ง ด้วยการทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 1.8 วินาที ทำให้มันเป็นรถที่ออกตัวได้รุนแรงที่สุดในลิสต์นี้ และยังคงรักษาสถานะหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม. (256 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
Rimac ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Mate Rimac และในปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac ซึ่งรวมทั้ง Bugatti Automobiles และ Rimac Automobili เข้าไว้ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม Nevera ได้ทะลุผ่านกำแพงความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วยฝีมือของวิศวกร Rimac ก่อนที่ Bugatti จะเข้ามามีบทบาทในบริษัท พวกเขาติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวบนแต่ละล้อ ทำให้มีกำลังรวมสูงสุดถึง 1,888 แรงม้า (1,388 kW) และแรงบิดมหาศาล 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm) ซึ่งทำให้ Nevera เป็นรถยนต์ที่มีกำลังสูงสุดในลิสต์นี้ (ก่อนหน้า Yangwang U9) นอกจากความเร็วแล้ว Nevera ยังเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวหน้า แสดงให้เห็นว่า EV ไม่ได้ด้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายในในด้านสมรรถนะอีกต่อไป และยังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับอัตราเร่งที่เหนือกว่า
ระบบขับเคลื่อน: มอเตอร์ไฟฟ้าแม่เหล็กถาวร Carbon-Sleeve แบบติดตั้งบนพื้นผิว 4 ตัวแยกอิสระ
กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 kW)
แรงบิดสูงสุด: 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm)
ระบบส่งกำลัง: ขับตรงความเร็วเดียว
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.30 Cd
รถยนต์ที่ยังคงเร็ว แต่ถูกผลักออกจาก 10 อันดับแรก
เมื่อตลาดไฮเปอร์คาร์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์บางคันที่เคยอยู่ในอันดับต้นๆ ก็ต้องหลีกทางให้กับผู้เล่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันด้อยสมรรถนะแต่อย่างใด พวกเขายังคงเป็นสุดยอดผลงานวิศวกรรมที่น่าจดจำ:
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้น 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Koenigsegg Regera คือหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกในด้านอัตราเร่ง 0-400-0 กม./ชม. และเชื่อว่าอาจจะทำความเร็วได้มากกว่า 400 กม./ชม. ที่ถูกจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ แต่เนื่องจากยังไม่มีการทดสอบอย่างเป็นทางการ มันจึงถูกผลักออกจาก 10 อันดับแรกไปในปี 2025 นี้ เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.0 ลิตร ให้กำลัง 1,500 แรงม้า (1,119 kW) และแรงบิด 944 ปอนด์-ฟุต (1,280 Nm) ส่งกำลังผ่านนวัตกรรม Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ที่ช่วยลดน้ำหนักได้ 88 กก. และเชื่อมโยงเครื่องยนต์เข้ากับเพลาล้อหลังโดยตรง ผลลัพธ์คือรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ในเวลาเพียง 20.68 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera ถึง 0.64 วินาที ในการทดสอบเดียวกัน Regera คือการแสดงออกถึงความกล้าหาญทางวิศวกรรมของ Koenigsegg ที่ไม่เหมือนใคร
เครื่องยนต์: 5.0 ลิตร V8, ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,500 แรงม้า (1,119 kW)
แรงบิดสูงสุด: 944 ปอนด์-ฟุต (1,280 Nm)
ระบบส่งกำลัง: Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD)
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.278 Cd
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 3.0 วินาที
ราคา (เมื่อเปิดตัว): เริ่มต้น 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
McLaren Speedtail คือหนึ่งในรถยนต์ที่ออกแบบได้งดงามที่สุดในลิสต์นี้ และยังเป็นรถยนต์ที่มีคุณค่าสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมาก ความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) ของมันนั้นน่าประทับใจเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นรถที่มีพละกำลังน้อยที่สุดในบรรดารถยนต์ที่กล่าวมาทั้งหมด ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ให้กำลังเพียง 746 แรงม้า (556 kW) และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุต (800 Nm) ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรถส่วนใหญ่ในลิสต์นี้ อย่างไรก็ตาม มันสามารถทำความเร็วที่น่าทึ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ต้องขอบคุณการออกแบบตัวถังที่ลื่นไหลและค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.278 Cd ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของ McLaren ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เน้นแอโรไดนามิกและการออกแบบที่ไร้ที่ติ
เครื่องยนต์: 4.0 ลิตร V8, ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 746 แรงม้า (556 kW)
แรงบิดสูงสุด: 590 ปอนด์-ฟุต (800 Nm)
ระบบส่งกำลัง: คลัตช์คู่ Graziano 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.278 Cd
เหตุผลที่คุณควรเชื่อถือบทความนี้
ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการยานยนต์มายาวนาน ผมตระหนักดีว่าตลาดมีการเคลมและข่าวลือมากมายเกี่ยวกับ “รถยนต์ที่เร็วที่สุด” ซึ่งอาจสร้างความสับสนได้ บทความนี้แตกต่างจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต ตรงที่เราไม่ได้รวบรวมข้อมูลจากการอ้างสิทธิ์ของผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว ผมยึดมั่นในหลักการที่ว่ารถยนต์ทุกคันในลิสต์นี้จะต้องได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการและมีข้อมูลที่ได้รับการยืนยันอย่างโปร่งใสเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น แม้แบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Koenigsegg จะอ้างว่า Jesko Absolut รุ่นใหม่ของพวกเขาสามารถทำความเร็วได้ถึง 531 กม./ชม. แต่ผมจะรอจนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้เห็นอย่างเป็นทางการก่อนที่จะเพิ่มมันเข้ามาในลิสต์นี้ แม้กระทั่งรถอย่าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ที่ลูกค้าไม่สามารถทำความเร็วสูงสุด 490.48 กม./ชม. ได้เองเนื่องจากมีการจำกัดความเร็ว แต่ข้อเท็จจริงที่ว่ารถคันนี้ พิสูจน์แล้วว่าทำได้ ในการทดสอบอย่างเป็นทางการ ก็เพียงพอที่จะให้มันอยู่ในอันดับที่เหมาะสม
การทำงานในวงการนี้มานานกว่าทศวรรษสอนให้ผมเห็นคุณค่าของข้อมูลที่แม่นยำและโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปี 2025 ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด นี่คือข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างเข้มข้น เพื่อให้คุณได้รับสาระสำคัญที่เชื่อถือได้และอัปเดตที่สุดในโลกของสุดยอดรถยนต์ความเร็วสูง
อนาคตของความเร็วรอคุณอยู่
การเดินทางผ่านโลกของสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 นี้ แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่น่าทึ่งของวิศวกรรมยานยนต์ ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เป็นตำนานไปจนถึงพลังงานไฟฟ้าที่ก้าวล้ำ แต่ละคันไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยานของมนุษย์ในการท้าทายขีดจำกัดแห่งความเร็วและนวัตกรรม ตลาดไฮเปอร์คาร์ยังคงเป็นเวทีแห่งการแข่งขันที่ดุเดือด ซึ่งผลักดันให้เกิดเทคโนโลยีและดีไซน์ที่เหนือความคาดหมายอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี
หากคุณหลงใหลในความเร็วและนวัตกรรมเช่นเดียวกับผม อย่ารอช้าที่จะติดตามการพัฒนาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ผมขอเชิญชวนให้คุณดำดิ่งลงไปในรายละเอียดทางวิศวกรรม แรงขับเคลื่อน และปรัชญาเบื้องหลังรถยนต์แต่ละคัน แล้วคุณจะพบว่ามันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าที่คุณจินตนาการไว้มาก สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับผลงานศิลปะบนล้อเหล่านี้ หรือต้องการอัปเดตข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับไฮเปอร์คาร์แห่งอนาคต โปรดติดตามข่าวสารจากเราต่อไป และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ขีดจำกัดแห่งความเร็วที่ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้!

