ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: การวิเคราะห์เชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญประจำปี 2025
ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษในวงการยานยนต์ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในไปจนถึงการปฏิวัติของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับสุดยอดวิศวกรรมเหล่านี้มานาน ผมกล้ายืนยันว่าปี 2025 คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับวงการไฮเปอร์คาร์ การแสวงหา “ความเร็วสูงสุด” ไม่ใช่แค่การอวดอ้างตัวเลขอีกต่อไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม เทคโนโลยี และศิลปะการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด การเป็นเจ้าของหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่ใช่แค่ความหรูหรา แต่เป็นการครอบครองผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมที่พร้อมจะท้าทายทุกขีดจำกัดของฟิสิกส์
การที่รถยนต์คันหนึ่งจะได้รับการจัดอันดับให้เป็น “รถที่เร็วที่สุด” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแรงม้าดิบเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความแม่นยำทางอากาศพลศาสตร์ เทคโนโลยีของยางรถยนต์ และความสามารถในการควบคุมพลังมหาศาลเหล่านั้นให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้อย่างปลอดภัย ปี 2025 ได้นำเสนอผู้ท้าชิงรายใหม่ ๆ โดยเฉพาะจากฝั่งรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High-Performance EV) ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของตลาดไฮเปอร์คาร์อย่างสิ้นเชิง พวกมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพลังงานไฟฟ้าสามารถส่งมอบความเร้าใจในระดับที่เหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ บทความนี้จะเจาะลึกถึง 10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน โดยอิงจากข้อมูลล่าสุดในปี 2025 ที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการจากสนามทดสอบจริงเท่านั้น มาดูกันว่ายานยนต์แห่งอนาคตเหล่านี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
อันดับ 1: Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): N/A
ราคา: N/A (คาดว่าสูงมาก)
ระบบขับเคลื่อน: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์
กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่นมาตรฐาน U9 มี 1,680 Nm)
ระบบส่งกำลัง: Direct-drive electric
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.27 Cd
ปี 2025 ได้จารึกชื่อของ Yangwang U9 Xtreme ไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งความเร็วสูงสุด ด้วยการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจากจีนที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับทั่วโลก รถคันนี้ไม่ได้เพียงแค่เร็ว แต่เป็นนิยามใหม่ของคำว่า “ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า” ที่มีกำลังมหาศาลถึง 3,000 แรงม้า การที่ U9 Xtreme สามารถทำความเร็วได้เกือบ 500 กม./ชม. ในสนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ที่ประเทศเยอรมนี ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แบรนด์อย่าง SSC, Koenigsegg, Hennessey และแม้แต่ Bugatti ต่างพยายามไล่ตามมานานกว่าห้าปี แต่กลับถูกแซงหน้าไปโดยผู้มาใหม่จากแดนมังกร
เทคโนโลยีหัวใจสำคัญของ U9 Xtreme คือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบสี่มอเตอร์ ซึ่งแต่ละมอเตอร์ทำงานอย่างอิสระ ทำให้สามารถควบคุมแรงบิดได้อย่างแม่นยำถึง 100 ครั้งต่อวินาทีผ่านแพลตฟอร์ม “e4 Platform” ร่วมกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X ที่ช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยตัวเลขกำลังที่เหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในตลาดขณะนี้ ทำให้ U9 Xtreme กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ทุกคนต้องมองตาม นอกจากความเร็วสูงสุดแล้ว Yangwang ยังมุ่งมั่นทำลายสถิติเวลาต่อรอบที่ Nürburgring Nordschleife โดยสามารถทำเวลาได้ 6:59.157 ซึ่งถึงแม้จะยังไม่เท่าสถิติของ Porsche 911 GT3 RS (992) แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่รอบด้านและน่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
อันดับ 2: Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.4 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,180 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.35 Cd
ก่อนที่ Yangwang U9 Xtreme จะปรากฏตัว Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือราชาแห่งความเร็วที่แท้จริง มันคือรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่สามารถทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างเป็นทางการ ด้วยความเร็ว 490.48 กม./ชม. ณ สนามทดสอบของบริษัทเอง ความสำเร็จนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายใน ด้วยเครื่องยนต์ W-16 ขนาด 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ ที่สร้างแรงม้าได้มหาศาลถึง 1,578 แรงม้า แม้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุดที่ค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่งบางราย แต่พลังดิบและการออกแบบที่เน้นความเร็วทำให้มันเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Chiron Super Sport 300+ เป็นสัญลักษณ์ของยุคทองของเครื่องยนต์ ICE ที่ได้ถูกผลักดันไปจนสุดขีดจำกัด มันแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของ Bugatti ในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เหนือกว่าคำว่ารถยนต์ แต่เป็นงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ แม้ว่ารถที่ส่งมอบให้กับลูกค้าจะถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 440 กม./ชม. ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่การที่มันได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถทำความเร็วได้ถึง 490 กม./ชม. ถือเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวก็ยังคงสานต่อปรัชญาความหรูหราและสมรรถนะ แต่ Chiron Super Sport 300+ จะยังคงถูกจดจำในฐานะผู้บุกเบิกที่เปิดประตูสู่ยุค 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างแท้จริง
อันดับ 3: SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.7 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V8 5.9 ลิตร เทอร์โบคู่
กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 984 ปอนด์-ฟุต (1,350 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว 7 สปีด CIMA
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.279 Cd
เรื่องราวของ SSC Tuatara เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการทดสอบความเร็วสูงสุด ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวลือว่ามันสามารถทำความเร็วได้เกิน 500 กม./ชม. ซึ่งจะทำให้มันเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ภายหลังทางแบรนด์ได้ออกมายอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความกังขาในวงการ แต่ SSC ก็ไม่ได้ยอมแพ้ พวกเขายังคงเดินหน้าทดสอบอย่างโปร่งใสและล่าสุดในปี 2022 Tuatara สามารถทำความเร็วได้ 475 กม./ชม. ที่สนาม Johnny Bohmer Proving Grounds ซึ่งเป็นความเร็วที่น่าทึ่งและได้รับการยืนยัน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นว่าความมุ่งมั่นของ SSC ในการผลักดันขีดจำกัดของ Tuatara นั้นน่าชื่นชม รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 5.9 ลิตร ที่ให้กำลังถึง 1,750 แรงม้า พร้อมการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมด้วยค่า Cd เพียง 0.279 ที่ทำให้มันสามารถแหวกอากาศไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหตุการณ์ที่ลูกค้าอย่าง Larry Caplin ต้องผ่อนคันเร่งในขณะที่รถยังคงเร่งความเร็วได้อีก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของ Tuatara ว่ายังสามารถทำความเร็วได้สูงกว่านี้หากมีรันเวย์ที่ยาวพอ และยังคงเป็นหนึ่งในรถไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดและน่าจับตามองในตลาดปี 2025
อันดับ 4: Yangwang U9 Track Edition
ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): N/A
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 8.5 ล้านบาทไทย)
ระบบขับเคลื่อน: ระบบไฟฟ้าสี่มอเตอร์
กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่นมาตรฐาน U9 มี 1,680 Nm)
ระบบส่งกำลัง: Direct-drive electric
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.27 Cd
Yangwang U9 Track Edition คืออีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ย่อยสุดหรูจาก BYD ที่เข้ามาเป็นผู้ท้าชิงอันดับต้น ๆ ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงในปี 2025 รถคันนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายสถิติบนสนามแข่งโดยเฉพาะ และได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นรถยนต์ EV ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุด 472.41 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg โดยมีนักขับมืออาชีพ Marc Basseng อยู่หลังพวงมาลัย
สิ่งที่ทำให้ U9 Track Edition โดดเด่นคือระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ล้ำสมัย ซึ่งมอเตอร์แต่ละตัวสามารถทำความเร็วรอบได้สูงถึง 30,000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีนี้ช่วยแก้ปัญหาสำคัญที่รถยนต์ไฟฟ้าเคยเผชิญในการทำความเร็วสูงสุด ซึ่งมักจะต้องใช้เกียร์หลายสปีดเข้ามาช่วย การควบคุมแรงบิดของแต่ละมอเตอร์อย่างอิสระ 100 ครั้งต่อวินาที ร่วมกับระบบ DiSus-X Intelligent Body Control System ทำให้ U9 Track Edition สามารถปรับการตอบสนองของล้อแต่ละข้างได้อย่างแม่นยำ ทำให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ความเร็วสูงเป็นไปได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือสัญญาณชัดเจนว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งจากยุโรปหรืออเมริกาในด้านสมรรถนะและเทคโนโลยี
อันดับ 5: Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V8 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่
กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 940 ปอนด์-ฟุต (1280 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว 7 สปีด CIMA
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.33 Cd
Koenigsegg Agera RS ยังคงเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ที่ได้รับการยกย่องสูงสุดและยังคงอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะ Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่เคยได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ วิดีโอที่เผยแพร่โดยแบรนด์แสดงให้เห็นถึงความเร็วเฉลี่ย 446.97 กม./ชม. ที่น่าทึ่ง รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 5.0 ลิตร ที่สร้างกำลังได้ถึง 1,176 แรงม้า ทำให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์
แม้ว่า Koenigsegg Jesko Absolut รุ่นใหม่จะอ้างว่าสามารถทำความเร็วได้ถึง 531 กม./ชม. แต่เนื่องจากยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการในสภาพจริง เราจึงต้องยึด Agera RS เป็นเกณฑ์ในปัจจุบัน Agera RS คือการแสดงออกถึงปรัชญาของ Christian von Koenigsegg ที่เน้นการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เบา ทรงพลัง และมีประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์สูงสุด การออกแบบที่ประณีตและการเลือกใช้วัสดุขั้นสูงทำให้ Agera RS ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่เร็ว แต่เป็นงานศิลปะที่มีความสามารถในการทำความเร็วระดับโลกได้อย่างน่าทึ่ง ในตลาดรถยนต์หรูและเพื่อการลงทุน Agera RS ยังคงรักษามูลค่าไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นรุ่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถจริง
อันดับ 6: Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์/ชม.) ด้วย Speed Key
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.0 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V16 8.3 ลิตร แบบไม่มีเทอร์โบ (Naturally Aspirated) ไฮบริด
กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,464 ปอนด์-ฟุต (1985 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: N/A
Bugatti Tourbillon คือทายาทผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้ามาแทนที่ Chiron และถือเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของ Bugatti ในปี 2025 สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการที่ Tourbillon เลือกที่จะทิ้งเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Chiron ไปสู่เครื่องยนต์ V16 8.3 ลิตร แบบไม่มีเทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด ซึ่งสร้างกำลังมหาศาลถึง 1,800 แรงม้า ทำให้มันเป็นรถ Bugatti ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาและเร็วกว่า Chiron 300+ ในสเปคลูกค้าที่ถูกจำกัดความเร็ว
ด้วยความเร็วสูงสุด 445 กม./ชม. เมื่อใช้ Speed Key ทำให้ Tourbillon ไม่ได้เป็นแค่ไฮเปอร์คาร์ แต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานความหรูหรา วิจิตรศิลป์ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยไว้ด้วยกัน การเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.0 วินาที แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของระบบส่งกำลังไฮบริดที่สามารถส่งมอบแรงบิดได้ทันที การเป็นเจ้าของ Tourbillon ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเป็นเจ้าของรถยนต์ แต่เป็นการลงทุนในประวัติศาสตร์ยานยนต์และวิศวกรรมที่ไร้ที่ติ และในตลาดรถยนต์ลิมิเต็ดอิดิชั่น ปี 2025 Tourbillon จะเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดอย่างแน่นอน
อันดับ 7: Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.6 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V8 6.6 ลิตร เทอร์โบคู่
กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,193 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว 7 สปีด CIMA
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.33 Cd
Hennessey Venom F5 คืออาวุธสำคัญของ John Hennessey ในสงครามความเร็วที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่าง Bugatti, Koenigsegg และ SSC ในปี 2025 โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงในรถยนต์ที่วิ่งบนถนนได้ รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 6.6 ลิตร ที่ให้กำลังถึง 1,817 แรงม้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ในปี 2022 Venom F5 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 437 กม./ชม. อย่างเงียบ ๆ ซึ่งจัดให้เป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดตลอดกาลอันดับที่เจ็ด สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ John Hennessey ได้ประกาศว่าปี 2024 (ซึ่งเป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในบทความนี้) จะเป็นปีที่ Venom F5 จะพยายามทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่าเราจะได้เห็นความพยายามครั้งสำคัญในปี 2025 และแน่นอนว่าหากมีรันเวย์ที่ยาวพอ Hennessey เชื่อว่า Venom F5 มีศักยภาพที่จะไปได้ไกลกว่านี้มาก ด้วยการออกแบบที่เน้นความเบาและประสิทธิภาพ Hennessey Venom F5 จึงเป็นตัวแทนของพลังดิบและความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ในการไล่ล่าความเร็ว
อันดับ 8: Hennessey Venom GT
ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: GM LS7 V8 7.0 ลิตร เทอร์โบคู่
กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.33 Cd
Hennessey Venom GT คือผลผลิตจากแนวคิดสุดบ้าคลั่งของ John Hennessey ที่ต้องการนำเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่จาก Viper มาใส่ไว้ใน Lotus Exige ทำให้เกิดเป็นรถยนต์ที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของไฮเปอร์คาร์ที่สร้างสถิติโลกใหม่ในปี 2014 สำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่ง ณ รันเวย์ลงจอดกระสวยอวกาศของศูนย์อวกาศ John F. Kennedy
การผสมผสานระหว่างตัวถังที่เบาของ Lotus กับเครื่องยนต์ V8 7.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลัง 1,244 แรงม้า ทำให้ Venom GT เป็นรถที่น่าเกรงขามและควบคุมได้ยาก แต่ก็ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและเร้าใจอย่างแท้จริง ในยุคที่ไฮเปอร์คาร์ส่วนใหญ่เริ่มใช้เกียร์อัตโนมัติ การที่ Venom GT ยังคงใช้เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด ยิ่งเพิ่มความท้าทายและความบริสุทธิ์ในการขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักขับผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังคงโหยหา ด้วยความเร็วสูงสุด 435.31 กม./ชม. Venom GT จึงเป็นอีกหนึ่งตำนานที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความเชี่ยวชาญของ Hennessey ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก
อันดับ 9: Bugatti Veyron Super Sport
ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 2.5 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ Ricardo 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.36 Cd (โหมดความเร็วสูงสุด)
Bugatti Veyron Super Sport คือสัญลักษณ์แห่งความเร็วเมื่อเปิดตัวในปี 2010 และได้รับการรับรองจาก Guinness World Records ว่าเป็นรถยนต์โปรดักชั่นที่ถูกกฎหมายบนถนนที่เร็วที่สุดในโลกในเวลานั้น แม้ว่าปัจจุบันจะถูกแซงหน้าไปโดย Chiron Super Sport 300+ ซึ่งเป็นรุ่นน้อง แต่ Veyron Super Sport ยังคงเป็นยานยนต์ที่น่าจดจำและทรงอิทธิพลต่อวงการไฮเปอร์คาร์อย่างมาก
หัวใจสำคัญของ Veyron Super Sport คือเครื่องยนต์ W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 1,200 แรงม้า และแรงบิด 1,500 Nm ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับยุคสมัยนั้น มันไม่เพียงแค่ทำความเร็วได้สูง แต่ยังให้ประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและมั่นคงอย่างที่ Bugatti เป็นที่รู้จัก การออกแบบที่ประณีตและวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมทำให้ Veyron Super Sport เป็นมากกว่ารถยนต์ มันคือการประกาศถึงความเป็นไปได้ในการรวมความเร็วสุดขีดเข้ากับความสะดวกสบายและความหรูหรา นี่คือรถยนต์ที่สร้างมาตรฐานใหม่และยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมและนักลงทุนในตลาดรถยนต์หรูในปี 2025
อันดับ 10: Rimac Nevera
ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์/ชม.): 1.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ระบบขับเคลื่อน: มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร 4 ตัวแยกอิสระ
กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 Nm)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ Direct-drive แบบความเร็วเดียว
ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุด: 0.30 Cd
Rimac Nevera คือราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่างแท้จริง และเป็นรถยนต์ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่เร็วที่สุดในลิสต์นี้ ด้วยตัวเลขเพียง 1.8 วินาที ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเหนือกว่าของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในด้านการตอบสนองและแรงบิดทันทีทันใด มันยังเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม.
ก่อตั้งโดย Mate Rimac ในปี 2009 ปัจจุบัน Rimac เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac ซึ่งรวมทั้ง Bugatti Automobiles และ Rimac Automobili เข้าไว้ด้วยกัน Nevera บรรลุความเร็วเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ด้วยวิศวกรของ Rimac ก่อนที่ Bugatti จะเข้ามามีบทบาทในบริษัทเสียอีก ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวที่ติดตั้งบนล้อแต่ละข้าง ทำให้มีกำลังรวมถึง 1,888 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 2,340 Nm ทำให้ Nevera เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์นี้ มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของ Mate Rimac ในการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด และเป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในตลาดไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่กำลังเฟื่องฟูในปี 2025
สุดยอดรถที่เกือบจะติดอันดับ: การแข่งขันที่ดุเดือดและนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง
วงการไฮเปอร์คาร์ในปี 2025 นั้นมีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างไม่น่าเชื่อ มีรถยนต์หลายรุ่นที่ทรงพลังและรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ แต่ต้องหลุดจาก 10 อันดับแรกไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ ตัวอย่างเช่น Koenigsegg Regera ด้วยความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม. (ถูกจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์) และอัตราเร่ง 0-400-0 กม./ชม. ที่รวดเร็วกว่า Rimac Nevera เสียอีก มันคือผลงานชิ้นเอกที่ใช้ระบบส่งกำลัง Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพ
อีกคันคือ McLaren Speedtail ด้วยความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. Speedtail โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ล้ำยุคและประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม แม้จะมีกำลังเครื่องยนต์ที่น้อยกว่าคู่แข่งหลายเท่า (เพียง 746 แรงม้า) แต่การออกแบบตัวถังที่เพรียวบางและค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุดที่ต่ำมาก (0.278 Cd) ก็ช่วยให้มันสามารถทำความเร็วได้อย่างน่าทึ่ง รถเหล่านี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดรถยนต์หรูและเพื่อการลงทุน แม้จะไม่ได้ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกก็ตาม
บทสรุป: อนาคตแห่งความเร็วในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป
ปี 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าวงการไฮเปอร์คาร์กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง การก้าวขึ้นมาของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่าง Yangwang U9 Xtreme และ Rimac Nevera ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำลายสถิติความเร็ว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าพลังงานไฟฟ้าสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและทำลายขีดจำกัดเดิม ๆ ของเครื่องยนต์สันดาปภายในได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ตำนานอย่าง Bugatti, Koenigsegg และ Hennessey ก็ยังคงยืนหยัดและนำเสนอสุดยอดวิศวกรรมที่ผสมผสานความเร็ว ความหรูหรา และศิลปะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามวงการนี้มานาน ผมเชื่อว่าสงครามความเร็วจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น เราอาจได้เห็นรถยนต์ที่สามารถทะลุกำแพง 500 กม./ชม. ได้อย่างแพร่หลาย หรือแม้กระทั่งการนำเทคโนโลยี AI และวัสดุศาสตร์ขั้นสูงมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดน้ำหนักรถยนต์ให้ถึงขีดสุด การลงทุนในรถยนต์เหล่านี้ไม่ใช่แค่การซื้อยานพาหนะ แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของนวัตกรรมยานยนต์และโอกาสในการเป็นเจ้าของประวัติศาสตร์ที่ขับเคลื่อนได้
ท่านผู้อ่านทุกท่าน หากคุณคือผู้ที่หลงใหลในความเร็ว เทคโนโลยี และความหรูหราของยานยนต์เหล่านี้ อย่าลังเลที่จะแบ่งปันความคิดเห็นของคุณว่ารถคันไหนคือที่สุดในใจของคุณ หรืออนาคตของไฮเปอร์คาร์ในมุมมองของคุณจะเป็นอย่างไร มาร่วมกันสำรวจและสร้างสรรค์อนาคตแห่งความเร็วไปด้วยกัน!
10 สุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งปี 2025: ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ 10 ปี
ในโลกที่ความเร็วคือสุดยอดปรารถนาและวิศวกรรมยานยนต์ไร้ขีดจำกัด การได้ครอบครองหรือแม้แต่เพียงสัมผัสกับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นเป็นความฝันของใครหลายคน ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าการก้าวข้ามขีดจำกัดความเร็วคือบททดสอบที่แท้จริงของนวัตกรรมและเทคโนโลยี ยิ่งกว่าการเป็นเพียงตัวเลขบนแผ่นสเปก รถยนต์เหล่านี้คือผลงานชิ้นเอกที่หลอมรวมความปรารถนา แรงขับเคลื่อน และวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
ปี 2025 นี้ ตลาดไฮเปอร์คาร์ยังคงร้อนระอุและเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผงาดขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ความเร็ว เรากำลังเข้าสู่ยุคที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์ความเร็วสูงสุดที่เหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด บทความนี้จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่โลกของ รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก โดยอ้างอิงจากสถิติความเร็วสูงสุดที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้างจากผู้ผลิต เพราะในโลกของความเร็วอันไร้ขีดจำกัด การพิสูจน์คือสิ่งสำคัญที่สุด
ภาพรวมสุดยอดรถยนต์ความเร็วสูงแห่งปี 2025:
รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก (โดยรวม): Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme
รถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในรายการ: Yangwang U9 Xtreme (ตามด้วย Rimac Nevera และ Bugatti Tourbillon ที่ทรงพลังไม่แพ้กัน)
รถยนต์ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วที่สุด: Rimac Nevera (เพียง 1.8 วินาที)
พร้อมแล้วหรือยังที่จะร่วมสำรวจความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมยานยนต์ที่กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในปี 2025 นี้? เรามาดูรายชื่อแบบจัดเต็มกันเลยดีกว่า!
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): รอการยืนยัน
ราคา: รอการประกาศ (คาดการณ์ว่าสูงลิ่ว)
ระบบขับเคลื่อน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว
กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: รอการประกาศ (รุ่น U9 มาตรฐาน 1,680 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: ขับเคลื่อนโดยตรงด้วยไฟฟ้า
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.27 Cd
ในปี 2025 นี้ เราได้เข้าสู่ยุคใหม่ของ รถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง อย่างเป็นทางการ ด้วยการปรากฏตัวของ Yangwang U9 Xtreme จาก BYD แบรนด์ยานยนต์หรูสัญชาติจีน ที่ได้จารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ว่าเป็น รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุดที่น่าตกตะลึงถึง 496.22 กม./ชม. ณ สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี ตลอดห้าปีที่ผ่านมา แบรนด์ระดับโลกอย่าง SSC, Koenigsegg, Hennessey และ Bugatti ต่างพยายามโค่นล้ม Bugatti Chiron Super Sport 300+ จากตำแหน่งสูงสุด แต่กลับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักที่สร้างความประหลาดใจและขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่ง นี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าอนาคตของ ยานยนต์สมรรถนะสูง กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเป้าหมายต่อไปคือการทำลายกำแพง 500 กม./ชม.
Yangwang U9 Xtreme ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน และไม่ได้มุ่งเน้นแค่ความเร็วทางตรงเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้าที่จะทำลายสถิติเวลารอบสนาม Nürburgring Nordschleife โดยปัจจุบันทำเวลาได้ 6:59.157 ซึ่งถือว่าเร็วมาก แต่ยังคงห่างจาก Porsche 911 GT3 RS (992) ที่ทำเวลา 6:44.848 ในปี 2022 เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม U9 Xtreme ได้เขียนนิยามใหม่ของซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูง และเร่งให้ตลาด ไฮเปอร์คาร์สั่งทำพิเศษ (coach-built hypercars) เติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นและตัวเลขสถิติที่ไม่อาจเข้าถึงได้
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.4 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,180 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.35 Cd
ก่อนที่ Yangwang U9 Xtreme จะสร้างประวัติศาสตร์ในปี 2025 Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถยนต์โปรดักชันคันแรกที่สามารถทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างเป็นทางการ ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 490.48 กม./ชม. บนสนามทดสอบของบริษัท มันคือความสำเร็จอันน่าทึ่งที่เกิดจากขุมพลังมหาศาลของเครื่องยนต์ W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 1,578 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่สูงเกินกว่า 1,180 ปอนด์-ฟุต ซึ่งช่วยให้รถยนต์คันนี้สามารถทะยานสู่ความเร็วสูงสุดได้ แม้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ค่อนข้างสูงที่ 0.35 Cd ก็ตาม
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าแม้ Chiron Super Sport 300+ จะทำความเร็วได้ระดับนี้ แต่รถยนต์ที่ส่งมอบให้ลูกค้าจะถูกจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์ต่อชั่วโมง) เช่นเดียวกับยานยนต์สมรรถนะสูงรุ่นอื่น ๆ ของ Bugatti รวมถึงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Tourbillon ซึ่ง Bugatti ยืนยันว่าจะไม่มีการถอดระบบจำกัดความเร็วนี้ออก นี่คือจุดที่ทำให้ผู้ครอบครองต้องยอมรับถึงขีดจำกัดในการใช้งานจริง แต่ก็ยังคงเป็น การลงทุนในรถยนต์ ที่มีมูลค่าทางประวัติศาสตร์และเชิงเทคนิคอย่างมหาศาล
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.7 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V8 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 984 ปอนด์-ฟุต (1,350 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์เดี่ยวอัตโนมัติ CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.279 Cd
เมื่อ SSC North America ประกาศครั้งแรกว่า ไฮเปอร์คาร์อเมริกัน อย่าง Tuatara ทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 508.73 กม./ชม. (316.11 ไมล์ต่อชั่วโมง) บนทางหลวงในทะเลทรายเนวาดา มันสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการยานยนต์ทั่วโลก เพราะนั่นหมายถึงการทำลายสถิติของ Bugatti Chiron Super Sport 300+ และทะลุผ่านกำแพง 500 กม./ชม. ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวกลับถูกพิสูจน์ในภายหลังว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด
แบรนด์ยอมรับถึงความผิดพลาดผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า “เรายังไม่สามารถทำความเร็วตามที่อ้างไว้ที่ 331 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือแม้แต่ 301 ไมล์ต่อชั่วโมงในเดือนตุลาคม 2020 ได้อย่างเป็นทางการ” บริษัทแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและมุ่งมั่นที่จะทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ สิ่งที่สำคัญคือความมุ่งมั่นนี้ยังคงอยู่ และความพยายามล่าสุดที่บันทึกไว้ใน YouTube เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 แสดงให้เห็นว่า Tuatara ทำความเร็วได้ 475 กม./ชม. (295 ไมล์ต่อชั่วโมง) บนระยะทาง 2.3 ไมล์ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี โดยรถยังคงเร่งความเร็วได้อีกก่อนที่นักขับจะต้องผ่อนคันเร่ง นั่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ คันนี้
Yangwang U9 Track Edition
ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): รอการยืนยัน
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 8.5 ล้านบาทไทย ไม่รวมภาษี)
ระบบขับเคลื่อน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว
กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: รอการประกาศ (รุ่น U9 มาตรฐาน 1,680 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: ขับเคลื่อนโดยตรงด้วยไฟฟ้า
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.27 Cd
อีกหนึ่งความสำเร็จจากแบรนด์หรู YANGWANG ของ BYD ที่ตอกย้ำถึงการปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 คือการเข้ามาของ Yangwang U9 Track Edition ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็น รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสนามแข่ง ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุด 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์ต่อชั่วโมง) ณ สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี โดยมี Marc Basseng นักขับมืออาชีพอยู่หลังพวงมาลัย ก่อนหน้านี้ Rimac Nevera เคยครองตำแหน่ง รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด ด้วยความเร็ว 412 กม./ชม. แต่ตอนนี้จีนได้ก้าวข้ามไปอีกขั้น
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะทำอัตราเร่งได้เหลือเชื่อ แต่การเข้าถึงความเร็วสูงสุดระดับไฮเปอร์คาร์โดยไม่มีเกียร์แบบดั้งเดิมนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ YANGWANG ได้แก้ไขปัญหานี้ด้วยการเปิดตัวระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวตัวแรกของโลกที่ใช้มอเตอร์สมรรถนะสูง 30,000 รอบต่อนาที ช่วยให้สามารถทำความเร็วได้ถึง 472.41 กม./ชม. ที่น่าทึ่งนี้ ระบบ “e4 Platform” ของแบรนด์นี้ควบคุมแรงบิดของมอเตอร์แต่ละตัวอย่างอิสระ 100 ครั้งต่อวินาที ร่วมกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X เพื่อควบคุมการปรับแนวตั้งของแต่ละล้ออย่างอิสระ ทำให้รถเกาะถนนได้อย่างมั่นคง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ นวัตกรรมเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผลักดันขีดจำกัดของวิศวกรรมยานยนต์
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V8 5.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 940 ปอนด์-ฟุต (1,280 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์เดี่ยวอัตโนมัติ CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33 Cd
Koenigsegg Agera RS ยังคงเป็น ไฮเปอร์คาร์สวีเดน ที่เร็วเป็นอันดับสามของโลก และเป็น Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ วิดีโอ YouTube ของแบรนด์แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลัง 1,176 แรงม้า และแรงบิด 940 ปอนด์-ฟุต ทำให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในรายการของเรา
หลายคนอาจสงสัยว่า Koenigsegg Jesko Absolut รุ่นใหม่ไม่ได้อ้างว่าทำความเร็วได้ถึง 330 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ? ใช่ครับ แต่มันยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการบนสนามจริง แม้จะพิสูจน์แล้วว่าเร็วกว่า Agera RS และ Regera ในการทดสอบ 0-250mph-0 แต่ Christian von Koenigsegg ก็ยังไม่เคยทดสอบความเร็วสูงสุดของ Jesko Absolut ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งแน่นอนว่านี่คือภารกิจสำคัญของเขา เหตุผลหลักที่ Koenigsegg ยังไม่สามารถทดสอบความเร็วสูงสุดของ Jesko Absolut ได้ก็คือ มีถนนที่ยาวพอสำหรับการทดสอบดังกล่าวอยู่ไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้ ส่วนใหญ่เป็นถนนสาธารณะ หรือไม่ก็เป็นของ Volkswagen Group (Bugatti) ซึ่งไม่ยินยอมให้แบรนด์อื่นใช้งานได้
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วย Speed Key
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.0 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V16 8.3 ลิตร หายใจเอง (Naturally aspirated)
กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,464 ปอนด์-ฟุต (1,985 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): รอการประกาศ
ในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์จาก Chiron, Bugatti Tourbillon ที่เปิดตัวในปี 2025 นี้คือบทพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการของ ไฮเปอร์คาร์ไฮบริด จาก Bugatti แม้ว่า Chiron Super Sport 300+ จะเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดที่เคยมีการทดสอบ แต่ Tourbillon คือรถ Bugatti ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดได้จริงถึง 445 กม./ชม. (276 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วย “Speed Key” ซึ่งเร็วกว่า Chiron 300+ ในสเปคลูกค้าที่จำกัดอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์ต่อชั่วโมง)
สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ Tourbillon ได้ละทิ้งเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ เพื่อหันมาใช้เครื่องยนต์ V16 8.3 ลิตร หายใจเอง ผสมผสานกับระบบไฮบริด ซึ่งยังคงให้กำลังมหาศาลถึง 1,800 แรงม้า และแรงบิด 1,464 ปอนด์-ฟุต ช่วยให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงสองวินาที ก่อนที่จะทะยานสู่ความเร็วสูงสุดที่น่าอัศจรรย์ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Bugatti ในการผสาน นวัตกรรมยานยนต์ เข้ากับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้อย่างสง่างาม
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.6 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: V8 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,193 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์เดี่ยวอัตโนมัติ CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33 Cd
เช่นเดียวกับการแข่งขันอวกาศ การช่วงชิงตำแหน่ง รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดระหว่างสี่บริษัทหลัก (Bugatti, Hennessey, SSC และ Koenigsegg) ซึ่งทั้งหมดพยายามที่จะทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงในรถยนต์ที่ใช้งานบนถนนได้ อาวุธที่ Hennessey เลือกใช้คือ Hennessey Venom F5 ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งให้กำลัง 1,817 แรงม้า
ในขณะที่ SSC Tuatara ประสบปัญหาเรื่องข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการพยายามครั้งแรก Hennessey Venom F5 ได้ทำความเร็วสูงสุดที่ 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง) อย่างเงียบๆ ในปี 2022 ซึ่งทำให้มันเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดเป็นอันดับห้าตลอดกาล ผู้ก่อตั้ง John Hennessey เชื่อว่าหากมีรันเวย์ที่ยาวกว่านี้ รถคันนี้จะทำความเร็วได้สูงยิ่งขึ้นไปอีก ในอัปเดตล่าสุดบน YouTube John Hennessey กล่าวว่าปี 2024 (ซึ่งกำลังจะเป็นปี 2025 ในปัจจุบัน) จะเป็นปีที่ Venom F5 จะพยายามทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ เรามารอผลลัพธ์กันอย่างใจจดใจจ่อ นี่คือความมุ่งมั่นของ รถยนต์สั่งทำพิเศษ ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองในเวทีโลก
Hennessey Venom GT
ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.9 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: GM LS7 V8 7.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33 Cd
“วันหนึ่งผมล้อเล่นเรื่องการนำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Viper) ไปไว้ด้านหลัง Lotus Exige” John Hennessey กล่าวกับ Road and Track เกี่ยวกับแนวคิดเบื้องหลัง Hennessey Venom GT “จากนั้นผมก็คิดว่า ลองวาดภาพดูสิว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเห็นภาพสเก็ตช์ ผมก็หยุดหัวเราะและเริ่มคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับแนวคิดนี้”
“การออกแบบแบบวางเครื่องกลางลำตัวเหมือน Ford GT จะทำให้น้ำหนักของมอเตอร์และระบบส่งกำลังอยู่เหนือยางหลัง ทำให้มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น และเราสามารถออกแบบแรงกดได้มากเท่าที่จำเป็นเพื่อให้รถมีการควบคุมเหมือนรถคาร์ทบนถนนหรือสนามแข่ง ขณะเดียวกัน เรายังมีรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งให้การเร่งความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด Venom GT”
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือสถิติโลกใหม่สำหรับ รถยนต์สปอร์ตสองที่นั่ง ที่ทำลายสถิติเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 ที่ John F. Kennedy Space Center บนรันเวย์ลงจอดกระสวยอวกาศ 3.2 ไมล์ สิ่งที่น่าสนใจคือคุณสามารถเลือกติดตั้งระบบเครื่องเสียงที่ออกแบบโดย Steven Tyler แห่งวง Aerosmith ใน Hennessey Venom GT ของคุณได้ นี่คือตำนานของ Hennessey Performance ที่แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม
Bugatti Veyron Super Sport
ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.5 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เครื่องยนต์: W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบ
กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ Ricardo 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.36 Cd (โหมดความเร็วสูงสุด)
เมื่อเปิดตัวในปี 2010 Bugatti Veyron Super Sport ได้รับการยอมรับจาก Guinness World Records ว่าเป็น รถยนต์โปรดักชันที่ถูกกฎหมายบนท้องถนนที่เร็วที่สุดในโลก ในยุคนั้น แม้ว่าปัจจุบันจะถูกโค่นล้มโดย Chiron Super Sport 300+ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมตระกูล แต่เครื่องยนต์ W-16 8.0 ลิตร สี่เทอร์โบของมันยังคงสร้างกำลังมหาศาลถึง 1,200 แรงม้า และแรงบิด 1,106 ปอนด์-ฟุต ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งอย่างมากในเวลานั้น
Veyron Super Sport ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็วที่สุด แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญใน ประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่ผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่รถยนต์สามารถทำได้ มันเป็นรถที่กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับไฮเปอร์คาร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการพัฒนา ยานยนต์สมรรถนะสูง ในทศวรรษต่อมา หากปราศจาก Veyron เราอาจไม่ได้เห็นความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในตลาดไฮเปอร์คาร์เช่นทุกวันนี้
Rimac Nevera
ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 1.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ระบบขับเคลื่อน: มอเตอร์ไฟฟ้าแม่เหล็กถาวรแบบ surface-mounted สี่ตัวแยกอิสระ
กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ขับตรงความเร็วเดียว
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.30 Cd
Rimac Nevera คือราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้าและเป็นรถที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วที่สุดในรายการนี้ ด้วยเวลาเพียง 1.8 วินาที และยังคงเป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม. (256 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งก่อนที่ Yangwang U9 จะเข้ามาแซงหน้า
Rimac ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Mate Rimac และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac ซึ่งรวม Bugatti Automobiles และ Rimac Automobili เข้าไว้ด้วยกัน Nevera ได้ทำลายกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วยฝีมือของวิศวกร Rimac ก่อนที่ Bugatti จะเข้ามามีบทบาทในบริษัท พวกเขาได้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวบนแต่ละล้อ ทำให้มีกำลังรวมสูงสุดถึง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 1,741 ปอนด์-ฟุต ซึ่งทำให้มันเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดลำดับต้นๆ ในรายการนี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ก้าวล้ำและ วิศวกรรมยานยนต์ ที่เป็นนวัตกรรมของ Rimac Automobili
รถยนต์ที่ถูกผลักออกจากการจัดอันดับ 10 อันดับแรก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีรถยนต์หลายคันที่เคยเป็นตำนานความเร็ว แต่ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยี ทำให้พวกเขากลับมาอยู่ในเงาของรุ่นใหม่ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้ นี่คือบางส่วนของรถยนต์ที่ยังคงเป็นที่น่าจดจำ แต่ได้ถูกผลักออกจากการจัดอันดับ 10 อันดับแรกของเรา:
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง) (จำกัดอิเล็กทรอนิกส์)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 2.8 วินาที
ราคา: เริ่มต้นที่ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Koenigsegg Regera คือหนึ่งใน รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ในการทดสอบ 0-400-0 กม./ชม. และเชื่อกันว่ามันสามารถทำความเร็วได้เร็วกว่า 400 กม./ชม. ที่ถูกจำกัดอิเล็กทรอนิกส์ แต่เนื่องจากยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ จึงไม่ติดอันดับสูงสุดในรายการของเรา เครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 1,500 แรงม้า และแรงบิด 944 ปอนด์-ฟุต ส่งกำลังผ่านระบบ Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 88 กก. และเชื่อมโยงเครื่องยนต์เข้ากับเพลาหลังโดยตรง ผลลัพธ์คือรถคันนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ในเวลาเพียง 20.68 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera ถึง 0.64 วินาที
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง): 3.0 วินาที
ราคาใหม่: เริ่มต้นที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
McLaren Speedtail เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่สวยงามที่สุดในรายการของเรา และยังเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่มีคุณค่าเป็นที่ต้องการมากที่สุดอีกด้วย ความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) นั้นน่าประทับใจมาก เพราะเป็นรถยนต์ที่มีกำลังน้อยที่สุดในบรรดารถยนต์เหล่านี้ ด้วยกำลังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์ส่วนใหญ่ในรายการ เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังเพียง 746 แรงม้า และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุต แต่ก็สามารถทำความเร็วที่น่าทึ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยตัวถังที่ลื่นไหลและค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.278 Cd ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงการออกแบบ อากาศพลศาสตร์ยานยนต์ ที่เหนือชั้น
เหตุผลที่คุณควรเชื่อถือรายการนี้จากประสบการณ์ตรงกว่า 10 ปี
แตกต่างจากรายการอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ต รายชื่อ รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ของเราไม่ได้รวบรวมจากเพียงแค่คำกล่าวอ้างของผู้ผลิต และนี่คือเหตุผลที่ทำให้รายการของเรามีความน่าเชื่อถือและอาจดูแตกต่างออกไป ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่าทศวรรษในอุตสาหกรรมยานยนต์สมรรถนะสูง เข้าใจดีว่าความเร็วสูงสุดที่แท้จริงต้องได้รับการพิสูจน์และบันทึกอย่างเป็นทางการเท่านั้น เราจะไม่เพิ่มรถยนต์เข้าในรายการของเราหากยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Koenigsegg จะอ้างว่า Jesko Absolut รุ่นใหม่ล่าสุดสามารถทำความเร็วได้ถึง 330 ไมล์ต่อชั่วโมง เราจะรอจนกว่าพวกเขาจะพิสูจน์ได้จริงก่อนที่จะเพิ่มเข้าไปในรายการนี้ และถึงแม้การรวม Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งลูกค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำความเร็วสูงสุดที่ 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์ต่อชั่วโมง) อาจทำให้บางคนรู้สึกแปลกใจ แต่ข้อเท็จจริงคือรถคันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามันสามารถทำความเร็วระดับนั้นได้จริง นี่คือมาตรฐานที่เรายึดมั่นเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือที่สุดแก่คุณ
อนาคตของความเร็วรอคุณอยู่!
ปี 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่ง รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานยนต์ไฟฟ้า ก้าวเข้ามาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างน่าทึ่ง เราได้เห็นนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ทรงพลัง ไปจนถึงการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ที่ติ และวิศวกรรมที่ผลักดันขีดจำกัดของมนุษย์
ในฐานะผู้ที่หลงใหลในความเร็ว ผมเชื่อว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคทองแห่ง ยานยนต์สมรรถนะสูง ที่เราจะได้เห็นการทำลายสถิติใหม่ๆ และก้าวข้ามกำแพง 500 กม./ชม. ในไม่ช้า ซึ่งจะกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
คุณพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้แล้วหรือยัง? ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับรถยนต์ในฝัน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อย่ารอช้าที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งความเร็วที่ไม่เคยหลับใหล!

