• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111639 บสนทางเพศ EP1 part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111639 บสนทางเพศ EP1 part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

ยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งปี 2025: การจัดอันดับจากประสบการณ์ 10 ปีในสนามความเร็ว

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเครื่องยนต์สันดาปภายในที่คำรามอย่างดุดัน ไปสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าที่เงียบกริบแต่ให้สมรรถนะอันน่าทึ่ง โลกของ “ไฮเปอร์คาร์” ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุกปีมีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น ทลายกำแพงความเร็วสูงสุดและอัตราเร่งที่เคยเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ให้ราบคาบ

ปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่เผยให้เห็นถึงวิวัฒนาการอันก้าวกระโดดของเทคโนโลยียานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก การแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงแบรนด์ยุโรปเก่าแก่เท่านั้น แต่ยังมีผู้เล่นหน้าใหม่จากเอเชียที่ก้าวเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ได้อย่างน่าทึ่ง รายการนี้ไม่ใช่แค่การรวบรวมตัวเลข แต่เป็นการสะท้อนถึงวิศวกรรมอันชาญฉลาด ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า และความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์ในการพิชิตขีดจำกัดแห่งความเร็วสูงสุด เรามาเจาะลึกไปพร้อมกันถึง 10 อันดับ “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” ที่ได้รับการยืนยันความเร็วอย่างเป็นทางการ ณ ปัจจุบัน

ภาพรวมของขีดสุดแห่งความเร็วในปี 2025

ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดของแต่ละคัน มาดูไฮไลต์สำคัญของการจัดอันดับในปีนี้กันก่อน:

รถที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme (เครื่องยนต์ไฟฟ้า)

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เร็วที่สุดในโลก: Yangwang U9 Xtreme

รถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในรายการ: Yangwang U9 Xtreme (กว่า 3,000 แรงม้า)

รถยนต์ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ดีที่สุด: Rimac Nevera (ต่ำกว่า 2 วินาที)

นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า “รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ได้ก้าวขึ้นมาท้าทาย และบางครั้งก็แซงหน้าเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมได้อย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วปลาย แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรีดพละกำลังและแรงบิดมหาศาลได้ในพริบตา

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A (แต่คาดว่าจะต่ำมาก)

ราคา: N/A (ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน)

ระบบขับเคลื่อน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว

กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.27 Cd

ในปี 2025 ชื่อของ Yangwang U9 Xtreme ได้จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการยานยนต์โลกอย่างเป็นทางการ ด้วยการทำลายสถิติ “รถที่เร็วที่สุดในโลก” ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากการปรับแต่งเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ แต่มาจากขุมพลังไฟฟ้าบริสุทธิ์เกือบ 3,000 แรงม้า ที่ผลิตโดยแบรนด์หรูของ BYD จากประเทศจีน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมต้องยอมรับว่าการปรากฏตัวของ U9 Xtreme สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบรนด์ใหญ่อย่าง Bugatti, Koenigsegg, Hennessey และ Rimac ต่างพยายามมานานหลายปีเพื่อโค่น Bugatti Chiron Super Sport 300+ การที่ “ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า” จากจีนสามารถทำได้สำเร็จ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในปัจจุบัน U9 Xtreme ไม่เพียงแค่เร็ว แต่ยังเป็นผลงานการออกแบบที่คำนึงถึงอากาศพลศาสตร์ขั้นสุด รวมถึงระบบควบคุมแรงบิดของแต่ละล้ออย่างอิสระ (torque vectoring) ที่ให้ความแม่นยำและความเสถียรที่เหนือชั้น นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และเป้าหมายต่อไปที่ 500 กม./ชม. ก็ดูจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

นอกจากสถิติความเร็วแล้ว Yangwang ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสถิติรอบสนาม Nürburgring Nordschleife โดยสามารถทำเวลาได้ 6:59.157 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมาก แม้จะยังตามหลัง Porsche 911 GT3 RS (992) แต่ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพรอบด้านที่เหนือกว่าแค่ความเร็วทางตรง U9 Xtreme ได้เข้ามาเขียนนิยามใหม่ของ “ซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูง” อย่างแท้จริง

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.4 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: W-16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ตัว

กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.35 Cd

ก่อนหน้าการมาของ Yangwang U9 Xtreme นั้น Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือราชาแห่งความเร็วที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างสง่างาม ในปี 2019 มันได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็น “รถโปรดักชัน” คันแรกที่ทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ การที่มันทำความเร็วได้ 490.484 กม./ชม. นั้นเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ และเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายใน

หัวใจของ Chiron Super Sport 300+ คือเครื่องยนต์ W-16 ขนาด 8.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบสี่ตัวที่รีดกำลังได้ถึง 1,578 แรงม้า แรงบิดมหาศาลนี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเอาชนะแรงต้านอากาศที่ความเร็วสูง แม้ว่าค่า Cd ที่ 0.35 จะดูไม่ดีเท่าคู่แข่งบางราย แต่ Bugatti ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า “พละกำลัง” และ “ความทนทาน” ของเครื่องยนต์นั้นสำคัญไม่แพ้กัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Chiron Super Sport 300+ ไม่ใช่แค่รถเร็ว แต่มันคือการประกาศศักดาของ Bugatti ในฐานะผู้สร้าง “ไฮเปอร์คาร์หรู” ที่ไม่เคยประนีประนอมในเรื่องสมรรถนะ

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำคัญคือ ลูกค้าที่ซื้อ Chiron Super Sport 300+ จะไม่สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุด 490 กม./ชม. ได้ เนื่องจากรถลูกค้าจะถูกจำกัดความเร็วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ 440 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย นี่แสดงให้เห็นว่าการขับขี่ที่ความเร็วเหนือขีดจำกัดนั้นไม่ใช่เรื่องปกติบนถนน และต้องอาศัยสนามทดสอบเฉพาะทางเท่านั้น

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.) (จากการทดสอบล่าสุด)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.7 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 5.9 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.279 Cd

เรื่องราวของ SSC Tuatara นั้นเต็มไปด้วยความดราม่าและความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ เดิมที SSC North America ได้ประกาศสถิติความเร็วเฉลี่ยที่น่าตกใจถึง 508.73 กม./ชม. (316.11 ไมล์/ชม.) ในทะเลทรายเนวาดา ซึ่งจะทำให้มันเป็น “รถที่เร็วที่สุดในโลก” ในทันที แต่ภายหลังทางแบรนด์ได้ยอมรับว่าการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ สร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ ทั่วโลก

ทว่า SSC ไม่ได้ยอมแพ้ หลังจากความพยายามและบทเรียนที่เจ็บปวด พวกเขาได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการทดสอบที่โปร่งใสและได้รับการยืนยันมากขึ้น โดยในการทดสอบล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 Tuatara สามารถทำความเร็วได้ 475 กม./ชม. (295 ไมล์/ชม.) บนรันเวย์ยาว 2.3 ไมล์ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds Kennedy Space Center สิ่งที่น่าทึ่งคือ ผู้ขับขี่ Larry Caplin ต้องผ่อนคันเร่งลงในขณะที่รถยังคงมีอัตราเร่งอย่างต่อเนื่อง หากมีรันเวย์ที่ยาวกว่านี้ เราอาจได้เห็นตัวเลขที่สูงขึ้นไปอีก

ในฐานะผู้สังเกตการณ์มานาน ผมมองว่า Tuatara คือสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นแบบอเมริกัน ที่เน้นพละกำลังดิบๆ และวิศวกรรมที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 5.9 ลิตร ที่ให้กำลังมหาศาล 1,750 แรงม้า ผสานกับการออกแบบที่คำนึงถึงอากาศพลศาสตร์อย่างยอดเยี่ยมด้วยค่า Cd เพียง 0.279 มันคือ “ไฮเปอร์คาร์” ที่มีศักยภาพในการท้าทายสถิติโลกอย่างแท้จริง และเรายังคงจับตาดูความพยายามต่อไปของพวกเขา

Yangwang U9 Track Edition

ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A

ราคา: เริ่มต้นประมาณ 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 358,595 ดอลลาร์ออสเตรเลีย)

ระบบขับเคลื่อน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว

กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.27 Cd

นี่คืออีกหนึ่งความสำเร็จอันน่าทึ่งจาก Yangwang แบรนด์หรูของ BYD ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการ “ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า” อย่างสิ้นเชิง Yangwang U9 Track Edition ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าที่เร็ว แต่เป็น “EV ที่เร็วที่สุดในโลก” ที่เคยมีการบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการ โดยทำความเร็วได้ 472.41 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี ด้วยฝีมือของนักขับมืออาชีพ Marc Basseng

ก่อนหน้านี้ Rimac Nevera เคยครองตำแหน่ง “รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด” ด้วยความเร็ว 412 กม./ชม. แต่ตอนนี้ Yangwang U9 Track Edition ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ U9 Track Edition โดดเด่นคือระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวที่หมุนด้วยความเร็ว 30,000 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการรักษา “ความเร็วสูงสุด” ของรถไฟฟ้าที่มักจะมีข้อจำกัดเรื่องเกียร์ การควบคุมแรงบิดของแต่ละมอเตอร์ 100 ครั้งต่อวินาทีผ่านเทคโนโลยี “e4 Platform” ของ BYD ทำงานร่วมกับระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X เพื่อรักษาเสถียรภาพของรถให้ติดหนึบกับพื้นผิวถนน ทำให้การทำความเร็วระดับนี้เป็นไปได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

การมาของ Yangwang U9 Track Edition แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่รวดเร็วของ “เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า” และความสามารถของแบรนด์จากจีนในการสร้างสรรค์ “นวัตกรรมยานยนต์” ระดับโลก ไม่เพียงแค่สร้างความประหลาดใจ แต่ยังเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี EV ของตนเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33 Cd

Koenigsegg Agera RS คือบทพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์อันบ้าคลั่งของ Christian von Koenigsegg และทีมงานจากสวีเดน รถคันนี้ไม่ได้แค่เร็ว แต่ยังเป็นหนึ่งใน “ไฮเปอร์คาร์” ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงความสมบูรณ์แบบในการออกแบบและวิศวกรรม ในปี 2017 Agera RS ได้สร้างสถิติโลกด้วยการทำความเร็วเฉลี่ย 446.97 กม./ชม. บนถนนสาธารณะในเนวาดา ซึ่งในเวลานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้

หัวใจของ Agera RS คือเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,176 แรงม้า แรงบิด 1,280 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ในยุคนั้น Koenigsegg โดดเด่นในเรื่องปรัชญา “Megacar” ที่เน้นอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ Agera RS ก็คือตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวคิดนี้

หลายคนอาจจะสงสัยถึง Koenigsegg Jesko Absolut ที่เคลมความเร็วไว้สูงถึง 330 ไมล์/ชม. (ประมาณ 531 กม./ชม.) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมต้องย้ำว่าการเคลมตัวเลขกับการทดสอบจริงนั้นแตกต่างกันมาก แม้ Jesko Absolut จะมีศักยภาพที่น่าทึ่ง แต่จนกว่าจะมีการทดสอบอย่างเป็นทางการบนสนามจริง เราก็ยังไม่สามารถจัดอันดับมันได้อย่างเต็มปาก นี่คือสิ่งที่ผมยึดถือมาโดยตลอด: ข้อมูลต้องได้รับการยืนยัน การขาดสนามทดสอบที่ยาวพอสำหรับความเร็วระดับ 500+ กม./ชม. ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เรายังไม่เห็น Jesko Absolut อวดศักยภาพสูงสุด

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์/ชม.) (เมื่อใช้ Speed Key)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.0 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V16 ขนาด 8.3 ลิตร ระบบไฮบริด (ไร้เทอร์โบ)

กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): N/A

Bugatti Tourbillon คือบทใหม่ในตำนานของ Bugatti ที่เปิดตัวในปี 2025 เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคไฮบริดอย่างเต็มตัว แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม หาก Chiron Super Sport 300+ คือความเร็วที่ “ทดสอบได้” Tourbillon คือ “ความเร็วที่ลูกค้าเข้าถึงได้จริง” ด้วยความเร็วสูงสุด 445 กม./ชม. (เมื่อใช้ Speed Key) ซึ่งสูงกว่า Chiron Super Sport 300+ ในสเปคลูกค้าที่จำกัดไว้ที่ 440 กม./ชม.

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ Tourbillon ละทิ้งเครื่องยนต์ W16 เทอร์โบสี่ตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Chiron ไปสู่เครื่องยนต์ V16 ขนาด 8.3 ลิตร “ไร้เทอร์โบ” ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด ทำให้ได้พละกำลังรวมสูงถึง 1,800 แรงม้า และแรงบิด 1,985 นิวตันเมตร นี่คือการแสดงออกถึงวิศวกรรมที่ซับซ้อนและงดงามราวกับกลไกนาฬิกา Tourbillon ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรถ

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.0 วินาที แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วที่น่าตกใจ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฮบริดของ Bugatti ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่เป็นการค้นหาขีดจำกัดใหม่ของสมรรถนะและความหรูหราที่ผสานกันได้อย่างลงตัว Tourbillon ไม่ได้ขายแค่ความเร็ว แต่ขายงานฝีมือ ศิลปะ และประสบการณ์การขับขี่ที่หาไม่ได้จากรถคันอื่น นี่คือ “ไฮเปอร์คาร์หรู” แห่งอนาคตที่ยังคงรักษามรดกอันล้ำค่าของแบรนด์ไว้

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.6 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: V8 ขนาด 6.6 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33 Cd

Hennessey Venom F5 คืออาวุธของ Hennessey Performance จากอเมริกา ในการเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อทำลายกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 6.6 ลิตร ที่ให้กำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า นี่คือรถที่สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียว: “ความเร็วสูงสุด”

ในขณะที่ SSC Tuatara ต้องเผชิญกับข้อโต้แย้งเรื่องสถิติความเร็ว Hennessey Venom F5 ได้แสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ได้รับการยืนยันที่ 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์/ชม.) ในปี 2022 ซึ่งตอกย้ำตำแหน่งของมันในฐานะหนึ่งใน “รถที่เร็วที่สุดในโลก” สิ่งที่น่าสนใจคือ John Hennessey ผู้ก่อตั้งเชื่อว่า Venom F5 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่านี้หากมีรันเวย์ที่ยาวพอ และเขาก็กำลังมองหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อทดสอบความเร็วสูงสุดอย่างเป็นทางการ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Hennessey เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองเสมอ พวกเขามีปรัชญาในการสร้างรถที่เน้น “พละกำลังดิบ” และ “น้ำหนักเบา” เพื่อให้ได้สมรรถนะที่น่าทึ่ง Venom F5 ไม่ได้มีเทคโนโลยีไฮบริดซับซ้อน แต่เน้นที่วิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ปรับแต่งมาอย่างเชี่ยวชาญ การประกาศของ John Hennessey ว่าปี 2024 (ที่ผ่านมา) จะเป็นปีที่พยายามทำลายสถิติ 300 ไมล์/ชม. นั้นสร้างความตื่นเต้นอย่างมาก และเรายังคงเฝ้ารอผลลัพธ์จากความพยายามอันบ้าคลั่งนี้

Hennessey Venom GT

ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: GM LS7 V8 ขนาด 7.0 ลิตร เทอร์โบคู่

กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.33 Cd

ก่อนที่ Venom F5 จะถือกำเนิด Hennessey Venom GT คือผู้บุกเบิกที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ Hennessey ในฐานะผู้ผลิต “ไฮเปอร์คาร์” ที่น่าเกรงขาม จุดเริ่มต้นของมันมาจากแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทะเยอทะยาน: การนำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Dodge Viper) ไปใส่ไว้ในแชสซี Lotus Exige ที่มีน้ำหนักเบา

John Hennessey อธิบายถึงแนวคิดนี้ว่า “การออกแบบเครื่องยนต์วางกลางเหมือน Ford GT จะทำให้เกิดการกระจายน้ำหนักของเครื่องยนต์และเกียร์ไปที่ยางหลัง ทำให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น และสร้างแรงกดอากาศที่จำเป็น เพื่อให้รถสามารถควบคุมได้อย่างคล่องตัวราวกับรถแข่งบนถนนหรือในสนามแข่ง ในขณะเดียวกัน เราก็จะมีรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะให้การเร่งความเร็วที่เหนือชั้น นี่คือแนวคิดที่กำเนิด Venom GT”

ผลลัพธ์คือการสร้างสถิติ “ความเร็วสูงสุด” ใหม่สำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 ที่รันเวย์สำหรับกระสวยอวกาศยาว 3.2 ไมล์ ที่ John F. Kennedy Space Center ด้วยเครื่องยนต์ GM LS7 V8 ขนาด 7.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลัง 1,244 แรงม้า Venom GT ได้พิสูจน์แล้วว่า “พละกำลังดิบ” และการออกแบบที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพสามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้

สิ่งที่น่าขันคือ คุณสามารถเลือกติดตั้งระบบเครื่องเสียงที่ออกแบบโดย Steven Tyler แห่งวง Aerosmith ใน Venom GT ของคุณได้ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความเร็วสุดขีดและความหรูหราส่วนบุคคลอย่างลงตัว

Bugatti Veyron Super Sport

ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.5 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เครื่องยนต์: W-16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ตัว

กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.36 Cd (ในโหมดความเร็วสูงสุด)

Bugatti Veyron Super Sport คือ “ไฮเปอร์คาร์” ผู้บุกเบิกที่เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของสมรรถนะรถยนต์ เมื่อเปิดตัวในปี 2010 มันได้รับการรับรองจาก Guinness World Records ว่าเป็น “รถโปรดักชันที่เร็วที่สุดในโลกที่ถูกต้องตามกฎหมาย” สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์ และปูทางให้กับ Chiron Super Sport 300+ ในเวลาต่อมา

หัวใจของ Veyron Super Sport คือเครื่องยนต์ W-16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ตัวอันเป็นตำนาน ซึ่งสามารถผลิตกำลังได้ถึง 1,200 แรงม้า แรงบิด 1,500 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งอย่างมากสำหรับยุคสมัยนั้น การที่จะรักษารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาดมหึมาและมีน้ำหนักมากให้มีเสถียรภาพที่ความเร็วเกิน 400 กม./ชม. ได้นั้น ต้องอาศัยวิศวกรรมที่ซับซ้อนและความแม่นยำขั้นสูง

ในฐานะผู้ที่ติดตามวงการยานยนต์มานาน ผมมองว่า Veyron Super Sport ไม่ใช่แค่รถเร็ว แต่เป็นนวัตกรรมที่ท้าทายขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ มันเป็นบทพิสูจน์ถึงความกล้าหาญของ Volkswagen Group (ซึ่งเป็นเจ้าของ Bugatti) ในการลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างรถยนต์ที่ไม่เพียงแค่เร็ว แต่ยังให้ความรู้สึกหรูหราและมั่นคงในทุกย่านความเร็ว แม้ในปัจจุบันจะมีรถที่เร็วกว่า แต่ Veyron Super Sport จะยังคงถูกจดจำในฐานะผู้บุกเบิกที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของ “ไฮเปอร์คาร์” ตลอดไป

Rimac Nevera

ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 1.8 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ระบบขับเคลื่อน: มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร 4 ตัวแยกอิสระ

กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 กิโลวัตต์)

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd): 0.30 Cd

Rimac Nevera คือ “ราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้า” และ “รถยนต์ที่มีอัตราเร่งดีที่สุด” ในรายการนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความสามารถในการทำความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม. และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่แทบไม่น่าเชื่อ Nevera ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ “ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง”

Mate Rimac ผู้ก่อตั้ง Rimac ในปี 2009 ได้สร้างบริษัทที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี EV อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน Rimac Automobili ได้ร่วมกับ Bugatti Automobiles ภายใต้บริษัท Bugatti Rimac แต่ Nevera ได้สร้างสถิติความเร็วปลายและอัตราเร่งอันน่าทึ่งก่อนที่การร่วมทุนนี้จะเกิดขึ้น

Nevera มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวแยกอิสระ ติดตั้งที่ล้อแต่ละข้าง ให้กำลังรวม 1,888 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 2,340 นิวตันเมตร นี่คือ “รถที่ทรงพลังที่สุด” ในแง่ของแรงบิดในรายการนี้ แรงบิดที่มาทันทีและต่อเนื่องของมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ Nevera สามารถพุ่งทะยานได้อย่างรุนแรงจนน่าตกใจ นอกจากความเร็วและอัตราเร่งแล้ว Nevera ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูง ระบบจัดการความร้อน และการควบคุมแรงบิดของแต่ละล้ออย่างแม่นยำ ซึ่งทำให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงเป็นไปได้อย่างมีเสถียรภาพและปลอดภัย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Rimac Nevera ไม่ใช่แค่การแสดงเทคโนโลยี แต่มันคือพิมพ์เขียวสำหรับ “ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า” ในอนาคต มันได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้วิศวกรทั่วโลกผลักดันขีดจำกัดของพลังงานสะอาดต่อไป

สู่ประสบการณ์ความเร็วที่เหนือกว่า: รถยนต์ที่เคยครองตำแหน่งแต่ถูกผลักออกจาก 10 อันดับแรก

วงการ “ไฮเปอร์คาร์” มีการแข่งขันที่ดุเดือดอยู่เสมอ รถยนต์หลายคันที่เคยครองตำแหน่งสูงสุดในอดีต ก็ถูกผลักดันออกจากการจัดอันดับ 10 อันดับแรกไปตามกาลเวลา แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังคงเป็นผลงานทางวิศวกรรมที่น่าทึ่ง และยังคงเป็น “รถยนต์ความเร็วสูง” ที่ยอดเยี่ยม

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.8 วินาที

ราคา: เริ่มต้นที่ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Koenigsegg Regera คือ “ไฮเปอร์คาร์” ที่ไม่เหมือนใคร มันโดดเด่นด้วยระบบส่งกำลัง Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 88 กก. และเชื่อมโยงเครื่องยนต์กับเพลาล้อหลังโดยตรง เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลัง 1,500 แรงม้า และแรงบิด 1,280 นิวตันเมตร ทำให้ Regera สามารถเร่งจาก 0-400-0 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 20.68 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Rimac Nevera เล็กน้อย แม้ความเร็วสูงสุดของมันจะถูกจำกัดไว้ที่ 400 กม./ชม. และไม่ได้ถูกทดสอบความเร็วปลายแบบเต็มที่ แต่ Regera ก็ยังคงเป็นหนึ่งใน “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” ในแง่ของอัตราเร่งและประสิทธิภาพรอบด้าน

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.)

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 3.0 วินาที

ราคา (รถใหม่): เริ่มต้นที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

McLaren Speedtail คือตัวอย่างของ “ไฮเปอร์คาร์” ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบและอากาศพลศาสตร์อย่างเหนือชั้น ด้วยรูปทรงที่ลื่นไหลและค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ต่ำเพียง 0.278 มันสามารถทำความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. ได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่ากำลังเครื่องยนต์จะน้อยที่สุดในบรรดารถยนต์ความเร็วสูงเหล่านี้ ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ที่ให้กำลังเพียง 746 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร

Speedtail ไม่ได้เน้นพละกำลังดิบ แต่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดจากการออกแบบที่ชาญฉลาด มันคือ “รถยนต์ที่น่าหลงใหลที่สุด” คันหนึ่งในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะ “ยานยนต์หายาก” ที่มีคุณค่าและเป็นที่ต้องการของนักสะสม ความงามและนวัตกรรมของมันยังคงเป็นที่กล่าวขานในวงการ “รถยนต์ซูเปอร์คาร์”

บทสรุปแห่งยุคใหม่ของความเร็ว

จากการสำรวจ “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นถึงภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง อดีตที่เครื่องยนต์สันดาปภายในครองความเป็นใหญ่อย่างสมบูรณ์กำลังถูกท้าทายด้วย “เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า” ที่ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แบรนด์หน้าใหม่อย่าง Yangwang และ Rimac ได้พิสูจน์แล้วว่าพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงแค่สะอาด แต่ยังให้สมรรถนะที่เหนือกว่าในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ หรือแม้แต่ “ความเร็วสูงสุด” ที่ท้าทายสถิติโลก

ในขณะเดียวกัน แบรนด์เก่าแก่อย่าง Bugatti, Koenigsegg และ Hennessey ก็ยังคงไม่หยุดนิ่ง พวกเขายังคงผลักดันขีดจำกัดของวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายในและเริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุคไฮบริดและไฟฟ้า นี่คือการแข่งขันที่ไม่สิ้นสุด เพื่อค้นหาขีดสุดของคำว่า “ความเร็ว” และ “สมรรถนะ”

สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและนวัตกรรมยานยนต์ นี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุด ทุกคันในรายการนี้ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่มันคือศิลปะแห่งวิศวกรรม คือความฝันที่กลายเป็นจริง และคือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการเอาชนะขีดจำกัด

แล้วคุณล่ะ คิดว่า “ไฮเปอร์คาร์” คันไหนคือที่สุดในใจคุณ? หรือมี “ยานยนต์แห่งอนาคต” คันไหนที่คุณคาดหวังว่าจะได้เห็นมันทำลายสถิติใหม่ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า? มาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นและพูดคุยเรื่องราวความเร็วสุดขีดเหล่านี้ได้เลย!

10 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: ขีดสุดแห่งนวัตกรรมและความเร็วประจำปี 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์สมรรถนะสูงมากว่าทศวรรษ ผมกล้ายืนยันว่าไม่มีอะไรที่จุดประกายความหลงใหลและกระตุ้นอะดรีนาลีนได้เท่ากับการได้สัมผัสกับ “ความเร็ว” ที่แท้จริง และเมื่อพูดถึงรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขบนมาตรวัดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของวิศวกรรมอันล้ำเลิศ ความกล้าหาญในการผลักดันขีดจำกัด และความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้

ลองจินตนาการถึงการมีรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจอดอยู่ในโรงรถของคุณ แม้มันอาจจะเป็นความเร็วที่คุณไม่มีทางทำได้จริงบนถนนสาธารณะ แต่การได้เป็นเจ้าของ “สุดยอดแห่งความเร็ว” ก็คือการได้ครอบครองสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีขั้นสูงสุดและสถานะที่เหนือกว่า บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของสถิติ เรื่องของศักดิ์ศรี ที่รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกเหล่านี้ได้สร้างขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง และในปี 2025 นี้ ตลาดไฮเปอร์คาร์ก็ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมจะพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง

การจัดอันดับของเราในปีนี้ ไม่ได้อ้างอิงเพียงแค่คำกล่าวอ้างของผู้ผลิต แต่ยึดมั่นใน “ความเร็วที่ได้รับการทดสอบและยืนยันอย่างเป็นทางการ” เท่านั้น ซึ่งเป็นหลักการที่ผมยึดถือมาโดยตลอดเพื่อความน่าเชื่อถือสูงสุด นี่คือ 10 สุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปี 2025 ที่จะทำให้คุณต้องทึ่ง:

Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 496.22 กม./ชม. (308.34 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A
ราคาเริ่มต้น: N/A (ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน)

ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ความเร็วสูงสุดของยานยนต์ เมื่อ Yangwang U9 Xtreme รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจาก BYD ที่มาพร้อมกับพละกำลังมหาศาลกว่า 3,000 แรงม้า ได้สร้างสถิติโลกใหม่ที่สนามทดสอบ ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อเกือบ 500 กม./ชม. การที่แบรนด์ EV หน้าใหม่จากจีนสามารถโค่นแชมป์เก่าอย่าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ที่ครองตำแหน่งมานานกว่าห้าปี ถือเป็นสิ่งที่สมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง มันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและนวัตกรรมยานยนต์จากฝั่งเอเชียอย่างแท้จริง

นอกจากความเร็วสูงสุดแล้ว Yangwang U9 Xtreme ยังแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะอันน่าทึ่งในสนามแข่ง ด้วยการทำเวลาต่อรอบ Nürburgring Nordschleife ได้ในระดับ 6:59.157 นาที แม้จะยังไม่เทียบเท่าสุดยอดรถยนต์ที่เน้นการทำเวลาต่อรอบอย่าง Porsche 911 GT3 RS (992) แต่ก็ยืนยันถึงความสามารถในการควบคุมและเทคโนโลยีแชสซีที่ซับซ้อน มันกำลังจะเขียนนิยามใหม่ของไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูง สำหรับผู้ที่ต้องการขีดสุดของความแรงและเทคโนโลยีล้ำสมัย

ระบบขับเคลื่อน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว
กำลังสูงสุด: 3,027 แรงม้า (2,226 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่นมาตรฐาน U9 มี 1,680 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: ขับเคลื่อนโดยตรงด้วยไฟฟ้า
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.27 Cd

Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม. (304.77 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.4 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ก่อนที่ Yangwang U9 Xtreme จะมาสร้างปรากฏการณ์ Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถโปรดักชั่นคันแรกที่สามารถทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างเป็นทางการ ด้วยความเร็ว 490.484 กม./ชม. ที่สนามทดสอบของบริษัท มันคือผลงานชิ้นเอกที่เกิดจากเครื่องยนต์ W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร อันทรงพลัง ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,578 แรงม้า และแรงบิดกว่า 1,180 ปอนด์-ฟุต แม้จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ค่อนข้างสูงที่ 0.35 Cd แต่พละกำลังมหาศาลก็สามารถพาให้มันทะยานไปข้างหน้าได้อย่างน่าทึ่ง

สิ่งที่สำคัญคือ แม้ Bugatti Chiron Super Sport 300+ จะสามารถทำความเร็วได้ถึงระดับนี้ แต่รถที่ส่งมอบให้กับลูกค้าจะถูกจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 440 กม./ชม. (273 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและข้อกำหนด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบของแบรนด์ แม้จะอยู่ในจุดสูงสุดของสมรรถนะก็ตาม

เครื่องยนต์: W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,578 แรงม้า (1,160 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,180 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.35 Cd

SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 475 กม./ชม. (295 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.7 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

SSC Tuatara เคยสร้างความฮือฮาและข้อถกเถียงอย่างมากในโลกยานยนต์ เมื่อมีการประกาศว่าสามารถทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 508.73 กม./ชม. (316.11 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในทะเลทรายเนวาดา ซึ่งจะทำให้มันโค่น Bugatti ไปอย่างขาดลอย แต่ภายหลังทางแบรนด์ได้ออกมายอมรับว่าสถิติดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นบทเรียนอันสำคัญเกี่ยวกับความโปร่งใสในการทดสอบ

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หยุดยั้งความพยายามของ SSC North America ในการพิสูจน์ตัวเอง ล่าสุดในปี 2022 พวกเขาได้บันทึกความเร็วที่ยืนยันได้ที่ 475 กม./ชม. (295 ไมล์ต่อชั่วโมง) บนรันเวย์ยาว 2.3 ไมล์ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ที่ Kennedy Space Centre และสิ่งที่น่าทึ่งคือ รถคันนี้ยังคงเร่งความเร็วได้อีกก่อนที่นักขับจะต้องผ่อนคันเร่งลง เนื่องจากความยาวของรันเวย์จำกัด นั่นบ่งบอกว่าศักยภาพของ SSC Tuatara ยังคงสูงส่งและเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.9 ลิตร ที่ให้กำลังมหาศาลถึง 1,750 แรงม้า

เครื่องยนต์: V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.9 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,750 แรงม้า (1,300 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 984 ปอนด์-ฟุต (1,350 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.279 Cd

Yangwang U9 Track Edition
ความเร็วสูงสุด: 472.41 กม./ชม. (293.54 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: N/A
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 1.68 ล้านหยวน (ประมาณ 8.5 ล้านบาท)

ไม่นานมานี้ Yangwang U9 Track Edition ได้เข้ามาร่วมในลิสต์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ โดยทำความเร็วสูงสุดที่ 472.41 กม./ชม. ที่สนาม ATP Automotive Testing Papenburg ในเยอรมนี ด้วยการขับขี่ของนักแข่งมืออาชีพ Marc Basseng ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากแบรนด์ย่อยหรูหราของ BYD

สิ่งที่ทำให้ U9 Track Edition โดดเด่นคือระบบมอเตอร์สี่ตัวเกือบ 3,000 แรงม้า ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 30,000 รอบต่อนาทีที่ควบคุมแรงบิดของมอเตอร์แต่ละตัวได้อย่างอิสระ 100 ครั้งต่อวินาที ผ่านเทคโนโลยี “e4 Platform” ของแบรนด์ ผสานกับการทำงานของระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-X ทำให้รถเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็น EV ที่มักจะมีข้อจำกัดด้านความเร็วสูงสุด แต่ Yangwang ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทลายกำแพงนั้นได้สำเร็จ

ระบบขับเคลื่อน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว
กำลังสูงสุด: 2,977 แรงม้า (2,220 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: N/A (รุ่นมาตรฐาน U9 มี 1,680 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: ขับเคลื่อนโดยตรงด้วยไฟฟ้า
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.27 Cd

Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 446.97 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Koenigsegg Agera RS ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกและเป็น Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นทางการ ด้วยค่าเฉลี่ยความเร็วสูงสุดที่ 446.97 กม./ชม. สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,176 แรงม้า และแรงบิด 940 ปอนด์-ฟุต ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในลิสต์นี้

หลายคนอาจจะสงสัยถึง Koenigsegg Jesko Absolut ที่เคลมความเร็วสูงสุดไว้ที่ 330 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 531 กม./ชม.) ซึ่งสูงกว่า Agera RS มาก แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการทดสอบอย่างเป็นทางการบนสนามจริง เราก็ยังไม่สามารถจัดอันดับมันได้ และนี่คือความท้าทายของรถยนต์ความเร็วสูงเหล่านี้ คือการหาสถานที่ทดสอบที่ยาวและปลอดภัยเพียงพอในโลกนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนสาธารณะ หรือเป็นของบริษัทใหญ่ที่มักจะไม่เปิดให้คู่แข่งใช้งาน

เครื่องยนต์: V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,176 แรงม้า (865 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 940 ปอนด์-ฟุต (1,280 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd

Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 445 กม./ชม. (276 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อใช้ Speed Key
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.0 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Bugatti Tourbillon คือเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดจาก Bugatti ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2025 และมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการละทิ้งเครื่องยนต์ W16 ควอด-เทอร์โบ เพื่อหันมาใช้เครื่องยนต์ V16 ไฮบริด แบบไร้ระบบอัดอากาศ ขนาด 8.3 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,800 แรงม้า และแรงบิด 1464 ปอนด์-ฟุต ทำให้มันสามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 445 กม./ชม. ด้วยการใช้ Speed Key

แม้จะไม่ได้ทำลายสถิติโลกเหมือน Chiron Super Sport 300+ แต่ Tourbillon คือรถ Bugatti ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดนี้ได้จริง ซึ่งสูงกว่า Chiron 300+ ในเวอร์ชั่นลูกค้าที่ถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 440 กม./ชม. มันคือการผสมผสานระหว่างมรดกอันยาวนานของ Bugatti กับนวัตกรรมไฮบริดอันทรงพลัง ซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญในอนาคตของแบรนด์

เครื่องยนต์: V16 ไร้ระบบอัดอากาศ ขนาด 8.3 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,800 แรงม้า (1,342 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1464 ปอนด์-ฟุต (1,985 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: N/A

Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.6 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกยังคงดำเนินต่อไป และ Hennessey Performance ก็เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงคนสำคัญจากอเมริกา ด้วย Venom F5 ที่ตั้งเป้าหมายจะทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 6.6 ลิตร ที่ผลิตกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า

ในขณะที่ SSC Tuatara ต้องเผชิญกับข้อโต้แย้ง Hennessey Venom F5 ได้สร้างสถิติความเร็วที่ 437 กม./ชม. ในปี 2022 อย่างเงียบๆ ซึ่งทำให้มันอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก และทาง John Hennessey ผู้ก่อตั้งเองก็ยืนยันว่าปี 2024 (ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025) จะเป็นปีที่ Venom F5 จะพยายามทำลายสถิติ 300 ไมล์ต่อชั่วโมงอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราต้องจับตาดูผลลัพธ์กันต่อไป

เครื่องยนต์: V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 6.6 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,817 แรงม้า (1,355 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1193 ปอนด์-ฟุต
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดาอัตโนมัติคลัตช์เดี่ยว CIMA 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd

Hennessey Venom GT
ความเร็วสูงสุด: 435.31 กม./ชม. (270.49 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เรื่องราวเบื้องหลัง Hennessey Venom GT นั้นน่าสนใจ เริ่มต้นจากไอเดียสนุกๆ ของ John Hennessey ที่จะนำเครื่องยนต์ Venom 1000 Twin Turbo (จาก Viper) ไปใส่ใน Lotus Exige และพัฒนาต่อยอดมาเป็นแนวคิดของรถยนต์ที่มีการวางเครื่องยนต์กลาง เพื่อการยึดเกาะที่ดีขึ้น อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เหนือกว่า และการควบคุมที่ยอดเยี่ยม

ผลลัพธ์คือการสร้างสถิติความเร็วโลกใหม่สำหรับรถสปอร์ตสองที่นั่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014 ที่รันเวย์ลงจอดของกระสวยอวกาศ John F. Kennedy Space Centre ซึ่งเป็นความเร็วที่พิสูจน์แล้วว่า Hennessey สามารถสร้างสรรค์รถยนต์ที่เร็วและแรงได้จริง Venom GT เป็นตัวอย่างของความกล้าที่จะคิดนอกกรอบและผลักดันขีดจำกัดของวิศวกรรมยานยนต์ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 7.0 ลิตร ที่ให้กำลังถึง 1,244 แรงม้า

เครื่องยนต์: GM LS7 V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 7.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,244 แรงม้า (928 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,155 ปอนด์-ฟุต (1,566 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา Ricardo 6 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.33 Cd

Bugatti Veyron Super Sport
ความเร็วสูงสุด: 431.072 กม./ชม. (267.856 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.5 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมื่อเปิดตัวในปี 2010 Bugatti Veyron Super Sport ได้รับการบันทึกจาก Guinness World Records ว่าเป็นรถโปรดักชั่นที่ถูกกฎหมายและเร็วที่สุดในโลกในเวลานั้น แม้ในปัจจุบันจะถูกโค่นโดย Chiron Super Sport 300+ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมค่าย แต่ Veyron Super Sport ยังคงเป็นตำนานที่ไม่อาจลืมเลือน ด้วยเครื่องยนต์ W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร ที่ผลิตกำลัง 1,200 PS (882 กิโลวัตต์) และแรงบิด 1,106 ปอนด์-ฟุต ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งอย่างยิ่งในยุคนั้น

Veyron Super Sport คือต้นแบบของแนวคิด “ไฮเปอร์คาร์” ที่รวมเอาความหรูหราเข้ากับสมรรถนะที่เหลือเชื่อ มันได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ พัฒนารถยนต์ให้ไปถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน

เครื่องยนต์: W-16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร
กำลังสูงสุด: 1,200 PS (882 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,106 ปอนด์-ฟุต (1,500 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ Ricardo 7 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.36 Cd (ในโหมดความเร็วสูงสุด)

Rimac Nevera
ความเร็วสูงสุด: 412 กม./ชม. (256 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 1.8 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Rimac Nevera คือ “ราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้า” ในด้านอัตราเร่ง จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.8 วินาที ซึ่งเร็วที่สุดในลิสต์นี้ และเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุด 412 กม./ชม. แม้จะถูก Yangwang U9 Xtreme แซงหน้าไปในด้านความเร็วสูงสุด แต่ Nevera ยังคงเป็นมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง

Rimac ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดย Mate Rimac และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทร่วมทุน Bugatti Rimac ซึ่งรวมทั้ง Bugatti Automobiles และ Rimac Automobili Nevera ได้สร้างสถิติความเร็วเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วยฝีมือวิศวกรของ Rimac ก่อนที่ Bugatti จะเข้ามามีบทบาทในบริษัท ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวที่ล้อแต่ละข้าง ทำให้มีกำลังรวม 1,888 แรงม้า และแรงบิด 1,741 ปอนด์-ฟุต ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกและเป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถของเทคโนโลยี EV ในการแข่งขันกับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้อย่างแท้จริง

ระบบขับเคลื่อน: มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร Carbon-sleeve Surface-mounted อิสระ 4 ตัว
กำลังสูงสุด: 1,888 แรงม้า (1,388 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด: 1,741 ปอนด์-ฟุต (2,340 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลัง: ขับเคลื่อนโดยตรง 1 สปีด
ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ: 0.30 Cd

รถยนต์ที่ถูกผลักออกจาก 10 อันดับแรก แต่ยังคงน่าจดจำ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีรถยนต์หลายรุ่นที่เคยอยู่ในทำเนียบสุดยอดความเร็ว แต่ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของอุตสาหกรรม ทำให้รถเหล่านี้ถูกผลักลงไป แต่ก็ยังคงเป็นรถที่น่าทึ่งและมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์:

Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.8 วินาที
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Koenigsegg Regera เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกจากสถิติ 0-400-0 กม./ชม. ที่น่าทึ่ง แม้ความเร็วสูงสุดจะถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 400 กม./ชม. และยังไม่เคยถูกทดสอบอย่างเป็นทางการแบบเต็มที่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงส่ง ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 5.0 ลิตร กำลัง 1,500 แรงม้า และระบบส่งกำลัง Koenigsegg Direct Drive Transmission (KDD) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว

McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 403 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 3.0 วินาที
ราคาเริ่มต้น (รถใหม่): ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

McLaren Speedtail ไม่ได้เป็นเพียงรถที่สวยงามที่สุดคันหนึ่งในลิสต์ แต่ยังเป็นรถที่มีคุณค่าและเป็นที่ต้องการอย่างมาก ความเร็วสูงสุด 403 กม./ชม. นั้นน่าประทับใจเป็นพิเศษ เพราะมันคือรถที่มีกำลังน้อยที่สุดในกลุ่มนี้ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวิน-เทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ที่ให้กำลังเพียง 746 แรงม้า ซึ่งน้อยกว่ารถคันอื่นๆ ในลิสต์ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ด้วยการออกแบบตัวถังที่ลู่ลมและการจัดการอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม (ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.278 Cd) ทำให้มันสามารถทำความเร็วได้อย่างน่าทึ่ง

บทสรุปและมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ

จากการได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดไฮเปอร์คาร์มาตลอดสิบปี ผมเชื่อว่าปี 2025 นี้เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง เรากำลังเห็นการเข้ามาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตหน้าใหม่ ซึ่งท้าทายอำนาจเดิมของแบรนด์ยุโรปและอเมริกา และยังคงผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การที่รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Yangwang U9 Xtreme สามารถขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุดได้นั้น ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างสถิติใหม่ แต่เป็นการประกาศถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมรรถนะสูง

ความเร็วสูงสุดไม่ใช่แค่ตัวเลขอีกต่อไป แต่มันคือการแสดงถึงขีดความสามารถทางวิศวกรรม การวิจัยและพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และความหลงใหลในการสร้างสรรค์สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด การได้เห็นรถยนต์เหล่านี้ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะฝันถึงความเป็นไปได้ในอนาคต

คุณคิดอย่างไรกับการจัดอันดับความเร็วสุดยอดของรถยนต์เหล่านี้? มีคันไหนที่คุณใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของ หรือมีเทคโนโลยีใดที่คุณคิดว่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันความเร็วในทศวรรษหน้าหรือไม่? มาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณ และสำรวจโลกของยานยนต์สมรรถนะสูงไปด้วยกัน เพราะการเดินทางสู่ขีดสุดของความเร็วนี้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

Previous Post

N1111635 กเก บมาเล ยง EP2 part 2

Next Post

N1111638 เพ อนข จฉา EP1 part 2

Next Post
N1111638 เพ อนข จฉา EP1 part 2

N1111638 เพ อนข จฉา EP1 part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.