ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
ยกระดับประสบการณ์ขับขี่: สุดยอด SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเซกเมนต์รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ SUV ที่วันนี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดจากรถยนต์เพื่อครอบครัวธรรมดาๆ ไปสู่สถานะของ “ยานพาหนะแห่งความปรารถนา” ที่ผสมผสานความอเนกประสงค์เข้ากับสมรรถนะอันเร้าใจได้อย่างลงตัว ในปี 2025 นี้ ตลาด รถ SUV หรู และ รถ SUV สมรรถนะสูง ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า นี่คือบทสรุปเชิงลึกจากประสบการณ์ตรงของผม เพื่อนำทางคุณไปสู่ SUV รุ่นใหม่ ที่จะเติมเต็มทุกความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง
ตลอดสองถึงสามทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ SUV ได้กลายเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ รถ SUV ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของครอบครัวสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันด้วย แม้ว่าความอเนกประสงค์จะเป็นคุณสมบัติเด่นที่ทำให้รถ SUV ได้รับความนิยมมาโดยตลอด แต่ภาพลักษณ์ของ “รถแม่บ้าน” ในอดีตได้ถูกลบเลือนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เมื่อรถ SUV และกลุ่มลูกค้าได้พัฒนาไปพร้อมกัน ความต้องการ รถยนต์สมรรถนะสูง ในรูปแบบ SUV ก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
สิ่งนี้กระตุ้นให้แบรนด์รถยนต์หรูและสมรรถนะสูงระดับโลกหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังในการพัฒนา รถยนต์ SUV ที่เร็วขึ้น ดีขึ้น และมีสไตล์ที่เย้ายวนใจยิ่งขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทุกรายตระหนักดีว่าความสำเร็จในตลาดนี้ไม่เคยสร้างผลกำไรมหาศาลเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งแบรนด์รถยนต์สุดพิเศษอย่าง Lamborghini และ Ferrari ก็ยังกระโดดเข้าสู่สมรภูมินี้เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถ SUV ได้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทเหล่านี้ และแม้แต่นักเลงรถสปอร์ตตัวยงก็ไม่ควรมองข้ามความจริงข้อนี้ไป ด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก กำไรมหาศาลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการที่บริษัทจะยังคงสามารถลงทุนในการพัฒนารถสปอร์ตอันน่าตื่นเต้นที่สร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขาได้ จากนั้นกระบวนการนี้จะวนเวียนกลับมาเป็นวงจร เมื่อเทคโนโลยีจากรถซูเปอร์คาร์และรถสมรรถนะสูงถูกนำมาปรับใช้กับรถ SUV ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้ซื้อในวงกว้างกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายและขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็น รถ SUV สุดแรง มากมายในช่วงที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้
ในคู่มือนี้ เราจะเจาะลึกถึง SUV ประสิทธิภาพสูง และ SUV พรีเมียม ที่คุณสามารถหาซื้อได้ในปัจจุบัน โดยเน้นย้ำถึงรุ่นปี 2025 ที่มีแนวโน้มโดดเด่นในด้านความสปอร์ต ประสบการณ์ 10 ปีของผมในแวดวงนี้ยืนยันได้ว่า รถเหล่านี้ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือการลงทุนในความเร้าใจและความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบได้
สิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ก้าวสู่อนาคตแห่ง SUV
ปี 2025 อาจไม่ใช่ปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ SUV สมรรถนะสูงหลายรุ่นที่อยู่ในตลาดมานาน แต่ก็มีการปรับปรุงย่อยๆ ที่สำคัญ รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า SUV (Electric SUV) หรือ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มุ่งสู่ความยั่งยืนโดยไม่ทิ้งความเร้าใจในการขับขี่
กลุ่มรถ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025: ราคา รีวิว และการจัดอันดับ
ในส่วนนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกถึงรายละเอียดของแต่ละรุ่น พร้อมมุมมองของผู้เชี่ยวชาญจากประสบการณ์จริง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือก รถ SUV ที่ใช่ สำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณ
2025 Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio
มุมมองส่วนตัว: ในเชิงพลวัตแล้ว นี่คือ SUV ที่ขับสนุกที่สุดในตลาด ที่มอบจิตวิญญาณอิตาเลียนขนานแท้
ภาพรวม: Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio คือ รถ SUV สมรรถนะสูง ที่ฉีดความเร่าร้อนและความตื่นเต้นในการขับขี่แบบอิตาเลียนแท้ๆ เข้าสู่เซกเมนต์ที่มักถูกครอบงำด้วยความสมเหตุสมผลแบบเยอรมัน หัวใจหลักคือเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบขนาด 2.9 ลิตรที่พัฒนาโดย Ferrari ซึ่งปลดปล่อยพละกำลัง 505 แรงม้า พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที (0-60 mph ใน 3.6 วินาที) พร้อมเสียงคำรามจากท่อไอเสียที่กระตุ้นอะดรีนาลีนได้ทันที
แต่ Stelvio Quadrifoglio เป็นมากกว่าแค่จรวดทางตรง แชสซีที่ปรับแต่งมาอย่างพิถีพิถัน พวงมาลัยที่ตอบสนองฉับไว และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นสมรรถนะ มอบการควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้เป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินบนถนนคดเคี้ยว ระบบเบรก Brembo ให้กำลังหยุดที่มั่นใจได้ ช่วยให้คุณควบคุมพละกำลังทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ การออกแบบภายนอกผสมผสานความสง่างามและความดุดัน ด้วยการปรับแต่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน และท่อไอเสียสี่ท่อที่บ่งบอกถึงพลังที่ซ่อนอยู่
ภายในห้องโดยสาร Stelvio Quadrifoglio นำเสนอห้องโดยสารที่สปอร์ตแต่หรูหรา เบาะนั่งสปอร์ตที่รองรับสรีระ พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ขนาดใหญ่ และการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ สร้างสภาพแวดล้อมที่เน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญ แม้ว่าภายในอาจไม่ได้ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเท่าคู่แข่งบางราย แต่ก็ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การขับขี่เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันเร้าใจ สไตล์อิตาเลียน และความอเนกประสงค์ในชีวิตประจำวัน ทำให้ Stelvio Quadrifoglio โดดเด่นในฐานะตัวเลือกที่ไม่เหมือนใครและน่าดึงดูดในเซกเมนต์ SUV สมรรถนะสูง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio เริ่มต้นที่ประมาณ 3.3 ล้านบาท (94,965 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึง 3.4 ล้านบาท (96,625 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ขึ้นอยู่กับรุ่นและออปชัน ในปี 2025 นี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่น แต่ยังคงรักษาคุณค่าของ SUV ที่ขับสนุก ไว้อย่างครบถ้วน
2025 Aston Martin DBX
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ไม่เหมือนใคร หรูหรา และน่าตื่นเต้น พร้อมสมรรถนะที่แข็งแกร่ง สมกับเป็น Aston Martin
ภาพรวม: สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด DBX ได้รับการออกแบบมาเพื่อขนส่งผู้โดยสารในสไตล์ Aston Martin อย่างแท้จริง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อความปลอดภัย DBX มอบความสะดวกสบาย ความหรูหราอย่างฟุ่มเฟือย และจะสร้างความตื่นเต้นให้กับคุณตั้งแต่วินาทีที่คุณนั่งหลังพวงมาลัย ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาและการพัฒนาโดยวิศวกรที่เก่งกาจที่สุด DBX จึงขับขี่ไม่เหมือน SUV อื่นๆ ยานยนต์ระดับพรีเมียมคันนี้ขับขี่ราวกับรถสปอร์ต การผลิต DBX เริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2020 และยังคงเป็นรถที่ขายดีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2025 Aston Martin DBX กลับมาในฐานะ SUV เรือธง ของแบรนด์ ซึ่งเป็นยานพาหนะที่หรูหราและสมรรถนะสูงที่ผสมผสานพลวัตการขับขี่ที่น่าตื่นเต้นเข้ากับงานฝีมืออันประณีตและเทคโนโลยีล้ำสมัย สำหรับปี 2025 Aston Martin ได้ทำการปรับปรุงที่สำคัญ โดยเน้นการปรับปรุงภายในห้องโดยสารและการปรับปรุงไลน์อัพ การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการยกเลิกรุ่น DBX มาตรฐาน เหลือเพียงรุ่น DBX707 ที่เน้นสมรรถนะสูง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Aston Martin ในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงในกลุ่ม รถ SUV พรีเมียม
ใต้ฝากระโปรง DBX707 ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบขนาด 4.0 ลิตรที่ประกอบด้วยมือจาก Mercedes-AMG แต่ได้รับการปรับแต่งให้มีพละกำลังสูงถึง 697 แรงม้า และแรงบิด 663 ปอนด์-ฟุต (900 นิวตันเมตร) เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดพร้อมคลัตช์เปียก แทนที่จะเป็นทอร์คคอนเวอร์เตอร์แบบเดิม ซึ่งให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วฟ้าผ่า และมีส่วนช่วยให้ DBX707 มีสมรรถนะที่น่าประทับใจ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.1 วินาที (0-60 mph ใน 3.1 วินาที) ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด DBX707 ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมเฟืองท้ายหลังลิมิเต็ดสลิปอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้มั่นใจถึงการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมในทุกสภาพการขับขี่
ระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่นำเสนออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายขึ้นและฟังก์ชันการทำงานที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ภายในห้องโดยสารถูกสร้างสรรค์ด้วยวัสดุที่ดีที่สุด รวมถึงหนังเนื้อนุ่ม การเย็บด้วยมือ และการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ สร้างบรรยากาศที่หรูหราและประณีต
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Aston Martin DBX เริ่มต้นที่ประมาณ 9.2 ล้านบาท (253,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึง 9.3 ล้านบาท (256,086 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น DBX 707 ในปี 2025 นี้ สิ่งใหม่คือการปรับโฉมภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมด รวมถึงแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง และพวงมาลัย นอกจากนี้ยังมีหน้าจอสัมผัสขนาด 10.2 นิ้วใหม่ที่ใช้ซอฟต์แวร์อินโฟเทนเมนต์ล่าสุดของ Aston Martin และทุกรุ่นมาพร้อมเครื่องเสียง 14 ลำโพงเป็นมาตรฐาน (สามารถเลือกออปชัน Bowers & Wilkins 23 ลำโพงได้)
2025 Audi SQ5
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ขับสบายและเร็ว เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ภาพรวม: 2025 Audi SQ5 คือ รถ SUV คอมแพคท์หรู ที่ผสมผสานสมรรถนะ เทคโนโลยี และสไตล์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มาพร้อมการออกแบบที่สดใหม่ ภายนอกของ SQ5 โดดเด่นด้วยเส้นสายที่คมชัดขึ้น ไฟหน้า Matrix LED ใหม่ กระจังหน้าและกันชนหน้า-หลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ใต้ฝากระโปรง เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 349 แรงม้า และแรงบิด 369 ปอนด์-ฟุต (500 นิวตันเมตร) มอบอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้นและประสบการณ์การขับขี่ที่สปอร์ต
ภายในห้องโดยสาร SQ5 นำเสนอสภาพแวดล้อมระดับพรีเมียมด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้วพร้อมอินเทอร์เฟซ MMI touch ของ Audi ครองคอนโซลกลาง ขณะที่แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วให้ข้อมูลที่ปรับแต่งได้แก่ผู้ขับขี่ SQ5 ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เป็นมาตรฐาน รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning) และระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind-spot Monitoring)
สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่ dynamique ยิ่งขึ้น SQ5 มีแพ็คเกจ Sport เสริมที่มาพร้อมแดมเปอร์ปรับได้ ช่วงล่างปรับแต่งแบบสปอร์ต และเฟืองท้ายหลังแบบสปอร์ต ด้วยการผสมผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และเทคโนโลยี 2025 Audi SQ5 จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหา SUV คอมแพคท์ระดับพรีเมียม ที่สามารถรองรับทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและการขับขี่แบบสปอร์ต
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Audi SQ5 (รุ่นใหม่) เริ่มต้นที่ประมาณ 2.1 ล้านบาท (59,695 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึง 2.4 ล้านบาท (68,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) รุ่น Premium Plus ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด โดยมีการผสมผสานราคาและออปชันที่ดีเยี่ยม
2025 Audi SQ7
มุมมองส่วนตัว: SUV ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรง
ภาพรวม: 2025 Audi SQ7 คือ รถ SUV หรู ที่ผสมผสานสมรรถนะ ความอเนกประสงค์ และสไตล์ได้อย่างลงตัว ใต้ฝากระโปรง คุณจะพบเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 4.0 ลิตร อันทรงพลัง ให้กำลัง 500 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์-ฟุต (770 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้น ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที (0-60 mph ใน 3.8 วินาที) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi ทำให้ SQ7 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ dynamique เหมาะสมทั้งสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและการขับขี่แบบสปอร์ตในวันหยุดสุดสัปดาห์
นอกเหนือจากความสามารถด้านสมรรถนะแล้ว SQ7 ยังภูมิใจนำเสนอภายในห้องโดยสารที่ประณีตและกว้างขวาง ด้วยเบาะนั่งสามแถว สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดเจ็ดคนอย่างสบาย ห้องโดยสารถูกสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันด้วยวัสดุระดับพรีเมียม และมีเทคโนโลยีมากมาย รวมถึงระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบเสียง Bang & Olufsen 3D SQ7 ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบเตือนการออกนอกเลน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
ในทางสายตา SQ7 แตกต่างจาก Q7 มาตรฐานด้วยการออกแบบที่ละเอียดอ่อนแต่สปอร์ต ซึ่งรวมถึงกันชนหน้าแบบปรับปรุงใหม่พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กระจังหน้าที่มีดีไซน์เฉพาะ ท่อไอเสียสี่ท่อ และล้ออัลลอยที่มีให้เลือกหลากหลาย ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา และเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ 2025 Audi SQ7 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่ม SUV หรู
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคายังไม่ถูกกำหนดอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 3.3 ล้านบาท (93,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึง 3.5 ล้านบาท (98,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับปี 2025 Audi ได้เผยโฉม Q7 และ SQ7 รุ่นปรับปรุงใหม่ มาพร้อมกันชนหน้า-หลังใหม่ กระจังหน้าปรับรูปทรง ไฟหน้าติดตั้งสูงขึ้น และไฟวิ่งกลางวันใหม่ นอกจากนี้ยังมีสปอยเลอร์หน้าใหม่และช่องดักอากาศกรอบสี ส่วนด้านหลังมาพร้อมดิฟฟิวเซอร์ใหม่และไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุง ตัวเลือกสีตัวถังใหม่ ได้แก่ Sakhir Gold, Ascari Blue และ Chili Red รวมถึงตัวเลือกเบาะและวัสดุตกแต่งไม้/โลหะใหม่ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบล้อใหม่และการอัปเกรดอินโฟเทนเมนต์ด้วยการรวมแอปพลิเคชันใหม่ๆ
2025 Audi SQ8
มุมมองส่วนตัว: เธอคือ SUV ที่น่าทึ่ง ตัวเลือกที่แข็งแกร่งและปลอดภัย ในทุกมิติ
ภาพรวม: Audi SQ8 แบบห้าที่นั่งผสมผสานการออกแบบสไตล์คูเป้ที่เพรียวบางเข้ากับความอเนกประสงค์ของ SUV ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 500 แรงม้า ไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐาน และคู่แข่งได้แก่ BMW X6 และ Land Rover Range Rover Velar มีสมรรถนะใกล้เคียงกับ RSQ8 และมีราคาถูกกว่ามาก ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกโดยรวมที่ดีที่สุดจากกลุ่ม Audi SUV สมรรถนะสูง
เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกับ SQ7 ยังคงได้รับการยกย่องในด้าน “พละกำลังอันระเบิด” และ “เสียงเครื่องยนต์ที่น่าตื่นเต้น” Reviewers ชี้ให้เห็นถึง 503 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์-ฟุต (770 นิวตันเมตร) ที่ให้ “อัตราเร่งที่รุนแรง” ในขณะที่ชื่นชม “สมรรถนะที่ง่ายดาย” ภายในห้องโดยสารได้รับการยกย่องว่า “สะดวกสบายและเงียบสงบ” ด้วย “วัสดุคุณภาพสูง” และ “ความรู้สึกที่หรูหรา” โดยเฉพาะเบาะนั่งที่รองรับสรีระและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงคุณสมบัติ “ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี”
สำหรับปี 2025 Audi SQ8 มาพร้อมไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED และระบบจดจำป้ายจราจรเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย รุ่น Prestige เพิ่มเบาะนั่งนวดด้านหน้าพร้อมฟังก์ชันหน่วยความจำเป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีสองแพ็คเกจใหม่ให้เลือก: แพ็คเกจ Carbon เพิ่มการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่เรือนกระจกมองข้าง แผงประตู และฝาครอบไฟท้าย ในขณะที่แพ็คเกจ Audi Sport นำการเย็บด้วยด้ายสีแดงมาสู่เบาะนั่ง คอนโซลกลาง และที่วางแขนประตู พร้อมเข็มขัดนิรภัยสีแดงที่โดดเด่น
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Audi SQ8 เริ่มต้นที่ประมาณ 3.5 ล้านบาท (98,895 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึง 3.8 ล้านบาท (106,195 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่คุณเลือก สำหรับปี 2025 การเลือกรุ่น Prestige ที่แพงกว่าก็คุ้มค่า เพราะมีการเพิ่มคุณสมบัติหรูหราหลายอย่าง
2025 Audi RS Q8
มุมมองส่วนตัว: Urus ที่เซ็กซี่กว่า เจ๋งพอๆ กัน แต่ราคาถูกกว่ามาก นี่คือ SUV สมรรถนะสูง ที่คุ้มค่า
ภาพรวม: Audi RS Q8 คือ Q8 SUV รุ่นที่เร็วที่สุด และเป็น Audi SUV เพียงรุ่นเดียวที่ติดตรา RS ในตลาดอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุด บนสนาม Nordschleife ซึ่งหมายความว่ามีความคล่องตัวอย่างมากสำหรับ รถ SUV ที่คุณสามารถพาเด็กๆ ไปโรงเรียนได้
RS Q8 มาพร้อมป้ายราคาหลักหกหลัก (ดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่สมรรถนะ สไตล์ และคุณสมบัติของมันคุ้มค่ากับการลงทุน หากคุณให้ความสำคัญกับ SUV สุดร้อนแรง แน่นอนว่าทุกรุ่นของ RS Q8 มาพร้อมระบบกันสะเทือนอากาศแบบปรับได้เป็นมาตรฐาน ล้อขนาด 22 นิ้ว เบาะนั่งด้านหน้าที่ปรับความร้อนและระบายอากาศได้ และระบบเสียง Bang & Olufsen 17 ลำโพง เราจะเลือกรุ่น Performance ที่มีสเปคสูงสุดเพื่อปลดปล่อยพละกำลัง 631 แรงม้าที่สูงกว่า เมื่อคุณใช้เงินจำนวนขนาดนี้ ทำไมไม่ไปให้สุดล่ะ?
RS Q8 ได้รับการปรับโฉมใหม่สำหรับปี 2025 เพื่อให้สอดคล้องกับรุ่น Q8 และ SQ8 ซึ่งได้รับการปรับโฉมไปเมื่อปีที่แล้ว แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นจริงๆ คือรุ่น Performance ใหม่ที่มี 631 แรงม้า รุ่น Performance ไม่เพียงแต่ให้พละกำลังที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมเฟืองท้ายกลางแบบล็อกตัวเอง ระบบท่อไอเสียที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ และระบบกันสะเทือนที่ไม่เหมือนใครที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อช่วยให้ RS Q8 ทรงตัวได้ดีขึ้นในทางโค้ง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Audi RS Q8 เริ่มต้นที่ประมาณ 5.2 ล้านบาท (145,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) นี่ไม่ใช่ SUV ราคาถูก แต่ถ้าคุณคิดว่ามันคือ Lamborghini Urus ที่ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง มันก็จะเริ่มสมเหตุสมผล คุณสามารถเพิ่มออปชันให้กับ RS Q8 ได้ แต่แม้ในรูปแบบพื้นฐาน มันก็ยังเป็นเครื่องจักรที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
2025 Bentley Bentayga
มุมมองส่วนตัว: ความประณีตที่คุณคาดหวัง พร้อมสมรรถนะที่เข้ากัน นี่คือ SUV ที่ดีที่สุดในตอนนี้
ภาพรวม: เครื่องยนต์ V8 อันล้ำสมัยมอบพละกำลังเกือบ 550 แรงม้า ในขณะที่คุณสมบัติที่ให้แรงบิดสูงส่งผลให้อัตราเร่งเกือบจะทันทีทันใด ดึงอย่างกับรถไฟในความสบายสูงสุดและความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส Bentayga V8 มีการควบคุมที่ดีเยี่ยมและคล่องตัวกว่าที่คุณเคยคาดหวัง Bentley ยังได้นำเสนอ Bentayga ในเวอร์ชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร 335 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 162 แรงม้า จับคู่กับแบตเตอรี่ Li-ion ขนาด 17.3 kWh
ด้วยรุ่นนี้ Bentley ได้เสียสละพละกำลังและความเร็วเพื่อแลกกับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง แต่ด้วยกำลัง 443 แรงม้า Bentayga Hybrid ก็ไม่ได้ช้า Bentley ไม่ได้ลดทอนความหรูหรา ดังนั้น 2024 Bentayga Hybrid จึงยังคงมอบประสบการณ์อันหรูหราเช่นเดียวกันให้กับผู้โดยสาร ในด้านรุ่นย่อย มี Bentayga A ซึ่งให้พละกำลังและสมรรถนะเดียวกันกับรุ่น BV8 มาตรฐาน แต่คุณจะได้รับล้อขนาด 21 นิ้ว ความหรูหราภายในที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มุ่งเน้นการขับขี่ทางไกล
Bentayga S เป็นรุ่น V8 ที่กลั่นกรองและสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยการอัปเกรดรูปลักษณ์ภายนอกเหนือกว่ารถรุ่นพื้นฐาน รวมถึงการตกแต่ง Blackline เป็นมาตรฐาน และกันชน Bentayga Speed รวมถึงล้อ 22 นิ้วห้าก้านแบบพิเศษเป็นมาตรฐาน Bentayga Azure มีการกำหนดค่าภายในหลายแบบ และยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ อุปกรณ์เสริม และสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่ Bentley ได้สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับ SUV ของพวกเขา
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Bentley Bentayga เริ่มต้นที่ประมาณ 7.5 ล้านบาท (205,925 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น V8 หรือ Hybrid พื้นฐาน และสูงถึง 9.1 ล้านบาท (249,125 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น Azure V8 และนั่นยังไม่รวมออปชันต่างๆ สำหรับปี 2025 Bentayga ได้รับตัวเลือกไฮบริดในทุกระดับการตกแต่ง และเครื่องยนต์ W12 ไม่มีให้เลือกแล้วสำหรับรุ่นนี้ ส่วนที่เหลือของไลน์อัพได้รับการอัปเดตพื้นฐานจากการออกแบบ โดยส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิมสำหรับปี 2025 ผมแนะนำให้เลือกรุ่น Bentayga S ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายและความหรูหรา
2025 Bentley Bentayga EWB
มุมมองส่วนตัว: SUV ครอบครัวที่ใช้งานได้จริงยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นและความหรูหราเหมือนเดิม
ภาพรวม: Bentley Bentayga EWB คือ Bentayga รุ่นฐานล้อยาว (Extended Wheel Base) ของ SUV สุดหรู ซึ่งเปลี่ยนให้กลายเป็นรถลิมูซีนขนาดใหญ่ รถคันนี้มีระยะห่างระหว่างล้อเพิ่มขึ้นรวม 180 มม. ซึ่งให้พื้นที่วางขาด้านหลังที่กว้างขวางมาก สามารถเลือกออปชันเบาะนั่งเอนนอนแยกสองที่นั่งด้านหลัง หรือรุ่นสามที่นั่งที่ไม่สามารถเอนนอนได้ แต่ก็ยังคงได้รับประโยชน์จากพื้นที่วางขาที่เพิ่มขึ้น
นอกเหนือจากพื้นที่พิเศษแล้ว EWB ยังมาพร้อมล้อขนาด 21 นิ้วเป็นมาตรฐานแม้ในรุ่นพื้นฐาน และยังคงมีสมรรถนะเช่นเดียวกับ Bentayga พื้นฐาน โดยไม่เสียเวลาในการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. หรือความเร็วสูงสุด นอกจากนี้ยังได้รับรุ่น Mulliner (ตามภาพด้านบน) ที่มีการจัดวางสีสามสีที่พิเศษสุด ซึ่งมีให้เลือกแปดชุดสีที่ไม่เหมือนใคร
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Bentley Bentayga EWB เริ่มต้นที่ประมาณ 8.6 ล้านบาท (236,850 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น V8 พื้นฐาน และสูงถึง 12.3 ล้านบาท (339,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับ EWB Mulliner สำหรับปี 2025 Bentayga ยังคงมีรุ่น Mulliner ที่เป็นรุ่นท็อป การตกแต่งนี้รวมถึงองค์ประกอบการออกแบบภายนอกที่ไม่เหมือนใคร และสามารถระบุการผสมสีภายในได้เกือบ 4000 แบบ รุ่น Mulliner สามารถเลือกได้เฉพาะตัวถัง Bentayga ฐานล้อยาวและเครื่องยนต์ V8 เท่านั้น รุ่น EWB พื้นฐานคือตัวเลือกของผม
2025 BMW X3 M
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่แสวงหาอะดรีนาลีน พร้อมความอเนกประสงค์ที่ดีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ภาพรวม: BMW X3 M คือ รถ SUV คอมแพคท์สมรรถนะสูง ที่ผสมผสานความอเนกประสงค์เข้ากับพลวัตการขับขี่ที่น่าตื่นเต้นได้อย่างลงตัว ใต้ฝากระโปรงมีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงทวินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 473 แรงม้า และแรงบิด 442 ปอนด์-ฟุต (600 นิวตันเมตร) พละกำลังนี้ถูกส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ของ BMW ทำให้ X3 M สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที
นอกเหนือจากความเร็วทางตรงที่น่าประทับใจแล้ว X3 M ยังโดดเด่นในด้านการควบคุมและความคล่องตัว ช่วงล่างปรับแต่งแบบสปอร์ต แดมเปอร์ปรับได้ และการปรับแต่งเฉพาะของ M เปลี่ยน SUV คันนี้ให้กลายเป็นเครื่องจักรที่เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ พวงมาลัยแม่นยำและตอบสนองได้ดี ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ขับขี่ ระบบเบรกขนาดใหญ่ช่วยให้มั่นใจถึงกำลังหยุดที่มั่นใจได้ แม้ในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน การออกแบบภายนอกของ X3 M สะท้อนถึงความสามารถด้านสมรรถนะ ด้วยสไตล์ที่ดุดัน เช่น ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กระจังหน้าที่มีดีไซน์เฉพาะ ท่อไอเสียสี่ท่อ และล้ออัลลอยที่มีให้เลือกหลากหลาย
ภายในห้องโดยสาร X3 M นำเสนอการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ต เบาะนั่งสปอร์ตที่รองรับสรีระ พวงมาลัยที่มีขอบหนา และจอแสดงผลเฉพาะของ M สร้างสภาพแวดล้อมที่เน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญ ภายในห้องโดยสารยังภูมิใจนำเสนอวัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 BMW X3 M เริ่มต้นที่ประมาณ 2.7 ล้านบาท (76,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงถึง 2.9 ล้านบาท (83,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หากคุณเลือกรุ่น Competition ในปี 2025 นี้ BMW X3 M ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากรุ่นปี 2024 รุ่น Competition ให้พละกำลังพิเศษและอุปกรณ์ที่อัปเกรด รวมถึงกระจังหน้าและฝาครอบกระจกสีดำเงาที่ดูดุดัน และระบบท่อไอเสียสปอร์ตที่ให้เสียงที่น่าทึ่งเป็นมาตรฐาน
2025 BMW X4 M
มุมมองส่วนตัว: พละกำลังมหาศาล อัตราเร่งที่รวดเร็ว การควบคุมที่คล่องแคล่ว ในสไตล์คูเป้
ภาพรวม: BMW X4 M นำความอเนกประสงค์และสมรรถนะของ X3 M มาบรรจุในแพ็คเกจที่ดูมีสไตล์และคล้ายคูเป้มากขึ้น Sports Activity Coupe คันนี้ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงทวินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร อันดุร้ายเช่นเดียวกับ X3 M ให้กำลัง 473 แรงม้า และแรงบิด 442 ปอนด์-ฟุต (600 นิวตันเมตร) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ทำให้ X4 M พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที มอบอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้นและการยึดเกาะที่มั่นใจได้
แต่ X4 M เป็นมากกว่าแค่ขีปนาวุธทางตรง ช่วงล่างปรับแต่งแบบสปอร์ต แดมเปอร์ปรับได้ และพวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้เป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินในทางโค้ง X4 M แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ด้วยแชสซีที่ตอบสนองได้ดีซึ่งกระตุ้นให้เกิดการขับขี่ที่ดุดัน องค์ประกอบการออกแบบที่โดดเด่น เช่น หลังคาลาดเอียง ส่วนท้ายที่แกะสลัก และกันชนหน้าทรงดุดัน ทำให้แตกต่างจาก X3 M ที่มีรูปแบบดั้งเดิมมากกว่า
ภายในห้องโดยสาร X4 M นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและเน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญ เบาะนั่งสปอร์ตให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน ขณะที่พวงมาลัยที่มีขอบหนาและจอแสดงผลเฉพาะของ M ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ ภายในห้องโดยสารยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี รวมถึงระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ด้วยการผสมผสานสมรรถนะ สไตล์ และความอเนกประสงค์ BMW X4 M จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครและน่าตื่นเต้น
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 BMW X4 M เริ่มต้นที่ประมาณ 2.9 ล้านบาท (80,275 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงถึง 3.1 ล้านบาท (87,275 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หากคุณเลือกรุ่น Competition ในปี 2025 นี้ BMW X4 M ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากรุ่นปี 2024
2025 BMW X5 M
มุมมองส่วนตัว: สุดยอด Super SUV; เร็ว กว้างขวาง และหรูหรา นี่คือบรรทัดฐานของ รถ SUV สมรรถนะสูง
ภาพรวม: 2025 BMW X5 M กลับมาในฐานะพลังขับเคลื่อนในเวที SUV สมรรถนะสูง ด้วยพละกำลังและเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น ใต้ฝากระโปรง เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร ที่คุ้นเคยได้รับการอัปเกรดด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48V เพิ่มกำลังขับเป็น 617 แรงม้า และแรงบิด 553 ปอนด์-ฟุต (750 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ทำให้ X5 M พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที (ตามที่เคลม) พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่รับประกันว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ชื่นชอบความแรง
แต่ความสามารถของ X5 M ขยายไปไกลกว่าความเร็วทางตรง แชสซีที่ซับซ้อนประกอบด้วยระบบกันสะเทือน M แบบปรับได้ ระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอ็คทีฟ และระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง ทำงานร่วมกันเพื่อให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อมเฟืองท้าย M แบบแอ็คทีฟช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการควบคุม ทำให้ X5 M สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจด้วยความสง่างามที่น่าทึ่ง ระบบเบรก M Compound ขนาดใหญ่ให้กำลังหยุดที่มั่นใจได้ ทำให้ SUV อันทรงพลังนี้หยุดได้อย่างมั่นคง
ภายในห้องโดยสาร X5 M นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย หน้าจอ BMW Curved Display ที่โดดเด่นบนแผงหน้าปัด ผสานรวมแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.9 นิ้ว เบาะนั่ง M Sport ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน ในขณะที่วัสดุระดับพรีเมียมและการตกแต่งที่ประณีตสร้างบรรยากาศของความซับซ้อน ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันระเบิด เทคโนโลยีล้ำสมัย และการตกแต่งที่หรูหรา 2025 BMW X5 M ยังคงสร้างมาตรฐานสูงสำหรับ SUV สมรรถนะสูง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 BMW X5 M เริ่มต้นที่ประมาณ 4.5 ล้านบาท (125,975 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เป็นรุ่น Competition เพียงรุ่นเดียว ซึ่งให้คุณสมบัติที่เพิ่มสมรรถนะที่ดีที่สุดทั้งหมดเป็นมาตรฐาน รวมถึงระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต และล้อขนาด 21 นิ้ว/22 นิ้วพร้อมยางประสิทธิภาพสูง
2025 BMW X6 M
มุมมองส่วนตัว: เครื่องยนต์ที่น่าทึ่ง พร้อมอัตราเร่งสุดบ้าระห่ำ สนุกสุดเหวี่ยงบนถนนสายรอง
ภาพรวม: 2025 BMW X6 M ต่อยอดจากชื่อเสียงของ SUV สไตล์คูเป้สมรรถนะสูง มอบการผสมผสานที่น่าตื่นเต้นของพละกำลัง สไตล์ และเทคโนโลยี ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร อันทรงพลังร่วมกับ X5 M ซึ่งขณะนี้ได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48V ให้กำลังรวม 617 แรงม้า และแรงบิด 553 ปอนด์-ฟุต (750 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้น โดย X6 M สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที (ตามที่เคลม)
สมรรถนะของ X6 M ขยายไปไกลกว่าพละกำลังดิบ ด้วยแชสซีที่ซับซ้อนซึ่งประกอบด้วยระบบกันสะเทือน M แบบปรับได้ ระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอ็คทีฟ และระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้ SUV ขนาดใหญ่ คันนี้สามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อมเฟืองท้าย M แบบแอ็คทีฟช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการควบคุม ขณะที่ระบบเบรก M Compound อันทรงพลังให้กำลังหยุดที่มั่นใจได้
ภายในห้องโดยสาร X6 M นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและเน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญ หน้าจอ BMW Curved Display เป็นจุดศูนย์กลาง ผสานรวมแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.9 นิ้ว เบาะนั่ง M Sport ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน ในขณะที่วัสดุระดับพรีเมียมและการตกแต่งที่ประณีตสร้างบรรยากาศของความซับซ้อน ด้วยการผสมผสานการออกแบบที่โดดเด่น สมรรถนะอันเร้าใจ และเทคโนโลยีขั้นสูง 2025 BMW X6 M จึงโดดเด่นในฐานะตัวเลือกที่ไม่เหมือนใครและน่าดึงดูดใจในกลุ่ม SUV สมรรถนะสูง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 BMW X6 M เริ่มต้นที่ประมาณ 4.7 ล้านบาท (130,875 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ในปี 2025 นี้ X6 M ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่นปี 2024 โดยมีเฉพาะรุ่น Competition เท่านั้น ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติระดับพรีเมียมทั้งหมด
2025 Cadillac Escalade V-Series
มุมมองส่วนตัว: รถยนต์ที่มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพที่น่าประหลาดใจ ท้าทายขนาดและน้ำหนักของมัน
ภาพรวม: 2025 Cadillac Escalade V-Series ยกระดับ SUV หรูหรารุ่นไอคอน ไปสู่จุดสูงสุดของสมรรถนะและเอกสิทธิ์เฉพาะ ใต้ฝากระโปรงเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ 6.2 ลิตรที่ประกอบด้วยมือ ปลดปล่อยพละกำลัง 682 แรงม้า และแรงบิด 653 ปอนด์-ฟุต (885 นิวตันเมตร) ซึ่ง translates เป็นอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ที่มีขนาดและสถานะเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม Escalade V-Series ไม่ได้อาศัยเพียงแค่พละกำลังดิบเท่านั้น ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งเพื่อสมรรถนะพร้อม Magnetic Ride Control 4.0 เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป และระบบเบรก Brembo ขนาดใหญ่ ช่วยให้มั่นใจถึงการควบคุมและกำลังหยุดที่ยอดเยี่ยม
Escalade V-Series แตกต่างด้วยองค์ประกอบการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งบ่งบอกถึงศักยภาพด้านสมรรถนะ กันชนหน้าที่มีดีไซน์เฉพาะพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กระจังหน้าแบบตาข่าย และตรา V-Series ทำให้แตกต่างจาก Escalade มาตรฐาน ล้อขนาด 24 นิ้วสุดพิเศษ คาลิปเปอร์เบรก Edge Red ที่เป็นอุปกรณ์เสริม และท่อไอเสียสี่ท่อ เน้นย้ำถึงบุคลิกที่แข็งแกร่ง ภายในห้องโดยสารเป็นสวรรค์ของความหรูหราและเทคโนโลยี เบาะหนัง Semi-aniline พร้อมการเย็บที่ไม่เหมือนใครและโลโก้ V-Series มอบความสบายและการรองรับที่ยอดเยี่ยม หน้าจอ OLED โค้งครอบคลุมแผงหน้าปัด ผสานรวมแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 14.2 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 16.9 นิ้ว
ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันระเบิด การออกแบบที่สะดุดตา และสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา 2025 Cadillac Escalade V-Series นิยามใหม่ของเซกเมนต์ SUV หรู เป็นยานพาหนะที่สามารถขนส่งครอบครัวได้อย่างง่ายดายด้วยความสบายและมีสไตล์ ในขณะเดียวกันก็มอบสมรรถนะที่น่าตื่นเต้นตามต้องการ สำหรับผู้ที่มองหาสุดยอดความหรูหราและสมรรถนะใน SUV Escalade V-Series คือที่สุด
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Cadillac Escalade V-Series เริ่มต้นที่ประมาณ 5.8 ล้านบาท (161,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ) การอัปเดตภายนอกของ Escalade รวมถึงด้านหน้าที่มีการปรับปรุงใหม่ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมลวดลายใหม่ ไฟวิ่งกลางวันที่แคบลงใต้รอยพับของฝากระโปรง ไฟหน้า LED แนวนอน และกรอบกระจังหน้าแบบเรืองแสงที่มีให้เลือก ด้านหลังมีไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ฝาครอบกันชนล่างใหม่ และการปรับแต่งเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีสีใหม่และตัวเลือกและอัปเกรดภายในมากมาย
2025 Dodge Durango SRT 392
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ใช้งานได้จริง พร้อมความสามารถด้านสมรรถนะที่น่าทึ่ง ในเวลาเดียวกัน
ภาพรวม: Dodge Durango SRT 392 คือ รถ Muscle Car ที่ปลอมตัวเป็น SUV สำหรับครอบครัว เป็นยานพาหนะที่ท้าทายความคาดหวัง มอบสมรรถนะอันเร้าใจและเสียงเครื่องยนต์ V8 ที่หนักแน่น ในขณะที่ยังคงให้ความอเนกประสงค์และความยืดหยุ่นของ SUV สามแถว ใต้ฝากระโปรงมีเครื่องยนต์ HEMI V8 6.4 ลิตร ที่ให้กำลัง 475 แรงม้า และแรงบิด 470 ปอนด์-ฟุต (637 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 4.7 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในคลาส แต่ Durango SRT 392 ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความเร็วทางตรง
Dodge ได้ติดตั้ง SUV สมรรถนะสูง คันนี้ด้วยระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ระบบเบรก Brembo และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ช่วยให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจ เป็นยานพาหนะที่สามารถขับขี่บนถนนคดเคี้ยวได้อย่างสบาย หรือแม้กระทั่งลงสนามแข่งได้อย่างมั่นใจ สไตล์ที่ดุดันของ Durango SRT 392 ด้วยตัวถัง Widebody ช่องดักอากาศบนฝากระโปรง และล้อขนาด 20 นิ้ว ยิ่งบ่งบอกถึงศักยภาพด้านสมรรถนะ
ภายใน Durango SRT 392 นำเสนอห้องโดยสารที่สะดวกสบายและครบครันด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารสูงสุดเจ็ดคน เบาะหน้าปรับความร้อนและระบายอากาศ พวงมาลัยปรับความร้อน และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว เป็นเพียงบางส่วนของคุณสมบัติที่ทำให้เป็นสถานที่ที่น่ารื่นรมย์ในการใช้เวลา ด้วยการผสมผสานสมรรถนะแบบ Muscle Car ความอเนกประสงค์ของ SUV และภายในห้องโดยสารที่สะดวกสบาย Dodge Durango SRT 392 จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมือนใครและน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทุกสิ่ง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Durango SRT 392 เริ่มต้นที่ประมาณ 2.7 ล้านบาท (76,590 ดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมีหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นมีออปชันไม่มากนัก
2025 Dodge Durango SRT Hellcat
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ใช้งานได้จริง พร้อมความสามารถด้านสมรรถนะที่น่าทึ่ง ที่สุดของความบ้าคลั่งที่ยังคงความอเนกประสงค์
ภาพรวม: 2025 Dodge Durango SRT Hellcat กลับมาอีกครั้ง ท้าทายความคาดหวังและตรรกะด้วยการยัดเครื่องยนต์ Hellcat V8 ซูเปอร์ชาร์จ 6.2 ลิตร ลงใน SUV สำหรับครอบครัว เครื่องยนต์อันมหึมานี้สร้างกำลัง 710 แรงม้า และแรงบิด 645 ปอนด์-ฟุต (875 นิวตันเมตร) เปลี่ยน Durango ให้กลายเป็นสัตว์ร้ายแห่งสมรรถนะอย่างแท้จริง ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.5 วินาที (0-60 mph ใน 3.5 วินาที) และเวลาควอเตอร์ไมล์ 11.5 วินาที Durango SRT Hellcat สามารถทำให้อิจฉารถสปอร์ตหลายคัน ในขณะที่ยังคงรองรับผู้โดยสารเจ็ดคนและสัมภาระได้อย่างสบาย
แต่ Durango SRT Hellcat เป็นมากกว่าแค่พละกำลังดิบ มันติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ปรับแต่งเพื่อสมรรถนะ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ และระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจสำหรับขนาดของมัน ระบบเบรก Brembo ขนาดใหญ่ให้กำลังหยุดที่จำเป็นในการควบคุมสัตว์ร้ายคันนี้ ในขณะที่ระบบ Launch Control ช่วยให้คุณบรรลุอัตราเร่งที่รวดเร็ว การออกแบบที่ดุดันของ Durango SRT Hellcat ด้วยตัวถัง Widebody ช่องดักอากาศบนฝากระโปรง และล้อขนาด 20 นิ้ว ไม่ต้องสงสัยเลยถึงความตั้งใจด้านสมรรถนะ
ภายใน Durango SRT Hellcat นำเสนอห้องโดยสารที่สะดวกสบายและครบครันด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารสูงสุดเจ็ดคน เบาะหน้าปรับความร้อนและระบายอากาศ พวงมาลัยปรับความร้อน และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว เป็นเพียงบางส่วนของคุณสมบัติที่ทำให้เป็นสถานที่ที่น่ารื่นรมย์ในการใช้เวลา ด้วยการผสมผสานสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ ความอเนกประสงค์ของ SUV และภายในห้องโดยสารที่สะดวกสบาย 2025 Dodge Durango SRT Hellcat จึงเป็นยานพาหนะที่ไม่เหมือนใครและน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริงที่ท้าทายการจัดหมวดหมู่
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Durango SRT Hellcat เริ่มต้นที่ประมาณ 3.7 ล้านบาท (100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมีรุ่นพิเศษ Silver Bullet ที่มาพร้อมการตกแต่งและสีตัวถังเฉพาะ
2025 Ferrari Purosangue
มุมมองส่วนตัว: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความอเนกประสงค์ และความหรูหรา สำหรับครอบครัวในแบบ Ferrari
ภาพรวม: Ferrari Purosangue ไม่ใช่แค่ SUV คันแรกของ Ferrari เท่านั้น แต่ยังเป็นแถลงการณ์ที่ท้าทายธรรมเนียมและนิยามใหม่ของความคาดหวัง นี่ไม่ใช่ รถยนต์ครอบครัวยกสูง ทั่วไปของคุณ แต่มันคือ Ferrari สายพันธุ์แท้ที่มีจิตวิญญาณของรถสปอร์ตและความอเนกประสงค์ของ SUV การออกแบบที่เพรียวบางตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยฝากระโปรงยาว บังโคลนที่แข็งแกร่ง และท่าทางที่ดุดัน บ่งบอกชัดเจนว่าเป็น Ferrari ในขณะที่ความสูงจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้นและสี่ประตูมอบระดับความอเนกประสงค์ใหม่สำหรับม้าลำพอง
ใต้ฝากระโปรง Purosangue ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ V12 Naturally Aspirated ขนาด 6.5 ลิตร ที่ปลดปล่อยพละกำลัง 715 แรงม้า และแรงบิด 528 ปอนด์-ฟุต (716 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นสมรรถนะที่น่าทึ่ง ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.3 วินาที (0-60 mph ใน 3.3 วินาที) และความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. (193 mph) แต่ Purosangue เป็นมากกว่าแค่ขีปนาวุธทางตรง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง ระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟ และระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง ให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้เป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างสนุกสนานบนถนนคดเคี้ยว
ภายในห้องโดยสาร Purosangue นำเสนอห้องโดยสารที่หรูหราและกว้างขวางพร้อมเบาะนั่งสำหรับสี่คน ห้องนักบินที่เน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญประกอบด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัล ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 10.2 นิ้ว และการออกแบบห้องนักบินคู่ที่ไม่เหมือนใครที่ให้ผู้โดยสารด้านหน้ามีจอแสดงผลและการควบคุมของตนเอง เบาะนั่งด้านหลังมีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะที่กว้างขวาง ทำให้ Purosangue เป็นยานพาหนะที่สะดวกสบายและใช้งานได้จริงสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันเร้าใจ การออกแบบที่น่าทึ่ง และความอเนกประสงค์ที่น่าประหลาดใจ Ferrari Purosangue คือยานพาหนะที่ก้าวข้ามขีดจำกัดที่นิยามใหม่ว่า Ferrari สามารถเป็นอะไรได้บ้าง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Ferrari Purosangue มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 15.5 ล้านบาท (428,686 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่สำหรับ Purosangue สำหรับรุ่นปี 2025 แต่ยังมีออปชั่นให้เลือกมากมาย
2025 Ford F-150 Raptor / Raptor R
มุมมองส่วนตัว: รถกระบะออฟโรดที่มีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในรถกระบะ
ภาพรวม: 2025 Ford F-150 Raptor และ Raptor R ยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในโลกของ รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง สัตว์ร้ายที่วิ่งในทะเลทรายและปีนป่ายโขดหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการการผจญภัยที่เร้าใจและต้องการความสามารถสูงสุดจากยานพาหนะของพวกเขา รถกระบะทั้งสองรุ่นใช้แพลตฟอร์มเดียวกันและสไตล์ที่ดุดัน แต่ก็ตอบสนองความกระตือรือร้นในการขับขี่ออฟโรดในระดับที่แตกต่างกัน
F-150 Raptor ซึ่งเป็นรุ่น “พื้นฐาน” ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ EcoBoost V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.5 ลิตร อันทรงพลัง ที่ให้กำลัง 450 แรงม้า และแรงบิด 510 ปอนด์-ฟุต (691 นิวตันเมตร) พละกำลังนี้ถูกส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ซับซ้อนพร้อมกล่องเกียร์ทรานส์เฟอร์แบบ Torque-on-Demand ระบบกันสะเทือนของ Raptor คือจุดเด่น ด้วยโช้คอัพ Fox 3.1 Live Valve Internal Bypass ที่ให้การควบคุมและการลดแรงสั่นสะเทือนที่ยอดเยี่ยมแม้บนพื้นที่ที่ท้าทายที่สุด ด้วยระยะยุบตัวของช่วงล่างด้านหน้า 13.1 นิ้ว และด้านหลัง 14.1 นิ้ว Raptor สามารถดูดซับแรงกระแทกและการกระโดดได้อย่างง่ายดาย
สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่รุนแรงยิ่งขึ้น F-150 Raptor R ยกระดับไปอีกขั้น ใต้ฝากระโปรงมีเครื่องยนต์ Predator V8 ซูเปอร์ชาร์จ 5.2 ลิตร ซึ่งยืมมาจาก Mustang Shelby GT500 ที่ปลดปล่อยพละกำลัง 700 แรงม้า และแรงบิด 640 ปอนด์-ฟุต (868 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ทำให้ Raptor R เป็น รถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตลาด นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ ระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น และยาง All-terrain ขนาด 37 นิ้ว ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่ออฟโรด ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่น Raptor หรือ Raptor R คุณจะมั่นใจได้ว่าได้รถกระบะที่สามารถพิชิตทุกสภาพภูมิประเทศและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 F-150 Raptor เริ่มต้นที่ประมาณ 2.9 ล้านบาท (80,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่นพื้นฐาน และเริ่มต้นที่ 4.0 ล้านบาท (112,725 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น R หลังจากปี 2024 ที่ Raptor ได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ โช้คอัพ Fox Dual Live Valve ที่มีให้เลือก ตะขอเกี่ยวลากจูงด้านหน้าที่กว้างขึ้น และไฟหน้าใหม่ รุ่นปี 2025 ยังคงเหมือนเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
2025 Ford Bronco Raptor
มุมมองส่วนตัว: สุดยอดสัตว์ร้ายแห่งออฟโรด สามารถพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุดได้อย่างง่ายดาย
ภาพรวม: Ford Bronco Raptor ไม่ใช่ SUV ทั่วไป ของคุณ แต่มันคือ สัตว์ร้ายแห่งออฟโรดสมรรถนะสูง ที่สร้างขึ้นเพื่อพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด ลองนึกภาพรถบรรทุก Monster Truck ที่วิ่งในทะเลทราย ปีนป่ายโขดหิน กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางพร้อมป้ายทะเบียน Ford ได้นำ Bronco ที่มีความสามารถอยู่แล้ว มาเพิ่ม DNA ของ Raptor เข้าไปอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ได้ยานพาหนะที่ผลักดันขีดจำกัดของสมรรถนะออฟโรด
ใต้ฝากระโปรง Bronco Raptor บรรจุเครื่องยนต์ EcoBoost V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 418 แรงม้า และแรงบิด 440 ปอนด์-ฟุต (597 นิวตันเมตร) พละกำลังนี้ถูกส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ซับซ้อนพร้อมเพลาท้าย Dana 50 Heavy-Duty AdvanTEK ที่แข็งแกร่ง และเพลาหน้า Dana 44 AdvanTEK ระบบกันสะเทือนของ Bronco Raptor คือจุดเด่นอย่างแท้จริง มันภูมิใจนำเสนอระบบกันสะเทือนเพื่อเสถียรภาพออฟโรดสมรรถนะสูง (HOSS 4.0) พร้อมแดมเปอร์กึ่งแอ็คทีฟ Fox 3.1 Internal Bypass ระบบกันสะเทือนแบบ Long-Travel และยาง All-terrain ขนาด 37 นิ้วขนาดใหญ่ การตั้งค่านี้ช่วยให้ Bronco Raptor สามารถดูดซับแรงกระแทกและการกระโดดได้อย่างง่ายดาย ให้การควบคุมและเสถียรภาพที่ยอดเยี่ยมแม้ในสภาพแวดล้อมออฟโรดที่ต้องการมากที่สุด
การออกแบบภายนอกของ Bronco Raptor นั้นดุดันพอๆ กับสมรรถนะ บังโคลนที่กว้างขึ้น กระจังหน้าที่มีดีไซน์เฉพาะ และตัวอักษร “FORD” ที่โดดเด่น ไม่ต้องสงสัยเลยถึงความตั้งใจ คุณสมบัติการใช้งาน เช่น แผ่นกันกระแทกเหล็ก แผ่นกันกระแทกสำหรับงานหนัก และตะขอเกี่ยวลากจูง ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่ออฟโรด ภายในห้องโดยสารเป็นการผสมผสานระหว่างความทนทานและความประณีต ด้วยเบาะไวนิลเกรดเรือ จอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ความละเอียดสูง และคุณสมบัติที่เน้นออฟโรดมากมาย Bronco Raptor คือเครื่องจักรที่ไม่เหมือนใครและมีความสามารถอย่างแท้จริงที่นิยามใหม่ว่า SUV ออฟโรด สามารถเป็นอะไรได้บ้าง
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Bronco Raptor มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านบาท (91,930 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งสูงสำหรับรถ Ford Bronco Raptor มีเฉพาะตัวถังแบบสี่ประตูและระดับการตกแต่งเพียงรุ่นเดียว โดยมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันสำหรับภารกิจหลักของการเป็น Bronco ที่สุดขีด
2025 Lamborghini Urus
มุมมองส่วนตัว: ความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความบ้าคลั่งแบบ Lamborghini และความอเนกประสงค์ของ SUV ในชีวิตประจำวัน
ภาพรวม: 2025 Lamborghini Urus พุ่งทะยานสู่อนาคตด้วยระบบส่งกำลัง Plug-in Hybrid อันทรงพลัง ถือเป็นยุคใหม่สำหรับ SUV สมรรถนะสูง คันนี้ ในขณะที่เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 4.0 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ แต่ตอนนี้ได้รวมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อสร้าง Urus S.E. (Super Elettrica) ใหม่ การรวมกันนี้ปลดปล่อยพละกำลัง 789 แรงม้า และแรงบิด 701 ปอนด์-ฟุต (950 นิวตันเมตร) ซึ่งขับเคลื่อน Urus S.E. จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.1 วินาที นอกเหนือจากพละกำลังดิบแล้ว ระบบไฮบริดยังให้ระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนประมาณ 48 กม. (30 ไมล์) เพิ่มมิติประสิทธิภาพให้กับ Super SUV คันนี้
แต่ไลน์อัพ Urus ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น รุ่น “พื้นฐาน” Urus S ก็ได้รับการอัปเดตสำหรับปี 2025 ด้วยส่วนหน้าใหม่พร้อมกันชนและฝากระโปรงที่ออกแบบใหม่ รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุง ภายในห้องโดยสาร ทั้ง Urus S และ S.E. ได้รับประโยชน์จากระบบอินโฟเทนเมนต์ที่อัปเกรดแล้วและตัวเลือกการปรับแต่งที่กว้างขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Urus รุ่น Performante ยังคงครองตำแหน่งสูงสุด ด้วยมาตรการลดน้ำหนัก การปรับปรุงตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการปรับแต่งที่เน้นสนามแข่ง Urus Performante มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
ใหม่ในรายการออปชันคือล้อ Galanthus ขนาด 23 นิ้วที่โดดเด่น หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero ขนาด 285/35 ที่ด้านหน้า และ 325/30 ที่ด้านหลัง ภายในห้องโดยสาร Urus S.E. ภูมิใจนำเสนอหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วที่ใหญ่ขึ้นพร้อมการตอบสนองที่ได้รับการปรับปรุงและการควบคุมด้วยเสียงที่ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยอมรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Lamborghini ยังคงรักษาปุ่มควบคุมทางกายภาพที่น่าพอใจ รวมถึงสวิตช์สลับและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกครอบไว้ การอัปเดตเหล่านี้รวมกันเพื่อยกระดับรูปลักษณ์และความซับซ้อนทางเทคโนโลยีของ Urus ทำให้มั่นใจได้ว่ายังคงเป็นรถที่สะดุดตาทั้งภายในและภายนอก
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: Urus “เริ่มต้น” มีราคาอยู่ที่ประมาณ 8.7 ล้านบาท (241,843 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับปี 2025 และสูงถึง 9.9 ล้านบาท (273,880 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หากคุณเลือกรุ่น Performante ที่เน้นสมรรถนะ 2025 Lamborghini Urus S.E. เปิดตัวด้วยระบบส่งกำลังไฮบริด 789 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที และให้ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้า 48 กม. นอกจากนี้ยังมีการปรับโฉมช่วงกลางอายุการใช้งานด้วยการออกแบบใหม่ รวมถึงไฟหน้า Matrix LED ฝากระโปรงท้ายและกันชนที่ออกแบบใหม่ และตัวเลือกสีภายนอกกว่า 100 แบบ ล้อขนาด 23 นิ้วใหม่และหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วที่ได้รับการอัปเกรดช่วยเพิ่มประสบการณ์ ในขณะที่ปุ่มควบคุมทางกายภาพเช่นสวิตช์สลับและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกครอบไว้ยังคงอยู่ Urus S ก็ได้รับการปรับโฉมใหม่ ในขณะที่ Performante ยังคงเป็นรุ่นที่เน้นสนามแข่ง
2025 Lotus Eletre
มุมมองส่วนตัว: นี่คือ เกมพลิกโฉม สำหรับ Lotus ในโลกของ รถยนต์ไฟฟ้า SUV
ภาพรวม: Lotus Eletre คือยานพาหนะที่ก้าวข้ามขีดจำกัด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงด้านรถสปอร์ตน้ำหนักเบา SUV ไฟฟ้าล้วน คันนี้เป็นก้าวแรกของ Lotus เข้าสู่ตลาด SUV และกำลังสร้างความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่โดดเด่น เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถด้านสมรรถนะที่น่าประทับใจ รูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์และเส้นสายที่แกะสลักของ Eletre ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยให้มีประสิทธิภาพและระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ
ใต้โครงสร้าง Eletre ภูมิใจนำเสนอระบบส่งกำลังไฟฟ้าอันทรงพลังพร้อมมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังรวม 603 แรงม้า และแรงบิด 523 ปอนด์-ฟุต (710 นิวตันเมตร) ในรุ่นพื้นฐานและรุ่น S สิ่งนี้ translates เป็นเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 4.5 วินาที สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น Eletre R ซึ่งเป็นรุ่นท็อปปลดปล่อยกำลัง 905 แรงม้า และแรงบิด 726 ปอนด์-ฟุต (984 นิวตันเมตร) ซึ่งขับเคลื่อนให้พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.95 วินาที Eletre R ยังมีชุดเกียร์สองสปีดที่ไม่เหมือนใครที่เพลาหลัง ช่วยเพิ่มทั้งอัตราเร่งและประสิทธิภาพ
ภายในห้องโดยสาร Eletre นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย ใช้วัสดุที่ยั่งยืนตลอดทั้งคัน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Lotus ต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 15.1 นิ้ว ครองแผงหน้าปัด ให้การเข้าถึงระบบนำทาง ความบันเทิง และการตั้งค่ารถยนต์ Eletre ยังภูมิใจนำเสนอระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงมากมาย รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ และระบบกล้อง 360 องศา
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Eletre เริ่มต้นที่ประมาณ 3.9 ล้านบาท (110,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับปี 2025 Eletre เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด มีสามรุ่นย่อยในการเปิดตัว: Eletre, Eletre S และ Eletre R
2025 Maserati Grecale
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ดี ที่ดูดี แต่ต้องดิ้นรน เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ดีที่สุดในเซกเมนต์เดียวกัน
ภาพรวม: 2025 Maserati Grecale บุกเข้าสู่ตลาด SUV คอมแพคท์หรู ที่รวบรวมสไตล์และสมรรถนะแบบอิตาเลียน SUV มีสไตล์ คันนี้นำเสนอการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างความอเนกประสงค์ เทคโนโลยี และความตื่นเต้นในการขับขี่ ทำให้เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในเซกเมนต์ Maserati นำเสนอ Grecale ในสามรุ่นย่อยที่แตกต่างกัน โดยแต่ละรุ่นตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน
Grecale GT ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ Mild-Hybrid 2.0 ลิตร ให้กำลัง 296 แรงม้า และแรงบิด 332 ปอนด์-ฟุต (450 นิวตันเมตร) ซึ่งให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ระบบ Mild-Hybrid ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ รุ่นถัดไปคือ Grecale Modena ซึ่งภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ Mild-Hybrid เดียวกันที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ให้กำลัง 325 แรงม้า และแรงบิด 332 ปอนด์-ฟุต (450 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นประสบการณ์การขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Grecale รุ่น Grecale Trofeo อยู่บนสุดของกลุ่ม มันทิ้งเครื่องยนต์ 4 สูบเพื่อเลือกเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่ได้มาจากรถซูเปอร์คาร์ MC20 เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้ปลดปล่อยกำลัง 523 แรงม้า และแรงบิด 457 ปอนด์-ฟุต (620 นิวตันเมตร) ซึ่งขับเคลื่อน Grecale Trofeo จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด Grecale ก็มอบภายในห้องโดยสารที่หรูหราและครบครันด้วยวัสดุคุณภาพสูงและคุณสมบัติเทคโนโลยีขั้นสูง
แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ครองแผงหน้าปัด ในขณะที่ Head-up Display มีให้เลือกเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานสไตล์อิตาเลียน สมรรถนะที่น่าดึงดูด และสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา 2025 Maserati Grecale จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV คอมแพคท์ระดับพรีเมียม ที่โดดเด่นจากฝูงชน
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Maserati Grecale เริ่มต้นที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท (69,995 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น Grecale GT และสูงถึง 3.9 ล้านบาท (109,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น Trofeo สำหรับปี 2025 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
2025 Maserati Grecale Folgore
มุมมองส่วนตัว: การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์อิตาเลียน สมรรถนะ และความยั่งยืน ในรูปแบบ รถยนต์ไฟฟ้า SUV
ภาพรวม: 2025 Maserati Grecale Folgore ทำให้ Grecale ไลน์อัพเป็นไฟฟ้า นำเสนอสมรรถนะที่ยั่งยืนให้กับ SUV สไตล์อิตาเลียน รุ่นไฟฟ้าล้วนคันนี้อัดแน่นไปด้วยพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวม 542 แรงม้า และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุต (800 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้น ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 4.1 วินาที แต่ Folgore ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความเร็วทางตรงเท่านั้น ยังมีชุดแบตเตอรี่ 105 kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 500 กม. (310 ไมล์) ทำให้เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางที่ยาวนานขึ้น
Grecale Folgore แตกต่างจากรุ่นที่ใช้เชื้อเพลิงด้วยการออกแบบที่ละเอียดอ่อนแต่โดดเด่น ล้ออากาศพลศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในขณะที่การตกแต่งด้วยทองแดงบนตราสัญลักษณ์ภายนอกและคาลิปเปอร์เบรกบ่งบอกถึงลักษณะไฟฟ้า ภายในห้องโดยสาร Folgore ใช้เบาะ Econyl ไนลอนรีไซเคิล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Maserati ต่อความยั่งยืน แผงหน้าปัดโดดเด่นด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ให้การเข้าถึงระบบนำทาง ความบันเทิง และการตั้งค่ารถยนต์ ด้วยการผสมผสานสไตล์อิตาเลียน สมรรถนะอันเร้าใจ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2025 Maserati Grecale Folgore จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ที่ไม่ประนีประนอมกับความสุขในการขับขี่
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Maserati Grecale Folgore ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3.9 ล้านบาท (110,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงขึ้นอยู่กับออปชั่น Grecale Folgore เป็นรุ่นใหม่ในไลน์อัพของ Maserati สำหรับรุ่นปี 2025 และถือเป็นรุ่นไฟฟ้าที่สองในไลน์อัพของผู้ผลิตรถยนต์
2025 Maserati Levante
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ใหญ่ สวยงาม และหรูหรา ในแบบฉบับของ Maserati
ภาพรวม: 2025 Maserati Levante ซึ่งเป็น SUV เรือธงของแบรนด์ ยังคงสร้างความประทับใจด้วยการผสมผสานสไตล์อิตาเลียน การตกแต่งที่หรูหรา และสมรรถนะอันเร้าใจ ในปีนี้ ไลน์อัพ Levante ได้รับการปรับโฉมใหม่ด้วยสไตล์ที่อัปเดต เทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุง และระบบส่งกำลังที่ประณีต การออกแบบภายนอกคมชัดขึ้นเล็กน้อยด้วยการออกแบบกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าที่ได้รับการปรับปรุง และไฟท้ายที่อัปเดต ภายในห้องโดยสารภูมิใจนำเสนอระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วใหม่พร้อมซอฟต์แวร์ล่าสุดของ Maserati ซึ่งมอบฟังก์ชันการทำงานและการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น
ไลน์อัพ Levante นำเสนอตัวเลือกระบบส่งกำลังที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความชอบที่หลากหลาย Levante GT ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น มีเครื่องยนต์ 4 สูบ Mild-Hybrid 2.0 ลิตร ที่มอบความสมดุลระหว่างสมรรถนะและประสิทธิภาพ ให้กำลัง 325 แรงม้า Levante Modena ยกระดับสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 424 แรงม้า ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Levante รุ่น Levante Trofeo ครองตำแหน่งสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 3.8 ลิตร อันดุร้าย ปลดปล่อยกำลัง 572 แรงม้า และเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที
ไม่ว่าคุณจะเลือก Levante รุ่นใด คุณก็จะได้รับการขับขี่ที่หรูหราและประณีต ภายในห้องโดยสารถูกสร้างสรรค์ด้วยวัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังและไม้ ในขณะที่คุณสมบัติต่างๆ เช่น เบาะนั่งปรับความร้อนและระบายอากาศ ระบบเสียงพรีเมียม และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยการผสมผสานการออกแบบอิตาเลียน เครื่องยนต์ทรงพลัง และสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา 2025 Maserati Levante ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่ม SUV หรู
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Levante ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3.7 ล้านบาท (103,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงถึง 6.8 ล้านบาท (189,495 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ขึ้นอยู่กับรุ่นที่คุณเลือก รุ่น Trofeo คือตัวเลือกของผม เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบให้กำลัง 580 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.6 วินาที ซึ่งเป็นสมรรถนะระดับรถสปอร์ตอย่างแท้จริง
2025 Mercedes-AMG G63
มุมมองส่วนตัว: สัญลักษณ์ของสถานะ แต่ก็เป็น SUV ที่หรูหราและสะดวกสบาย อย่างแท้จริง
ภาพรวม: Mercedes-AMG G 63 หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า “G-Wagon” คือไอคอนของความสามารถในการขับขี่ออฟโรดและความหรูหราที่ไม่ยอมประนีประนอม SUV ในตำนาน คันนี้ ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมและดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทางทหาร ได้เป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความสามารถมานานหลายทศวรรษ สำหรับปี 2025 G 63 ได้รับการอัปเดตที่ครอบคลุม ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะ เทคโนโลยี และความประณีต ในขณะที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของมันไว้
ใต้ฝากระโปรง G 63 บรรจุเครื่องยนต์ AMG V8 Biturbo ขนาด 4.0 ลิตรที่ประกอบด้วยมือ ซึ่งขณะนี้ติดตั้งระบบ Mild-Hybrid 48V อันทรงพลัง เครื่องยนต์นี้ให้กำลัง 577 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต (850 นิวตันเมตร) ซึ่งขับเคลื่อน G 63 จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 4.2 วินาที ระบบ Mild-Hybrid ไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ ความสามารถในการขับขี่ออฟโรดของ G 63 ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยระบบกันสะเทือนที่ปรับปรุงใหม่ มอบการปรับแต่งที่ดีขึ้นและการขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นบนพื้นที่ขรุขระ
ภายในห้องโดยสาร G 63 คือสวรรค์ของความหรูหราและเทคโนโลยี หนังที่เย็บด้วยมือ การตกแต่งด้วยไม้ที่สร้างขึ้นด้วยมือ และการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมขัดเงา สร้างบรรยากาศของความหรูหราและประณีต แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ครองแผงหน้าปัด ให้การเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงมากมาย สำหรับปี 2025 G 63 แนะนำคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ รวมถึง Active Steering Assist และ Active Emergency Stop Assist ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Mercedes-AMG G63 เริ่มต้นที่ประมาณ 6.8 ล้านบาท (190,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึง 7.5 ล้านบาท (210,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ขึ้นอยู่กับรุ่นและออปชัน G63 ได้รับการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเล็กน้อยสำหรับปี 2025 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงอากาศพลศาสตร์ของ SUV รูปทรงลูกบาศก์ กระจังหน้าและกันชนหน้าแบบปรับปรุงใหม่ ผสมผสานกับเสา A ที่ปรับรูปทรงใหม่ และสปอยเลอร์บนหลังคาที่ละเอียดอ่อนเหนือกระจกบังลม เพื่อช่วยให้ G63 แหวกอากาศได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบยังได้รับระบบไฮบริด 48V; ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ด้วยไฮดรอลิกใหม่เป็นอุปกรณ์เสริม
2025 Mercedes-AMG GLC-Class
มุมมองส่วนตัว: การผสมผสานของเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จและมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลังที่ไม่หยุดยั้ง นี่คือ SUV สมรรถนะสูง ที่ตอบโจทย์ยุคไฟฟ้า
ภาพรวม: Mercedes-AMG GLC-Class ทั้งในรูปแบบ SUV แบบดั้งเดิมและ Coupe ที่เพรียวบาง มอบสมรรถนะอันทรงพลังให้กับเซกเมนต์ รถหรูคอมแพคท์ ยานพาหนะที่ dynamique เหล่านี้ใช้แพลตฟอร์ม GLC ที่ประณีตและอเนกประสงค์ และฉีด DNA มอเตอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของ AMG เข้าไป ส่งผลให้ได้ SUV ที่เหมาะสมทั้งบนถนนคดเคี้ยวและการเดินทางในเมือง
สำหรับปี 2025 ไลน์อัพ AMG GLC-Class ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเน้นสมรรถนะไฟฟ้า AMG GLC 43 4MATIC มาพร้อมระบบ Mild-Hybrid จับคู่กับเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 416 แรงม้า และแรงบิด 369 ปอนด์-ฟุต (500 นิวตันเมตร) การตั้งค่านี้ให้อัตราเร่งที่รวดเร็วและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในขณะที่ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งโดย AMG และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อช่วยให้มั่นใจถึงการควบคุมที่คล่องตัวและการยึดเกาะที่มั่นใจได้
บนสุดของลำดับชั้นสมรรถนะคือ AMG GLC 63 S E PERFORMANCE รุ่นสมรรถนะสูงคันนี้ภูมิใจนำเสนอระบบส่งกำลัง Plug-in Hybrid ที่ก้าวล้ำ ซึ่งรวมเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง ให้กำลังรวม 671 แรงม้า และแรงบิด 752 ปอนด์-ฟุต (1020 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่งที่น่าทึ่ง ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.4 วินาที GLC 63 S E PERFORMANCE ยังมีคุณสมบัติอัปเกรดสมรรถนะมากมาย รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเฉพาะของ AMG แดมเปอร์ปรับได้ และระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอ็คทีฟ ช่วยให้มั่นใจถึงการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและประสบการณ์การขับขี่ที่ dynamique
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 AMG GLC-Class เริ่มต้นที่ประมาณ 2.3 ล้านบาท (66,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่นพื้นฐานในตัวถังปกติ และ 2.6 ล้านบาท (71,750 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับตัวถังคูเป้ GLC63 กลับมาสำหรับปี 2025 ในรูปแบบ S E Performance แม้ว่าคุณจะพบเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จขนาดเล็กใต้ฝากระโปรง แต่ GLC63 ก็ให้กำลัง 671 แรงม้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่
2025 Mercedes-AMG GLE-Class
มุมมองส่วนตัว: ควบคุมได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ สำหรับขนาดของมัน และยังมีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ภาพรวม: Mercedes-AMG GLE-Class สำหรับปี 2025 ยังคงครองตำแหน่ง SUV หรูหราสมรรถนะสูง ที่ผสมผสานพละกำลังอันเร้าใจเข้ากับความสบายที่ประณีตและเทคโนโลยีขั้นสูง SUV ขนาดกลาง คันนี้ ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Mercedes-Benz GLE ได้รับการปรับแต่งแบบ AMG โดยเน้นพลวัตการขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุง สไตล์ที่ดุดัน และระบบส่งกำลังไฟฟ้าอันทรงพลัง ไลน์อัพ GLE-Class AMG สำหรับปี 2025 ได้รับการปรับปรุงให้เรียบง่ายขึ้น โดยนำเสนอ GLE 53 สมรรถนะสูง และ GLE 63
GLE 53 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงด้วยระบบ Mild-Hybrid การตั้งค่านี้ให้กำลัง 429 แรงม้า และแรงบิด 384 ปอนด์-ฟุต (521 นิวตันเมตร) ที่ทรงพลัง ให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็ว เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 สปีด ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC+ ช่วยให้มั่นใจถึงการควบคุมและการยึดเกาะที่มั่นใจได้ในสภาพต่างๆ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ GLE 53 มีบุคลิกสปอร์ต
Mercedes-AMG GLE 63 S E อยู่บนสุดของไลน์อัพ GLE-Class ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ต่อเทคโนโลยีไฮบริดสมรรถนะสูง SUV คันนี้อัดแน่นไปด้วยพลังอย่างจริงจัง โดยผสมผสานเครื่องยนต์ AMG V8 Biturbo ขนาด 4.0 ลิตรที่สร้างด้วยมือเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง ให้กำลังรวม 603 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต (850 นิวตันเมตร) การตั้งค่านี้ช่วยให้ GLE 63 S E เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
แต่ GLE 63 S E PERFORMANCE ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของพละกำลังดิบ ยังภูมิใจนำเสนอประสิทธิภาพที่น่าประทับใจด้วยระบบไฮบริด ซึ่งสามารถให้ระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนระยะสั้นสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและงานต่างๆ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ช่วยให้มั่นใจถึงการยึดเกาะและการควบคุมที่เหมาะสม ในขณะที่ระบบกันสะเทือนอากาศ AMG RIDE CONTROL+ พร้อมแดมเปอร์ปรับได้ ให้การขับขี่ที่สะดวกสบายและการควบคุมที่เฉียบคม
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 AMG GLE53 เริ่มต้นที่ประมาณ 3.2 ล้านบาท (90,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และ GLE63 เริ่มต้นที่ 4.7 ล้านบาท (131,950 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ในปี 2025 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักนอกจากสีตัวถังใหม่สี่สีและสีเบาะหนังใหม่สามสี ทุกรุ่นมาพร้อมตรา AMG ปักบนพนักพิงศีรษะและเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือไบโอเมตริกซ์เพื่อความปลอดภัย (ซึ่งเจ๋งมาก)
2025 Mercedes-AMG GLS-Class
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ใหญ่ ใช้งานได้จริง และเร็วมาก สำหรับคุณและครอบครัว
ภาพรวม: Mercedes-AMG GLS 63 คือสุดยอดของการแสดงออกถึงความหรูหราและสมรรถนะของ SUV ยานพาหนะที่สามารถพิชิตทุกเส้นทางในขณะที่ยังคงให้ความสบายที่ไม่มีใครเทียบได้แก่ผู้โดยสาร SUV ขนาดเต็ม คันนี้ ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Mercedes-Benz GLS ที่หรูหราอยู่แล้ว ได้รับการปรับแต่งแบบ AMG อย่างเต็มรูปแบบ ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ V8 ที่สร้างด้วยมือ ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต และการตกแต่งที่หรูหรามากมาย
ใต้ฝากระโปรง GLS 63 บรรจุเครื่องยนต์ AMG V8 Biturbo ขนาด 4.0 ลิตรที่สร้างด้วยมือ ซึ่งได้รับการปรับปรุงด้วยระบบ Mild-Hybrid 48V อันทรงพลัง เครื่องยนต์นี้ให้กำลัง 603 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต (850 นิวตันเมตร) ซึ่งขับเคลื่อน GLS 63 จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 4.1 วินาที ระบบ Mild-Hybrid ไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ เกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 สปีด ของ GLS 63 ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ช่วยให้มั่นใจถึงการควบคุมและการยึดเกาะที่มั่นใจได้ในสภาพต่างๆ
ภายในห้องโดยสาร GLS 63 คือสวรรค์ของความหรูหราและเทคโนโลยี เบาะหนัง Nappa ระดับพรีเมียม การตกแต่งด้วยไม้ที่สร้างด้วยมือ และการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมขัดเงา สร้างบรรยากาศของความหรูหราและประณีต แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ครองแผงหน้าปัด ให้การเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงมากมาย
ผู้โดยสารในแถวที่สองและสามเพลิดเพลินกับพื้นที่และความสะดวกสบายที่กว้างขวาง ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น เบาะนั่งปรับความร้อนและระบายอากาศ ระบบควบคุมอุณหภูมิส่วนบุคคล และระบบความบันเทิงสำหรับเบาะหลัง ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันเร้าใจ ความหรูหรากว้างขวาง และเทคโนโลยีขั้นสูง Mercedes-AMG GLS 63 จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาสุดยอดความประณีตและความสามารถของ SUV
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 AMG GLS63 เริ่มต้นที่ประมาณ 5.3 ล้านบาท (147,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว
2025 Porsche Cayenne
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่สะดวกสบายและรวดเร็ว และในเชิงพลวัตยังคงเป็น SUV ที่ดีที่สุด ในธุรกิจนี้
ภาพรวม: 2025 Porsche Cayenne ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV หรู ที่ไม่ประนีประนอมกับสมรรถนะ ในปีนี้ ไลน์อัพ Cayenne ภูมิใจนำเสนอตัวเลือกระบบส่งกำลังที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องยนต์ V6 อันทรงพลัง ไปจนถึง Plug-in Hybrid ที่ให้ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่น่าประทับใจ แต่เป็นรุ่นที่เน้นสมรรถนะที่จับแก่นแท้ของบุคลิกที่สปอร์ตของ Cayenne ได้อย่างแท้จริง
Cayenne S ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร ให้กำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต (550 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.7 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตอย่างน่าพอใจ รุ่น S ยังได้รับประโยชน์จากระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ตและระบบเบรกขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพการควบคุม
สำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นยิ่งขึ้น Cayenne GTS ยกระดับสมรรถนะไปอีกขั้น เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 4.0 ลิตร ให้กำลัง 493 แรงม้า และแรงบิด 457 ปอนด์-ฟุต (620 นิวตันเมตร) ทำให้สามารถทำความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.2 วินาที รุ่น GTS ยังมีระยะห่างจากพื้นดินที่ต่ำลง ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่เน้นบุคลิกที่แข็งแกร่ง
รุ่นที่เน้นสมรรถนะเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Cayenne ในการผสมผสานความอเนกประสงค์เข้ากับสมรรถนะอันเร้าใจ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งประณีตและน่าดึงดูด ไม่ว่าคุณจะเดินทางในเมืองหรือขับขี่บนถนนคดเคี้ยว 2025 Porsche Cayenne ก็มอบการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของความหรูหราและความสปอร์ตที่จะตอบสนองแม้กระทั่งผู้ขับขี่ที่ละเอียดอ่อนที่สุด
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Porsche Cayenne เริ่มต้นที่ประมาณ 3.1 ล้านบาท (86,695 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงสุดถึง 4.5 ล้านบาท (126,895 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น GTS สำหรับปี 2025 รุ่น GTS 493 แรงม้า เข้าร่วมไลน์อัพ Cayenne ซึ่งเป็นรุ่นที่ยอดเยี่ยมและใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร เช่นเดียวกับ Cayenne S แต่ได้รับการเพิ่มกำลัง 25 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อระบายความร้อนด้วยน้ำและส่วนประกอบช่วงล่างบางส่วนที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของพวงมาลัย GTS มาพร้อมแพ็คเกจ Sport Design เป็นมาตรฐาน ซึ่งเพิ่มการตกแต่งภายนอกสีดำทั่วไปและองค์ประกอบการออกแบบเฉพาะของ GTS
2025 Porsche Cayenne Coupe Turbo E-Hybrid
มุมมองส่วนตัว: ยังคงเป็น SUV รอบด้านที่ดีที่สุด ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
ภาพรวม: 2025 Porsche Cayenne Turbo E-Hybrid คือ SUV สมรรถนะสูง ที่นิยามใหม่ของความหมายของการเป็นทั้งทรงพลังและมีประสิทธิภาพ Plug-in Hybrid คันนี้ผสมผสานเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบชาร์จ 4.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเชี่ยวชาญ ส่งผลให้กำลังรวมสูงถึง 729 แรงม้า และแรงบิด 700 ปอนด์-ฟุต (950 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่งที่น่าทึ่ง ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.5 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
แต่ Cayenne Turbo E-Hybrid ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของพละกำลังดิบเท่านั้น ยังภูมิใจนำเสนอระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนที่น่าประทับใจถึง 60 กม. (37 ไมล์) ช่วยให้การเดินทางในชีวิตประจำวันและงานต่างๆ ปราศจากการปล่อยมลพิษ ระบบไฮบริดผสานรวมเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและประณีต ไม่ว่าคุณจะขับขี่ด้วยไฟฟ้าหรือปลดปล่อยพละกำลัง V8 เต็มที่ Cayenne Turbo E-Hybrid ยังมีระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ระบบกันสะเทือนอากาศแบบปรับได้ และระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ช่วยให้มั่นใจถึงการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและการขับขี่ที่สะดวกสบาย
ภายในห้องโดยสาร Cayenne Turbo E-Hybrid นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย วัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังและคาร์บอนไฟเบอร์ ประดับประดาภายใน ในขณะที่แผงหน้าปัดดิจิทัลโค้งขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสกลางขนาด 12.3 นิ้ว ให้การเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงมากมาย
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Cayenne Turbo เริ่มต้นที่ประมาณ 5.7 ล้านบาท (158,995 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะที่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกลไกสำหรับปี 2025 Cayenne Turbo E-Hybrid เช่นเดียวกับ Cayenne ทุกรุ่น ได้รับอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมสำหรับรุ่นปีใหม่
2025 Porsche Macan
มุมมองส่วนตัว: สมบูรณ์แบบหากคุณต้องการ SUV ที่สามารถรองรับทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการผจญภัยในวันหยุดสุดสัปดาห์
ภาพรวม: 2025 Porsche Macan ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV คอมแพคท์หรู ที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความสนุกในการขับขี่ ในขณะที่รุ่นไฟฟ้ากำลังเป็นที่จับตา แต่ Macan ที่ใช้เชื้อเพลิงยังคงเป็นตัวเลือกที่เกี่ยวข้องและน่าตื่นเต้น โดยนำเสนอหลากหลายรุ่นย่อยที่ตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน
Macan พื้นฐานเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 261 แรงม้า และแรงบิด 295 ปอนด์-ฟุต (400 นิวตันเมตร) ซึ่งให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็ว ในขณะที่ยังคงประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นยิ่งขึ้น Macan T เพิ่มความสปอร์ตด้วยระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และคันเร่งที่ตอบสนองได้ดีขึ้น
Macan S ยกระดับสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร ให้กำลัง 375 แรงม้า และแรงบิด 383 ปอนด์-ฟุต (520 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.6 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตอย่างน่าพอใจ รุ่น S ยังได้รับประโยชน์จากระบบเบรกขนาดใหญ่ขึ้น และระบบกันสะเทือนอากาศแบบปรับได้ที่เป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุม
บนสุดของกลุ่ม Macan ที่ใช้เชื้อเพลิงคือ Macan GTS รุ่นที่เน้นสมรรถนะนี้ภูมิใจนำเสนอเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต (550 นิวตันเมตร) ที่น่าประทับใจ ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 4.3 วินาที GTS มอบสมรรถนะอันเร้าใจที่เทียบเท่ากับรถสปอร์ตบางรุ่น นอกจากนี้ยังมีระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต ระยะห่างจากพื้นดินที่ต่ำลง และองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่เน้นบุคลิกที่แข็งแกร่ง
ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด 2025 Porsche Macan ก็มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งประณีตและน่าดึงดูด พวงมาลัยที่แม่นยำ แชสซีที่สมดุล และเครื่องยนต์ทรงพลัง ทำให้เป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างสนุกสนานบนถนนคดเคี้ยว ในขณะที่ภายในห้องโดยสารที่หรูหราและเทคโนโลยีขั้นสูงให้ความสะดวกสบายสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Macan เริ่มต้นที่ประมาณ 2.3 ล้านบาท (64,895 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงสุดถึง 3.2 ล้านบาท (90,995 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น GTS
2025 Porsche Macan EV
มุมมองส่วนตัว: ให้ความรู้สึกเป็น Porsche อย่างแท้จริง คล่องตัว ตอบสนองได้ดี และขับสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
ภาพรวม: Porsche Macan EV เป็นรุ่นสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ถือเป็นการเข้าสู่โลกของ SUV สมรรถนะสูงไฟฟ้า รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้สัญญาว่าจะมอบพลวัตการขับขี่และความหรูหราที่ Porsche มีชื่อเสียง แต่มาพร้อมการบิดเบือนที่ยั่งยืนและล้ำสมัย สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Premium Platform Electric (PPE) Macan EV ภูมิใจนำเสนอการออกแบบที่เพรียวบางและอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อสมรรถนะและประสิทธิภาพ เส้นโค้งที่ราบรื่นและเส้นสายที่แกะสลักไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยให้มีระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 500 กม. (315 ไมล์)
ไลน์อัพ Macan EV นำเสนอหลากหลายรุ่นย่อยเพื่อตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน รุ่นพื้นฐานมีมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลัง 355 แรงม้า และแรงบิด 415 ปอนด์-ฟุต (563 นิวตันเมตร) ซึ่งให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็ว ในขณะที่ยังคงประหยัดพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น รุ่น 4S และ Turbo เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สองที่เพลาหน้า สร้างระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีกำลังและการยึดเกาะที่มากขึ้น รุ่น 4S ภูมิใจนำเสนอพละกำลังรวม 509 แรงม้า และแรงบิด 516 ปอนด์-ฟุต (700 นิวตันเมตร) ในขณะที่รุ่น Turbo ปลดปล่อยกำลัง 603 แรงม้า และแรงบิด 737 ปอนด์-ฟุต (1000 นิวตันเมตร) ที่น่าทึ่ง ด้วยการกำหนดค่าระดับท็อปนี้ Macan EV Turbo สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.1 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด Macan EV ก็สัญญาว่าจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ dynamique และน่าดึงดูด จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ด้วยชุดแบตเตอรี่ที่ติดตั้งใต้พื้น มีส่วนช่วยให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบบังคับเลี้ยวเพลาหลังที่เป็นอุปกรณ์เสริม ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าโค้ง ภายในห้องโดยสาร Macan EV นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย วัสดุระดับพรีเมียม แผงหน้าปัดดิจิทัลโค้ง และระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ สร้างห้องนักบินที่ซับซ้อนและเน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญ ด้วยการผสมผสานสมรรถนะ เทคโนโลยี และความยั่งยืน Porsche Macan EV จึงพร้อมที่จะนิยามใหม่ของเซกเมนต์ SUV ไฟฟ้า
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Porsche Macan EV เริ่มต้นที่ประมาณ 2.7 ล้านบาท (77,295 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงถึง 3.8 ล้านบาท (107,295 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่น Turbo
2025 Rolls-Royce Cullinan
มุมมองส่วนตัว: สัญลักษณ์ของความสำเร็จและเอกสิทธิ์เฉพาะ สัญลักษณ์ที่แท้จริงของการมาถึงอย่างมีสไตล์
ภาพรวม: 2025 Rolls-Royce Cullinan ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของ marque ที่เข้าสู่โลกของ SUV หรูหราพิเศษ ยังคงนิยามใหม่ของความหรูหราออฟโรด ยานพาหนะที่สง่างามคันนี้ ซึ่งตั้งชื่อตามเพชรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา ผสมผสานงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce และพละกำลังที่ง่ายดายเข้ากับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและความสามารถที่น่าประหลาดใจ สำหรับปี 2025 Cullinan ได้รับการปรับปรุงที่ละเอียดอ่อนแต่มีผลกระทบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของมันในฐานะสุดยอดของ SUV หรู
การออกแบบภายนอกของ Cullinan ได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดอ่อนด้วยกันชนหน้าใหม่ที่มีช่องดักอากาศแบบลาดเอียง สร้างรูปลักษณ์ที่ dynamique และมีวัตถุประสงค์มากขึ้น กระจังหน้า Pantheon อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Rolls-Royce ขณะนี้มีไฟส่องสว่าง เพิ่มสัมผัสของความสง่างามที่ทันสมัย ล้อขนาด 23 นิ้วใหม่ ซึ่งผลิตจากอะลูมิเนียมแท่งเดียว ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่สง่างามของ Cullinan ภายในห้องโดยสาร Cullinan ยังคงเป็นสวรรค์ของความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ ด้วยรายละเอียดที่สร้างด้วยมือ วัสดุที่ดีที่สุด และระดับการปรับแต่งที่ตอบสนองลูกค้าที่ละเอียดอ่อนที่สุด ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงใหม่พร้อมฟังก์ชันการทำงานและการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น ผสานรวมเข้ากับแผงหน้าปัดที่สร้างด้วยมือของ Cullinan ได้อย่างราบรื่น
ใต้ฝากระโปรง Cullinan ยังคงใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบชาร์จ 6.75 ลิตร อันทรงพลัง ให้กำลังที่ราบรื่นซึ่งขับเคลื่อน SUV หรูหรา คันนี้ได้อย่างง่ายดาย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเทคโนโลยีกันสะเทือนขั้นสูงช่วยให้มั่นใจถึงการขับขี่ที่ราบรื่นและควบคุมได้ แม้บนพื้นที่ที่ท้าทาย ไม่ว่าคุณจะเดินทางในเมืองหรือออกนอกเส้นทาง 2025 Rolls-Royce Cullinan มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งผสมผสานพละกำลังที่ง่ายดาย ความสะดวกสบายที่เงียบสงบ และความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: 2025 Rolls-Royce Cullinan เริ่มต้นที่ประมาณ 14.2 ล้านบาท (392,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับรุ่นพื้นฐาน ขณะที่ Black Badge อยู่ที่ 16.4 ล้านบาท (454,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) Rolls-Royce ระบุการอัปเดตเล็กน้อยสำหรับ 2025 Cullinan โดยเพิ่มคำต่อท้าย “II” ในชื่อ แต่การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นเรื่องของรูปลักษณ์และอินเทอร์เฟซผู้ใช้
2025 Range Rover
มุมมองส่วนตัว: Range Rover จะพาคุณไปถึงที่หมายได้อย่างสบายและมีสไตล์ นี่คือ SUV หรู ที่แท้จริง
ภาพรวม: Range Rover รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นรุ่นที่ห้า เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา ความสามารถ และเทคโนโลยี เป็นยานพาหนะที่เดินทางในเมืองได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ยังคงมั่นใจอย่างยิ่งเมื่อออกนอกเส้นทาง รุ่นล่าสุดนี้ เปิดตัวในปี 2022 ยังคงรักษา silhouette แบบคลาสสิกของ Range Rover ด้วยท่าทางที่ตั้งตรงอันเป็นเอกลักษณ์และหลังคาแบบลอยตัว แต่แนะนำการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่ายที่บ่งบอกถึงความซับซ้อน
ภายใน Range Rover คือสวรรค์ของความประณีต วัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังเนื้อนุ่ม ไม้จริง และการตกแต่งโลหะที่สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันประดับประดาห้องโดยสาร ภายในที่กว้างขวางมอบความสบายที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับผู้โดยสารทุกคน ด้วยเบาะนั่งด้านหลังแบบ Executive Class ที่ปรับเอนและมีฟังก์ชันนวดแบบเครื่องบิน เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกรวมเข้าไว้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ที่ใช้งานง่ายพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ ไปจนถึงคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
นอกเหนือจากการตกแต่งที่หรูหราแล้ว Range Rover ยังคงรักษาตำนานในฐานะเครื่องจักรออฟโรดที่มีความสามารถสูงสุด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง เทคโนโลยี Terrain Response 2 และระบบกันสะเทือนอากาศที่มีให้เลือก ช่วยให้สามารถพิชิตพื้นที่ที่ท้าทายได้อย่างง่ายดาย
ตัวเลือกระบบส่งกำลังที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ รวมถึง Mild Hybrid, Plug-in Hybrid และ V8 อันทรงพลัง ช่วยให้มั่นใจถึงสมรรถนะที่ง่ายดายในทุกสถานการณ์ Range Rover รวบรวมสุดยอดของ SUV หรู อย่างแท้จริง โดยนำเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของความสง่างามที่ประณีตและความสามารถที่ทนทาน
ราคาและสิ่งใหม่สำหรับปี 2025: ราคาของ 2025 Land Rover Range Rover เริ่มต้นที่ประมาณ 3.9 ล้านบาท (109,525 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงถึง 7.6 ล้านบาท (210,625 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ขึ้นอยู่กับรุ่นและออปชัน ในปี 2025 นี้ Range Rover ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เน้นการปรับปรุงแพ็คเกจและตัวเลือกต่างๆ
สุดยอด SUV สมรรถนะสูงรุ่นใหม่: SUV หรูหราและประสิทธิภาพสูงที่เราชื่นชอบที่สุดในปัจจุบัน
จากประสบการณ์ในวงการนี้ ผมเชื่อว่ามี รถ SUV สมรรถนะสูง สองรุ่นที่โดดเด่นเป็นพิเศษในปี 2025 ทั้งในด้านสมรรถนะและความคุ้มค่า
2025 Porsche Macan GTS
ราชาแห่ง SUV คอมแพคท์
ทำไมถึงเป็นสุดยอด SUV สปอร์ตใหม่? Macan GTS รวบรวมจิตวิญญาณของ Porsche อย่างแท้จริง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและประณีต ใต้ฝากระโปรงของ Macan GTS นั้นมีเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต (550 นิวตันเมตร) สิ่งนี้ translates เป็นอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตอย่างน่าพอใจที่จะทำให้หัวใจของคุณเต้นแรง
Macan GTS ควบคุมได้อย่างคล่องตัวและแม่นยำอย่างที่คาดไม่ถึงสำหรับ SUV มันรู้สึกเบา คล่องตัว และเกาะถนนอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเข้าโค้ง ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ระบบกันสะเทือนอากาศที่เป็นอุปกรณ์เสริม และพวงมาลัยที่แม่นยำ สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ชวนให้นึกถึง Hot Hatch ไม่ใช่ SUV ยกสูง ในภาพรวม Macan GTS คือแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ ที่ผสมผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว
2025 Audi SQ7
ยอดเยี่ยมรอบด้าน หรูหรา เร็ว มีสไตล์ ทุกอย่างลงตัว
ทำไมถึงเป็นสุดยอด SUV สปอร์ตใหม่? Audi SQ7 ผสมผสานความหรูหรา ความอเนกประสงค์ และสมรรถนะที่น่าตื่นเต้นเข้าไว้ด้วยกันในแพ็คเกจ SUV เจ็ดที่นั่งที่กว้างขวาง เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ให้กำลัง 503 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์-ฟุต (770 นิวตันเมตร) ได้รับการยกย่องในด้าน “พละกำลังอันระเบิด” และ “เสียงเครื่องยนต์ที่น่าตื่นเต้น” Reviewers ชื่นชม “อัตราเร่งที่รุนแรง” และ “สมรรถนะที่ง่ายดาย”
แม้จะเน้นสมรรถนะ แต่ SQ7 ก็ยังให้ “การควบคุมที่มั่นคง” และ “คุณภาพการขับขี่ที่สะดวกสบาย” Audi SQ7 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและความอเนกประสงค์ของ SUV ในแพ็คเกจที่ครบครันสำหรับครอบครัว
ก้าวเข้าสู่โลกของ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025
ตลาด SUV สมรรถนะสูง และ SUV หรู ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเดินทาง แต่เป็นการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่ก้าวล้ำ SUV ครอบครัว ที่สามารถลงสนามแข่งได้ หรือ รถออฟโรด ที่หรูหรา มีตัวเลือกมากมายที่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อความต้องการเฉพาะของคุณ
ผมหวังว่าคู่มือเชิงลึกนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและจุดประกายความปรารถนาในรถยนต์คันต่อไปของคุณ อย่ารอช้าที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการขับขี่อันเร้าใจ หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์สุดยอดของความหรูหราและสมรรถนะ เชิญเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายเพื่อทดลองขับและค้นพบ SUV ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณในวันนี้!
ยลโฉมที่สุดแห่งยนตรกรรม SUV หรูหราและสมรรถนะสูงประจำปี 2025: ประสบการณ์ 10 ปีบนเส้นทางความเร็ว
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการที่น่าทึ่งของตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ SUV ที่ได้พลิกโฉมจากรถครอบครัวเน้นประโยชน์ใช้สอย สู่ขุมพลังแห่งความหรูหรา ความเร็ว และเทคโนโลยีล้ำสมัย วันนี้ รถ SUV ไม่ใช่เพียงแค่ยานพาหนะสำหรับรับส่งลูกๆ อีกต่อไป แต่เป็นสัญลักษณ์ของรสนิยม ความหลงใหล และความต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่ธรรมดา ยินดีต้อนรับสู่โลกของ “รถ SUV สมรรถนะสูง” (Performance SUV) ยนตรกรรมที่ผสมผสานการใช้งานจริงเข้ากับความตื่นเต้นเร้าใจ ที่พร้อมจะเปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นการผจญภัยที่น่าจดจำ
สำหรับปี 2025 นี้ ตลาดรถ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกต่างทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และการออกแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ปรารถนาความลงตัวระหว่างความแรงสไตล์รถสปอร์ต (Sports SUV) และความสะดวกสบายแบบรถยนต์ระดับพรีเมียม (Premium SUV) บทความนี้จะนำท่านเจาะลึกทุกแง่มุมของรถ SUV ที่โดดเด่นที่สุดประจำปี 2025 พร้อมเผยกลยุทธ์การเลือกซื้อและข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์ตรงของผม เพื่อให้ท่านค้นพบรถ SUV ในฝันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นสายซิ่ง สายหรู หรือสายลุย
ยุคทองของรถ SUV สมรรถนะสูง: พลังขับเคลื่อนแห่งวงการยานยนต์ปี 2025
ในช่วงสองถึงสามทศวรรษที่ผ่านมา รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ SUV ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง ตอบสนองความต้องการของครอบครัวสมัยใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความอเนกประสงค์ที่เป็นจุดเด่นเสมอมา รถ SUV ได้พัฒนาไปไกลกว่าภาพลักษณ์ของ “รถคุณแม่” อย่างสิ้นเชิง ในฐานะที่ทั้งรถ SUV และฐานลูกค้าได้เติบโตขึ้น ความต้องการรุ่นย่อยที่มีสมรรถนะสูง (High-Performance SUV) ก็ได้ขยายตัวตามไปด้วยอย่างก้าวกระโดด
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กระตุ้นให้แบรนด์หรูหราและสมรรถนะสูงระดับโลกหันมาให้ความสำคัญกับตลาดนี้อย่างเต็มตัว เพื่อตอบสนองความต้องการรถ SUV ที่ “เร็วขึ้น ดีขึ้น และเซ็กซี่ขึ้น” ทุกค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่างตระหนักดีว่าความสำเร็จในตลาดนี้ได้สร้างผลกำไรมหาศาลให้กับธุรกิจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่ผู้ผลิตรถยนต์เฉพาะกลุ่มและรถยนต์หายากอย่าง Lamborghini และ Ferrari ก็ยังกระโดดเข้าร่วมสมรภูมิเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด รถ SUV จึงไม่ใช่แค่ทางเลือกเสริมอีกต่อไป แต่เป็น “ขุมทรัพย์” ที่หล่อเลี้ยงนวัตกรรมของวงการอย่างแท้จริง
จากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา ผมกล้ายืนยันว่าผลกำไรจากยอดขายรถ SUV เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสนับสนุนการพัฒนาและผลิตรถสปอร์ต (Sports Car) ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ เทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากรถซูเปอร์คาร์ (Supercar) และรถยนต์สมรรถนะสูง (High-Performance Cars) ได้ถูกนำมาปรับใช้กับรถ SUV ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้น และสร้างวงจรที่เกื้อหนุนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็นรถ SUV สุดยอดเยี่ยมมากมายถือกำเนิดขึ้น และยังมีอีกหลายรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือ “รถยนต์รุ่นใหม่ 2025” (New Car Models 2025) ที่น่าจับตามองในตลาดโลก
แนวโน้มหลักของรถ SUV สมรรถนะสูงในปี 2025: ก้าวสู่อนาคตที่เร้าใจกว่าเดิม
ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่เผยให้เห็นทิศทางของตลาดรถ SUV สมรรถนะสูงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีหลายแนวโน้มที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในความต้องการของผู้บริโภค
การเร่งตัวของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electrification):
ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือมาตรฐานใหม่ที่กำลังจะมาถึง ทั้งระบบไฮบริดแบบอ่อน (Mild-Hybrid), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV Hybrid SUV) และรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Electric SUV) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ ระบบไฟฟ้าไม่เพียงช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน แต่ยังมอบสมรรถนะการออกตัวที่เหนือชั้นด้วยแรงบิดแบบทันทีทันใด (Instant Torque) ทำให้รถ SUV เหล่านี้รู้สึกว่องไวและทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Lamborghini Urus S.E. และ Porsche Macan EV ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของขุมพลังไฟฟ้าในรถ SUV สมรรถนะสูง (SUV Performance)
ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย:
ห้องโดยสารของรถ SUV ระดับพรีเมียม (Premium SUV) ในปี 2025 จะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ตั้งแต่ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ (Infotainment System) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems) ระบบช่วงล่างแบบปรับได้ (Adaptive Suspension) ที่สามารถปรับการตอบสนองตามสภาพถนน และระบบเลี้ยวล้อหลัง (Rear-Wheel Steering) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในความเร็วต่ำและเสถียรภาพในความเร็วสูง ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่และความสะดวกสบายสูงสุด
การออกแบบที่โดดเด่นและดุดันยิ่งขึ้น:
เส้นสายการออกแบบของรถ SUV สมรรถนะสูงในปีนี้มีความคมชัด ดุดัน และเน้นแอโรไดนามิกมากขึ้น โดยยังคงเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ไว้อย่างเหนียวแน่น การผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตเป็นไปอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่องดักอากาศที่ดุดัน สปอยเลอร์หลังที่ช่วยเพิ่มแรงกด และท่อไอเสียแบบสี่ปลายที่ส่งเสียงคำรามอันเร้าใจ ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถของรถยนต์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์อันสง่างาม
ความหลากหลายของขุมพลังขับเคลื่อน:
แม้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ (Twin-Turbo V8) ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับสมรรถนะสูงสุด แต่เครื่องยนต์ V6 และแม้กระทั่งเครื่องยนต์ 4 สูบสมรรถนะสูง (High-Output 4-cylinder) ที่ผสานกับระบบไฟฟ้า ก็กำลังสร้างความประทับใจด้วยตัวเลขกำลังและแรงบิดที่ไม่เป็นรองใคร แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่ช่วยให้รถ SUV มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องพึ่งพากระบอกสูบจำนวนมากเสมอไป
การปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalization):
สำหรับตลาดรถหรู (Luxury Car Market) และรถยนต์ระดับสูง การปรับแต่งรถยนต์ตามความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แบรนด์อย่าง Bentley และ Rolls-Royce นำเสนอทางเลือกในการปรับแต่งที่แทบจะไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่สีภายนอก วัสดุภายใน ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้รถยนต์ทุกคันสะท้อนถึงตัวตนและรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของได้อย่างแท้จริง
ส่องไฮไลท์รถ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025: จากประสบการณ์ตรงของผม
จากการได้สัมผัสและทดลองขับรถยนต์หลากหลายรุ่นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมขอคัดสรรและเจาะลึกรถ SUV ที่โดดเด่นและสร้างความประทับใจที่สุดในปี 2025 ซึ่งถือเป็น “รถ SUV ยอดเยี่ยม 2025” (Best SUV 2025) ที่น่าลงทุนและคุ้มค่าอย่างยิ่ง
Ferrari Purosangue (เฟอร์รารี่ ปูโรซันเก้) – หัวใจสปอร์ตในร่าง SUV V12
Ferrari Purosangue ไม่ใช่แค่รถ SUV คันแรกของ Ferrari แต่เป็นการประกาศจุดยืนที่ท้าทายขนบธรรมเนียมเดิมๆ ของแบรนด์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่ไม่ใช่รถ SUV ทั่วไป แต่เป็น “Ferrari พันธุ์แท้” ที่มีจิตวิญญาณของรถสปอร์ต (Ferrari SUV) ผสานกับความอเนกประสงค์ของ SUV ได้อย่างน่าทึ่ง การออกแบบที่เพรียวบางตามหลักอากาศพลศาสตร์ ฝากระโปรงหน้าที่ยาว บังโคลนที่แข็งแกร่ง และท่าทางที่ดุดัน ล้วนเป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ในขณะที่ความสูงจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้นและประตูสี่บานมอบการใช้งานจริงในระดับใหม่สำหรับค่ายม้าลำพอง
ภายใต้ฝากระโปรง Purosangue ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจเองขนาด 6.5 ลิตร ปลดปล่อยพลัง 715 แรงม้า และแรงบิด 528 ปอนด์-ฟุต ซึ่งให้สมรรถนะการขับขี่ที่น่าทึ่ง โดยทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. แต่ Purosangue ไม่ใช่แค่รถที่วิ่งได้เร็วตรงๆ เท่านั้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง (Advanced AWD), ระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟ (Active Suspension), และระบบเลี้ยวล้อหลัง (Rear-Wheel Steering) มอบการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและความคล่องตัวที่น่าประหลาดใจ ทำให้เป็นความสุขในการขับขี่บนถนนคดเคี้ยว ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและหรูหราด้วยเบาะนั่งสี่ที่นั่ง เน้นผู้ขับขี่ด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลและหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 10.2 นิ้ว Purosangue เป็นรถยนต์ที่พลิกโฉมวงการอย่างแท้จริง และนิยามใหม่ของความเป็น Ferrari
ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ: $428,686 USD
Lamborghini Urus S.E. / Performante (ลัมโบร์กินี อูรุส เอส.อี. / เพอร์ฟอร์มันเต้) – สปอร์ตไฮบริดดุดัน
Lamborghini Urus S.E. ปี 2025 เป็นก้าวสำคัญสำหรับซูเปอร์ SUV (Super SUV) ด้วยระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่ทรงพลัง แม้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์จะยังคงอยู่ แต่ตอนนี้ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อสร้าง Urus S.E. (Super Elettrica) ใหม่ การรวมกันนี้ปลดปล่อยพลังถึง 789 แรงม้า และแรงบิด 701 ปอนด์-ฟุต ทำให้ Urus S.E. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.1 วินาทีที่น่าทึ่ง นอกเหนือจากพละกำลังมหาศาล ระบบไฮบริดยังมอบระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนประมาณ 48 กม. เพิ่มมิติใหม่ด้านประสิทธิภาพ
แต่ Urus ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น รุ่น “พื้นฐาน” อย่าง Urus S ก็ได้รับการอัปเดตสำหรับปี 2025 ด้วยดีไซน์ด้านหน้าใหม่พร้อมกันชนและฝากระโปรงใหม่ รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุง สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Urus รุ่น Performante ยังคงเป็นผู้นำ ด้วยมาตรการลดน้ำหนัก การปรับปรุงตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการปรับแต่งที่เน้นสนามแข่ง Urus Performante มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและเร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่า Urus ยังคงเป็นหนึ่งใน “รถ SUV ที่เร็วที่สุด” ในตลาด (Fastest SUV)
ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ: Urus S $241,843 USD, Urus S.E. Hybrid $262,631 USD, Performante $273,880 USD
Porsche Macan EV (ปอร์เช่ มาคัน อีวี) – อนาคตของ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูง
Porsche Macan EV คือหนึ่งใน “รถยนต์เทคโนโลยีใหม่” (New Technology Cars) ที่สำคัญที่สุดสำหรับ Porsche ในปี 2025 แสดงถึงการก้าวเข้าสู่โลกของรถ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่างเต็มตัว โดยสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Premium Platform Electric (PPE) ใหม่ทั้งหมด Macan EV มีการออกแบบที่เพรียวบางและแอโรไดนามิก ซึ่งปรับให้เหมาะสมทั้งด้านสมรรถนะและประสิทธิภาพ รูปทรงโค้งมนและเส้นสายที่ประณีตไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยให้มีระยะการขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 507 กม. (315 ไมล์)
รุ่น Turbo ซึ่งเป็นรุ่นท็อปไลน์ ปลดปล่อยพลังมหาศาลถึง 603 แรงม้า และแรงบิด 737 ปอนด์-ฟุต ด้วยการกำหนดค่าระดับสูงสุดนี้ Macan EV Turbo สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.1 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด (Fastest SUV) โดยไม่พึ่งพาเครื่องยนต์สันดาปภายใน Macan EV สัญญาว่าจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่Dynamic และมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจากการวางแบตเตอรี่ไว้ที่พื้นช่วยให้การควบคุมและการทรงตัวเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ด้วยการผสมผสานระหว่างสมรรถนะ เทคโนโลยี และความยั่งยืน Porsche Macan EV พร้อมที่จะกำหนดนิยามใหม่ของกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้า (Macan EV)
ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ: Macan EV Base $77,295 USD, Macan EV Turbo $107,295 USD
Rolls-Royce Cullinan II (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน ทู) – นิยามแห่งความหรูหราที่ไม่มีใครเทียบ
Rolls-Royce Cullinan II ปี 2025 ยกระดับมาตรฐานของ “รถ SUV หรูหรา” (Luxury SUV) ที่สุดในโลกไปอีกขั้น ยานยนต์อันยิ่งใหญ่นี้ยังคงผสมผสานงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce และพละกำลังที่ไร้ความพยายามเข้ากับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและความสามารถที่น่าประหลาดใจ สำหรับปี 2025 Cullinan ได้รับการปรับปรุงที่ละเอียดอ่อนแต่มีผลกระทบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของตนให้เป็นจุดสูงสุดของความหรูหราในกลุ่ม SUV
การออกแบบภายนอกได้รับการปรับปรุงอย่างประณีตด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมช่องดักอากาศแบบลาดเอียง สร้างรูปลักษณ์ที่ดูมีชีวิตชีวาและดุดันยิ่งขึ้น กระจังหน้า Pantheon อันเป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce ได้รับการติดตั้งไฟส่องสว่าง เพิ่มความหรูหราทันสมัย ล้อขนาด 23 นิ้วใหม่ ซึ่งผลิตจากการตัดชิ้นอะลูมิเนียมชิ้นเดียว ช่วยเสริมท่าทางที่สง่างามของ Cullinan ภายในห้องโดยสารยังคงเป็นดุจสรวงสวรรค์แห่งความหรูหราเฉพาะตัว ด้วยรายละเอียดที่ทำด้วยมือ วัสดุที่ดีที่สุด และระดับของการปรับแต่งเฉพาะบุคคลที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่พิถีพิถันที่สุด ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงใหม่ (Infotainment System) พร้อมฟังก์ชันการทำงานและการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุง ได้ถูกรวมเข้ากับแผงหน้าปัดที่ทำด้วยมือของ Cullinan อย่างไร้รอยต่อ
ภายใต้ฝากระโปรง Cullinan ยังคงใช้เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.75 ลิตร อันทรงพลัง มอบพละกำลังที่ไหลลื่นอย่างไร้รอยต่อ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) และเทคโนโลยีช่วงล่างขั้นสูงช่วยให้การขับขี่ราบรื่นและควบคุมได้ดี แม้บนเส้นทางที่ท้าทาย Rolls-Royce Cullinan II มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นที่ผสมผสานพละกำลังอันไร้ความพยายาม ความสบายอันเงียบสงบ และความหรูหราเฉพาะบุคคล
ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ: $392,000 USD, Black Badge $454,000 USD
Mercedes-AMG G63 (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จี 63) – ตำนานแห่งออฟโรดผสานความหรูหรา
Mercedes-AMG G 63 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “G-Wagon” คือสัญลักษณ์ของความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด (Off-road Performance SUV) และความหรูหราที่ไร้การประนีประนอม รถ SUV ในตำนานคันนี้ ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์และแรงบันดาลใจจากรถยนต์ทหาร ได้เป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความสามารถมานานหลายทศวรรษ สำหรับปี 2025 G 63 ได้รับการอัปเดตที่ครอบคลุม ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะ เทคโนโลยี และความประณีต โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นไว้
ภายใต้ฝากระโปรง G 63 บรรจุเครื่องยนต์ AMG V8 biturbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ประกอบด้วยมือ ซึ่งตอนนี้ติดตั้งระบบ mild-hybrid 48 โวลต์ (Mild-Hybrid System) เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้มอบกำลัง 577 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต ทำให้ G 63 เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาประมาณ 4.2 วินาที ระบบ mild-hybrid ไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะ แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ ความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของ G 63 ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยระบบกันสะเทือนที่ปรับปรุงใหม่ มอบการยืดหยุ่นของช่วงล่างที่ดีขึ้นและการขับขี่ที่สบายยิ่งขึ้นบนพื้นผิวขรุขระ (Off-road Truck SUV)
ภายในห้องโดยสาร G 63 คือสรวงสวรรค์แห่งความหรูหราและเทคโนโลยี หนังที่เย็บด้วยมือ การตกแต่งด้วยไม้ที่ทำด้วยมือ และอลูมิเนียมขัดเงา สร้างบรรยากาศที่โอ่อ่าและประณีต แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วและระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วครอบงำแผงหน้าปัด มอบการเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงที่หลากหลาย สำหรับปี 2025 G 63 ได้นำเสนอคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ๆ รวมถึง Active Steering Assist และ Active Emergency Stop Assist ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ: $190,000 USD
Ford F-150 Raptor / Raptor R และ Ford Bronco Raptor (ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ / แร็พเตอร์ อาร์ และ ฟอร์ด บรองโค แร็พเตอร์) – ราชันย์แห่งออฟโรด
สำหรับผู้ที่หลงใหลการผจญภัยและการขับขี่บนเส้นทางสุดท้าทาย Ford Raptor series คือคำตอบที่ดีที่สุด Ford F-150 Raptor และ Raptor R ปี 2025 ยังคงเป็นผู้นำในโลกของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง (Off-road Performance SUV) โดยรุ่น Raptor R มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 Supercharged 5.2 ลิตร (Predator V8) อันดุดัน ให้กำลังถึง 700 แรงม้า ทำให้เป็นรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตลาด ขณะที่ Bronco Raptor คือ “รถ SUV ออฟโรดสมรรถนะสูง” (Off-road Performance SUV) ที่แท้จริง สร้างมาเพื่อพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ EcoBoost V6 3.0 ลิตร Twin-turbo 418 แรงม้า และระบบกันสะเทือน HOSS 4.0 ที่พัฒนาโดย Fox ซึ่งมาพร้อมโช้คอัพแบบกึ่งแอคทีฟ (Semi-Active Dampers) และยาง All-Terrain ขนาด 37 นิ้ว ยานยนต์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อการกระโดด ข้ามผ่านอุปสรรค และลุยไปในทุกเส้นทาง
ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ: F-150 Raptor $80,900 USD, F-150 Raptor R $112,725 USD, Bronco Raptor $91,930 USD
สุดยอดรถ SUV สปอร์ตและหรูหราที่เราเลือกสำหรับปี 2025
จากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอประกาศ “รถ SUV ยอดเยี่ยม” (Best SUV) ของปี 2025 ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ:
Porsche Macan GTS (ปอร์เช่ มาคัน จีทีเอส): “ราชาแห่งกลุ่ม Compact SUV”
ทำไมถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด? Macan GTS คือศูนย์รวมจิตวิญญาณของ Porsche อย่างแท้จริง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและประณีต ภายใต้ฝากระโปรงของ Macan GTS คือเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ขนาด 2.9 ลิตร ที่ให้กำลังถึง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต ส่งผลให้มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่เร้าใจจนหัวใจคุณเต้นแรง
Macan GTS ให้การควบคุมที่คล่องตัวและแม่นยำอย่างเหลือเชื่อสำหรับรถ SUV มันรู้สึกเบา ว่องไวในการเปลี่ยนทิศทาง และยึดเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยมในทางโค้ง ช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อความสปอร์ต ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่เป็นอุปกรณ์เสริม และพวงมาลัยที่แม่นยำ สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ชวนให้นึกถึงรถ Hot Hatch มากกว่ารถ SUV ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงอย่างที่ Edmunds กล่าวไว้ว่า “Macan GTS ให้การควบคุมเหมือนรถสปอร์ต ด้วยพวงมาลัยที่แม่นยำ การโคลงตัวของรถน้อยที่สุด และแชสซีที่สนุกสนาน” เบาะนั่งแบบสปอร์ตของ GTS ยังรองรับได้ดีและนั่งสบาย แม้ในขณะขับขี่อย่างดุดัน โดยรวมแล้ว Macan GTS เป็นแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบที่ผสมผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และการใช้งานจริงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นรถ SUV สมรรถนะสูง (Performance SUV) ที่หาตัวจับยาก
Audi SQ7 (เอาดี้ เอสคิว 7): “ที่สุดแห่งความลงตัวสำหรับครอบครัวผู้รักความเร็ว”
ทำไมถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด? Audi SQ7 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา การใช้งานจริง และสมรรถนะอันเร้าใจในรูปแบบของรถ SUV เจ็ดที่นั่งที่กว้างขวาง เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลัง 503 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์-ฟุต ได้รับคำชมว่ามี “พละกำลังระเบิด” และ “เสียงคำรามที่เร้าใจ” ผู้รีวิวต่างชื่นชม “อัตราเร่งที่ดุดัน” และ “สมรรถนะที่ไร้ความพยายาม”
แม้จะเน้นสมรรถนะ แต่ SQ7 ก็ยังคงให้ “การควบคุมที่มั่นคง” และ “คุณภาพการขับขี่ที่สะดวกสบาย” อย่าง Car and Driver ระบุว่า “SQ7 ผสมผสานสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเข้ากับการใช้งานจริงของรถ SUV ในแพ็คเกจที่หรูหราและหลากหลายสำหรับครอบครัว” นี่คือรถ SUV ครอบครัวสมรรถนะสูง (Family SUV Performance) ที่แท้จริง
ก้าวไปข้างหน้ากับยานยนต์แห่งอนาคต
ปี 2025 ได้พิสูจน์แล้วว่าอนาคตของรถ SUV สมรรถนะสูงนั้นสดใสและน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูง การออกแบบที่น่าทึ่ง และพละกำลังอันน่าทึ่ง ได้สร้างสรรค์ยานยนต์ที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วบนถนน ความหรูหราในการเดินทาง หรือความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด รถยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและความหลงใหลในนวัตกรรม
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง! หากท่านกำลังมองหา “คู่มือเลือกซื้อ SUV” (SUV Buying Guide) หรือต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “รถ SUV สมรรถนะสูง” (Performance SUV) ที่จะพลิกโฉมการเดินทางของท่านให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อดูรีวิวฉบับเต็มและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อค้นพบรถ SUV ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ!

