• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3110088 หล งแต งงานแม สาม ของฉ นก กล บมาต งเง อนไข part 2

admin79 by admin79
October 29, 2025
in Uncategorized
0
N3110088 หล งแต งงานแม สาม ของฉ นก กล บมาต งเง อนไข part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เปิดโลกผู้บริหารจัดการกองทุนระดับโลกปี 2025: บทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ในฐานะนักลงทุนผู้คร่ำหวอดในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภูมิทัศน์การลงทุนทั่วโลก และในปี 2025 นี้ บริษัทจัดการกองทุนขนาดใหญ่ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้ดูแลสินทรัพย์มูลค่ามหาศาล แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางและอนาคตของการเงินโลก สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ผันผวน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการตื่นตัวเรื่องความยั่งยืน ล้วนส่งผลให้บทบาทของบริษัทเหล่านี้มีความซับซ้อนและสำคัญยิ่งขึ้น การทำความเข้าใจโครงสร้าง กลยุทธ์ และอิทธิพลของผู้เล่นยักษ์ใหญ่เหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน เพื่อการตัดสินใจลงทุนที่ชาญฉลาดและทันต่อสถานการณ์

ในปี 2025 ตลาดการเงินโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายและโอกาสมากมาย อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นประเด็น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยืดเยื้อ ก็สร้างความผันผวนให้กับการลงทุนในหลายภาคส่วน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเหล่านี้ บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำจึงต้องใช้ความเชี่ยวชาญเชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แม่นยำ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับลูกค้าของตน

สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษในปีนี้คือ การผนวกปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับกลยุทธ์การลงทุนหลักอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น ผู้จัดการกองทุนจำนวนมากกำลังให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านศีลธรรม แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอีกด้วย เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ตลาด การสร้างพอร์ตโฟลิโอ และการบริหารความเสี่ยง ทำให้การตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงบริษัทจัดการกองทุนระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกในปี 2025 พร้อมสำรวจปรัชญาการลงทุน ผลิตภัณฑ์หลัก และอิทธิพลที่พวกเขามีต่อระบบเศรษฐกิจโลก

รายงานล่าสุดจาก Investing in The Web ยืนยันว่า BlackRock ยังคงครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดในปี 2025 ตามมาด้วย Vanguard Group ซึ่งตอกย้ำถึงการครอบงำของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ รายชื่อ 10 อันดับแรกแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของผู้เล่นเดิม โดยมีบริษัทจัดการกองทุนจากสหรัฐอเมริกาถึง 7 แห่ง และจากยุโรปอีก 2 แห่ง ได้แก่ Amundi จากฝรั่งเศส และ Allianz Group จากเยอรมนี ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้เล่นรายใหม่ยังคงต้องเผชิญกับกำแพงสูงในการแข่งขันกับผู้จัดการกองทุนที่สั่งสมประสบการณ์และสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มาอย่างยาวนาน ซึ่งรวมกันแล้วคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของสินทรัพย์ที่บริหารจัดการทั่วโลก

ต่อไปนี้คือรายชื่อผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 เรียงลำดับจากเล็กสุดไปหาใหญ่สุดตามมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025:

บริษัทจัดการกองทุนประเทศสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)
Allianz Groupเยอรมนี1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Invescoสหรัฐอเมริกา1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Amundiฝรั่งเศส2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Capital Groupสหรัฐอเมริกา2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Goldman Sachs Asset Managementสหรัฐอเมริกา3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
J.P. Morgan Asset Managementสหรัฐอเมริกา3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
State Street Global Advisorsสหรัฐอเมริกา4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Fidelity Investmentsสหรัฐอเมริกา5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Vanguard Groupสหรัฐอเมริกา10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
BlackRockสหรัฐอเมริกา11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Allianz Group: พลังแห่งการลงทุนที่ยั่งยืนและบูรณาการ

ในอันดับที่ 10 ของทำเนียบผู้จัดการกองทุนระดับโลกในปี 2025 Allianz Group จากเยอรมนี ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่าสูงถึง 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2025) สิ่งที่โดดเด่นของ Allianz คือแนวทางการลงทุนระยะยาวที่ฝังรากลึกในหลักการความยั่งยืน และการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นที่พึ่งที่น่าเชื่อถือสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

Allianz ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในธุรกิจจัดการสินทรัพย์ผ่านบริษัทย่อยอย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก PIMCO มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้นำด้านการวิเคราะห์ตลาดตราสารหนี้และการสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อน ทำให้ Allianz สามารถนำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก

ในปี 2025 Allianz ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธีมที่สอดคล้องกับแนวโน้มของโลก เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน และสาธารณสุข ด้วยการผสมผสานการวิเคราะห์เชิงลึกเข้ากับความมุ่งมั่นด้าน ESG ทำให้กองทุนอย่าง Allianz Global Sustainability Fund และ Allianz Global Artificial Intelligence Fund เป็นที่นิยมอย่างสูง กองทุน AI ของพวกเขามุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างการเติบโตและนวัตกรรม สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและมองเห็นโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป แนวทางการบริหารกองทุนที่ยึดผลตอบแทนและประสิทธิภาพเป็นหลักยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าผลประโยชน์ของพวกเขาสอดคล้องกับผู้จัดการกองทุนอย่างแท้จริง

Invesco: กลยุทธ์ “One Team” เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Invesco Ltd. ผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ติดอันดับ 9 ด้วย AUM ที่น่าประทับใจถึง 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2025) พันธกิจหลักของ Invesco คือการมอบประสบการณ์การลงทุนที่ช่วยให้ลูกค้าบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในชีวิต โดยมีปรัชญาการทำงานที่สำคัญสามประการ ได้แก่ “One Team” (ความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกัน), “Culture matters” (การรักษาวัฒนธรรมแห่งการยอมรับความแตกต่างและการทำงานร่วมกัน) และ “Focused execution” (การดำเนินการตามกลยุทธ์ด้วยความรวดเร็วและรับผิดชอบ)

Invesco โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนดัชนีอย่าง Invesco S&P 500 Index Fund ที่ให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงกองทุนแบบ Active อย่าง Invesco Value Opportunities Fund ที่มุ่งเน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว ในปี 2025 Invesco ยังคงลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีและการวิจัยเพื่อพัฒนากลยุทธ์การลงทุนให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Big Data และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ

การจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้จัดการกองทุนของ Invesco ประกอบด้วยเงินเดือนประจำ โบนัสประจำปี และที่สำคัญคือส่วนแบ่งตามผลการดำเนินงานการลงทุน สิ่งนี้สร้างแรงจูงใจให้ผู้จัดการกองทุนมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า การเข้าถึงตลาดทั่วโลกและความเข้าใจในตลาดท้องถิ่นที่ลึกซึ้ง ทำให้ Invesco สามารถให้บริการลูกค้าในภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือสถาบันขนาดใหญ่

Amundi: ผู้นำด้านการลงทุนของยุโรปสู่เวทีโลก

Amundi ผู้จัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ครองอันดับ 8 ของโลกในปี 2025 ด้วย AUM ที่น่าทึ่งถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 30 มีนาคม 2025) Amundi มีรากฐานที่แข็งแกร่งจากธนาคาร Crédit Agricole และ Société Générale ของฝรั่งเศส และได้ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว พวกเขายึดมั่นในค่านิยมหลักเช่น “One Team” ที่เน้นการทำงานร่วมกันอย่างรับผิดชอบ นวัตกรรม และวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง พร้อมด้วยการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นและมีประสิทธิภาพ

Amundi มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investment) โดยบูรณาการปัจจัย ESG เข้ากับการวิเคราะห์การลงทุนในทุกระดับ พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในด้านนี้และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่เน้นความยั่งยืน ผลิตภัณฑ์เด่นของ Amundi ได้แก่ Amundi Funds US Equity Fundamental Growth ซึ่งลงทุนในบริษัทสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง และ Amundi Funds Global Aggregate Bond ที่ให้โอกาสในการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยง

ในปี 2025 Amundi ยังคงเน้นย้ำถึงการใช้เทคโนโลยีและงานวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนและบริการลูกค้า พวกเขามีความเชี่ยวชาญทั้งในกองทุน Active และ Passive รวมถึง ETF ที่หลากหลาย นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดดัชนีที่สำคัญอย่าง Russell 2000 ได้ผ่านกองทุนรวมของ Amundi สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของนักลงทุนในยุคปัจจุบัน ผู้จัดการกองทุนของ Amundi ได้รับการประเมินและให้ผลตอบแทนโดยคำนึงถึงผลการดำเนินงานในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาการลงทุนที่เน้นความยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า

Capital Group: ตำนานแห่งการบริหารเชิงรุกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

Capital Group หนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดจากสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่ติดอันดับ 7 ของโลกในปี 2025 ด้วย AUM ราว 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1931 ที่ลอสแอนเจลิส และเป็นที่รู้จักจากสไตล์การบริหารจัดการเชิงรุก (Active Management) ที่ประสบความสำเร็จอย่างยาวนาน พวกเขามีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงศูนย์กลางการเงินที่สำคัญในเอเชีย เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว

ค่านิยมหลักที่ทำให้ Capital Group กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลกคือความรับผิดชอบ การมุ่งเน้นผลลัพธ์ระยะยาว การทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด และการวิเคราะห์ที่เข้มงวด พวกเขาเชื่อมั่นในการวิจัยเชิงลึกและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อคัดเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพสูง ทีมผู้จัดการกองทุนของ Capital Group ได้รับการชดเชยตามผลการดำเนินงาน ไม่ใช่ปริมาณสินทรัพย์ที่บริหารจัดการ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้จัดการกองทุนมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง

Capital Group นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึง Capital Group Global Allocation ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทั่วโลก และ Capital Group New Perspective ซึ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ หรือนวัตกรรมเทคโนโลยี กองทุนเหล่านี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวและความเข้าใจในพลวัตของเศรษฐกิจโลกของ Capital Group ในปี 2025 Capital Group ยังคงลงทุนในแพลตฟอร์มการวิจัยระดับโลกและการพัฒนาบุคลากร เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในด้านการบริหารเชิงรุก ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของพวกเขา

Goldman Sachs Asset Management: นวัตกรรมและการวิเคราะห์ที่เข้มข้น

Goldman Sachs Asset Management (GSAM) แขนการบริหารสินทรัพย์ของวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ Goldman Sachs Group จากสหรัฐอเมริกา ได้ตอกย้ำตำแหน่งในกลุ่มผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมี AUM แตะ 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 ประสบการณ์อันยาวนานในโลกของการลงทุน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้า ได้ส่งผลให้ GSAM ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น

GSAM มีชื่อเสียงในเรื่องกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีระเบียบวินัย พวกเขาแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า การบริหารความเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินงานของพวกเขา ในปี 2025 GSAM ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนและนวัตกรรมเทคโนโลยี

ตัวอย่างกองทุนเด่นของ GSAM ได้แก่ Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูง ด้วยเครือข่ายระดับโลก Goldman Sachs สามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนที่ไม่เหมือนใคร แม้จะไม่มีสำนักงานในบางประเทศ เช่น อินโดนีเซีย แต่การเข้าถึงผ่านศูนย์กลางการเงินอย่างสิงคโปร์ก็ยังเป็นช่องทางที่สำคัญสำหรับนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่

J.P. Morgan Asset Management: บริการจัดการลงทุนครบวงจรระดับโลก

J.P. Morgan Asset Management ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ JPMorgan Chase วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหลักในวงการ ด้วย AUM ทั่วโลกที่ทะลุ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พวกเขาให้บริการจัดการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งในส่วนของหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอแบบ Multi-Asset สินทรัพย์ทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน (สภาพคล่อง)

J.P. Morgan Asset Management มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ Active ที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมทั่วไป, ETF, บัญชีบริหารจัดการเฉพาะบุคคล (Separately Managed Accounts), และโซลูชั่น Multi-Asset ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า ผลิตภัณฑ์เรือธงบางส่วนได้แก่ JPMorgan Growth Advantage Fund ในภาคส่วนหุ้น และ JPMorgan Core Bond Fund สำหรับกลุ่มตราสารหนี้

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1871 บริษัทแห่งนี้อาศัยขนาดที่ใหญ่ระดับโลก ทรัพยากรการวิจัยภายในที่แข็งแกร่ง และโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงของ J.P. Morgan Group พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนทั่วโลก ที่ให้บริการลูกค้าสถาบัน ตัวกลางทางการเงิน และนักลงทุนรายย่อย แนวทางการบริหารจัดการของพวกเขาเน้นการวิจัยเชิงลึกและการบริหารพอร์ตโฟลิโอแบบ Active อย่างมืออาชีพและวัดผลได้ ในปี 2025 J.P. Morgan Asset Management ยังคงเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนที่ซับซ้อนขึ้น เช่น กองทุนที่มีการบูรณาการ AI ในกระบวนการคัดเลือกหุ้นอย่าง JPMorgan America Equity Fund และ JPMorgan Global Dividend Fund ที่เน้นการสร้างรายได้ปันผลจากหุ้นทั่วโลก แม้จะมีตัวแทนในอินโดนีเซีย แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์กองทุนอาจต้องผ่านตลาดสิงคโปร์ ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญในภูมิภาค

State Street Global Advisors: ผู้บุกเบิก ETF และกองทุนสถาบัน

State Street Global Advisors (SSGA) จากสหรัฐอเมริกา คว้าอันดับ 4 ของบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2025 ด้วย AUM ที่น่าประทับใจกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ SSGA เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำสำหรับสถาบันการเงิน ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมกองทุนดัชนีและ ETF (Exchange Traded Funds) ที่มีชื่อเสียง

SSGA ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการวิจัยที่อยู่ใจกลางนโยบายการลงทุนของพวกเขา พวกเขาเป็นที่รู้จักจากผลิตภัณฑ์ ETF ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนทั่วโลก ภายใต้ชื่อ SPDR (Standard & Poor’s Depositary Receipts) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ ETF รายแรกๆ ของโลก SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SPDR S&P 500 ETF Trust เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงดัชนีตลาดหุ้นหลักได้อย่างง่ายดายและมีสภาพคล่องสูง

ในปี 2025 SSGA ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาด ETF และการลงทุนแบบ Passive ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญในการสร้างดัชนีและการบริหารเชิงปริมาณ พวกเขาช่วยให้นักลงทุนสถาบันและรายย่อยสามารถบริหารพอร์ตโฟลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ SSGA ยังคงลงทุนในเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลและ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทุนดัชนีและกลยุทธ์การลงทุนเชิงปริมาณให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าผลิตภัณฑ์บางส่วนจะต้องเข้าถึงผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ แต่ ETF ของ SSGA บางตัวก็สามารถซื้อขายได้ในตลาดในประเทศผ่านแพลตฟอร์การลงทุนที่ร่วมมือกัน

Fidelity Investments: แพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับนักลงทุนทุกระดับ

Fidelity Investments บริษัทจัดการลงทุนยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ยืนหยัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกในปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ที่แข็งแกร่งถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ไม่ใช่แค่การจัดการกองทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ แผนการเกษียณอายุ และบริการที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับทั้งนักลงทุนรายบุคคลและลูกค้าสถาบัน

ผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch สร้างชื่อเสียงให้กับ Fidelity ด้วยกองทุน Magellan ที่ทำผลตอบแทนได้อย่างน่าทึ่งในยุคของเขา ปรัชญาของ Fidelity ยังคงมุ่งเน้นการค้นหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดในระยะยาวสำหรับลูกค้า โดยผ่านกระบวนการคัดเลือกและบริหารกองทุนแบบ Active ที่เข้มข้น และการนำเสนอบริการให้คำปรึกษาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ความมุ่งมั่นของพวกเขา ประกอบกับความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ Fidelity เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุด

ในปี 2025 Fidelity ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลและเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและประสิทธิภาพในการลงทุน พวกเขามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ และ Fidelity Global Technology Fund ที่มุ่งเน้นการลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก นักลงทุนสามารถเข้าถึงกองทุนเหล่านี้ได้ผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง Fidelity ยังคงเป็นผู้นำในการให้บริการที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นผู้นำในการนำเสนอการลงทุนในดัชนีสำคัญอย่าง Hang Seng ผ่านผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

Vanguard Group: ผู้บุกเบิกกองทุนดัชนีและแนวคิด “นักลงทุนเป็นเจ้าของ”

The Vanguard Group ผู้จัดการกองทุนที่ไม่เคยขาดจากรายชื่อบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงครองตำแหน่งอันดับ 2 ในปี 2025 ด้วย AUM ที่น่าทึ่งถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างจากอันดับ 3 เกือบสองเท่าตัว Vanguard มีชื่อเสียงในฐานะผู้บุกเบิกกองทุนรวมดัชนี (Index Mutual Funds) และเป็นผู้นำด้านการบริหารแบบ Passive Investment

John Bogle ผู้ก่อตั้ง Vanguard ในปี 1975 ได้สร้างโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนและแตกต่างจากคู่แข่ง คือการเป็นบริษัทที่ “นักลงทุนเป็นเจ้าของ” (Client-owned structure) ซึ่งหมายความว่ากองทุนรวมและ ETF ของ Vanguard เป็นเจ้าของบริษัทเอง ทำให้ผลประโยชน์ของผู้จัดการสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง และส่งผลให้ Vanguard สามารถนำเสนอกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา Vanguard ได้ขยายผลิตภัณฑ์จากกองทุนดัชนีไปสู่ ETF และแม้กระทั่งกองทุนแบบ Active ที่ได้รับการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 2025 Vanguard ยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่ขับเคลื่อนการลงทุนแบบ Passive ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเรียบง่าย ประหยัดต้นทุน และผลตอบแทนที่สอดคล้องกับตลาด ผลิตภัณฑ์ของ Vanguard เช่น Vanguard Dividend Appreciation ETF ที่เน้นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเติบโตต่อเนื่อง และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF ที่ให้โอกาสในการลงทุนในตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลก สะท้อนถึงปรัชญาการลงทุนที่มุ่งเน้นระยะยาวและกระจายความเสี่ยง การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ Vanguard ในหลายประเทศ รวมถึงบางกองทุนที่อาจเข้าถึงได้ในไทย ผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมมือกัน ทำให้ Vanguard เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกระดับ

BlackRock: มหาอำนาจแห่งการเงินและนวัตกรรม AI

BlackRock ยังคงเป็น “ราชา” แห่งวงการจัดการสินทรัพย์ โดยครองตำแหน่งสูงสุดในอันดับบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2025 ด้วย AUM ที่น่าตกตะลึงถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทแห่งนี้จากสหรัฐอเมริกา ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อตลาดการเงินและนโยบายเศรษฐกิจทั่วโลก

อิทธิพลของ BlackRock เห็นได้ชัดจากการที่หน่วยงานให้คำปรึกษาของพวกเขาได้รับสัญญาให้บริหารโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด-19 นี่คือเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ BlackRock แพลตฟอร์ม Aladdin ซึ่งเป็นระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงและบริหารพอร์ตโฟลิโอแบบครบวงจรของ BlackRock ได้กลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ธนาคารและบริษัทจัดการสินทรัพย์อื่นๆ ใช้กันอย่างแพร่หลาย

BlackRock เป็นผู้นำในตลาด ETF ผ่านแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF รายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยกองทุนกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลกและ AUM กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ iShares นำเสนอทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ iShares China Large-Cap ETF ที่ให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดหุ้นจีนขนาดใหญ่ ไปจนถึง iShares Global Clean Energy ETF ที่ลงทุนในบริษัทพลังงานสะอาดทั่วโลก

ในปี 2025 BlackRock ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในการบูรณาการ ESG เข้ากับกลยุทธ์การลงทุน และยังคงลงทุนอย่างมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา AI และ Machine Learning เพื่อยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดและการจัดการพอร์ตโฟลิโอ ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและขนาดของ BlackRock ทำให้พวกเขาสามารถกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการเงินและเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนทั่วโลก

สรุปและแนวโน้มสำหรับนักลงทุนในปี 2025

โดยสรุปแล้ว บริษัทจัดการลงทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้เข้ามาครอบงำภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2025 พวกเขาได้รวมสถานะในตลาดให้แข็งแกร่ง โดยมี BlackRock เป็นผู้นำและยังคงครองบัลลังก์ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารจัดการความมั่งคั่งมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นจุดสูงสุดของการจัดการสินทรัพย์ แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่ได้นำเสนอเพียงผลิตภัณฑ์การลงทุนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่ชี้นำนักลงทุนไปสู่ความสำเร็จ ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการรวมปัจจัย ESG เข้ากับการลงทุนอย่างลึกซึ้ง การใช้ AI และ Big Data ในการตัดสินใจ การเติบโตของการลงทุนแบบ Passive ผ่าน ETF และความต้องการโซลูชั่นการลงทุนที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้มากขึ้น

สำหรับนักลงทุนทุกระดับ การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักเหล่านี้และแนวโน้มที่พวกเขากำลังขับเคลื่อน จะช่วยให้คุณสามารถนำทางในตลาดการเงินที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจยิ่งขึ้น

ก้าวเข้าสู่โลกการลงทุนที่ชาญฉลาด!
หากคุณพร้อมที่จะสำรวจโอกาสการลงทุนในตลาดโลก หรือต้องการวางแผนการเงินสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะยาวในกองทุนดัชนีที่เติบโตอย่างมั่นคง หรือการกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่เน้นความยั่งยืน การศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ อย่ารอช้า! เริ่มต้นเส้นทางสู่ความมั่งคั่งกับผู้จัดการกองทุนชั้นนำเหล่านี้ และสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งเพื่อเป้าหมายทางการเงินของคุณในปี 2025 และปีต่อๆ ไป

เจาะลึกผู้นำระดับโลก: บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่แห่งปี 2025

ในโลกแห่งการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน บริษัทจัดการกองทุน (Asset Managers) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดการเงินทั่วโลก ด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการนี้ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์พลวัตและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด ปี 2025 นี้นับเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อปัจจัยต่างๆ ทั้งเทคโนโลยีขั้นสูง, การลงทุนอย่างยั่งยืน, และภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของบริษัทจัดการกองทุน การทำความเข้าใจโครงสร้างและกลยุทธ์ของบริษัทเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันที่มุ่งหวังสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025, ผลิตภัณฑ์ที่พวกเขานำเสนอ, และขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (Assets Under Management – AUM) อันมหาศาล ที่สะท้อนถึงอิทธิพลของพวกเขาที่มีต่อระบบเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก เราจะสำรวจทั้ง BlackRock, Vanguard, Fidelity Investments, Amundi, และผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ที่ยังคงยืนหยัดเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่

ภูมิทัศน์บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกปี 2025

จากการรายงานล่าสุดของ Investing in The Web ในปี 2025 BlackRock ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำสูงสุดในฐานะบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามมาด้วย Vanguard ที่ยังคงครองอันดับสองอย่างเหนียวแน่น ความจริงที่น่าสนใจคือ บริษัทจัดการกองทุน 10 อันดับแรกของโลกนี้ ได้บริหารจัดการความมั่งคั่งรวมกันกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงการกระจุกตัวของอำนาจและอิทธิพลในตลาดการเงิน โดยเจ็ดในสิบอันดับแรกนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่อีกสามบริษัทที่เหลือมาจากยุโรป ได้แก่ Amundi จากฝรั่งเศส และ Allianz Group จากเยอรมนี

การที่รายชื่อเหล่านี้ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งและอำนาจเหนือตลาดของบริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ พวกเขาได้สร้างรากฐานที่มั่นคงและกลยุทธ์ที่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัย ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ยากที่จะก้าวขึ้นมาท้าทายตำแหน่งผู้นำได้ง่ายๆ เกือบหนึ่งในสามของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมดในโลก ล้วนอยู่ในมือของบริษัทชั้นนำเหล่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทอันทรงอิทธิพลในการกำหนดทิศทางตลาด

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เรามาดูกันว่าผู้จัดการสินทรัพย์เหล่านี้คือใคร และมีบทบาทอย่างไรในโลกการเงินปัจจุบัน

10 อันดับบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 (เรียงจากน้อยไปมาก)

บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประเทศสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM)
Allianz Groupเยอรมนี1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Invescoสหรัฐฯ1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Amundiฝรั่งเศส2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Capital Groupสหรัฐฯ2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Goldman Sachs Groupสหรัฐฯ3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
J.P. Morgan Asset Managementสหรัฐฯ3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
State Street Global Advisorsสหรัฐฯ4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Fidelity Investmentsสหรัฐฯ5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Vanguard Groupสหรัฐฯ10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
BlackRockสหรัฐฯ11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025

เจาะลึกผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลก: กลยุทธ์และนวัตกรรมสู่ปี 2025

Allianz Group (AUM: 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Allianz Group ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ไม่เพียงเป็นผู้นำในธุรกิจประกันภัย แต่ยังเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในฐานะบริษัทจัดการกองทุนอันดับ 10 ของโลกในปัจจุบัน กลยุทธ์การลงทุนของ Allianz โดดเด่นด้วยการเน้นแนวทางระยะยาว ควบคู่ไปกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG Investment) และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก

ณ เดือนมิถุนายน 2025 Allianz Group มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขนี้รวมสินทรัพย์จากทั้งธุรกิจประกันภัยหลักและบริษัทย่อยด้านการจัดการสินทรัพย์ เช่น Allianz Global Investors (AllianzGI) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเชิงรุก และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) หนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองธุรกิจนี้ ทำให้ Allianz เป็นผู้นำในระดับโลก เคียงข้าง BlackRock และ Vanguard

Allianz เน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุน ในปี 2025 นี้ กองทุนที่เน้นเทรนด์แห่งอนาคต เช่น Allianz Global Sustainability Fund ที่มุ่งเน้นบริษัทที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืน และ Allianz Global Artificial Intelligence Fund ที่ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาและใช้เทคโนโลยี AI ต่างได้รับความสนใจอย่างมาก สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลก และการจ่ายค่าตอบแทนผู้จัดการกองทุนที่อิงกับผลการดำเนินงาน ยิ่งเสริมความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุน

Invesco (AUM: 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Invesco Ltd. คืออีกหนึ่งผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญ โดย ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2025 Invesco มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พันธกิจหลักของ Invesco คือการมอบประสบการณ์การลงทุนที่ช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ผ่านปรัชญาการทำงานที่แข็งแกร่ง: “One Team” (ความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกัน), “Culture Matters” (การรักษาวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและส่งเสริมการทำงานร่วมกัน) และ “Focused Execution” (การดำเนินการเชิงกลยุทธ์ด้วยความรวดเร็วและตรวจสอบได้)

ในปี 2025 Invesco ยังคงเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนดัชนี (Index Funds) ไปจนถึงกองทุนเชิงรุกที่เน้นมูลค่า (Value Opportunities Funds) ตัวอย่างเช่น Invesco S&P 500 Index Fund ซึ่งเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนตามดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Invesco Value Opportunities Fund ที่มุ่งเน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น Invesco มีระบบการจ่ายค่าตอบแทนผู้จัดการกองทุนที่ประกอบด้วยเงินเดือน โบนัสประจำปี และค่าตอบแทนตามผลการดำเนินงาน ซึ่งกระตุ้นให้ผู้จัดการกองทุนมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า

Amundi (AUM: 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Amundi บริษัทจัดการกองทุนจากฝรั่งเศส ถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และครองอันดับ 8 ของโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวม 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2025 Amundi ให้ความสำคัญกับค่านิยมหลักเช่น “One Team” การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการเปิดกว้างทางวัฒนธรรม ตลอดจนการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ

Amundi มีความโดดเด่นในการเป็นผู้บุกเบิกด้านการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investment) และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการวิจัยเพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การลงทุนในกองทุนของ Amundi จึงมักจะสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนและนวัตกรรม ตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ Amundi Funds US Equity Fundamental Growth ที่มุ่งเน้นหุ้นเติบโตในสหรัฐฯ และ Amundi Funds Global Aggregate Bond ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก Amundi ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่หลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในทุกมิติ

Capital Group (AUM: 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Capital Group เป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1931 และเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการบริหารจัดการเชิงรุก ด้วย AUM กว่า 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทแห่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยมีสำนักงานกระจายอยู่ในหลายประเทศทั่วเอเชีย รวมถึงฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, สิงคโปร์ และโตเกียว

ค่านิยมหลักที่ทำให้ Capital Group เป็นผู้นำ ได้แก่ ความรับผิดชอบ, มุมมองการลงทุนระยะยาว, การทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด, และการวิเคราะห์ที่เข้มข้น ผู้จัดการกองทุนของ Capital Group ได้รับค่าตอบแทนจากผลการดำเนินงาน ไม่ใช่จากปริมาณสินทรัพย์ที่บริหารจัดการ ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของนักลงทุน กองทุนที่โดดเด่น ได้แก่ Capital Group Global Allocation ซึ่งเป็นการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก และ Capital Group New Perspective ที่มุ่งเน้นบริษัทที่มีนวัตกรรมและโอกาสการเติบโตในอนาคต ทำให้ Capital Group เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหากองทุนเชิงรุกที่มีคุณภาพ

Goldman Sachs Asset Management (AUM: 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Goldman Sachs Asset Management (GSAM) เป็นอีกหนึ่งชื่อที่คุ้นเคยในกลุ่มผู้จัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวม 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ความเชี่ยวชาญในโลกการลงทุน, วิสัยทัศน์ระดับโลก, และการให้ความสำคัญกับลูกค้า ได้ส่งผลให้ GSAM ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตลาดการเงินปี 2025

GSAM โดดเด่นในด้านกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีวินัย พวกเขาแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า พร้อมให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในฐานะกลยุทธ์หลัก กองทุนอย่าง Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio สะท้อนถึงการมุ่งเน้นการลงทุนที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่นำเสนอโอกาสในตลาดตราสารหนี้ผลตอบแทนสูง แม้ Goldman Sachs จะไม่มีสาขาในประเทศไทยโดยตรง แต่นักลงทุนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ผ่านตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาค

J.P. Morgan Asset Management (AUM: 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

J.P. Morgan Asset Management คือหน่วยงานจัดการสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase ที่ดูแลสินทรัพย์กว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก บริษัทนี้นำเสนอบริการการลงทุนที่ครอบคลุม ตั้งแต่หุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอแบบหลายสินทรัพย์ การลงทุนทางเลือก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก J.P. Morgan Asset Management นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนเชิงรุกที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมทั่วไป, ETF, บัญชีบริหารจัดการเฉพาะบุคคล, และโซลูชันหลายสินทรัพย์ที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1871 J.P. Morgan Asset Management อาศัยความได้เปรียบจากขนาดธุรกิจระดับโลก, แหล่งข้อมูลการวิจัยภายใน, และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan ปัจจุบันพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนทั่วโลก ที่ให้บริการลูกค้าสถาบัน, ตัวกลางทางการเงิน, และนักลงทุนรายบุคคล สไตล์การบริหารจัดการของพวกเขาเน้นการวิจัยเชิงลึกและแนวทางเชิงรุกในการจัดการพอร์ตโฟลิโออย่างมืออาชีพและวัดผลได้

ตัวอย่างกองทุนที่สำคัญ ได้แก่ JPMorgan America Equity Fund ที่มีความหลากหลายใน 9 ประเภทสินทรัพย์ และ JPMorgan Global Dividend Fund ซึ่งมุ่งเน้นหุ้นปันผลทั่วโลก แม้ J.P. Morgan Asset Management จะมีตัวแทนในประเทศไทยในชื่อ JP Morgan Securities (Thailand) แต่สำหรับผลิตภัณฑ์กองทุน นักลงทุนไทยอาจต้องเข้าถึงผ่านตลาดสิงคโปร์สำหรับบางผลิตภัณฑ์ เนื่องจากในประเทศไทยยังคงเน้นให้บริการลูกค้าสถาบันเป็นหลัก

State Street Global Advisors (AUM: 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

State Street Global Advisors ยืนหยัดในอันดับ 4 ของบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่น่าประทับใจกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 State Street เป็นผู้นำในด้านการจัดการสินทรัพย์สำหรับสถาบัน และเป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในตลาดกองทุนดัชนี (Index Funds) และ ETF

บริษัทแห่งนี้มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นแกนหลักของนโยบายการลงทุน State Street เป็นผู้ริเริ่ม ETF ภายใต้แบรนด์ SPDR (Standard & Poor’s Depositary Receipts) ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุนทั่วโลก ในปี 2025 นี้ กองทุนอย่าง SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SPDR S&P 500 ETF Trust ยังคงเป็นทางเลือกหลักสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและความโปร่งใส ทำให้เป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่กระจายความเสี่ยง

Fidelity Investments (AUM: 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Fidelity Investments เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity เป็นที่รู้จักจากผู้จัดการกองทุนระดับตำนานอย่าง Peter Lynch ซึ่งบริหารกองทุน Magellan อันโด่งดัง Fidelity ให้บริการและสนับสนุนทั้งลูกค้าบุคคลและสถาบัน โดยมุ่งเน้นการค้นหาโซลูชันที่ดีที่สุดในระยะยาว

Fidelity โดดเด่นด้วยกระบวนการคัดเลือกและกระจายกองทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงการนำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนที่ได้รับความเชื่อถืออย่างกว้างขวาง ความมุ่งมั่นของบริษัท ประกอบกับความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ Fidelity เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำในปัจจุบัน

ในปี 2025 Fidelity ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทั่วโลก อาทิ Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund สำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ และ Fidelity Global Technology Fund ที่มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ การเข้าถึงกองทุนของ Fidelity สามารถทำได้ผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นักลงทุนไทยสามารถพิจารณาเพื่อกระจายการลงทุนไปยังตลาดโลก

Vanguard Asset Management (AUM: 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

Vanguard Group คือชื่อที่ไม่เคยหลุดจาก 10 อันดับแรกของบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาตำแหน่งอันดับสองอย่างแข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ห่างจากอันดับสามเกือบสองเท่า Vanguard เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านกองทุนดัชนีและ ETF โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาการลงทุนแบบพาสซีฟที่ John Bogle ผู้ก่อตั้งได้วางรากฐานไว้ตั้งแต่ปี 1975

สิ่งที่ทำให้ Vanguard แตกต่างจากผู้จัดการกองทุนรายอื่นคือ โครงสร้างการเป็นเจ้าของ บริษัทไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นเจ้าของโดยหุ้นส่วน แต่เป็นเจ้าของโดยผู้เข้าร่วมกองทุนเอง นั่นหมายความว่ากองทุนรวม (mutual funds) และ ETF เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งทำให้ผลประโยชน์ของบริษัทสอดคล้องกับผลประโยชน์ของนักลงทุนอย่างแท้จริง แนวคิดนี้ทำให้ Vanguard สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำมาก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ในปี 2025 Vanguard ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในการนำเสนอ ETF ที่หลากหลาย อาทิ Vanguard Dividend Appreciation ETF ที่มุ่งเน้นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF ที่ให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลก การลงทุนผ่าน ETF ของ Vanguard เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่กระจายความเสี่ยงอย่างกว้างขวางด้วยต้นทุนที่ต่ำ

BlackRock (AUM: 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

BlackRock ยังคงครองบัลลังก์ผู้นำในฐานะบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่น่าตกตะลึงถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ BlackRock ไม่เพียงเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อตลาดการเงินทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย

อิทธิพลของ BlackRock เห็นได้ชัดจากการที่แผนกให้คำปรึกษาของบริษัทได้รับสัญญาให้บริหารจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาด BlackRock ยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF ชั้นนำของโลก iShares มีกองทุนมากกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลก และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เป็นเครื่องมือหลักสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความยืดหยุ่นและการเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย

ในปี 2025 BlackRock ยังคงผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แพลตฟอร์ม Aladdin ของ BlackRock ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงและพอร์ตโฟลิโอสำหรับ BlackRock เองเท่านั้น แต่ยังถูกใช้งานอย่างกว้างขวางโดยสถาบันการเงินและบริษัทจัดการกองทุนอื่นๆ ทั่วโลก กองทุนเด่นๆ ที่นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางต่างประเทศ เช่น iShares China Large-Cap ETF สำหรับการลงทุนในหุ้นจีนขนาดใหญ่ และ iShares Global Clean Energy ETF ที่ตอบรับเมกะเทรนด์พลังงานสะอาด การที่ BlackRock ยังคงเป็นผู้นำแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความท้าทายของตลาดโลกอย่างแท้จริง

สรุปและก้าวต่อไปสำหรับนักลงทุน

โดยสรุป บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำเหล่านี้ได้ครอบงำภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2025 พวกเขาได้รวมฐานะที่มั่นคงในตลาด โดยมี BlackRock เป็นหัวหอกรักษาบัลลังก์ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารจัดการความมั่งคั่งที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงเป็นจุดสูงสุดของการบริหารจัดการสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม, นวัตกรรม, และกลยุทธ์ที่นำทางนักลงทุน

ในฐานะนักลงทุน การทำความเข้าใจในบทบาท กลยุทธ์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ เป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดและมีข้อมูลรอบด้าน พวกเขาเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดและเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการสร้างความมั่งคั่งให้กับคุณในระยะยาว

เชิญชวนนักลงทุนทุกท่าน: หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ หรือต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำเหล่านี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งในการค้นหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณอย่างยั่งยืน มาร่วมสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงไปพร้อมกับผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมการลงทุน

Previous Post

N3110083 ความร กซ งก นและก part 2

Next Post

N3010919 วจะเล อกใครระหว างเม ยก บแม part 2

Next Post
N3010919 วจะเล อกใครระหว างเม ยก บแม part 2

N3010919 วจะเล อกใครระหว างเม ยก บแม part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0111331 เวลาของเราไม เท าก part 2
  • N0111323 วยต วเOงในมหาล part 2
  • N0111327 แฟนหน าตาแบบน เป นค ณจะอายไหม part 2
  • N0111328 แกล งขอทาน #สน กด part 2
  • N0111325 แอบก uสาม เพ oนว าซ าน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.