• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3110089 เล ยงหลานตามเพศท เก part 2

admin79 by admin79
October 29, 2025
in Uncategorized
0
N3110089 เล ยงหลานตามเพศท เก part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เปิดมุมมองนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญ: เจาะลึก 10 บริษัทจัดการลงทุนยักษ์ใหญ่ของโลก ปี 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงการลงทุนมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดทุนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของผู้จัดการสินทรัพย์ (Asset Managers) ระดับโลกที่กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกำหนดทิศทางการลงทุนของนักลงทุนหลายล้านคนทั่วโลก บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึง 10 บริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้บริหารเงินทุนมหาศาล แต่ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม กลยุทธ์ และความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการเงิน

ตลาดทุนโลกในปี 2025 ยังคงเผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่ซับซ้อน ตั้งแต่ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ, อัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน, ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์, ไปจนถึงการเร่งตัวของเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การลงทุนอย่างสิ้นเชิง ในบริบทเช่นนี้ การเลือกพันธมิตรผู้จัดการสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง มีวิสัยทัศน์ และความสามารถในการปรับตัว จึงเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาว

รายงานล่าสุดจากแหล่งข่าวการเงินชั้นนำทั่วโลกยืนยันว่า BlackRock ยังคงครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วย Vanguard ที่ยังคงรักษาตำแหน่งรองลงมาอย่างมั่นคง การจัดอันดับในปี 2025 นี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่ไม่สั่นคลอนของยักษ์ใหญ่เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมศูนย์ของอำนาจการจัดการสินทรัพย์ โดยบริษัท 10 อันดับแรกของโลกนี้ดูแลความมั่งคั่งรวมกันกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา และมีผู้เล่นสำคัญจากยุโรปอย่าง Amundi และ Allianz Group เข้ามาเติมเต็มในรายชื่อนี้

ความน่าสนใจคือ แม้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่และเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่โครงสร้างของบริษัทจัดการลงทุนอันดับต้นๆ กลับไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่คือข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่ง, เครือข่ายที่กว้างขวาง, และความไว้วางใจที่นักลงทุนทั่วโลกมีต่อพวกเขา มาดูกันว่าผู้จัดการกองทุนเหล่านี้คือใคร มีปรัชญาการลงทุนอย่างไร และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากเท่าใด ณ เดือนมิถุนายน 2025

ทำความรู้จัก 10 ผู้จัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลกปี 2025

ลำดับบริษัทจัดการลงทุน (จากน้อยไปมาก)ประเทศสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)
10Allianz Groupเยอรมนี1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
9Invescoสหรัฐฯ1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
8Amundiฝรั่งเศส2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
7Capital Groupสหรัฐฯ2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
6Goldman Sachs Asset Managementสหรัฐฯ3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5J.P. Morgan Asset Managementสหรัฐฯ3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
4State Street Global Advisorsสหรัฐฯ4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
3Fidelity Investmentsสหรัฐฯ5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2Vanguard Groupสหรัฐฯ10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
1BlackRockสหรัฐฯ11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025

Allianz Group: พลังแห่งการจัดการความเสี่ยงและความยั่งยืนจากยุโรป

Allianz Group ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทประกันภัยระดับโลก แต่ยังเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วย AUM กว่า 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ กลางปี 2025 ซึ่งรวมถึงการบริหารสินทรัพย์ผ่านบริษัทในเครืออย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการพันธบัตรที่โดดเด่นที่สุดในโลก

ปรัชญาการลงทุนของ Allianz Group เน้นการลงทุนระยะยาวโดยคำนึงถึงหลักการความยั่งยืน (Sustainability) และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในยุคที่ความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยในปี 2025 นี้ Allianz ยังคงให้ความสำคัญกับการบูรณาการปัจจัยด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) เข้าไปในกระบวนการลงทุนอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในพลังงานสะอาด (Clean Energy) หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่รับผิดชอบ

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Allianz Global Sustainability Fund: กองทุนที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
Allianz Global Artificial Intelligence Fund: ตอบรับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่พัฒนาและได้รับประโยชน์จากนวัตกรรม AI ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดในปี 2025

ในฐานะนักลงทุน เราจะเห็นได้ว่า Allianz ไม่ได้เพียงแค่ตามกระแส แต่เป็นผู้กำหนดเทรนด์บางส่วน โดยเฉพาะในด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน

Invesco: ประสบการณ์ลงทุนระดับโลกเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

Invesco Ltd. ผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการมอบประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าทั่วโลก ด้วย AUM ณ เดือนมิถุนายน 2025 อยู่ที่ 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Invesco ยืนหยัดด้วยปรัชญา “One Team” ที่เน้นความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกัน, “Culture matters” ที่ส่งเสริมความหลากหลายและการทำงานร่วมกัน, และ “Focused execution” ที่มุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์อย่างรวดเร็วและมีความรับผิดชอบ

ในปี 2025 Invesco ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งกองทุนดัชนี (Index Funds), กองทุนรวมประเภท Active Management, และ ETF เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายย่อย Invesco ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงลึกและการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Invesco S&P 500 Index Fund: กองทุนที่ติดตามดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ถือเป็นเครื่องมือพื้นฐานสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างง่ายดาย
Invesco Value Opportunities Fund: กองทุนประเภท Value Investing ที่มุ่งหาบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในภาวะตลาดที่มีความผันผวน

Invesco แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่ครอบคลุม โดยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการช่วยให้นักลงทุนบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

Amundi: ผู้นำการจัดการสินทรัพย์จากยุโรปสู่เวทีโลก

Amundi ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในยุโรป และติดอันดับ 8 ของโลก ด้วย AUM ณ เดือนมีนาคม 2025 สูงถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Amundi ให้ความสำคัญกับความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกัน (“One Team”), นวัตกรรม และวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง พวกเขายังมุ่งมั่นกับการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบในระยะยาว และใช้เทคโนโลยีการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

Amundi มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย รวมถึงกองทุนดัชนีที่อิงกับดัชนีสำคัญต่างๆ เช่น Russell 2000 สำหรับหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ และกองทุนพันธบัตรทั่วโลกที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ในปี 2025 Amundi ยังคงเน้นการพัฒนาโซลูชันการลงทุนที่ยั่งยืนและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายของตลาด

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Amundi Funds US Equity Fundamental Growth: กองทุนที่ลงทุนในหุ้นเติบโตของสหรัฐฯ โดยเน้นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งเป็นธีมที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง
Amundi Funds Global Aggregate Bond: กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก เพื่อสร้างกระแสรายได้และกระจายความเสี่ยง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนในภาวะที่ตลาดผันผวน

Amundi เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของสถาบันการเงินยุโรปเข้ากับวิสัยทัศน์ระดับโลก โดยให้ความสำคัญกับทั้งผลตอบแทนและความรับผิดชอบต่อสังคม

Capital Group: ผู้บุกเบิกการบริหารจัดการแบบ Active Management

Capital Group บริษัทจัดการลงทุนที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1931 และเติบโตอย่างต่อเนื่องจนมี AUM ประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ กลางปี 2025 Capital Group เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกการบริหารจัดการแบบ Active Management โดยให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงลึก การคัดเลือกหลักทรัพย์อย่างพิถีพิถัน และมุมมองการลงทุนระยะยาว

ค่านิยมหลักที่ทำให้ Capital Group เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ความรับผิดชอบ, การมุ่งเน้นระยะยาว, การทำงานร่วมกับลูกค้า, และการวิเคราะห์ที่เข้มงวด พวกเขายังมีโครงสร้างที่น่าสนใจ โดยผู้จัดการกองทุนจะได้รับผลตอบแทนตามผลงานการลงทุน ไม่ใช่จากปริมาณสินทรัพย์ที่บริหาร ซึ่งช่วยให้ผลประโยชน์ของทีมสอดคล้องกับนักลงทุนอย่างแท้จริง ในปี 2025 Capital Group ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอการวิเคราะห์ที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหลักทรัพย์ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้น

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Capital Group Global Allocation: กองทุนที่กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก เช่น หุ้นและตราสารหนี้ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
Capital Group New Perspective: กองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีนวัตกรรมและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดรับกับพลวัตของตลาดในปี 2025

Capital Group คือข้อพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ Active Management ที่มีคุณภาพและวิสัยทัศน์ระยะยาว ยังคงสร้างมูลค่าให้กับนักลงทุนได้อย่างยั่งยืน

Goldman Sachs Asset Management: นวัตกรรมและมาตรฐานระดับโลก

Goldman Sachs Asset Management (GSAM) แขนงการจัดการสินทรัพย์ของ Goldman Sachs Group ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลก ได้สร้างชื่อเสียงและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วย AUM รวม 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ กลางปี 2025 ประสบการณ์ในโลกการลงทุน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้าคือปัจจัยแห่งความสำเร็จของพวกเขา

GSAM โดดเด่นด้วยกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวด มีระเบียบวินัย พวกเขามุ่งมั่นที่จะแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ในปี 2025 GSAM ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในธีมสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact) หรือตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield)

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio: กองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นธีมที่สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนที่ใส่ใจในเรื่องความยั่งยืน
Goldman Sachs Global High Yield Portfolio: กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจในภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง

สำหรับนักลงทุนในประเทศไทยที่สนใจ อาจต้องพิจารณาเข้าถึงผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนระหว่างประเทศหรือผ่านผู้ให้บริการกองทุนรวมต่างประเทศ (Feeder Fund) ที่มีอยู่ เนื่องจาก Goldman Sachs อาจยังไม่ได้มีตัวแทนโดยตรงที่ให้บริการกองทุนเหล่านี้แก่รายย่อยในไทยโดยตรง

J.P. Morgan Asset Management: มรดกแห่งความเชี่ยวชาญและการวิจัยเชิงลึก

J.P. Morgan Asset Management แผนกการจัดการสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase & Co. สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก บริหารสินทรัพย์กว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ กลางปี 2025 พวกเขาให้บริการบริหารจัดการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอหลากหลายสินทรัพย์ สินทรัพย์ทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน

J.P. Morgan Asset Management มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ Active Management ที่หลากหลาย ทั้งกองทุนรวม ETF บัญชีการลงทุนที่จัดการเป็นพิเศษ ไปจนถึงโซลูชันหลากหลายสินทรัพย์ที่ปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1871 บริษัทนี้อาศัยขนาดระดับโลก ทรัพยากรการวิจัยภายใน และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan ปัจจุบันพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนทั่วโลก ซึ่งให้บริการแก่นักลงทุนสถาบัน ตัวกลางทางการเงิน และนักลงทุนรายย่อย แนวทางการบริหารจัดการของพวกเขาเน้นการวิจัยเชิงลึกและการบริหารพอร์ตโฟลิโอแบบ Active อย่างมืออาชีพและวัดผลได้

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
JPMorgan America Equity Fund: กองทุนที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ครอบคลุมหลายภาคส่วน สะท้อนถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
JPMorgan Global Dividend Fund: กองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่จ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดและผลตอบแทนที่ยั่งยืน

แม้ J.P. Morgan จะมีสำนักงานในประเทศไทย แต่การเข้าถึงผลิตภัณฑ์กองทุนรวมของ J.P. Morgan Asset Management โดยตรงสำหรับนักลงทุนรายย่อยไทยส่วนใหญ่จะต้องผ่านตลาดต่างประเทศ หรือผ่าน Feeder Fund ที่จัดตั้งโดยบริษัทจัดการกองทุนในประเทศไทยที่ร่วมมือกัน

State Street Global Advisors: ผู้นำด้าน ETF และกองทุนดัชนี

State Street Global Advisors (SSGA) ยืนอยู่ในอันดับที่ 4 ของบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ กลางปี 2025 SSGA เป็นผู้จัดการสินทรัพย์สถาบันชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและผู้เล่นหลักในตลาดกองทุนดัชนีและ ETF (Exchange Traded Funds) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

SSGA มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นแกนหลักของนโยบายการลงทุน พวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ริเริ่ม SPDR S&P 500 ETF (SPY) ซึ่งเป็น ETF ที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการทำให้การลงทุนในดัชนีหลักเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ ในปี 2025 SSGA ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันการลงทุนแบบ Passive ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการด้าน ESG และนวัตกรรมเทคโนโลยี

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust (DIA): ETF ที่ติดตามดัชนี Dow Jones Industrial Average ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีหุ้นที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในสหรัฐฯ
SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY): ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่นักลงทุนไทยหลายคนสามารถเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนต่างประเทศ

State Street Global Advisors ถือเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงตลาดหุ้นหลักทั่วโลกด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผลผ่าน ETF

Fidelity Investments: นวัตกรรมการลงทุนและความเชี่ยวชาญจากอดีตสู่ปัจจุบัน

Fidelity Investments เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วย AUM ณ กลางปี 2025 อยู่ที่ 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity เป็นที่รู้จักจากชื่อเสียงของนักลงทุนระดับตำนานอย่าง Peter Lynch ผู้ซึ่งบริหารกองทุน Magellan อันโด่งดัง พวกเขาเป็นผู้จัดการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการและให้การสนับสนุนทั้งนักลงทุนรายบุคคลและลูกค้าสถาบัน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่ดีที่สุดในระยะยาว

Fidelity มีความโดดเด่นในกระบวนการกระจายกองทุนแบบ Active และการนำเสนอบริการให้คำปรึกษา ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุด ความมุ่งมั่นของพวกเขา ประกอบกับความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ Fidelity เป็นผู้เล่นที่ครบวงจร ในปี 2025 Fidelity ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์การลงทุนและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund: กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง
Fidelity Global Technology Fund: กองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก ซึ่งเป็นธีมการลงทุนที่ขับเคลื่อนตลาดในปี 2025 และในอนาคต

Fidelity ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยผสานรวมความเชี่ยวชาญดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในยุคปัจจุบัน

Vanguard Asset Management: ผู้บุกเบิกการลงทุนแบบดัชนีและค่าธรรมเนียมต่ำ

Vanguard Group คือบริษัทที่ไม่เคยหายไปจากรายชื่อ 10 บริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วย AUM ณ กลางปี 2025 ที่น่าทึ่งถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างจากอันดับสามเกือบสองเท่า Vanguard เป็นผู้นำด้านกองทุนรวมดัชนีและเป็นที่รู้จักจากแนวคิดธุรกิจที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 1976 โดย John Bogle ผู้ก่อตั้งที่เชื่อมั่นในการลงทุนแบบ Passive ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ

สิ่งที่ทำให้ Vanguard แตกต่างจากผู้จัดการกองทุนรายอื่นคือ โครงสร้างการเป็นเจ้าของ โดย Vanguard ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นของกลุ่มหุ้นส่วน แต่เป็นของ “ผู้เข้าร่วม” หรือกล่าวคือ เป็นของกองทุนรวม (Mutual Funds) และ ETF ที่อยู่ภายใต้การบริหาร นั่นหมายความว่า กองทุนเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ร่วมกันของนักลงทุน ทำให้ผลประโยชน์ของบริษัทสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ ในปี 2025 Vanguard ยังคงยึดมั่นในปรัชญานี้ และขยายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทั้ง ETF และกองทุน Active Management เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
Vanguard Dividend Appreciation ETF: ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่มีประวัติการเพิ่มเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอและผลตอบแทนที่เติบโต
Vanguard FTSE Developed Markets ETF: ETF ที่ลงทุนในตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลก ช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปยังภูมิภาคต่างๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ

Vanguard ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมการลงทุนด้วยโมเดลธุรกิจที่เป็นมิตรกับนักลงทุน และยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาวด้วยต้นทุนที่คุ้มค่า

BlackRock: ราชันย์ผู้ไม่สั่นคลอนแห่งโลกการเงิน

BlackRock ยังคงเป็น “ราชันย์” ผู้ครองอันดับหนึ่งในบรรดาบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ที่สูงถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ BlackRock มีอิทธิพลอย่างมหาศาลทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

อิทธิพลของ BlackRock มีมากจนถึงขั้นที่แผนกที่ปรึกษาของพวกเขาได้รับสัญญาในการบริหารโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากโรคระบาด BlackRock ยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF ชั้นนำ โดยมีกองทุนกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลกและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 BlackRock ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่ครอบคลุม การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกผ่านแพลตฟอร์ม Aladdin และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการลงทุนที่ยั่งยืน

ตัวอย่างกองทุนเด่น:
iShares China Large-Cap ETF (FXI): ETF ที่ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งเป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
iShares Global Clean Energy ETF (ICLN): ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาดทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเร่งตัวในปี 2025

BlackRock ไม่ได้เป็นเพียงผู้บริหารเงินทุน แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมและมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก ด้วยพลังขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและมุมมองการลงทุนที่กว้างไกล ทำให้พวกเขายังคงครองบัลลังก์ได้อย่างแข็งแกร่ง

สรุปและโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย

ในปี 2025 บริษัทจัดการลงทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลก โดยมี BlackRock เป็นหัวหอกในการรักษาบัลลังก์ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารความมั่งคั่งหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นจุดสูงสุดของการบริหารสินทรัพย์ แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่ไม่หยุดนิ่ง ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่ได้นำเสนอแค่ผลิตภัณฑ์การลงทุน แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่ชี้นำนักลงทุนทั่วโลก

ในฐานะนักลงทุน เราสามารถเรียนรู้จากยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง, การพิจารณาการลงทุนระยะยาว, การมองหาโอกาสในเมกะเทรนด์อย่าง ESG และ AI, รวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

คำเชิญชวนสำหรับนักลงทุน:
โลกของการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักและแนวโน้มของตลาดโลกจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาว หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการลงทุน หรือต้องการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอของคุณให้สอดรับกับสถานการณ์ปี 2025 การศึกษาและทำความเข้าใจบริษัทจัดการลงทุนเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด มาร่วมกันสำรวจโอกาสใหม่ๆ และสร้างอนาคตทางการเงินที่แข็งแกร่งไปพร้อมกัน!

สุดยอดผู้บริหารสินทรัพย์ระดับโลกปี 2025: เจาะลึกผู้นำการลงทุนแห่งยุค

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์กว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์ภูมิทัศน์ทางการเงินโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในปี 2025 นี้ ตลาดทุนยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี นโยบายเศรษฐกิจมหภาค และความตระหนักด้านความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเม็ดเงินลงทุนมหาศาลเหล่านี้คือเหล่าบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก (Global Asset Managers) ที่ไม่เพียงแต่บริหารพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนนับล้าน แต่ยังกำหนดทิศทางของตลาดและสร้างสรรค์นวัตกรรมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักที่ถือครองสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (Assets Under Management – AUM) รวมกันกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขนี้ตอกย้ำถึงอิทธิพลอันใหญ่หลวงของพวกเขาในระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งรวมกันเสียอีก การทำความเข้าใจปรัชญา กลยุทธ์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยถึงอำนาจทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจแนวโน้มการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกด้วย ในปีที่เทคโนโลยี AI และการลงทุนที่ยั่งยืน (ESG investing) กลายเป็นหัวใจสำคัญ บริษัทเหล่านี้กำลังนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง

ภาพรวมตลาดการลงทุนปี 2025 และผู้เล่นหลัก

รายงานล่าสุดจาก Investing in The Web ยืนยันว่า BlackRock ยังคงครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดในฐานะบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2025 ตามมาด้วย Vanguard ที่รักษาตำแหน่งอันดับสองอย่างแข็งแกร่ง การจัดอันดับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและอิทธิพลของบริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ โดยส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกาถึง 7 แห่งจาก 10 อันดับแรก สัญญาณนี้ชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบเชิงโครงสร้างของตลาดทุนสหรัฐฯ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวและนวัตกรรมของผู้จัดการกองทุนเหล่านี้ นอกจากนี้ บริษัทสัญชาติยุโรปอย่าง Amundi จากฝรั่งเศส และ Allianz Group จากเยอรมนี ก็ยังคงติดอันดับท็อป 10 แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของยุโรปในภูมิทัศน์การลงทุนระดับโลก การที่บริษัทเหล่านี้ยังคงยึดพื้นที่นำอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความท้าทายสำหรับผู้เล่นรายใหม่ในการเจาะตลาด และเน้นย้ำถึงการรวมศูนย์อำนาจของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทไม่กี่แห่งนี้

ต่อไปนี้คือรายชื่อผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดยเรียงตามมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) จากน้อยไปมาก:

บริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประเทศสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)
Allianz Groupเยอรมนี1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Invescoสหรัฐฯ1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Amundiฝรั่งเศส2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Capital Groupสหรัฐฯ2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Goldman Sachs Groupสหรัฐฯ3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
J.P. Morgan Asset Managementสหรัฐฯ3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
State Street Global Advisorsสหรัฐฯ4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Fidelity Investmentsสหรัฐฯ5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Vanguard Groupสหรัฐฯ10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
BlackRockสหรัฐฯ11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025

เจาะลึก 10 สุดยอดบริษัทจัดการกองทุนระดับโลกปี 2025

Allianz Group (มูลค่า AUM: 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ในตำแหน่งที่สิบ Allianz Group บริษัทยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วย AUM กว่า 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมิถุนายน 2025 สิ่งที่ทำให้ Allianz โดดเด่นคือแนวทางการลงทุนระยะยาวที่เน้นย้ำความยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบด้าน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในยุคที่ความผันผวนของตลาดเป็นเรื่องปกติ กลุ่ม Allianz ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทประกันภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำอย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ภายใต้ร่มเงาของ Allianz นักลงทุนสามารถเข้าถึงกองทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนที่เน้นความยั่งยืนอย่าง Allianz Global Sustainability Fund ที่ลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG ที่โดดเด่น ไปจนถึงกองทุนที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Allianz Global Artificial Intelligence Fund ซึ่งลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ ผมเห็นว่าแนวทางนี้ตอบสนองต่อเทรนด์ของปี 2025 ที่นักลงทุนมองหาทั้งผลตอบแทนและความรับผิดชอบต่อสังคม การบริหารจัดการค่าตอบแทนของผู้จัดการกองทุนที่อิงตามผลการดำเนินงานการลงทุน ยังสะท้อนถึงการจัดแนวผลประโยชน์ระหว่างบริษัทและลูกค้าได้อย่างลงตัว ทำให้ Allianz เป็นผู้เล่นที่ไม่ควรมองข้ามในการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

Invesco (มูลค่า AUM: 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ขยับขึ้นมาอีกนิดคือ Invesco Ltd. ผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ด้วย AUM ที่น่าประทับใจถึง 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2025 Invesco มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การลงทุนที่ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ผมชื่นชมปรัชญาการทำงานของพวกเขาที่เน้น “One Team” (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความรับผิดชอบร่วมกัน), “Culture matters” (การส่งเสริมความหลากหลายและการทำงานร่วมกัน) และ “Focused execution” (การดำเนินกลยุทธ์อย่างรวดเร็วและมีความรับผิดชอบ) ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญอย่างยิ่งในการเผชิญกับความซับซ้อนของตลาดในปี 2025

Invesco เสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนดัชนีที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง Invesco S&P 500 Index Fund ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเรียบง่ายและค่าธรรมเนียมต่ำ ไปจนถึงกองทุนที่เน้นคุณค่าอย่าง Invesco Value Opportunities Fund ที่มองหาบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น Invesco ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดโลกผ่านกองทุนที่มีปรัชญาการลงทุนที่ชัดเจนและทีมงานที่มีความมุ่งมั่น การจ่ายค่าตอบแทนผู้จัดการกองทุนที่ประกอบด้วยเงินเดือน โบนัสประจำปี และผลการดำเนินงานการลงทุน ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่กระตุ้นให้พวกเขามุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

Amundi (มูลค่า AUM: 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ก้าวเข้ามาใน 10 อันดับแรกอย่างสง่างามคือ Amundi ผู้จัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมี AUM ณ วันที่ 30 มีนาคม 2025 สูงถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะนักวิเคราะห์ ผมมองว่า Amundi เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งและนวัตกรรมจากฝั่งยุโรป พวกเขาให้ความสำคัญกับค่านิยมหลัก เช่น การทำงานร่วมกันและรับผิดชอบร่วมกัน (One Team), นวัตกรรม และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ตลอดจนการดำเนินกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้น

Amundi มีความมุ่งมั่นในระยะยาวต่อการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investing) และการใช้เทคโนโลยีการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนลูกค้า สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของปี 2025 ที่นักลงทุนจำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น พวกเขาเสนอกองทุนที่ครอบคลุมตลาดหลากหลาย เช่น Amundi Funds US Equity Fundamental Growth ที่มุ่งเน้นการเติบโตในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Amundi Funds Global Aggregate Bond ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพ การเป็นผู้นำในตลาดยุโรปทำให้ Amundi เป็นช่องทางสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงโอกาสในภูมิภาคนี้ รวมถึงการลงทุนในดัชนีสำคัญอย่าง Russell ผ่านกองทุนของพวกเขา

Capital Group (มูลค่า AUM: 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Capital Group เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างน่าทึ่งในกลุ่มผู้จัดการสินทรัพย์ ด้วย AUM ประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1931 ในลอสแอนเจลิสแห่งนี้ มีประสบการณ์ยาวนานในโลกของการลงทุน และยังคงยึดมั่นในสไตล์การบริหารแบบ Active Management ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดในระยะยาว

Capital Group มีสำนักงานในหลายประเทศทั่วเอเชีย เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว สิ่งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระดับโลกและการเข้าถึงตลาดที่สำคัญ ผมเชื่อว่าค่านิยมหลักที่ทำให้ Capital Group ประสบความสำเร็จคือ ความรับผิดชอบ การมุ่งเน้นระยะยาว การทำงานร่วมกับลูกค้า และการวิเคราะห์ที่เข้มงวด ที่สำคัญคือ ผู้จัดการกองทุนของ Capital Group ได้รับค่าตอบแทนตามผลลัพธ์การลงทุน ไม่ใช่ตามปริมาณสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ซึ่งช่วยจัดแนวผลประโยชน์กับนักลงทุนได้อย่างชัดเจน พวกเขานำเสนอกองทุนที่น่าสนใจอย่าง Capital Group Global Allocation ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงทั่วโลก และ Capital Group New Perspective ที่ลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการลงทุนแบบ Active และ Passive จะช่วยให้นักลงทุนเห็นคุณค่าของแนวทาง Capital Group ได้อย่างชัดเจน

Goldman Sachs Asset Management (มูลค่า AUM: 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Goldman Sachs Asset Management (GSAM) ยืนหยัดในฐานะหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้วย AUM รวม 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประสบการณ์อันยาวนาน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้าคือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความสำเร็จของพวกเขา ในปี 2025 GSAM ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการวิเคราะห์ตลาดที่ล้ำลึก

สิ่งที่ทำให้ GSAM โดดเด่นคือกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีวินัย พวกเขามุ่งมั่นแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยมองว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างยิ่ง กองทุนของ GSAM สะท้อนแนวคิดนี้ เช่น Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio ซึ่งลงทุนในบริษัทที่มีส่วนในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับธีมการลงทุน ESG ที่กำลังมาแรงในปี 2025 และ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนจากตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ แม้ Goldman Sachs ไม่มีสำนักงานตัวแทนในประเทศไทย แต่การเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนของพวกเขาผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ก็ยังคงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกจากผู้เล่นระดับโลก

J.P. Morgan Asset Management (มูลค่า AUM: 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
J.P. Morgan Asset Management ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ JPMorgan Chase Group เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในโลกของการจัดการสินทรัพย์ ด้วย AUM กว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก บริษัทแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1871 และให้บริการจัดการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอแบบ Multi-Asset ตราสารทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน

จากสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก J.P. Morgan Asset Management นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ Active Management ที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมทั่วไป, ETF, บัญชีบริหารจัดการเฉพาะราย และโซลูชันแบบ Multi-Asset ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า แต่ผลิตภัณฑ์เด่นที่ผมแนะนำให้จับตาคือ JPMorgan Growth Advantage Fund ในภาคส่วนหุ้น และ JPMorgan Core Bond Fund สำหรับตราสารหนี้ ความสำเร็จของพวกเขามาจากการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายระดับโลก ทรัพยากรการวิจัยภายในองค์กร และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan ปัจจุบันพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนทั่วโลก ที่ให้บริการลูกค้ารายสถาบัน ตัวกลางทางการเงิน และนักลงทุนรายบุคคล โดยเน้นการวิจัยเชิงลึกและการบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมืออาชีพ แม้ J.P. Morgan Securities (ประเทศไทย) จะเน้นให้บริการนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก แต่การศึกษาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาผ่านตลาดสิงคโปร์ก็ยังคงเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ระดับโลก

State Street Global Advisors (มูลค่า AUM: 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 คือ State Street Global Advisors ผู้จัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ด้วย AUM ที่สูงกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 และเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์สถาบันและเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มกองทุนดัชนี (Index Funds) และ ETF รายแรกๆ ของโลก ในปี 2025 พวกเขายังคงมุ่งมั่นในนวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นหัวใจหลักของนโยบายการลงทุน

State Street มีชื่อเสียงอย่างมากจากกองทุน ETF ภายใต้แบรนด์ SPDR (Standard & Poor’s Depositary Receipts) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั่วโลก ผลิตภัณฑ์อย่าง SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SPDR S&P 500 ETF Trust เป็นตัวอย่างของเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผมมองว่าแนวทางของ State Street ในการทำให้การลงทุนในดัชนีเข้าถึงง่าย ถือเป็นการปฏิวัติการลงทุนที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ต่ำ และสำหรับนักลงทุนในประเทศไทย SPDR S&P 500 ETF Trust เป็นหนึ่งในไม่กี่ ETF ระดับโลกที่สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทยได้โดยตรง ซึ่งเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด

Fidelity Investments (มูลค่า AUM: 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Fidelity Investments ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วย AUM 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริหารกองทุนที่ประสบความสำเร็จ เช่น กองทุน Magellan อันโด่งดังภายใต้การบริหารของ Peter Lynch ในตำนาน Fidelity เป็นผู้จัดการการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนทั้งแก่นักลงทุนรายบุคคลและลูกค้าสถาบัน โดยมุ่งมั่นแสวงหาโซลูชันที่ดีที่สุดในระยะยาว

ในปี 2025 Fidelity ยังคงโดดเด่นด้วยกระบวนการคัดเลือกและบริหารจัดการกองทุนแบบ Active ที่แข็งแกร่ง พวกเขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุด ด้วยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูงและความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม กองทุนที่น่าสนใจของ Fidelity ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ได้แก่ Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ และ Fidelity Global Technology Fund ซึ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก สอดคล้องกับเมกะเทรนด์การเติบโตของเทคโนโลยีในปี 2025 การทำความเข้าใจวิธีการลงทุนในดัชนีสำคัญอย่าง Hang Seng ผ่านผลิตภัณฑ์ของ Fidelity ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเพื่อเข้าถึงโอกาสในตลาดเอเชีย

Vanguard Asset Management (มูลค่า AUM: 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Vanguard Group เป็นบริษัทที่ไม่เคยหลุดจากรายชื่อ 10 บริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยยังคงครองตำแหน่งที่สองอย่างมั่นคง ด้วย AUM มหาศาลถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างจากอันดับสามเกือบเท่าตัว นี่คือผู้นำในการจัดการกองทุนดัชนีและ ETF ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก

นับตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา Vanguard มีแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งก่อตั้งโดย John Bogle ในปี 1975 โดยเน้นการบริหารจัดการแบบ Passive และต้นทุนที่ต่ำ ผ่านโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ คือบริษัทเป็นเจ้าของโดยกองทุนรวมและ ETF ของตนเอง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนในกองทุนเหล่านั้นคือเจ้าของบริษัท ส่งผลให้ผลประโยชน์ของบริษัทสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง ผมมองว่าโมเดลนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Vanguard สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 2025 ที่ต้นทุนการลงทุนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ

ผู้สืบทอดของ Bogle ได้ขยายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทั้ง ETF และกองทุนแบบ Active Management แต่หลักการสำคัญของค่าธรรมเนียมต่ำยังคงอยู่ Vanguard นำเสนอผลิตภัณฑ์ยอดนิยมมากมาย เช่น Vanguard Dividend Appreciation ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลเติบโตต่อเนื่อง และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย การศึกษา ETF ที่ดีที่สุดของ Vanguard จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive ได้เป็นอย่างดี

BlackRock (มูลค่า AUM: 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
BlackRock ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงในฐานะ “ราชา” แห่งอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ โดยครองตำแหน่งสูงสุดใน 10 อันดับแรกของบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ด้วย AUM ที่น่าตกใจถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อตลาดการเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

อิทธิพลของ BlackRock มีมากถึงขนาดที่แผนกให้คำปรึกษาของพวกเขาชนะสัญญาในการจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือที่พวกเขามีต่อสถาบันการเงินระดับโลก BlackRock เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF ชั้นนำระดับโลก แพลตฟอร์มนี้มีกองทุน ETF มากกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลก และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกันกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ iShares ได้ทำให้การลงทุนในดัชนีและสินทรัพย์หลากหลายประเภทเข้าถึงได้ง่ายสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ผมมองว่า iShares คือส่วนสำคัญที่ทำให้ BlackRock สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดเกิดใหม่อย่าง iShares China Large-Cap ETF (ซึ่งสามารถซื้อได้ผ่าน Gotrade ประเทศไทย) ไปจนถึงผู้ที่สนใจการลงทุนในพลังงานสะอาดผ่าน iShares Global Clean Energy ETF ซึ่งสอดรับกับกระแสการลงทุน ESG และพลังงานทางเลือกที่สำคัญในปี 2025

นอกจากนี้ เทคโนโลยีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและแพลตฟอร์มการจัดการพอร์ตโฟลิโออย่าง Aladdin ยังเป็นหัวใจสำคัญที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของ BlackRock ช่วยให้พวกเขาสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงและค้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะตลาดที่ซับซ้อน ผมเชื่อว่าการผสมผสานระหว่างขนาด นวัตกรรม และความเชี่ยวชาญคือสิ่งที่ทำให้ BlackRock ยังคงเป็นผู้นำอย่างไม่หยุดยั้ง

สรุปและบทส่งท้าย

ในปี 2025 นี้ บริษัทจัดการลงทุนยักษ์ใหญ่ที่เราได้กล่าวถึงไปข้างต้นยังคงครองภูมิทัศน์ทางการเงินโลก พวกเขาได้รวมฐานะของตนเองในตลาด โดยมี BlackRock เป็นหัวหอกที่รักษาบัลลังก์ในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารความมั่งคั่งมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของจุดสูงสุดของการบริหารสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่ไม่หยุดนิ่ง ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่ชี้นำนักลงทุนทั่วโลก

ในฐานะนักลงทุน เราทุกคนต่างมองหาเส้นทางสู่ความมั่งคั่งและการเติบโต การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักเหล่านี้และบทบาทของพวกเขาในตลาดโลกจะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลและวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากกองทุนดัชนีที่มีต้นทุนต่ำ การลงทุนในธีมการเติบโตแห่งอนาคต หรือการจัดสรรสินทรัพย์อย่างรอบคอบเพื่อกระจายความเสี่ยง

คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะสำรวจโอกาสการลงทุนระดับโลกเหล่านี้และสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต? หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกกองทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปี 2025 อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าทุกย่างก้าวทางการเงินของคุณจะเป็นไปอย่างชาญฉลาดและรอบคอบ เริ่มต้นการเดินทางสู่ความสำเร็จในการลงทุนของคุณได้ตั้งแต่วันนี้!

Previous Post

N3110082 เม ยเป นน กเล นช างแสนประเสร ฐจร งๆ part 2

Next Post

N3110081 จะข งกข เหน ยวไปไหน ให นแต มาม part 2

Next Post
N3110081 จะข งกข เหน ยวไปไหน ให นแต มาม part 2

N3110081 จะข งกข เหน ยวไปไหน ให นแต มาม part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0111331 เวลาของเราไม เท าก part 2
  • N0111323 วยต วเOงในมหาล part 2
  • N0111327 แฟนหน าตาแบบน เป นค ณจะอายไหม part 2
  • N0111328 แกล งขอทาน #สน กด part 2
  • N0111325 แอบก uสาม เพ oนว าซ าน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.