• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3110523 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2

admin79 by admin79
October 29, 2025
in Uncategorized
0
N3110523 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เปิดโผ 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้จัดการกองทุนระดับโลก ปี 2025: เจาะลึกกลยุทธ์และอนาคตการลงทุน

ในฐานะนักลงทุนผู้คร่ำหวอดในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้าสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงและพลวัตของตลาดทุนทั่วโลกมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ภูมิทัศน์การลงทุนมีความซับซ้อนและท้าทายมากยิ่งขึ้น การทำความเข้าใจบทบาทของผู้จัดการกองทุนระดับโลกจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พวกเขาไม่เพียงแค่บริหารเงินมหาศาล แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก บทความนี้จะเจาะลึก 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมเปิดเผยกลยุทธ์ จุดแข็ง และความสำคัญที่พวกเขามีต่ออนาคตของการลงทุน

โลกของการลงทุนในปี 2025 ยังคงถูกครอบงำโดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้ดูแลความมั่งคั่งรวมกันกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขที่น่าตื่นตานี้สะท้อนถึงอิทธิพลที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีต่อตลาดการเงินทั่วโลก สถิติล่าสุด ณ กลางปี 2025 ชี้ให้เห็นว่า BlackRock ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอย่างแข็งแกร่ง ตามมาด้วย Vanguard ในอันดับที่สอง ความจริงที่ว่าเจ็ดในสิบบริษัทอันดับต้นๆ มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา ยืนยันถึงความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอเมริกา ขณะเดียวกัน Amundi จากฝรั่งเศสและ Allianz Group จากเยอรมนีก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคการลงทุนในยุโรป

การจัดอันดับนี้ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมหน้าไปมากนัก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของผู้เล่นเดิมในอุตสาหกรรม บริษัทเหล่านี้ได้สร้างกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแข่งขันได้ยากลำบาก เกือบหนึ่งในสามของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของโลกอยู่ในมือของสิบบริษัทจัดการกองทุนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจและขนาดของความเชื่อมั่นที่นักลงทุนทั่วโลกมีต่อพวกเขา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือยุคที่ ‘ขนาด’ และ ‘นวัตกรรม’ เป็นกุญแจสำคัญในการคงอยู่ในแถวหน้า

ต่อไปนี้คือผู้จัดการกองทุนหรือบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดยพิจารณาจากสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (Assets Under Management: AUM) ที่พวกเขากำลังดูแล:

ตาราง: ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปี 2025

บริษัทลงทุนประเทศสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)
BlackRockสหรัฐอเมริกา11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Vanguard Groupสหรัฐอเมริกา10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Fidelity Investmentsสหรัฐอเมริกา5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
State Street Global Advisorsสหรัฐอเมริกา4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
J.P. Morgan Asset Managementสหรัฐอเมริกา3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Goldman Sachs Groupสหรัฐอเมริกา3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Capital Groupสหรัฐอเมริกา2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Amundiฝรั่งเศส2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Invescoสหรัฐอเมริกา1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Allianz Groupเยอรมนี1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025

Allianz Group (AUM: 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Allianz Group ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เล่นที่ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมการบริหารสินทรัพย์ ด้วย AUM สูงถึง 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ กลางปี 2025 Allianz Group มีปรัชญาการลงทุนระยะยาวที่ฝังรากอยู่บนความยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ผมมองว่านี่คือปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนท่ามกลางความผันผวนของตลาดในปี 2025 การบริหารสินทรัพย์ของ Allianz ดำเนินการผ่านบริษัทในเครือที่แข็งแกร่งอย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความเชี่ยวชาญของ PIMCO ในตลาดพันธบัตรเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Allianz มีความได้เปรียบในการนำเสนอกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและมั่นคง นักลงทุนที่มองหา “การลงทุนอย่างยั่งยืน” และ “การวางแผนเกษียณ” ที่เน้นการบริหารความเสี่ยง มักจะพิจารณากองทุนของ Allianz ซึ่งรวมถึงกองทุนที่เน้นการเติบโตของเทคโนโลยีอย่าง Allianz Global Artificial Intelligence Fund หรือกองทุนที่เน้นความยั่งยืนอย่าง Allianz Global Sustainability Fund

Invesco (AUM: 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Invesco Ltd. เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกอีกรายที่โดดเด่น ด้วย AUM 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2025 Invesco มีพันธกิจที่ชัดเจนในการมอบประสบการณ์การลงทุนที่ช่วยให้ลูกค้าบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในชีวิต ผมประทับใจในปรัชญาการทำงานของ Invesco ที่เน้น “One Team” (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน), “Culture matters” (การให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการทำงานร่วมกัน) และ “Focused execution” (การดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่รวดเร็วและมีความรับผิดชอบ) ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปี 2025 Invesco นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ ETF ที่อิงดัชนีอย่าง Invesco S&P 500 Index Fund ไปจนถึงกองทุนที่เน้นคุณค่าอย่าง Invesco Value Opportunities Fund ซึ่งตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหา “กองทุน ETF” และ “กลยุทธ์การลงทุน” ที่มีความแตกต่าง Invesco ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

Amundi (AUM: 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Amundi ไม่เพียงเป็นผู้จัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ยังติดอันดับที่ 8 ของโลก ด้วย AUM 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2025 Amundi ยึดมั่นในค่านิยมหลักเช่นเดียวกับ Invesco แต่ที่ผมเห็นว่าโดดเด่นคือความมุ่งมั่นระยะยาวในการ “ลงทุนอย่างยั่งยืน” (Responsible Investing) และการใช้เทคโนโลยีการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นี่คือสิ่งที่ทำให้ Amundi แตกต่างและเป็นผู้นำในตลาด ESG ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2025 จากประสบการณ์ของผม การรวม ESG เข้ากับการวิเคราะห์การลงทุนอย่างจริงจัง ทำให้ Amundi สามารถระบุโอกาสและบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น Amundi มีกองทุนที่น่าสนใจ อาทิ Amundi Funds US Equity Fundamental Growth ที่เน้นการเติบโตของหุ้นสหรัฐฯ และ Amundi Funds Global Aggregate Bond ที่เน้นตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและมองหา “กองทุนรวมผลตอบแทนสูง” ที่คำนึงถึงปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

Capital Group (AUM: 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Capital Group เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของบริษัทที่เน้นการบริหารจัดการแบบ Active ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วย AUM ประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทที่ก่อตั้งมายาวนานตั้งแต่ปี 1931 แห่งนี้ มีชื่อเสียงในด้านการวิเคราะห์ที่เข้มงวด การมุ่งเน้นระยะยาว และการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด ผมมองว่าค่านิยมเหล่านี้เป็นรากฐานที่ทำให้ Capital Group สามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างมั่นคง Capital Group มีสำนักงานหลายแห่งในเอเชีย เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระดับโลกและ “กลยุทธ์การลงทุน” ที่ปรับให้เข้ากับภูมิภาคต่างๆ สิ่งที่น่าสนใจคือผู้จัดการกองทุนของ Capital Group ได้รับค่าตอบแทนตามผลลัพธ์การลงทุน ไม่ใช่จากปริมาณสินทรัพย์ที่บริหาร ซึ่งส่งเสริมให้ผู้จัดการมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง กองทุนอย่าง Capital Group Global Allocation และ Capital Group New Perspective เป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อ “จัดพอร์ตการลงทุน” ให้มีการเติบโตในระยะยาว

Goldman Sachs Asset Management (AUM: 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Goldman Sachs Asset Management (GSAM) ได้ตอกย้ำตำแหน่งในกลุ่มผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด ด้วย AUM รวม 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประสบการณ์อันยาวนานในโลกของการลงทุน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการมุ่งเน้นลูกค้าคือปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งความสำเร็จของ GSAM สิ่งที่ทำให้ GSAM โดดเด่นคือกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีระเบียบวินัย พวกเขามุ่งมั่นที่จะแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์ ผมมักจะแนะนำ GSAM ให้กับนักลงทุนสถาบันหรือผู้ที่มองหา “สินทรัพย์ทางเลือก” และ “บริหารความมั่งคั่ง” ระดับพรีเมียม กองทุนของ GSAM ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์นี้ ได้แก่ Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่มุ่งเน้นโอกาสในตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนสูง

J.P. Morgan Asset Management (AUM: 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
J.P. Morgan Asset Management คือหน่วยงานบริหารสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase ซึ่งบริหารสินทรัพย์กว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก บริษัทนี้ให้บริการการจัดการ “กองทุนเพื่อการเกษียณ” และ “การจัดพอร์ตการลงทุน” ที่ครอบคลุมตั้งแต่หุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอหลากหลายสินทรัพย์ สินทรัพย์ทางเลือก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน สิ่งที่ผมชื่นชมคือความแข็งแกร่งของทรัพยากรการวิจัยภายในและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan ที่เป็นรากฐานสำคัญ J.P. Morgan Asset Management มีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนทั่วโลก ทำให้พวกเขามีความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและแนวทางการบริหารพอร์ตโฟลิโอแบบ Active ที่เป็นมืออาชีพและวัดผลได้ กองทุนยอดนิยมอย่าง JPMorgan Growth Advantage Fund และ JPMorgan Core Bond Fund สะท้อนถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการ “ลงทุนในกองทุน” ที่ได้รับการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

State Street Global Advisors (AUM: 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
State Street Global Advisors ยืนหยัดในอันดับที่ 4 ของบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 แห่งนี้เป็นผู้นำด้านสินทรัพย์สถาบันและเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก “กองทุน ETF” รายใหญ่ที่สุดของโลก สิ่งที่ทำให้ State Street โดดเด่นคือการแสวงหานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและการนำการวิจัยมาเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายการลงทุน ผมมองว่า State Street คือผู้ขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาและทำให้ ETF เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างตระกูล SPDR ETFs ที่รวมถึง SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SPDR S&P 500 ETF Trust ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในดัชนีตลาดหลักของสหรัฐอเมริกาได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ State Street ยังคงเป็นทางเลือกหลักสำหรับ “การลงทุนระยะยาว” และการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนสถาบันและผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วย ETF

Fidelity Investments (AUM: 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Fidelity Investments เป็นหนึ่งในบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทนี้เป็นที่รู้จักกันดีจากผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch ผู้สร้างชื่อเสียงให้กับกองทุน Magellan Fidelity เป็นผู้จัดการการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนแก่ทั้งบุคคลทั่วไปและลูกค้าสถาบัน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ “กลยุทธ์การลงทุน” และโซลูชั่นที่ดีที่สุดในระยะยาวอยู่เสมอ Fidelity โดดเด่นด้วยกระบวนการกระจายกองทุนแบบ Active และบริการให้คำปรึกษาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ความมุ่งมั่นของพวกเขา ประกอบกับความสามารถในการวิเคราะห์ขั้นสูงและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ Fidelity เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุด กองทุนอย่าง Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund และ Fidelity Global Technology Fund เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการคัดเลือก “หุ้นเติบโต” และ “ที่ปรึกษาการลงทุน” ที่ครอบคลุม

Vanguard Asset Management (AUM: 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
Vanguard เป็นชื่อที่ขาดไม่ได้ในรายชื่อ 10 บริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำด้านกองทุนดัชนี พวกเขายังคงครองตำแหน่งที่สองด้วย AUM รวมสูงถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ห่างจากอันดับสามเกือบสองเท่า จากประสบการณ์ของผม Vanguard เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการลงทุนแบบ Passive ด้วยต้นทุนต่ำ นับตั้งแต่ก่อตั้งโดย John Bogle ในปี 1975 ปรัชญาของ Vanguard คือการให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นอันดับแรก ด้วยโครงสร้างที่ไม่เหมือนใคร คือบริษัทเป็นเจ้าของโดยกองทุนรวมและ ETF ของตัวเอง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนคือเจ้าของร่วม ทำให้ผลประโยชน์ของบริษัทสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะเน้นการลงทุนแบบ Passive แต่ Vanguard ก็ได้ขยายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมถึง ETF และกองทุนที่บริหารแบบ Active มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ “การลงทุนเพื่ออนาคต” และ “การจัดพอร์ตการลงทุน” ที่หลากหลาย กองทุนอย่าง Vanguard Dividend Appreciation ETF และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่าย

BlackRock (AUM: 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
BlackRock ยังคงเป็นราชาแห่งผู้จัดการกองทุนระดับโลก โดยรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งอย่างมั่นคงในปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมหาศาลถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงขนาด แต่ยังรวมถึงอิทธิพลที่ไม่ธรรมดาที่ BlackRock มีต่อภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำตลาด BlackRock ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ “การลงทุน” แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในหลายมิติ
ความโดดเด่นของ BlackRock มาจากหลายปัจจัย ประการแรกคือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการจัดการความเสี่ยงระดับโลกอย่าง Aladdin ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งในการบริหารพอร์ตโฟลิโอขนาดใหญ่และซับซ้อนให้กับลูกค้าทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำในภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงในปี 2025
ประการที่สองคือความเป็นผู้นำในตลาด ETF ผ่านแบรนด์ iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ “กองทุน ETF” ชั้นนำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่ดัชนีตลาดกว้างไปจนถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ หรือธีม “การลงทุนอย่างยั่งยืน” (ESG) และเทคโนโลยีแห่งอนาคต ด้วยจำนวนกองทุน ETF กว่า 700 กองทุนและสินทรัพย์ภายใต้การบริหารในส่วนนี้กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ iShares ได้ทำให้การเข้าถึงตลาดทุนเป็นเรื่องง่ายและมีต้นทุนต่ำ
นอกจากนี้ BlackRock ยังเป็นกำลังสำคัญในการผลักดัน “การลงทุนอย่างยั่งยืน” โดย Larry Fink ซีอีโอ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของปัจจัย ESG ในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเป็นแนวโน้มสำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ “การลงทุนเพื่ออนาคต” ทั่วโลกในปี 2025 BlackRock ได้เปิดตัวกองทุนและโซลูชั่น ESG จำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ตระหนักถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
กองทุนยอดนิยมอย่าง iShares China Large-Cap ETF และ iShares Global Clean Energy ETF เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่ BlackRock นำเสนอ จากประสบการณ์ของผม BlackRock ไม่ได้แค่ ‘จัดการเงิน’ แต่พวกเขากำลัง ‘ขับเคลื่อนอนาคตของการลงทุน’ ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

อนาคตการลงทุนกับผู้จัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ในปี 2025: มุมมองผู้เชี่ยวชาญ

ในฐานะนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ผมเห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ไม่เพียงแต่บริหารสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกเทรนด์ใหม่ๆ ในโลกการเงินปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” (ESG) ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนจำนวนมาก หรือการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ตลาด สร้าง “กลยุทธ์การลงทุน” ที่ซับซ้อน และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัล เช่น การสำรวจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และเทคโนโลยีบล็อกเชน ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายและโอกาสที่ผู้จัดการกองทุนเหล่านี้กำลังเผชิญอยู่

ผมคาดการณ์ว่าในปี 2025 เราจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนไปสู่สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) มากขึ้น เช่น Private Equity, อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อแสวงหา “ผลตอบแทนสูง” และกระจายความเสี่ยงในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นสำคัญ นอกจากนี้ การ “จัดพอร์ตการลงทุน” ที่เน้นความเฉพาะบุคคล (Personalized Portfolios) โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ความต้องการและความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละราย จะเป็นสิ่งที่เราเห็นมากขึ้นจากผู้ให้บริการ “บริหารความมั่งคั่ง” เหล่านี้

การที่นักลงทุนเข้าใจถึงบทบาทและปรัชญาของบริษัทจัดการกองทุนเหล่านี้ จะช่วยให้สามารถตัดสินใจ “ลงทุนในกองทุน” ได้อย่างชาญฉลาด เพราะพวกเขานำเสนอโอกาสในการเข้าถึงตลาดโลก การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ การกระจายความเสี่ยง และที่สำคัญคือขนาดที่ช่วยให้เกิดการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ซึ่งส่งผลให้ค่าธรรมเนียมการบริหารมีแนวโน้มต่ำลง

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกเหล่านี้ได้ครอบงำภูมิทัศน์ทางการเงินของโลกในปี 2025 อย่างแท้จริง พวกเขาได้ตอกย้ำตำแหน่งในตลาด โดยมี BlackRock เป็นผู้นำที่ยังคงรักษาบัลลังก์ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารความมั่งคั่งที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงเป็นตัวแทนของจุดสูงสุดของการบริหารสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่ไม่หยุดนิ่ง ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์ “การลงทุน” แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และ “กลยุทธ์การลงทุน” ที่เป็นแนวทางให้นักลงทุนทั่วโลก

หากท่านพร้อมที่จะยกระดับพอร์ตการลงทุนของท่านให้ก้าวไปอีกขั้น และต้องการเข้าถึงโอกาสการลงทุนที่หลากหลายจากผู้จัดการกองทุนระดับโลกเหล่านี้ เราขอเชิญชวนท่านศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษา “ที่ปรึกษาการลงทุน” ของท่าน เพื่อค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของท่านมากที่สุดในยุค 2025 นี้

ผู้กุมบังเหียนตลาดทุนโลก: 10 บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ที่สุดประจำปี 2025

ในโลกแห่งการเงินที่หมุนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ และภูมิทัศน์การลงทุนที่ซับซ้อน การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักที่มีอิทธิพลสูงสุดย่อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์กว่าทศวรรษในแวดวงการลงทุน ผมได้เฝ้าจับตาดูการเปลี่ยนแปลงและกลยุทธ์ของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวางแผนการลงทุนของคุณ

บริษัทจัดการกองทุน หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้จัดการสินทรัพย์ (Asset Managers) มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเงินทุนจำนวนมหาศาลจากนักลงทุนรายย่อย สถาบัน และกองทุนบำเหน็จบำนาญทั่วโลก พวกเขาคือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดทุนให้เติบโต และกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลก ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนรวมทั่วไป กองทุน ETF ไปจนถึงการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอแบบพิเศษ และสินทรัพย์ทางเลือก บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแค่สร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้า แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงินอีกด้วย

รายงานล่าสุดจาก Investing in The Web ประจำปี 2025 ได้ตอกย้ำถึงการครอบงำของยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุน โดย BlackRock ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอย่างแข็งแกร่ง ตามมาด้วย Vanguard ที่ยืนหยัดในฐานะผู้จัดการกองทุนชั้นนำอันดับสองของโลก การจัดอันดับนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพลที่ไม่สั่นคลอนของบริษัทที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนาน โดย 10 อันดับแรกเหล่านี้ควบคุมสินทรัพย์รวมกันกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งและบทบาทที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในเศรษฐกิจโลก

ความโดดเด่นของบริษัทสัญชาติอเมริกันยังคงชัดเจน โดยมีถึงเจ็ดในสิบอันดับแรกมาจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่ยุโรปก็มีตัวแทนที่แข็งแกร่งอย่าง Amundi จากฝรั่งเศส และ Allianz Group จากเยอรมนีที่แทรกเข้ามาในกลุ่มผู้นำ นี่คือภาพรวมของ 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ที่คุณควรทำความรู้จัก:

บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ประจำปี 2025 (เรียงตามมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจากน้อยไปมาก)

บริษัท (ประเทศ)สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)จุดเด่นและบทบาทในตลาดปี 2025
10. Allianz Group (เยอรมนี)US$ 1.91 ล้านล้านเน้นการลงทุนระยะยาว, ความยั่งยืน ESG, บริหารความเสี่ยงแข็งแกร่ง, ผนวกพลังประกันภัยเข้ากับการบริหารสินทรัพย์ผ่าน AllianzGI และ PIMCO.
9. Invesco (สหรัฐอเมริกา)US$ 1.94 ล้านล้านผู้บุกเบิกในด้าน ETF, เน้นการวิจัยเชิงลึก, ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลาย, โดดเด่นในโซลูชั่นการลงทุนทั่วโลก.
8. Amundi (ฝรั่งเศส)US$ 2.6 ล้านล้านผู้นำในยุโรป, มีความเชี่ยวชาญในตลาดเกิดใหม่และสินทรัพย์ทางเลือก, มุ่งมั่นในการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investment).
7. Capital Group (สหรัฐอเมริกา)US$ 2.8 ล้านล้านผู้จัดการกองทุน Active ที่เก่าแก่และประสบความสำเร็จ, เน้นการวิเคราะห์เชิงลึกระยะยาว, มีชื่อเสียงด้านกองทุนหุ้นเติบโต.
6. Goldman Sachs Asset Management (สหรัฐอเมริกา)US$ 3.17 ล้านล้านเชี่ยวชาญในการลงทุนเชิงรุก, มีแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการลงทุนที่ล้ำสมัย, ให้บริการลูกค้าสถาบันและบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง.
5. J.P. Morgan Asset Management (สหรัฐอเมริกา)US$ 3.7 ล้านล้านบริหารจัดการสินทรัพย์ทั่วโลก, จุดแข็งในหุ้น, ตราสารหนี้, พอร์ตโฟลิโอแบบหลากหลายสินทรัพย์, เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจาก J.P. Morgan Group.
4. State Street Global Advisors (สหรัฐอเมริกา)US$ 4.67 ล้านล้านผู้นำด้านกองทุนดัชนีและ ETF, ผู้ริเริ่ม SPDR ETF, เน้นนวัตกรรมและการวิจัยในการสร้างผลิตภัณฑ์เชิงรับ.
3. Fidelity Investments (สหรัฐอเมริกา)US$ 5.9 ล้านล้านแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งกองทุนรวม, โบรกเกอร์, บำนาญ, นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อนักลงทุนรายย่อย, มีชื่อเสียงด้านการวิจัยหุ้นเชิงลึก.
2. Vanguard Group (สหรัฐอเมริกา)US$ 10.1 ล้านล้านผู้บุกเบิกกองทุนดัชนีราคาถูก, โครงสร้างองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ส่งต่อประโยชน์ให้ผู้ลงทุน, เน้นการลงทุนระยะยาวและต้นทุนต่ำ.
1. BlackRock (สหรัฐอเมริกา)US$ 11.6 ล้านล้านยักษ์ใหญ่ไร้เทียมทาน, ผู้นำด้าน ETF (iShares), แพลตฟอร์มเทคโนโลยีการบริหารความเสี่ยง Aladdin, มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก.

ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025

เจาะลึก 10 บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่:

Allianz Group (เยอรมนี) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 1.91 ล้านล้าน
Allianz Group ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทประกันภัยระดับโลก แต่ยังเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในตลาดบริหารสินทรัพย์ ด้วยวิสัยทัศน์การลงทุนระยะยาวที่เน้นความยั่งยืนและการจัดการความเสี่ยงที่เข้มแข็ง ทำให้พวกเขาสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 นี้ Allianz ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่สอดคล้องกับหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของพวกเขารวมถึงส่วนของบริษัทประกันภัยและบริษัทจัดการสินทรัพย์อย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสามารถในการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยเข้ากับการบริหารจัดการการลงทุนที่ซับซ้อน ทำให้ Allianz เป็นผู้จัดการกองทุนที่น่าจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงและผลตอบแทนที่ยั่งยืนผ่านการลงทุนในยุค 2025 ที่เน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Allianz Global Sustainability Fund, Allianz Global Artificial Intelligence Fund

Invesco (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 1.94 ล้านล้าน
Invesco Ltd. คือผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่โดดเด่นด้วยปรัชญา “One Team” ที่มุ่งเน้นการทำงานร่วมกัน ความรับผิดชอบ และการสร้างประสบการณ์การลงทุนที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ในปี 2025 นี้ Invesco ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ETF (Exchange Traded Funds) ที่มีความหลากหลายและเข้าถึงง่าย พวกเขาให้ความสำคัญกับการวิจัยเชิงลึกและการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบด้าน เพื่อค้นหากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในเทคโนโลยีเกิดใหม่ ตลาดเกิดใหม่ หรือสินทรัพย์ทางเลือก Invesco ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของความยืดหยุ่น การทำงานร่วมกัน และการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่รวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนของนักลงทุนทั่วโลก

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Invesco S&P 500 Index Fund, Invesco Value Opportunities Fund

Amundi (ฝรั่งเศส) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 2.6 ล้านล้าน
ในฐานะผู้จัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป Amundi ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้นำระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2025 Amundi ให้ความสำคัญกับค่านิยมหลักคือการทำงานเป็นทีม นวัตกรรม วัฒนธรรมที่เปิดกว้าง และการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investment) โดยบูรณาการปัจจัย ESG เข้ากับกระบวนการตัดสินใจลงทุนอย่างเป็นระบบ Amundi ยังโดดเด่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ ที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและแสวงหาผลตอบแทนในสภาวะตลาดที่มีความท้าทายมากขึ้นในปี 2025

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Amundi Funds US Equity Fundamental Growth, Amundi Funds Global Aggregate Bond

Capital Group (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 2.8 ล้านล้าน
Capital Group เป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1931 และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยสไตล์การบริหารจัดการเชิงรุก (Active Management) ที่โดดเด่น ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 พวกเขาได้ไต่อันดับขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก ปรัชญาการลงทุนของ Capital Group เน้นความรับผิดชอบ การมองในระยะยาว การทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด และการวิเคราะห์ที่เข้มงวด พวกเขาเชื่อมั่นในการวิจัยเชิงลึกและ “มุมมองของผู้ถือหุ้นระยะยาว” ซึ่งหมายถึงการลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูงและมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต Capital Group มีชื่อเสียงในด้านกองทุนที่เน้นหุ้นเติบโต (Growth Equities) และสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจมาอย่างสม่ำเสมอ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการบริหารจัดการกองทุนแบบ Active ที่มีฝีมือ

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Capital Group Global Allocation, Capital Group New Perspective

Goldman Sachs Asset Management (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 3.17 ล้านล้าน
Goldman Sachs Asset Management (GSAM) คือส่วนงานจัดการสินทรัพย์ของ Goldman Sachs ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก พวกเขามีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้า GSAM ได้สร้างชื่อเสียงในด้านกระบวนการวิจัยและคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีวินัย พวกเขามุ่งมั่นแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงเป็นอันดับแรก GSAM นำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนหุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก ไปจนถึงการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าสถาบันและบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง พวกเขามีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและเครือข่ายทั่วโลกที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในสภาวะตลาดที่ซับซ้อนของปี 2025

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio, Goldman Sachs Global High Yield Portfolio

J.P. Morgan Asset Management (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 3.7 ล้านล้าน
J.P. Morgan Asset Management เป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่มาจากสถาบันการเงินระดับโลกอย่าง JPMorgan Chase ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พวกเขานำเสนอบริการบริหารการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอแบบหลากหลายสินทรัพย์ สินทรัพย์ทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน J.P. Morgan Asset Management มีจุดแข็งที่สำคัญคือการเข้าถึงทรัพยากรการวิจัยระดับโลกและเครือข่ายของผู้เชี่ยวชาญกว่า 2,300 คนที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์ตลาดและหาโอกาสการลงทุนได้อย่างลึกซึ้งและทันท่วงที พวกเขเน้นย้ำถึงวิธีการบริหารจัดการแบบ Active ที่อาศัยการวิจัยเชิงลึกและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบัน ตัวกลางทางการเงิน หรือนักลงทุนรายบุคคล ในปี 2025 นี้ J.P. Morgan Asset Management ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ตลาดโลก

ตัวอย่างกองทุนเด่น: JPMorgan America Equity Fund, JPMorgan Global Dividend Fund

State Street Global Advisors (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 4.67 ล้านล้าน
State Street Global Advisors (SSGA) เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในด้านกองทุนดัชนีและ ETF ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่สูงถึง 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 SSGA คือผู้จัดการสินทรัพย์สถาบันรายสำคัญที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 พวกเขาเป็นผู้สร้างสรรค์ SPDR S&P 500 ETF (รู้จักกันในชื่อ SPY) ซึ่งเป็น ETF ตัวแรกของสหรัฐอเมริกาและเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก SSGA ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการวิจัยเป็นหัวใจหลักของนโยบายการลงทุน โดยมุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ นอกจากนี้ SSGA ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเด็นธรรมาภิบาลและการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศในคณะกรรมการบริษัทผ่านแคมเปญ “Fearless Girl” สะท้อนถึงบทบาทในการชี้นำอุตสาหกรรมให้เดินหน้าไปพร้อมกับความรับผิดชอบทางสังคม

ตัวอย่างกองทุนเด่น: SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust, SPDR S&P 500 ETF Trust

Fidelity Investments (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 5.9 ล้านล้าน
Fidelity Investments เป็นหนึ่งในบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity ไม่เพียงให้บริการกองทุนรวมและ ETF แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มโบรกเกอร์และผู้ให้บริการแผนเกษียณอายุชั้นนำ พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังจากผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch ซึ่งบริหารกองทุน Magellan จนประสบความสำเร็จอย่างสูงในอดีต Fidelity มุ่งมั่นที่จะมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดในระยะยาวให้แก่ทั้งนักลงทุนรายบุคคลและลูกค้าสถาบัน โดยอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทันสมัย พวกเขามีความโดดเด่นในการวิจัยหุ้นและมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่คอยค้นหาโอกาสการลงทุน Fidelity ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือการพัฒนาเครื่องมือวางแผนการเงินดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายในยุค 2025

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund, Fidelity Global Technology Fund

Vanguard Group (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 10.1 ล้านล้าน
Vanguard Group เป็นผู้จัดการกองทุนที่ไม่มีวันขาดหายไปจากทำเนียบยักษ์ใหญ่ และยังคงรั้งตำแหน่งอันดับสองด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่น่าทึ่งถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างไกลจากอันดับสามเกือบสองเท่า Vanguard ก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดย John Bogle ผู้บุกเบิกและเป็นบิดาแห่งกองทุนดัชนี จุดเด่นที่สำคัญของ Vanguard คือโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์: บริษัทนี้ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นเจ้าของโดยกลุ่มพันธมิตร แต่เป็นเจ้าของโดยกองทุนรวมและ ETF ของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าผู้ถือหน่วยลงทุนของ Vanguard คือเจ้าของบริษัทโดยตรง โครงสร้างนี้ช่วยให้ Vanguard สามารถลดค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการลงได้อย่างมาก และส่งผลประโยชน์โดยตรงไปยังนักลงทุน ปรัชญาการลงทุนของ Vanguard เน้น “การลงทุนแบบ Passive” ในกองทุนดัชนีที่มีต้นทุนต่ำ การกระจายความเสี่ยง และการถือครองในระยะยาว ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสร้างผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมให้กับนักลงทุนเป็นจำนวนมาก Vanguard ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเรียบง่าย ประสิทธิภาพ และต้นทุนที่ประหยัดในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวในยุค 2025

ตัวอย่างกองทุนเด่น: Vanguard Dividend Appreciation ETF, Vanguard FTSE Developed Markets ETF

BlackRock (สหรัฐอเมริกา) – มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร: US$ 11.6 ล้านล้าน
BlackRock ยังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งในตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่สูงถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พวกเขาคือยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดทุนโลก ไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่ยังรวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก BlackRock มีอิทธิพลอย่างมากจนกระทั่งแผนกที่ปรึกษาของพวกเขาได้รับสัญญาในการจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความเชี่ยวชาญของพวกเขา

จุดแข็งที่สำคัญของ BlackRock คือแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF ชั้นนำระดับโลก ด้วยกองทุนกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลกและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารในส่วน iShares มากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ BlackRock ยังมีแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการบริหารความเสี่ยงระดับโลกที่ชื่อว่า “Aladdin” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนสถาบันและรัฐบาลสามารถวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับการบริหารจัดการการลงทุน ทำให้ BlackRock ไม่เพียงแค่เป็นผู้จัดการกองทุน แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการเงินในยุคดิจิทัลของปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ

ตัวอย่างกองทุนเด่น: iShares China Large-Cap ETF, iShares Global Clean Energy ETF

สรุปและภาพรวมสำหรับปี 2025

โดยสรุปแล้ว บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ยังคงเป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2025 พวกเขาไม่เพียงแค่รวมศูนย์อำนาจในตลาด แต่ยังเป็นผู้นำในการปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การขยายตัวของการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG) ไปจนถึงการสำรวจโอกาสในสินทรัพย์ทางเลือกและตลาดเกิดใหม่ บริษัทเหล่านี้ยังคงเป็นผู้วางกลยุทธ์และกำหนดทิศทางการลงทุนของโลก

สำหรับนักลงทุน การทำความเข้าใจปรัชญา กลยุทธ์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาดและสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ ไม่ว่าคุณจะสนใจการลงทุนแบบ Passive ที่เน้นต้นทุนต่ำอย่าง Vanguard การบริหารจัดการเชิงรุกที่ซับซ้อนของ Goldman Sachs หรือโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับโลกของ BlackRock แต่ละบริษัทก็มีจุดเด่นและบทบาทที่แตกต่างกันไป

ก้าวต่อไปในการสร้างความมั่งคั่งของคุณ!

ในโลกที่การลงทุนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปี 2025 การมีความรู้และความเข้าใจในผู้เล่นหลักเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณต้องการวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณรับได้ หรือต้องการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมและ ETF ที่น่าสนใจ อย่าลังเลที่จะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับอนาคตของคุณ!

Previous Post

N3110527 คนว นจ นทร EP3 part 2

Next Post

N3110520 อผมเป นชายแท EP1 part 2

Next Post
N3110520 อผมเป นชายแท EP1 part 2

N3110520 อผมเป นชายแท EP1 part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0111331 เวลาของเราไม เท าก part 2
  • N0111323 วยต วเOงในมหาล part 2
  • N0111327 แฟนหน าตาแบบน เป นค ณจะอายไหม part 2
  • N0111328 แกล งขอทาน #สน กด part 2
  • N0111325 แอบก uสาม เพ oนว าซ าน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.