• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3010516 กฉ นเป นผ ชาย EP2 part 2

admin79 by admin79
October 29, 2025
in Uncategorized
0
N3010516 กฉ นเป นผ ชาย EP2 part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในปี 2025: ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต

ในโลกการเงินที่หมุนไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อนขึ้นทุกวัน บริษัทจัดการกองทุน (Investment Fund Managers) หรือที่รู้จักกันในนามผู้จัดการสินทรัพย์ (Asset Managers) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการชี้นำเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล พวกเขาไม่เพียงแค่เป็นผู้ดูแลพอร์ตการลงทุน แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาดทุนโลก ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการลงทุน และผู้ที่ช่วยให้นักลงทุน ทั้งสถาบันและรายย่อย สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในแวดวงนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด และในปี 2025 นี้ แรงขับเคลื่อนยังคงมาจากผู้เล่นยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นเคย แต่ด้วยกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามพลวัตของตลาด

สถานการณ์ตลาดทุนในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากอัตราเงินเฟ้อที่ผันผวน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก การพัฒนาของสินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงการให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG – Environmental, Social, and Governance) มากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางกระแสเหล่านี้ บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความแข็งแกร่ง พวกเขาบริหารจัดการสินทรัพย์ (Assets Under Management – AUM) รวมกันแล้วกว่าหลายสิบล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงอิทธิพลอันมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจโลก

รายงานล่าสุดประจำปี 2025 ยืนยันว่าการครอบงำของบริษัทจัดการกองทุนขนาดใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจ็ดในสิบอันดับแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทยักษ์ใหญ่จากยุโรปก็ยังคงรักษาตำแหน่งสำคัญไว้ได้ รายชื่อนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจมากนัก แต่เป็นการตอกย้ำถึงความมั่นคงและอำนาจของเหล่า “Mega-Managers” เหล่านี้ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึง 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 พร้อมสำรวจปรัชญา กลยุทธ์ และอิทธิพลที่พวกเขามีต่ออนาคตของการลงทุน เตรียมพร้อมที่จะทำความเข้าใจกับผู้ขับเคลื่อนตลาดทุนระดับโลก และพิจารณาว่าบริษัทเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินและบรรลุผลตอบแทนการลงทุนที่ต้องการได้อย่างไร

เจาะลึก 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกปี 2025

ข้อมูลจากวันที่ 27 มิถุนายน 2025 แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่น่าทึ่งของบริษัทเหล่านี้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพิจารณาบริษัทจัดการกองทุนที่ดีที่สุดสำหรับพอร์ตการลงทุนของคุณ การเลือกบริษัทที่เหมาะสมไม่เพียงขึ้นอยู่กับขนาด แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การลงทุน นวัตกรรม และความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

Allianz Group (เยอรมนี) – AUM: 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Allianz Group ยักษ์ใหญ่ด้านประกันภัยและการเงินจากเยอรมนี ยังคงรักษาตำแหน่งใน 10 อันดับแรก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมิถุนายน 2025 สิ่งที่ทำให้ Allianz โดดเด่นคือแนวทางการลงทุนระยะยาวที่ฝังรากลึกอยู่บนหลักการความยั่งยืน (Sustainability) และการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก

Allianz ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทประกันภัย แต่ยังเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ผ่านบริษัทย่อยอย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความเชี่ยวชาญในการบริหารตราสารหนี้ของ PIMCO ควบคู่ไปกับความสามารถในการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทของ AllianzGI ทำให้พวกเขามีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม ตั้งแต่กองทุนหุ้น กองทุนผสม ไปจนถึงกองทุนที่เน้นการลงทุน ESG โดยเฉพาะ กลยุทธ์การลงทุนของพวกเขามักจะเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกและมุมมองมหภาค เพื่อระบุโอกาสและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยโครงสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งและประวัติศาสตร์อันยาวนาน Allianz มุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการลงทุนที่มีความรับผิดชอบ

Invesco (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Invesco Ltd. บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งด้วยการบริหารจัดการสินทรัพย์รวมกว่า 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2025 Invesco มีปรัชญาการทำงานที่มุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่า เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ดีขึ้นในชีวิต พวกเขาเน้นย้ำถึงค่านิยมหลักสามประการ: “One Team” (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความรับผิดชอบร่วมกัน), “Culture matters” (การให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและร่วมมือ) และ “Focused execution” (การดำเนินการเชิงกลยุทธ์ด้วยความรวดเร็วและตรวจสอบได้)

จุดเด่นของ Invesco คือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม ตั้งแต่กองทุนรวมทั่วไป, ETF (Exchange Traded Funds) ที่หลากหลาย ไปจนถึงโซลูชันการลงทุนทางเลือก Invesco มีชื่อเสียงในการนำเสนอ ETF ที่มีนวัตกรรมและกองทุนดัชนีที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทีมผู้จัดการกองทุนของ Invesco ยังได้รับการยกย่องในด้านความสามารถในการวิเคราะห์เชิงลึกและการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนแบบเชิงรุก ซึ่งมุ่งเน้นการสร้าง Alpha (ผลตอบแทนส่วนเกินจากตลาด) ให้แก่ลูกค้า การกระจายความเสี่ยงในระดับโลกและความมุ่งมั่นในการวิจัยที่เข้มข้น ทำให้ Invesco เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหากองทุนต่างประเทศและกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย

Amundi (ฝรั่งเศส) – AUM: 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Amundi บริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และติดอันดับ 8 ของโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่น่าประทับใจถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2025 Amundi เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความแข็งแกร่งด้านการเงินของยุโรป และเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนระดับโลก

Amundi ให้ความสำคัญกับค่านิยมหลักเช่น “One Team” ซึ่งสะท้อนถึงการทำงานร่วมกันและความรับผิดชอบร่วมกัน การเน้นนวัตกรรมและการเปิดกว้างทางวัฒนธรรม ตลอดจนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นและมีประสิทธิภาพ พวกเขามีความมุ่งมั่นในระยะยาวต่อการลงทุนที่มีความรับผิดชอบ (Responsible Investment) และการใช้เทคโนโลยีการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด Amundi มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่กองทุนหุ้นโลก, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนผสม ไปจนถึงกองทุน ESG ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของ Amundi ไม่เพียงอยู่ที่ขนาด แต่ยังอยู่ที่ความสามารถในการเข้าถึงตลาดทั่วโลก และความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์โซลูชันการลงทุนที่ปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย การให้ความสำคัญกับปัจจัย ESG ในกระบวนการลงทุนของ Amundi ทำให้พวกเขาเป็นผู้นำในตลาด และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนอย่างยั่งยืน

Capital Group (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Capital Group บริษัทจัดการกองทุนจากสหรัฐอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1931 และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเชิงรุก (Active Management) ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Capital Group ได้ไต่ขึ้นมาติดอันดับต้นๆ ของผู้จัดการสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในโลก

Capital Group มีชื่อเสียงในด้านปรัชญาการลงทุนที่มุ่งเน้นระยะยาว โดยมีหลักการสำคัญคือ “การวิเคราะห์เชิงลึก” และ “การเป็นเจ้าของร่วม” พวกเขาเชื่อมั่นในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วน และลงทุนในบริษัทที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในระยะยาว ค่านิยมที่ผลักดัน Capital Group ให้เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้แก่ ความรับผิดชอบ, มุมมองระยะยาว, การทำงานร่วมกับลูกค้า และการวิเคราะห์ที่เข้มงวด ผู้จัดการกองทุนของ Capital Group ได้รับการชดเชยตามผลการดำเนินงาน ไม่ใช่ตามปริมาณสินทรัพย์ที่บริหาร ซึ่งเป็นการจัดแนวผลประโยชน์ให้สอดคล้องกับนักลงทุนอย่างแท้จริง ผลิตภัณฑ์ของ Capital Group ครอบคลุมกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนผสม โดยเฉพาะกองทุนหุ้นที่มีชื่อเสียงในด้านการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว การเข้าถึงตลาดทุนทั่วโลกและความเชี่ยวชาญในการเลือกหุ้นรายตัว ทำให้ Capital Group เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผู้จัดการสินทรัพย์ที่มีวินัยและมุมมองระยะยาว

Goldman Sachs Asset Management (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Goldman Sachs Asset Management (GSAM) แขนการบริหารสินทรัพย์ของธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลก Goldman Sachs ได้สร้างความแข็งแกร่งและยืนหยัดในฐานะหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกว่า 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประสบการณ์อันยาวนานในโลกของการลงทุน, วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จนี้

GSAM โดดเด่นด้วยกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีวินัย พวกเขาแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ ผลิตภัณฑ์ของ GSAM มีความหลากหลายอย่างยิ่ง ครอบคลุมตั้งแต่กองทุนหุ้น, ตราสารหนี้, สินทรัพย์ทางเลือก เช่น Private Equity และ Real Estate ไปจนถึงโซลูชันที่ปรับแต่งเฉพาะสำหรับนักลงทุนสถาบัน ความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายข้อมูลระดับโลกของ Goldman Sachs ทำให้ GSAM สามารถสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย แม้ Goldman Sachs จะไม่มีสาขาในประเทศ แต่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์บางส่วนผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ทำให้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศและกองทุนต่างประเทศที่มีความซับซ้อนสูง

J.P. Morgan Asset Management (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

J.P. Morgan Asset Management คือส่วนงานบริหารสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บริษัทนี้บริหารจัดการสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตอกย้ำถึงสถานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม บริษัทให้บริการบริหารจัดการการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งหุ้น, ตราสารหนี้, พอร์ตโฟลิโอแบบ Multi-Asset, เครื่องมือการลงทุนทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน

J.P. Morgan Asset Management มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก และนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบเชิงรุกที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมทั่วไป, ETF, บัญชีบริหารจัดการเฉพาะบุคคล ไปจนถึงโซลูชันแบบ Multi-Asset ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เรือธงได้แก่ JPMorgan Growth Advantage Fund สำหรับภาคส่วนหุ้น และ JPMorgan Core Bond Fund สำหรับตราสารหนี้ บริษัทมีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1871 และอาศัยขนาดระดับโลก, ทรัพยากรการวิจัยภายในองค์กร และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan ปัจจุบันพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนกระจายอยู่ทั่วโลก และให้บริการลูกค้าสถาบัน, ผู้แนะนำทางการเงิน และนักลงทุนรายบุคคล สไตล์การบริหารจัดการเน้นการวิจัยเชิงลึกและแนวทางเชิงรุกในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนอย่างมืออาชีพและวัดผลได้ แม้ว่าจะมีตัวแทนในประเทศไทยในรูปแบบของ JP Morgan Securities (Thailand) แต่ผลิตภัณฑ์กองทุนหลักของพวกเขาอาจต้องเข้าถึงผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการเข้าถึงกลยุทธ์ระดับโลก

State Street Global Advisors (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

State Street Global Advisors (SSGA) ติดอันดับ 4 ของบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของจำนวนสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ด้วย AUM ที่น่าทึ่งกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ SSGA เป็นผู้จัดการสินทรัพย์สถาบันชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มกองทุนดัชนี (Index Funds) และ ETF

SSGA มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะผู้ให้บริการ ETF รายใหญ่ โดยเฉพาะซีรีส์ SPDR® (Standard & Poor’s Depositary Receipts) ซึ่งรวมถึง SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) ซึ่งเป็น ETF ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในโลก SSGA มุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นแกนหลักของนโยบายการลงทุน พวกเขาเชื่อมั่นในการนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่คุ้มค่าและโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มการลงทุนเชิงรับ (Passive Investment) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงผลตอบแทนของตลาดในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากผลิตภัณฑ์ดัชนีแล้ว SSGA ยังมีผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบเชิงรุกในบางส่วน และให้ความสำคัญกับการลงทุน ESG ที่เพิ่มขึ้น การมุ่งเน้นที่ลูกค้าสถาบันและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ทำให้ SSGA เป็นผู้เล่นที่ขาดไม่ได้ในตลาดทุนโลก การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ SSGA สำหรับนักลงทุนไทยมักจะผ่านแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ที่อนุญาตให้ซื้อขาย ETF ในตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาหรือสิงคโปร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงตลาดหุ้นต่างประเทศผ่าน ETF ที่มีสภาพคล่องสูง

Fidelity Investments (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Fidelity Investments เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่น่าประทับใจถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity เป็นชื่อที่คุ้นเคยในหมู่นักลงทุนมายาวนาน โดยมีประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และบุคคลสำคัญอย่าง Peter Lynch อดีตผู้จัดการกองทุน Magellan ที่สร้างผลตอบแทนอันน่าทึ่ง

Fidelity เป็นผู้จัดการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการและให้การสนับสนุนทั้งนักลงทุนรายบุคคลและลูกค้าสถาบัน โดยมุ่งมั่นที่จะค้นหาโซลูชันที่ดีที่สุดในระยะยาว พวกเขาเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุดที่มีอยู่ ด้วยกระบวนการกระจายกองทุนเชิงรุกและบริการให้คำปรึกษาที่แข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นของพวกเขา, ควบคู่ไปกับความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ Fidelity โดดเด่นในอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของ Fidelity ครอบคลุมตั้งแต่กองทุนหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนผสม ไปจนถึงบริการโบรกเกอร์และการวางแผนการเงินส่วนบุคคล สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ Fidelity อาจต้องเข้าถึงผ่านแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ต่างประเทศ หรือผลิตภัณฑ์บางตัวที่มีการจดทะเบียนในตลาดเอเชียเช่น ฮ่องกง Fidelity เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่มองหาการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนที่มีคุณภาพสูงและบริการที่ครอบคลุม

Vanguard Group (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Vanguard Group คือผู้จัดการกองทุนที่แทบไม่เคยหลุดจากรายชื่อ 10 บริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย และยังคงอยู่ในอันดับที่สองด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ห่างจากอันดับสามเกือบสองเท่า Vanguard มีชื่อเสียงในฐานะผู้จัดการกองทุนดัชนีชั้นนำ และเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการลงทุนแบบ Passive

ตั้งแต่ปี 1976 จนถึงปัจจุบัน Vanguard มีแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจนซึ่งก่อตั้งโดย John Bogle ผู้ล่วงลับ โดยเน้นการบริหารจัดการแบบ Passive หรือกองทุนดัชนี ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำและมุ่งเป้าไปที่การเลียนแบบผลตอบแทนของตลาด สิ่งที่ทำให้ Vanguard แตกต่างจากผู้จัดการรายอื่นๆ คือโครงสร้างการเป็นเจ้าของ โดย Vanguard ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นเจ้าของโดยหุ้นส่วน แต่เป็นเจ้าของโดยผู้เข้าร่วมกองทุน นั่นหมายความว่าเป็นเจ้าของโดยกองทุนรวมและ ETF ของตัวเอง ซึ่งทำให้ผลประโยชน์ของผู้จัดการสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากการจากไปของ Bogle ทายาทของเขาได้ขยายข้อเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อรวม ETF และกองทุนบริหารเชิงรุกบางส่วนด้วย แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่เน้น Passive แต่ก็มีการคัดสรรมาอย่างดี เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลาย Vanguard เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดต้นทุนการลงทุนและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของตลาดในระยะยาว สามารถเข้าถึง ETF ของ Vanguard ได้ผ่านแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ระหว่างประเทศ ซึ่งเหมาะสำหรับการลงทุนหุ้นต่างประเทศระยะยาว

BlackRock (สหรัฐอเมริกา) – AUM: 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

BlackRock ยังคงครองตำแหน่งราชาแห่งผู้จัดการกองทุนโลก โดยรักษาตำแหน่งที่หนึ่งใน 10 อันดับแรกของบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่น่าเหลือเชื่อถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ BlackRock ไม่เพียงเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

อิทธิพลของ BlackRock มีมากถึงขนาดที่แผนกให้คำปรึกษาของพวกเขาได้รับสัญญาในการบริหารจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ท่ามกลางวิกฤตการณ์สุขภาพในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา BlackRock เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำสำหรับผลิตภัณฑ์ ETF แพลตฟอร์มนี้มีกองทุนที่ซื้อขายทั่วโลกมากกว่า 700 กองทุน และบริหารจัดการสินทรัพย์กว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ AUM ทั้งหมด

BlackRock นำเสนอโซลูชันการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่กองทุนเชิงรุกและเชิงรับในหุ้นและตราสารหนี้ ไปจนถึงสินทรัพย์ทางเลือก และโซลูชันเทคโนโลยีการลงทุนขั้นสูงอย่าง Aladdin ที่เป็นเครื่องมือช่วยในการบริหารความเสี่ยงและพอร์ตการลงทุนที่สำคัญสำหรับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก นอกจากนี้ BlackRock ยังเป็นผู้นำในการผลักดันการลงทุน ESG และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การเปิดตัว Bitcoin ETF สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความเข้าใจในแนวโน้มตลาดใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ BlackRock เช่น iShares ETF สามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ระหว่างประเทศ หรือโบรกเกอร์ไทยบางรายที่เชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ BlackRock เป็นตัวเลือกที่ครบวงจรสำหรับนักลงทุนทุกประเภทที่มองหาผู้จัดการสินทรัพย์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและนวัตกรรมการลงทุนที่ล้ำสมัย

บทสรุปและก้าวต่อไปสำหรับนักลงทุน

โดยสรุปแล้ว บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกเหล่านี้ได้ครอบงำภูมิทัศน์ทางการเงินในปี 2025 พวกเขาได้รวมสถานะของตนในตลาดไว้อย่างมั่นคง โดยมี BlackRock เป็นหัวหอก ซึ่งยังคงครองบัลลังก์ในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารจัดการความมั่งคั่งที่มีมูลค่าหลายสิบล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงถึงจุดสูงสุดของการบริหารจัดการสินทรัพย์ แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง

ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่ผลิตภัณฑ์การลงทุน แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม, นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่ชี้นำนักลงทุนไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว จากการลงทุนแบบ Passive ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำไปจนถึงกลยุทธ์เชิงรุกที่ซับซ้อน และการให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาดทุนและช่วยให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน

การทำความเข้าใจบริษัทจัดการกองทุนเหล่านี้และปรัชญาการลงทุนของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว หรือนักลงทุนสถาบันที่บริหารจัดการกองทุนขนาดใหญ่ การเลือกพันธมิตรที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลงทุนของคุณ

เริ่มต้นการเดินทางลงทุนของคุณวันนี้! อย่าพลาดโอกาสในการเข้าถึงโอกาสการลงทุนระดับโลกที่เสนอโดยบริษัทชั้นนำเหล่านี้ การศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวมต่างประเทศและ ETF จากผู้จัดการสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ยั่งยืน เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินเพื่อปรับแต่งพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เพื่อก้าวสู่ความมั่งคั่งในอนาคตไปด้วยกัน!

10 บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ขับเคลื่อนวงการบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับโลกประจำปี 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการลงทุนมากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงินโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของบริษัทบริหารจัดการกองทุน (Investment Fund Managers) ที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของผู้คนทั่วโลก การทำความเข้าใจผู้เล่นรายใหญ่เหล่านี้ไม่ใช่แค่เพียงการรับรู้ชื่อเสียง แต่เป็นการมองเห็นถึงทิศทางและอนาคตของการลงทุนในยุค 2025 ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ

ปี 2025 นี้ ตลาดทุนทั่วโลกยังคงเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งจากนวัตกรรมเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) กระแสการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) หรือ ESG (Environmental, Social, and Governance) และความผันผวนจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อกลยุทธ์และผลประกอบการของบริษัทบริหารสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ บทความนี้จะเจาะลึกถึง 10 อันดับบริษัทจัดการกองทุนที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากที่สุดในโลกประจำปี 2025 พร้อมสำรวจปรัชญา กลยุทธ์ และอิทธิพลที่พวกเขามีต่อภูมิทัศน์การลงทุนในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้คุณผู้อ่านเข้าใจถึง “สมรภูมิเงินทุน” แห่งนี้อย่างถ่องแท้ และนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจวางแผนการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอของคุณ

ภาพรวมตลาดบริหารจัดการสินทรัพย์โลกปี 2025: การรวมศูนย์แห่งอำนาจ

รายงานล่าสุดจาก Investing in The Web ยืนยันว่า BlackRock ยังคงครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ตอกย้ำถึงอิทธิพลที่ไร้เทียมทานของพวกเขา ตามมาด้วย Vanguard ที่ยังคงรักษาตำแหน่งรองลงมาอย่างแข็งแกร่ง

จากบริษัทบริหารจัดการกองทุน 10 อันดับแรกของโลก พบว่ามีสินทรัพย์รวมกันกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงขนาดและอำนาจมหาศาลของผู้เล่นเหล่านี้ ที่น่าสนใจคือ 7 ใน 10 บริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นถึงบทบาทนำของอเมริกาในการบริหารจัดการความมั่งคั่งระดับโลก ขณะที่อีก 3 รายที่เหลือมาจากยุโรป ได้แก่ Amundi จากฝรั่งเศส และ Allianz Group จากเยอรมนี

การที่รายชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความได้เปรียบเชิงโครงสร้างของพวกเขา เกือบหนึ่งในสามของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั่วโลกอยู่ในมือของ 10 บริษัทชั้นนำเหล่านี้ ซึ่งหมายความว่ากลยุทธ์และนโยบายของพวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดทุนโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ

มาดูกันว่าผู้จัดการกองทุนรายใดบ้างที่ติดอันดับ และพวกเขามีจุดเด่นอย่างไรในปี 2025 นี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025)

อันดับที่ 10: Allianz Group
ประเทศ: เยอรมนี
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Allianz Group ยืนหยัดในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกด้วยแนวทางการลงทุนระยะยาวที่เน้นความยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มาอย่างยาวนานและต่อเนื่องในยุคที่ความผันผวนเป็นเรื่องปกติ AUM จำนวน 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของ Allianz ครอบคลุมทั้งสินทรัพย์ของบริษัทประกันภัย Allianz และบริษัทย่อยด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์อย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Allianz ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการทางการเงิน แต่เป็นผู้บุกเบิกในการผสานรวมหลักการ ESG เข้ากับการลงทุนอย่างจริงจัง ทำให้กองทุนอย่าง Allianz Global Sustainability Fund และ Allianz Global Artificial Intelligence Fund (ที่มุ่งเน้นการเติบโตจาก AI ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์สำคัญในปี 2025) กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การได้รับค่าตอบแทนที่อิงตามประสิทธิภาพการลงทุนยิ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาในการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า

อันดับที่ 9: Invesco
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Invesco Ltd. เป็นอีกหนึ่งผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่โดดเด่น ด้วย AUM 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Invesco มีปรัชญาการทำงานที่แข็งแกร่งซึ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์การลงทุนที่ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ผ่านค่านิยมหลักอย่าง “One Team” ที่ส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกัน “Culture matters” ที่สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและร่วมมือกัน และ “Focused execution” ที่เน้นการดำเนินกลยุทธ์อย่างรวดเร็วและมีความรับผิดชอบ

จากประสบการณ์ของผม Invesco มีชื่อเสียงในการนำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนดัชนี Invesco S&P 500 Index Fund ที่เป็นรากฐานของการลงทุนเชิงรับ หรือ Invesco Value Opportunities Fund ที่สะท้อนถึงการลงทุนเชิงรุกในการค้นหาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในตลาด การที่ผู้จัดการกองทุนของ Invesco ได้รับค่าตอบแทนที่ผูกกับผลการดำเนินงาน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้พวกเขามุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนสูงสุดภายใต้กรอบความเสี่ยงที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า สะท้อนถึงความโปร่งใสและความสอดคล้องทางผลประโยชน์ในยุค 2025

อันดับที่ 8: Amundi
ประเทศ: ฝรั่งเศส
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Amundi คือผู้จัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นผู้เล่นสำคัญในระดับโลกด้วย AUM 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2025 พวกเขาโดดเด่นด้วยการผสมผสานความเป็นผู้นำในยุโรปเข้ากับวิสัยทัศน์ระดับโลก Amundi เน้นย้ำค่านิยมที่คล้ายคลึงกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม นวัตกรรม วัฒนธรรมที่เปิดกว้าง และการดำเนินกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ Amundi เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างรับผิดชอบมาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและงานวิจัยที่ทันสมัยมาใช้เพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การที่พวกเขานำเสนอกองทุนอย่าง Amundi Funds US Equity Fundamental Growth ที่มุ่งเน้นการเติบโตของบริษัทในสหรัฐฯ และ Amundi Funds Global Aggregate Bond ที่เน้นตราสารหนี้ทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง หรือการแสวงหาเสถียรภาพจากตลาดตราสารหนี้ การวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและอนาคตคือจุดแข็งของ Amundi

อันดับที่ 7: Capital Group
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Capital Group เป็นบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ยาวนาน ก่อตั้งในปี 1931 และเป็นที่รู้จักจากสไตล์การบริหารแบบ Active Management ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนทำให้ AUM ของพวกเขาทะลุ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Capital Group มีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงในเอเชีย เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว สะท้อนถึงการเป็นผู้เล่นระดับโลกอย่างแท้จริง

จากประสบการณ์ของผม Capital Group แตกต่างจากหลายๆ บริษัทด้วยปรัชญา “การลงทุนระยะยาว” และ “การวิเคราะห์อย่างเข้มงวด” ซึ่งเป็นรากฐานของการตัดสินใจลงทุน พวกเขายังเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบและการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด จุดเด่นอีกอย่างคือรูปแบบการจ่ายค่าตอบแทนผู้จัดการกองทุนที่อิงจากผลลัพธ์การลงทุน ไม่ใช่ปริมาณสินทรัพย์ที่บริหาร นี่คือกลไกที่สร้างความสอดคล้องทางผลประโยชน์กับนักลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม กองทุนอย่าง Capital Group Global Allocation ที่เน้นการกระจายการลงทุนทั่วโลก และ Capital Group New Perspective ที่มุ่งค้นหาโอกาสใหม่ๆ จากการเปลี่ยนแปลงของโลก แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและแนวทางที่ชาญฉลาดในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

อันดับที่ 6: Goldman Sachs Asset Management
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Goldman Sachs Asset Management (GSAM) คือหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก ด้วย AUM กว่า 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของพวกเขา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นว่า GSAM โดดเด่นในกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีระเบียบวินัย พวกเขามุ่งมั่นที่จะแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า พร้อมทั้งถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์

Goldman Sachs เป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนและมีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่แสวงหาผลตอบแทนสูงจากตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเล็กน้อย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ GSAM สำหรับนักลงทุนไทยมักทำได้ผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนระหว่างประเทศหรือผ่านสถาบันการเงินที่ร่วมมือกับ Goldman Sachs ในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้เล่นระดับสากลอย่างแท้จริงที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับลูกค้า

อันดับที่ 5: J.P. Morgan Asset Management
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

J.P. Morgan Asset Management คือแขนการบริหารสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase ซึ่งบริหารสินทรัพย์กว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก บริษัทนี้ให้บริการการจัดการการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตโฟลิโอหลากหลายสินทรัพย์ การลงทุนทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน ด้วยประสบการณ์ยาวนานตั้งแต่ปี 1871 และมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนทั่วโลก J.P. Morgan Asset Management จึงเป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจรสำหรับลูกค้ารายสถาบัน ผู้แนะนำทางการเงิน และนักลงทุนรายบุคคล

ในฐานะนักวิเคราะห์ ผมเห็นว่า J.P. Morgan Asset Management ใช้ประโยชน์จากขนาดที่ใหญ่และทรัพยากรการวิจัยภายในที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เช่น JPMorgan Growth Advantage Fund ในภาคส่วนหุ้น และ JPMorgan Core Bond Fund สำหรับตราสารหนี้ กลยุทธ์การบริหารจัดการของพวกเขามุ่งเน้นการวิจัยเชิงลึกและแนวทางการบริหารแบบ Active Management ที่เป็นมืออาชีพและวัดผลได้ แม้ว่า J.P. Morgan Securities (ประเทศไทย) จะมีสำนักงานในกรุงเทพฯ แต่การเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนโดยตรงสำหรับนักลงทุนรายย่อยไทยมักจะต้องทำผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ หรือผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการในประเทศไทย

อันดับที่ 4: State Street Global Advisors
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (มีการปรับข้อมูลตามลำดับในต้นฉบับเพื่อให้สอดคล้องกับ AUM ในตาราง)

State Street Global Advisors (SSGA) ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ที่น่าประทับใจถึง 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ปรับตามตาราง) ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 SSGA เป็นผู้จัดการสินทรัพย์สถาบันชั้นนำและเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมกองทุนดัชนีและ ETF ด้วยชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมและการวิจัยที่เป็นหัวใจสำคัญของนโยบายการลงทุน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ State Street เป็นผู้เล่นหลักในตลาด ETF โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองทุนที่อิงดัชนีขนาดใหญ่ เช่น SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SPDR S&P 500 ETF Trust ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยต้นทุนที่ต่ำและมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม การที่ SPDR S&P 500 ETF Trust สามารถซื้อขายผ่านตลาดในอินโดนีเซียได้ (ในบริบทต้นฉบับ) บ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์ของ SSGA มีการเข้าถึงในภูมิภาคเอเชียที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนไทยอาจเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ให้บริการในประเทศไทย SSGA ให้ความสำคัญกับการนำเสนอโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดในปี 2025 ที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน

อันดับที่ 3: Fidelity Investments
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Fidelity Investments คือหนึ่งในบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity มีชื่อเสียงโด่งดังจากการบริหารจัดการกองทุนที่มีผลงานโดดเด่นในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Peter Lynch ผู้จัดการกองทุน Magellan ในตำนาน Fidelity เป็นผู้จัดการการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนทั้งบุคคลทั่วไปและลูกค้ารายสถาบัน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุดในระยะยาว

ในมุมมองของผม Fidelity ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุด เนื่องจากกระบวนการกระจายการลงทุนแบบ Active Management ที่แข็งแกร่ง และการให้บริการคำปรึกษาที่ยอดเยี่ยม ความมุ่งมั่นของพวกเขาในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ Fidelity สามารถนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือที่ทันสมัยแก่นักลงทุน การที่ Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund และ Fidelity Global Technology Fund เป็นที่นิยมในตลาด เช่น ฮ่องกง แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ผู้ที่ต้องการสร้างเสถียรภาพจากตลาดตราสารหนี้ ไปจนถึงผู้ที่ต้องการคว้าโอกาสจากการเติบโตของนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งเป็นธีมการลงทุนหลักในปี 2025

อันดับที่ 2: Vanguard Group
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Vanguard Group คือผู้จัดการกองทุนที่ไม่มีวันตกจากอันดับ 10 บริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขายังคงครองตำแหน่งอันดับสองอย่างมั่นคง ด้วย AUM ที่พุ่งสูงถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างไกลจากอันดับสามเกือบสองเท่าตัว สิ่งนี้ตอกย้ำถึงอิทธิพลและรูปแบบธุรกิจที่ไม่เหมือนใครของพวกเขา

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1975 โดย John Bogle ผู้บุกเบิกแนวคิดการลงทุนแบบดัชนี Vanguard มีแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการแบบ Passive Management หรือที่เรียกว่าการลงทุนแบบ “ตั้งรับ” ซึ่งหมายถึงการสร้างกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและพยายามเลียนแบบผลตอบแทนของดัชนีตลาด สิ่งนี้แตกต่างจากผู้จัดการกองทุนรายอื่นตรงที่ Vanguard ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นของกลุ่มหุ้นส่วน แต่เป็นของ “นักลงทุน” ที่เป็นเจ้าของกองทุนรวม (Mutual Funds) และ ETF ของ Vanguard โดยตรง ทำให้ผลประโยชน์ของนักลงทุนและผู้บริหารสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือโมเดลที่ปฏิวัติวงการ ทำให้ Vanguard สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักลงทุนระยะยาว กองทุนอย่าง Vanguard Dividend Appreciation ETF ที่เน้นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเติบโต และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF ที่ลงทุนในตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลก เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่สะท้อนถึงปรัชญาการลงทุนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังของ Vanguard ซึ่งยังคงเป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2025

อันดับที่ 1: BlackRock
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

BlackRock ยังคงยืนหนึ่งในฐานะ “ราชา” แห่งวงการบริหารสินทรัพย์โลก โดยครองตำแหน่งอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ด้วย AUM ที่น่าตกตะลึงถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พวกเขาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดการเงินระดับโลก

ในฐานะนักวิเคราะห์ที่ติดตาม BlackRock มาอย่างยาวนาน ผมเห็นว่าอิทธิพลของพวกเขาไม่ใช่แค่ขนาดสินทรัพย์ แต่ยังรวมถึงบทบาทในฐานะที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการที่หน่วยงานให้คำปรึกษาของ BlackRock ได้รับสัญญาในการบริหารจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการณ์แพร่ระบาด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่หน่วยงานรัฐบาลมีต่อความเชี่ยวชาญของพวกเขา

BlackRock เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF ชั้นนำระดับโลก แพลตฟอร์มนี้มีกองทุน ETF มากกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลก และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุนอย่าง iShares China Large-Cap ETF (ที่สามารถซื้อผ่าน Gotrade ในอินโดนีเซีย) และ iShares Global Clean Energy ETF เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความสามารถของ BlackRock ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบสนองต่อเมกะเทรนด์สำคัญของโลก เช่น การเติบโตของจีนและการลงทุนในพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นกระแสที่ไม่อาจมองข้ามได้ในปี 2025 BlackRock ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการเงินทุน แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางและผู้สร้างนวัตกรรมที่แท้จริงในอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่

สรุป: อิทธิพลของยักษ์ใหญ่และทิศทางการลงทุนในอนาคต

กล่าวโดยสรุป บริษัทบริหารจัดการการลงทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2025 พวกเขาได้รวมฐานะที่มั่นคงในตลาด โดยมี BlackRock เป็นผู้นำและยังคงรักษาบัลลังก์ในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารจัดการความมั่งคั่งมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่แสดงถึงจุดสูงสุดของการบริหารจัดการสินทรัพย์ แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่ไม่หยุดนิ่ง ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุน แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่นำทางนักลงทุนไปสู่ความสำเร็จ

ในฐานะนักลงทุน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถนำทางในตลาดทุนโลกที่ซับซ้อนได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โอกาสในการสร้างความมั่งคั่งของคุณรออยู่! หากคุณพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อปรับพอร์ตโฟลิโอของคุณให้สอดคล้องกับแนวโน้มปี 2025 เราขอเชิญชวนคุณศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน หรือสำรวจโอกาสการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับกองทุนชั้นนำเหล่านี้ เพื่อเป้าหมายทางการเงินที่คุณวางไว้ การเดินทางสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืนเริ่มต้นที่นี่!

Previous Post

N3010514 ทายาทผ ปอบ EP3 part 2

Next Post

N3110521 อผมเป นชายแท EP1 # part 2

Next Post
N3110521 อผมเป นชายแท EP1 # part 2

N3110521 อผมเป นชายแท EP1 # part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0111331 เวลาของเราไม เท าก part 2
  • N0111323 วยต วเOงในมหาล part 2
  • N0111327 แฟนหน าตาแบบน เป นค ณจะอายไหม part 2
  • N0111328 แกล งขอทาน #สน กด part 2
  • N0111325 แอบก uสาม เพ oนว าซ าน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.