ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับ รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ ประหยัดน้ำมันที่สุด ปี 2025 พร้อมแนะนำยางรถยนต์ที่ใช่
ในยุคที่ราคาน้ำมันผันผวน การเลือกซื้อรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่ประหยัดน้ำมันจึงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภคชาวไทย นอกเหนือจากความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว การประหยัดน้ำมันยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย ในปี 2025 นี้ มีรถกระบะดับเบิ้ลแค็บหลายรุ่นที่โดดเด่นในเรื่องของอัตราการประหยัดน้ำมัน และเพื่อให้คุณผู้อ่านได้ข้อมูลครบถ้วน ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์และยานยนต์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี จะมาอัปเดต 10 อันดับรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่ประหยัดน้ำมันที่สุด พร้อมทั้งแนะนำยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถแต่ละรุ่น เพื่อให้คุณได้ทั้งความประหยัดและความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการประหยัดน้ำมันของรถกระบะ
ก่อนจะไปดู 10 อันดับรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่ประหยัดน้ำมันที่สุด เรามาทำความเข้าใจปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราการประหยัดน้ำมันของรถกระบะกันก่อนครับ
เครื่องยนต์: ขนาดและเทคโนโลยีของเครื่องยนต์มีผลอย่างมาก เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กที่มีระบบเทอร์โบ มักจะประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติมักจะประหยัดน้ำมันกว่าเกียร์ธรรมดา เนื่องจากมีการเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำและเหมาะสมกับสภาพการขับขี่
น้ำหนักรถ: รถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะประหยัดน้ำมันกว่ารถที่มีน้ำหนักมาก เพราะเครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานน้อยกว่าในการขับเคลื่อน
แอโรไดนามิก: รูปทรงของรถที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำ จะช่วยลดแรงต้านของอากาศ ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ยางรถยนต์: ยางรถยนต์ที่มีความต้านทานการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance) จะช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
พฤติกรรมการขับขี่: การขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เร่งหรือเบรกบ่อยๆ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด
10 อันดับ รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ ประหยัดน้ำมันที่สุด ปี 2025
ข้อมูลอ้างอิงจากผลทดสอบจริงและสถิติการใช้งานของผู้บริโภคในปี 2024-2025
Isuzu D-Max Double Cab Hi-Lander 1.9 Ddi Blue Power Z Prestige AT 4×2: ยังคงครองแชมป์ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัด อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15.5 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางติดรถยนต์: Bridgestone Dueler H/T 684II (HT – Highway Terrain)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Michelin Primacy SUV+ (เน้นความนุ่มเงียบและยึดเกาะถนน)
คุณภาพ: Yokohama Geolandar H/T G056 (สมดุลระหว่างความทนทานและการประหยัดน้ำมัน)
คุ้มค่า: Dunlop Grandtrek PT3 (ราคาไม่แพง ประสิทธิภาพดี)
Nissan Navara Double Cab 2.3 Twin Turbo VL 7AT 4×4: เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ ให้กำลังดี และยังคงประหยัดน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15.0 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 255/65R17
ยางติดรถยนต์: Toyo Open Country A25 (HT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Bridgestone Ecopia H/L001 (เน้นประหยัดน้ำมันเป็นพิเศษ)
คุณภาพ: Goodyear Wrangler Triplemax (ทนทานและเกาะถนนดี)
คุ้มค่า: Kumho Crugen HT51 (ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ)
Mazda BT-50 Double Cab 1.9 SP 6AT 4×2: ดีไซน์โดดเด่น เครื่องยนต์ประหยัด อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.8 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางติดรถยนต์: Bridgestone Dueler H/T 684II (HT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Michelin Primacy SUV+ (นุ่มเงียบ เกาะถนน)
คุณภาพ: Yokohama Geolandar H/T G056 (สมดุลในการใช้งาน)
คุ้มค่า: Maxxis Bravo HT-770 (ราคาประหยัด ทนทาน)
Toyota Hilux Revo Double Cab 2.4 Rocco 6AT 4×4: ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.5 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางติดรถยนต์: Dunlop Grandtrek AT25 (AT – All Terrain)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Michelin LTX Trail (ทนทาน เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย)
คุณภาพ: Yokohama Geolandar A/T G015 (ใช้งานได้ทั้งทางเรียบและทางลุย)
คุ้มค่า: Hankook Dynapro HP2 (ราคาเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป)
Ford Ranger Double Cab 2.0 Bi-Turbo Wildtrak 10AT 4×4: เครื่องยนต์ Bi-Turbo ให้กำลังสูง แต่ก็ยังคงประหยัดน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.2 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางติดรถยนต์: Goodyear Wrangler AT SilentTrac (AT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Pirelli Scorpion ATR (เกาะถนนดีเยี่ยม ทนทาน)
คุณภาพ: Continental CrossContact LX2 (สมดุลในการใช้งาน)
คุ้มค่า: BFGoodrich All-Terrain T/A KO2 (ลุยได้เต็มที่)
Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GT Premium 6AT 4×2: เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.0 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 245/65R17
ยางติดรถยนต์: Bridgestone Dueler H/T 684II (HT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Yokohama Geolandar SUV G055 (นุ่มเงียบ เหมาะกับการใช้งานในเมือง)
คุณภาพ: Dunlop Grandtrek PT3 (ราคาไม่แพง ประสิทธิภาพดี)
คุ้มค่า: Maxxis Bravo HP-M3 (ทนทาน ราคาประหยัด)
MG Extender Double Cab 2.0 Grand X 6AT 4×2: รถกระบะที่มาพร้อมความคุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.8 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 245/70R16
ยางติดรถยนต์: Maxxis Bravo AT-771 (AT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Michelin Primacy 4 (เน้นความนุ่มสบายและปลอดภัย)
คุณภาพ: Continental ContiCrossContact LX2 (สมรรถนะรอบด้าน)
คุ้มค่า: Maxxis Bravo AT-980 (คุ้มค่าคุ้มราคา)
Great Wall Motors POER Double Cab 2.0 Pro 8AT 4×4: กระบะจากค่ายจีนที่น่าจับตามอง ด้วยเทคโนโลยีและราคาที่เข้าถึงได้ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.5 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/65R17
ยางติดรถยนต์: Giti Comfort SUV520 (HT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Bridgestone Alenza 001 (ยาง SUV ประสิทธิภาพสูง)
คุณภาพ: Kumho Crugen Premium KL33 (เน้นความนุ่มนวล)
คุ้มค่า: Deestone HT603 (ราคาเป็นมิตร)
Isuzu D-Max Double Cab V-Cross 3.0 Ddi Blue Power 6AT 4×4: ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดี อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.3 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางติดรถยนต์: Bridgestone Dueler H/T 684II (HT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: Michelin LTX Trail (ทนทาน เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย)
คุณภาพ: Yokohama Geolandar A/T G015 (ใช้งานได้ทั้งทางเรียบและทางลุย)
คุ้มค่า: Kumho Road Venture AT51 (ราคาเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป)
Nissan Navara Double Cab PRO-4X 2.3 Twin Turbo 7AT 4×4: รถกระบะสายลุย ที่ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องประหยัดน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.0 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 255/65R17
ยางติดรถยนต์: Yokohama Geolandar A/T G015 (AT)
ยางแนะนำ:
พรีเมียม: BFGoodrich All-Terrain T/A KO2 (ลุยได้เต็มที่)
คุณภาพ: Falken Wildpeak AT3W (สมรรถนะดีในทุกสภาพถนน)
คุ้มค่า: Maxxis Razr AT811 (ราคาไม่แพง เหมาะกับสายลุยเริ่มต้น)
เลือกยางรถยนต์อย่างไรให้ประหยัดน้ำมันและปลอดภัย
การเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถกระบะของคุณ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัยในการขับขี่ ผมมีคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ครับ
เลือกยางที่มีค่า Rolling Resistance ต่ำ: ยางประเภทนี้จะช่วยลดแรงต้านการหมุน ทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานน้อยลง และประหยัดน้ำมันมากขึ้น สังเกตจากฉลากประหยัดพลังงานของยาง หรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญ
เลือกขนาดและประเภทของยางให้เหมาะสม: ขนาดของยางที่ใหญ่เกินไป อาจทำให้กินน้ำมันมากขึ้น ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรถและสไตล์การขับขี่ของคุณ นอกจากนี้ ควรเลือกประเภทยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากขับขี่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ควรเลือกยาง HT (Highway Terrain) แต่ถ้าต้องการลุยทาง Off-Road ด้วย ควรเลือกยาง AT (All Terrain)
รักษาระดับลมยางให้ถูกต้อง: การเติมลมยางให้ถูกต้องตามที่กำหนด จะช่วยลดแรงต้านการหมุนของยาง และทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ควรตรวจเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง
หมั่นตรวจสอบสภาพยาง: ยางที่สึกหรอ หรือมีรอยแตกร้าว จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และอาจเป็นอันตรายได้ ควรตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนยางเมื่อถึงเวลา
คำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากการเลือกซื้อรถกระบะที่ประหยัดน้ำมัน และเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการประหยัดน้ำมัน ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ
ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่: หลีกเลี่ยงการเร่งและเบรกบ่อยๆ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนัก และกินน้ำมันมากขึ้น
ใช้ Cruise Control เมื่อขับขี่ทางไกล: ระบบ Cruise Control จะช่วยรักษาระดับความเร็วให้คงที่ ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
หลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักเกินความจำเป็น: น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานมากขึ้น
ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดรถนานๆ: การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น จะเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์
เข้ารับการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ: การบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น
สรุป
การเลือกซื้อรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่ประหยัดน้ำมัน และเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสม เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย หวังว่าข้อมูลที่ผมได้นำเสนอในวันนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านในการตัดสินใจเลือกซื้อรถและยางรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดนะครับ
ถึงเวลาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับรถกระบะของคุณแล้ว!
หากคุณกำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพเยี่ยม ที่จะช่วยให้รถกระบะของคุณประหยัดน้ำมันและปลอดภัยยิ่งขึ้น อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถและสไตล์การขับขี่ของคุณมากที่สุด ติดต่อเราได้เลยวันนี้!
10 อันดับรถกระบะดับเบิ้ลแค็บประหยัดน้ำมันที่สุดแห่งปี 2025 พร้อมแนะนำยางรถยนต์ที่ใช่!
ตลาดรถกระบะในประเทศไทยยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 นี้ ผู้บริโภคมองหารถที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะ ความอเนกประสงค์ และที่สำคัญคือความประหยัดน้ำมัน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในยุคที่ราคาน้ำมันผันผวน บทความนี้จะมาเปิดเผย 10 อันดับรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่ประหยัดน้ำมันที่สุด พร้อมแนะนำยางรถยนต์ที่เหมาะสม เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ข้อมูลครบถ้วนสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อรถและยางที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
ทำไมความประหยัดน้ำมันถึงสำคัญในยุค 2025?
สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวนและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันของรถยนต์มากขึ้น โดยเฉพาะรถกระบะซึ่งมักถูกใช้งานในชีวิตประจำวันและเดินทางไกล การเลือกรถกระบะที่ประหยัดน้ำมันจึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคใส่ใจเรื่องความประหยัดน้ำมันมากขึ้น การใช้รถที่ประหยัดน้ำมันช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อความประหยัดน้ำมันของรถกระบะ
ก่อนจะไปดู 10 อันดับรถกระบะประหยัดน้ำมัน เรามาทำความเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อความประหยัดน้ำมันของรถกระบะกันก่อน:
เครื่องยนต์: ขนาดและเทคโนโลยีของเครื่องยนต์มีผลโดยตรงต่ออัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ดีเซลมักจะประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติมักจะประหยัดน้ำมันน้อยกว่าเกียร์ธรรมดาเล็กน้อย แต่ในปัจจุบัน เกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ๆ มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
น้ำหนักรถ: รถที่มีน้ำหนักมากจะกินน้ำมันมากกว่ารถที่มีน้ำหนักเบา
ระบบขับเคลื่อน: รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) มักจะกินน้ำมันมากกว่ารถขับเคลื่อนสองล้อ (2WD)
ยางรถยนต์: ยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance) จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
พฤติกรรมการขับขี่: การขับรถด้วยความเร็วสูง การเร่งเครื่องและเบรกบ่อยๆ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
10 อันดับรถกระบะดับเบิ้ลแค็บประหยัดน้ำมันที่สุดแห่งปี 2025
(หมายเหตุ: อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ระบุเป็นค่าเฉลี่ยจากการทดสอบในสภาวะปกติ ซึ่งอาจแตกต่างจากการใช้งานจริง)
Isuzu D-Max Double Cab Hi-Lander 1.9 Ddi Blue Power: ยังคงเป็นผู้นำในด้านความประหยัดน้ำมัน ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.8 – 15.2 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางที่แนะนำ: Bridgestone Ecopia H/L 001 (เน้นประหยัดน้ำมัน), Michelin Primacy SUV+ (เน้นความนุ่มสบายและเงียบ)
Nissan Navara Double Cab 2.3 Bi-Turbo: เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.3 ลิตร ให้พละกำลังที่ดี พร้อมกับความประหยัดน้ำมันที่น่าพอใจ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.6 – 15.0 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 255/65R17
ยางที่แนะนำ: Yokohama Geolandar A/T G015 (เน้นการใช้งานแบบออฟโรด), Bridgestone Dueler H/T 684II (เน้นการใช้งานทั่วไปบนถนน)
Mazda BT-50 Double Cab 1.9 Ddi: รถกระบะที่มีดีไซน์โดดเด่นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรที่ประหยัดน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.4 – 14.8 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางที่แนะนำ: Michelin Primacy SUV (เน้นความนุ่มสบายและเงียบ), Yokohama Geolandar H/T G056 (เน้นการใช้งานทั่วไปบนถนน)
Toyota Hilux Revo Double Cab 2.4 GD Super Power: แม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุด แต่ Hilux Revo ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะที่ทนทานและประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ให้สมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.8 – 14.2 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/65R17
ยางที่แนะนำ: Bridgestone Ecopia H/L 001 (เน้นประหยัดน้ำมัน), Dunlop Grandtrek AT5 (เน้นการใช้งานแบบออฟโรด)
Ford Ranger Double Cab 2.0L EcoBlue: Ranger รุ่นปรับปรุงใหม่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร EcoBlue ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเทคโนโลยีที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.5 – 14.0 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/70R16 หรือ 255/65R17 (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
ยางที่แนะนำ: Michelin LTX Trail (เน้นการใช้งานแบบออฟโรดและบนถนน), Goodyear Wrangler AT SilentTrac (เน้นความเงียบและความนุ่มสบาย)
Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 MIVEC: Triton ยังคงเป็นรถกระบะที่คุ้มค่าคุ้มราคา มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร MIVEC ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.2 – 13.7 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 245/65R17
ยางที่แนะนำ: Yokohama Geolandar SUV G055 (เน้นความนุ่มสบายและเงียบ), Bridgestone Dueler H/T 684II (เน้นการใช้งานทั่วไปบนถนน)
MG Extender Double Cab 2.0T: แม้จะเป็นน้องใหม่ในตลาดรถกระบะ แต่ MG Extender ก็มีจุดเด่นที่ราคาที่เข้าถึงง่าย และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้พละกำลังที่ดี อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.0 – 13.5 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 245/70R16
ยางที่แนะนำ: Maxxis Bravo HT-770 (เน้นความคุ้มค่าและราคาประหยัด), Dunlop Grandtrek AT5 (เน้นการใช้งานแบบออฟโรด)
Great Wall Motors (GWM) Poer Double Cab 2.0T: รถกระบะจากแดนมังกรที่มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลังที่น่าประทับใจ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12.8 – 13.3 กม./ลิตร (รุ่นดีเซล)
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/65R17 หรือ 265/60R18 (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
ยางที่แนะนำ: Continental ContiCrossContact LX2 (เน้นการใช้งานแบบออฟโรดและบนถนน), Michelin Primacy SUV (เน้นความนุ่มสบายและเงียบ)
Isuzu MU-X: ถึงแม้จะไม่ใช่รถกระบะโดยตรง แต่ Isuzu MU-X ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ Isuzu D-Max ก็มีความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.0 – 13.5 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางที่แนะนำ: Michelin Primacy SUV+ (เน้นความนุ่มสบายและเงียบ), Bridgestone Ecopia H/L 001 (เน้นประหยัดน้ำมัน)
Toyota Fortuner: เช่นเดียวกับ MU-X, Toyota Fortuner เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ Toyota Hilux Revo และมีความประหยัดน้ำมันที่ดี อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12.5 – 13.0 กม./ลิตร
ขนาดยางติดรถยนต์: 265/60R18
ยางที่แนะนำ: Michelin LTX Trail (เน้นการใช้งานแบบออฟโรดและบนถนน), Bridgestone Ecopia H/L 001 (เน้นประหยัดน้ำมัน)
การเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสม: เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย
การเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้รถของคุณประหยัดน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัย และความนุ่มสบายในการเดินทางอีกด้วย
ประเภทของยาง: ควรเลือกประเภทของยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากใช้งานบนถนนเป็นหลัก ควรเลือกยาง HT (Highway Terrain) ที่เน้นความนุ่มสบายและประหยัดน้ำมัน หากใช้งานแบบออฟโรดบ้าง ควรเลือกยาง AT (All Terrain) ที่มีดอกยางที่แข็งแรงและทนทาน
ขนาดของยาง: ควรเลือกขนาดยางให้ตรงตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่
ยี่ห้อและรุ่นของยาง: ควรเลือกยี่ห้อและรุ่นของยางที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วไป
ค่า Load Index และ Speed Rating: ควรเลือกยางที่มีค่า Load Index และ Speed Rating ที่เหมาะสมกับรถของคุณ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อการขับขี่ประหยัดน้ำมัน
ตรวจเช็กลมยางสม่ำเสมอ: การมีลมยางที่ถูกต้องช่วยลดแรงต้านการหมุนของยาง และช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม: การขับรถด้วยความเร็วสูงจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ควรขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องและเบรกบ่อยๆ: การเร่งเครื่องและเบรกบ่อยๆ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ควรขับรถด้วยความนุ่มนวลและคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า
บำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ: การบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ลดน้ำหนักบรรทุก: การบรรทุกของหนักเกินความจำเป็นจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ควรลดน้ำหนักบรรทุกให้เหลือน้อยที่สุด
สรุป
การเลือกรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่ประหยัดน้ำมัน และการเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานรถยนต์ของคุณในปี 2025 และในอนาคต
ถึงเวลาตัดสินใจแล้ว!
หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถกระบะและยางรถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณ หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้จำหน่ายรถยนต์และร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ พวกเขาพร้อมที่จะให้คำปรึกษาและบริการที่ดีที่สุดแก่คุณ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย!

