ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เจาะกลยุทธ์ BYD แชมป์ยอดขายรถไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก
By Krungsri Plearn Plearn
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและประเทศไทยมีการเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยจุดเด่นเรื่องเทรนด์การรักษ์สิ่งแวดล้อมและข้อดีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จึงทำให้รถพลังงานไฟฟ้าเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น จนดันยอดขาย “รถยนต์ไฟฟ้า BYD” ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 เป็นอันดับ 1 ของโลก และขึ้นแท่นเป็น Most Popular EV car Market อีกด้วย ซึ่ง BYD นั้นใช้กลยุทธ์อะไรถึงกลายมาเป็นรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ายอดขายอันดับ 1 ของโลกได้เร็วขนาดนี้ Plearn เพลิน จะขอพาทุกคนไปไขคำตอบกัน

รู้จัก “BYD” บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากแดนมังกร
BYD (Build Your Dreams) บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ก่อตั้งโดย Wang Chuanfu มหาเศรษฐีอันดับที่ 39 ของจีน ซึ่งในตอนแรกประกอบธุรกิจ “แบตเตอรี่มือถือ” จนเติบโตมาเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับมือถือเบอร์ 2 ของโลก ต่อมาได้เข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ในปี 2002 จากการซื้อบริษัทรถยนต์ Tsinchuan Automobile Co Ltd เข้ามาเป็นบริษัทลูก และเปลี่ยนชื่อเป็น BYD Auto Co., Ltd. ซึ่งช่วงแรก BYD ยังเน้นผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่มีรูปลักษณ์เหมือนรถยนต์แบรนด์จากญี่ปุ่นและยุโรป
ต่อมาในปี 2008 BYD Auto สามารถผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) คันแรกของโลกได้จากความชำนาญของการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่มาก่อน และพัฒนาต่อยอดมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดในไตรมาส Q4/23 นี้ในที่สุด
สำหรับยอดขาย BYD ที่ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในไตรมาส Q4/23 นั้น มียอดขายเป็นจำนวนเท่าไหร่บ้าง เราไปดูกันเลย
อัปเดตยอดขาย BYD ปี 2023
ในช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา ยอดขายของ BYD สามารถแซงแชมป์เดิมอย่าง Tesla ในฐานะผู้ขายรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ ด้วยยอดขายกว่า 600,000 คัน ในไตรมาสเดียว และมีอัตราการเติบโตถึง 5 เท่าจากปี 2022
และจากยอดขายรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคมที่เพิ่มขึ้นถึง 61.9% ด้วยยอดกว่า 3.02 ล้านคัน แบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1,704,360 คัน ซึ่งทิ้งห่างอันดับสองอย่าง Tesla ที่ขายได้ในจำนวน 1,177,908 คัน และยังมียอดขายรุ่นต่าง ๆ ที่ครองชาร์ตถึง 7 รุ่น คือ BYD Song, Qin Plus, ATTO, Dolphin, Han, Tang และ Seagull อีกด้วย
สำหรับประเทศไทยยอดขายรถยนต์ BYD ในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 คิดเป็น 1 ใน 5 จากยอดขายในต่างประเทศทั้งหมดของ BYD ซึ่งได้ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทยมากเป็นอันดับ 1 ถึง 46% เช่นกัน นอกจากนี้ BYD ยังเป็นรายใหญ่อันดับ 3 ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลโดยรวมของไทยด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 9% อีกด้วย

จากยอดขายข้างต้นจะเห็นได้ว่า BYD สามารถแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ได้ตั้งแต่ต้นปี และสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 5 เท่าจากปี 2022 ซึ่งนอกจากข้อดีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำให้หลายคนสนใจซื้อรถไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว BYD มีกลยุทธ์อย่างไรที่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการแข่งขันสูงจากความต้องการรถพลังงานไฟฟ้าสูง Plearn เพลิน ขอพาไปไขคำตอบกัน
เจาะ 4 กลยุทธ์ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า BYD ประสบความสำเร็จ
1. ผลิตแบตเตอรี่ได้เอง
จุดแข็งที่สุดของ BYD ยังคงเป็นแบตเตอรี่ที่เป็นธุรกิจแรกเริ่มและยังพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแบตเตอรี่รุ่นใหม่ของ BYD (Blade Lithium Iron Phosphate) เป็นหนึ่งในนวัตกรรมของ BYD ที่ทั้งช่วยประหยัดพื้นที่ ทำให้สามารถบรรจุแบตเตอรี่ได้เพิ่มขึ้น สามารถทนทานต่อความร้อนได้ดีกว่า มีข้อดีที่ไม่ทำให้เกิดไฟลุกไหม้หรือติดไฟง่าย ทำให้แบตเตอรี่ประเภทนี้ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากผู้บริโภคและผู้ผลิตรถพลังงานไฟฟ้าเจ้าอื่น ๆ แม้กระทั่งโรงงาน Tesla ที่ปักกิ่งก็สั่งซื้อแบตเตอรี่นี้จาก BYD เช่นกัน นอกจากนี้ BYD ยังลงทุนในเรื่องของงานวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
2. ราคาขายไม่สูงมากทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย
ราคาของรถพลังงานไฟฟ้าเป็นข้อดีที่หลายคนสนใจ ซึ่ง BYD ที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่เอง สามารถควบคุมการผลิตได้ตั้งแต่ต้นน้ำ ทำให้ได้ราคาต้นทุนแบตเตอรี่ที่ถูกกว่าแบรนด์อื่น ๆ ส่งผลให้สามารถขายคันเริ่มต้นได้ในราคาไม่แพง ซึ่งราคาขายนั้นที่อยู่ที่ราคาหลักแสนต้น ๆ เท่านั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่ารถไฟฟ้าของ BYD จะได้รับความสนใจ และทำยอดขายได้สูง
3. ได้ฐานลูกค้าที่ใหญ่ในประเทศจีน
BYD เริ่มต้นจากตลาดระดับล่างและกลาง ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ในจีน ด้วยสัดส่วนเกือบ 60% ของยอดขายทั่วโลก จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มเรื่องเทคโนโลยีและการออกแบบไปเรื่อย ๆ และหันมาสนใจตลาดบนมากขึ้น จนเมื่อการแข่งขันในประเทศเริ่มรุนแรงก็เข้าไปลงทุนและขายในตลาดต่างประเทศอื่น ๆ ต่อไป
4. Warren Buffett เข้าไปลงทุนและถือหุ้นในบริษัท
ในปี 2008 มหาเศรษฐีชื่อดังของอเมริกา Warren Buffett ได้เข้ามาลงทุนและถือหุ้นในสัดส่วนถึง 10% ของบริษัท เพราะ Buffet ได้มองเห็นศักยภาพตั้งแต่วันนั้นว่าสักวันหนึ่งในอนาคต BYD จะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจรถยนต์ของโลก เมื่อโลกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกรถพลังงานไฟฟ้าสาเหตุนี้จึงอาจส่งผลให้หลาย ๆ คนรู้จักและมั่นใจที่จะเลือกซื้อรถพลังงานไฟฟ้าแบรนด์นี้กันมากขึ้น

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ Plearn เพลิน ต้องบอกว่า BYD นั้นมีกลยุทธ์จากทางแบรนด์มากมายที่ทำให้ยอดขายแซงขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ได้ไม่ยาก ซึ่งตอนนี้ทาง BYD ยังคงพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ใครที่กำลังมองหารถพลังงานไฟฟ้า BYD ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลย
สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของของรถพลังงานไฟฟ้าจาก BYD ป้ายแดงคันใหม่ กรุงศรี นิว คาร์ พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นจริงได้อย่างง่ายดาย
Hankook Tire ตอนนี้เป็นผู้ผลิตยางที่มีขนาดธุรกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่หกของโลก
2021. 06. 23
– การจัดอันดับของ Hankook Tire เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 7 ในปี 2019 มาสู่อันดับที่ 6 ในปี 2020 จากบรรดาบริษัทยางชั้นนำระดับโลก โดยได้รับการประกาศผ่านนิตยสารยางอังกฤษ Tyrepress ที่มียอดขาย 6.454 ล้านล้านวอนเกาหลี
– การเติบโตของบริษัทเป็นผลมาจากยอดขายยางขอบกว้าง (18 นิ้วขึ้นไป) ที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีการขยายพันธมิตรกับผู้ผลิตยางระดับพรีเมียมและมีการขยายไปสู่ภาคส่วนยางยานพาหนะไฟฟ้า
กรุงโซล ประเทศเกาหลี วันที่ 22 มิถุนายน 2021 บริษัทยางชั้นนำระดับโลก Hankook Tire ประกาศว่าในตอนนี้บริษัทได้รับการจัดอันดับว่าเป็นผู้ผลิตยางชั้นนำระดับโลกอยู่ในลำดับที่หกในปี 2020 ซึ่งมีการประกาศเผยแพร่จากนิตยสารยางอังกฤษที่มีชื่อเสียง Tyrepress โดยขยับมาจากลำดับที่เจ็ดเมื่อปีก่อน
การจัดอันดับบริษัทยางชั้นนำระดับโลกของ Tyrepress อ้างอิงมาจากข้อมูลรายได้ ยอดรายระดับโลกของ Hankook Tire อยู่ที่ 6.454 ล้านล้านวอนเกาหลีในปี 2020 จึงได้ขึ้นมาเป็นผู้ผลิตยางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับที่หก ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมผ่านช่วงเวลาของปีที่ยากลำบากจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
ยิ่งไปกว่านั้น กำไรจากการดำเนินงานของ Hankook Tire ก็ยังเพิ่มขึ้น 15.5% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นถึงการเติบโตเชิงปริมาณของบริษัท ด้วยพื้นฐานที่เข้มแข็งจากเทคโนโลยีชั้นำและความยอดเยี่ยมด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ยอดขายยางขอบกว้างของ Hankook (18 นิ้วขึ้นไป) เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยคิดเป็นยอดขายยางรถยนต์โดยสาร 35% ซึ่งมีส่วนช่วยให้บริษัทมีความเข้มแข็งในด้านบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม
นอกจากการจัดอันดับในระดับโลกของ Hankook ที่มีการเผยแพร่โดย Tyrepress บริษัทก็ยังเป็นที่รู้จักในด้านความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีในปี 2020 Hankook ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในด้านการทดสอบยางหลากหลายชนิดนับตั้งแต่สถาบันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเยอรมนีและสหราชอาณาจักร และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นแบรนด์ขายดีจากหมวดหมู่ต่าง ๆ สามหมวดหมู่นับตั้งแต่ยางทุกฤดูกาล ไปจนถึงยางฤดูร้อน และยางฤดูหนาวในแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของยุโรป Tyre24 โดยที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากเหล่าผู้บริโภค
Hankook มุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องด้วยการเป็นแบรนด์พรีเมียมจากการขยายการเป็นพันธมิตรไปสู่ผู้ผลิตยางระดับพรีเมียม รวมถึงการจัดหา OE ให้กับรถสปอร์ตไฟฟ้าสมรรถนะสูงคันแรกของ Porsche อย่าง Porsche Taycan ไปจนถึงรุ่นท็อปสุดของ Audi’ ในตระกูล Q อย่าง Audi RS Q8 รวมถึงกลุ่ม RS ของ Audi ที่ประกอบด้วย Audi RS7 Sportback และ Audi RS6 Avant
[อ้างอิง] การจัดอันดับผู้ผลิตยางชั้นนำของโลกประจำปี 2020 จาก Tyrepress(หน่วย: ล้านยูโร)
| ลำดับที่ | บริษัท | ยอดขาย |
|---|---|---|
| 1 | Michelin | 20,059 |
| 2 | Bridgestone | 19,649 |
| 3 | Continental | 10,158 |
| 4 | Goodyear | 10,040 |
| 5 | Sumitomo | 5,376 |
| 6 | Hankook Tire | 4,830 |
| 7 | Pirelli | 4,302 |
| 8 | Yokohama | 3,775 |
| 9 | Hangzhou Zhongce Rubber | ไม่ระบุ |
| 10 | Maxxis | 2,790 |
| 11 | Toyo Tires | 2,427 |
| 12 | Linglong Tire | ไม่ระบุ |
| 13 | Giti Tire | ไม่ระบุ |
| 14 | Cooper Tires | 2,054 |
| 15 | Apollo Tyres | ไม่ระบุ |
| 16 | Sailun | 1,920 |
| 17 | MRF | ไม่ระบุ |
| 18 | KUMHO TIRE | 1,600 |
| 19 | Nokian Tires | 1,313 |
| 20 | NEXEN TIRE | ไม่ระบุ |
※แหล่งที่มา: Tyrepress
[อ้างอิง] Hankook Tire & Technology Global Financial Result(หน่วย: พันล้านวอนเกาหลี)
| (หน่วย: พันล้านวอนเกาหลี) | สิ้นปี 2019 | สิ้นปี 2020 | เทียบปีก่อนหน้า |
|---|---|---|---|
| ยอดขาย | 68,832 | 64,540 | -6.2% |
| กำไรจากการดำเนินงาน | 5,439 | 6,284 | 15.5% |
| อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน | 7.9% | 9.7% | – |




