• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1710332 ความเกรงใจเป นสมบ ของผ part 2

admin79 by admin79
October 17, 2025
in Uncategorized
0
N1710332 ความเกรงใจเป นสมบ ของผ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

สิงคโปร์คงอันดับสองในการจัดอันดับประเทศที่พร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน

Article Posted date5 March 2019

เคพีเอ็มจีประกาศผลสำรวจเกี่ยวกับความพร้อมในการใช้รถยนต์ไร้คนขับในรายงาน 2019 Autonomous Vehicles Readiness Index (AVRI)Share

Related content

Singapore ranks second in KPMG Autonomous Vehicles Readiness Index for a second time running

Singapore ranks second in KPMG Autonomous Vehicles Readiness Index for a second time running

KPMG announced the findings of its 2019 Autonomous Vehicles Readiness Index.

KPMG Thought Leadership | September 2025

KPMG Thought Leadership | September 2025

Download a thought leadership pack.

KPMG Thought Leadership | July 2025

KPMG Thought Leadership | July 2025

Download a thought leadership pack.

  • เนเธอร์แลนด์คงแชมป์เป็นปีที่สองติดต่อกัน
  • มีห้าประเทศที่ติดอันดับผลสำรวจเคพีเอ็มจีเป็นปีแรก ได้แก่ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ อิสราเอล สาธารณรัฐเช็ก และฮังการี
  • ใหม่สำหรับ พ.ศ. 2562: แบบสำรวจความเห็นผู้บริโภคใน 25 ประเทศเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ


5 มีนาคม พ.ศ. 2562 – เคพีเอ็มจีประกาศผลสำรวจเกี่ยวกับความพร้อมในการใช้รถยนต์ไร้คนขับในรายงาน 2019 Autonomous Vehicles Readiness Index (AVRI) จากผลสำรวจ ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่พร้อมที่สุดสำหรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับอีกเช่นเคย ตามมาด้วย สิงคโปร์ นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา และสวีเดน


“ผลสำรวจ AVRI บ่งชี้ว่าแต่ละประเทศมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการเตรียมความพร้อมสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ” ริชาร์ด เธรลฟอลล์ ประธาน ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศมุ่งที่จะสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งให้ทันสมัย และสร้างให้เกิดความมั่นใจว่านวัตกรรมรถยนต์และรถบรรทุกไร้คนขับจะสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้อย่างแท้จริง”

สิงคโปร์คงอันดับสองในการจัดอันดับประเทศที่พร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน

จากผลสำรวจ AVRI 10 ประเทศที่พร้อมสำหรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับในอนาคตมากที่สุด แสดงได้ดังนี้

ประเทศอันดับในปี พ.ศ. 2562อันดับในปี พ.ศ. 2561
เนเธอร์แลนด์#1#1
สิงคโปร์#2#2
นอร์เวย์#3ใหม่
สหรัฐอเมริกา#4#3
สวีเดน#5#4
ฟินแลนด์#6ใหม่
สหราชอาณาจักร#7#5
เยอรมนี#8#6
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์#9#8
ญี่ปุ่น#10#11

ประเด็นสำคัญจากสองประเทศที่พร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด

§  ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ครองอันดับหนึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน กำลังร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการนำเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมาใช้ในการขนส่งสินค้า และมีแผนการนำรถบรรทุกไร้คนขับกว่า 100 คันมาใช้ในการขนส่งระหว่างเส้นทางหลัก จากเมืองอัมสเตอร์ดัม ไปยังเมืองแอนต์เวิร์ป และเมืองรอตเทอร์ดาม ไปจนถึงหุบเขารัวร์

§  ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้อันดับ 2 ได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในการสร้างเมืองจำลองสำหรับทดลองใช้รถยนต์ไร้คนขับ โดยในเมืองดังกล่าวได้สร้างให้มีไฟจราจร ป้ายรถเมล์ ตึกสูง และเครื่องทำฝนเทียม เพื่อสร้างสภาพอากาศที่ร้อนชื้นเพื่อให้สะท้อนถึงภูมิอากาศของประเทศในเขตร้อนชื้น

คุณธิดารัตน์ ฉิมหลวง ประธานฝ่ายดูแลลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าวว่า

“
ปัจจุบันโลกเราอยู่ในยุคปฏิวัติการคมนาคมขนส่ง เทคโนโลยีกำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ และนวัตกรรมกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยพร้อมต่อการใช้รถยนต์ไร้คนขับ จำเป็นต้องมีการพิจารณา และปรับกฎหมายให้รองรับ มีการวางผังเมือง และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมต่อการใช้รถยนต์ไร้คนขับ และสิ่งสำคัญคือต้องมีตลาดรองรับ โดยในอีกหนึ่งมุมมองหนึ่ง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก เราเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการจะขยายศักยภาพจากการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ให้ครอบคลุมสู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาซอฟต์แวร์ในการควบคุมยานยนต์  เพื่อคงไว้ซึ่งการเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก”

ผลสำรวจ AVRI ในปี พ.ศ. 2562 มีประเทศใหม่ติดอันดับ 5 ประเทศ

  1. ประเทศนอร์เวย์ (อันดับ 3): อนุญาตให้มีการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะ โดยผู้ประกอบการได้เริ่มให้บริการรถประจำทางไร้คนขับในวงแคบ  นอกจากนี้ได้มีแผนการทดลองใช้แท็กซี่ไร้คนขับในปี พ.ศ. 2562
  2. ประเทศฟินแลนด์ (อันดับ 6): ฟินแลนด์กำลังมุ่งพัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้สามารถใช้ได้ในสภาพอากาศหนาวเย็น และพัฒนาระบบอัตโนมัติสำหรับรถประจำทาง นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนสีเส้นบนท้องถนนจากสีเหลืองเป็นสีขาวเพื่อให้เหมาะกับการใช้รถยนต์ไร้คนขับมากขึ้น
  3. อิสราเอล (อันดับ 14): จุดแข็งของประเทศอิสราเอลในการใช้รถยนต์ไร้คนขับคือภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศที่เน้นการส่งออก ซึ่งช่วยให้ประเทศอิสราเอลมีคะแนนนำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม นอกจากนี้อิสราเอลยังมีการวางมาตรการพิเศษสำหรับการร่วมมือทางธุรกิจ การลงทุน และการก่อตั้งสำนักงานใหญ่
  4. สาธารณรัฐเช็ก (อันดับ 19): การจัดตั้งสถานที่ทดสอบรถยนต์ไร้คนขับของสาธารณรัฐเช็กมีแนวโน้มจะช่วยเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ของภูมิภาค
  5. ฮังการี (อันดับ 21): การปรับเปลี่ยนกฎหมาย การทดสอบการใช้รถยนต์ไร้คนขับในเชิงพาณิชย์ที่สนามทดสอบแห่งใหม่ และวงการสตาร์ทอัพด้านรถยนต์ไร้คนขับที่ตื่นตัว ช่วยให้ฮังการีติดอันดับประเทศที่มีความพร้อมในการใช้รถยนต์ไร้คนขับ

แบบสำรวจผู้บริโภคพบว่าผู้บริโภคมีความเห็นเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับที่ผสมผสาน

ใหม่ในปีนี้ เคพีเอ็มจีได้เพิ่มการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคเพื่อให้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้บริโภคต่อรถยนต์ไร้คนขับมากยิ่งขึ้น จากผลสำรวจพบว่าประเทศที่พร้อมต่อการใช้รถยนต์ไร้คนขับในระดับรองๆ ลงมากลับให้ความสนใจในการใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด โดยประเทศเหล่านี้ได้แก่ประเทศอินเดีย (อันดับ 24) และเม็กซิโก (อันดับ 23)


 “ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บริโภคจะเป็นแรงผลักดันการใช้รถยนต์ไร้คนขับ” เธรลฟอลล์ กล่าว “ตราบใดที่ผู้บริโภคยังไม่เปิดรับรถยนต์ไร้คนขับเป็นวงกว้าง ก็ยากที่ตลาดรถยนต์ไร้คนขับจะพัฒนาและสร้างประโยชน์ได้ ผู้บริโภคในประเทศที่พัฒนาน้อยกว่ามีความสนใจที่จะเปิดรับรถยนต์ไร้คนขับมากกว่า ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิมแบบก้าวกระโดด ในส่วนของผู้บริโภคในประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาแล้วนั้น มีความสนใจในการใช้รถยนต์ไร้คนขับที่น้อยกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการชะลอในการนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้งาน”


ในรายงานมีคำอธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยที่จะทำให้แต่ละประเทศสามารถเตรียมความพร้อมในการใช้รถยนต์ไร้คนขับได้ โดยมีการประเมินความพร้อมของ 25 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเพิ่มจากปีแรกของการทำวิจัย AVRI ที่จัดทำการประเมิน 20 ประเทศ แต่ละประเทศที่ถูกประเมินนั้นจะต้องผ่านการวัดผลใน 4 ด้านหลักด้วยกัน ประกอบไปด้วย 1) นโยบายและกฎหมาย 2) เทคโนโลยีและนวัตกรรม 3) โครงสร้างพื้นฐาน 4) การยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งใน 4 ด้านหลักนี้ยังประกอบไปด้วย 25 ข้อย่อยที่สะท้อนด้านต่างๆ ตั้งแต่ความพร้อมของกฎหมายในการรองรับรถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงสภาพของถนน

การแสดงการจัดอันดับทั้งหมดของปี 2562 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของประเทศที่มีความพร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับเมื่อเทียบกับปี 2561 และพบว่ามีบางประเทศจาก 5 ประเทศที่เพิ่งเข้ามาประเมินในปี 2562 ได้เข้ามาอยู่ในอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับความพร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ประเทศอันดับในปี พ.ศ. 2562อันดับในปี พ.ศ. 2561ประเทศอันดับในปี พ.ศ. 2562อันดับในปี พ.ศ. 2561
เนเธอร์แลนด์#1#1อิสราเอล#14ใหม่
สิงคโปร์#2#2ออสเตรเลีย#15#14
นอร์เวย์#3ใหม่ออสเตรีย#16#12
สหรัฐอเมริกา#4#3ฝรั่งเศส#17#13
สวีเดน#5#4สเปน#18#15
ฟินแลนด์#6ใหม่สาธารณรัฐเช็ก#19ใหม่
สหราชอาณาจักร#7#5จีน#20#16
เยอรมนี#8#6ฮังการี#21ใหม่
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์#9#8รัสเซีย#22#18
ญี่ปุ่น#10#11เม็กซิโก#23#19
นิวซีแลนด์#11#9อินเดีย#24#20
แคนาดา#12#7บราซิล#25#17
เกาหลีใต้#13#10   

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AVRI และผลประเมินของแต่ละประเทศได้ที่ https://home.kpmg/th/en/home/insights/2019/01/global-automotive-executive-survey-2019.html.

English version: Singapore ranks second in KPMG Autonomous Vehicles Readiness Index for a second time running

เกี่ยวกับ AVRI

รายงาน Autonomous Vehicles Readiness Index (AVRI) ถูกทำขึ้นเพื่อศึกษาความพร้อมและการยอมรับในการใช้รถยนต์ไร้คนขับของแต่ละประเทศ โดยได้มีการสำรวจทั้งหมด 25 ประเทศ ซึ่งคัดเลือกจากขนาดเศรษฐกิจ และความก้าวหน้าในการใช้รถยนต์ไร้คนขับ แต่ละประเทศจะถูกประเมินตาม 25 ด้านย่อยที่แตกต่างกัน ภายใต้ 4 ด้านหลัก คือ 1) นโยบายและกฎหมาย 2) เทคโนโลยีและนวัตกรรม 3) โครงสร้างพื้นฐาน 4) การยอมรับของผู้บริโภค โดยแต่ละด้านมีคะแนนที่เท่ากัน และใช้การประเมินจากทั้งข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ

ระเบียบวิธีการประเมินความคิดเห็นผู้บริโภค

เคพีเอ็มจีร่วมมือกับ ESI ThoughtLab ในการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคใน 25 ประเทศ เกี่ยวกับทัศนคติ และแนวโน้มที่จะใช้รถยนต์ไร้คนขับ หากมีรถยนต์ไร้คนขับผลิตออกสู่ตลาด โดยแบบสำรวจครอบคลุมด้านประชากรศาสตร์ และข้อมูลเกี่ยวกับความเห็นคิดและความต้องการโดยสารรถยนต์ไร้คนขับ นอกจากนี้ แบบสำรวจยังมีคำถามที่ครอบคลุมการโดยสารประเภท rideshare  และการขนส่งควบคู่กับการให้บริการ (mobility-as-a-service – MaaS) อีกด้วย

เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล

เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชี ภาษี และการให้คำปรึกษา เราดำเนินงานใน 153 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 207,000 คน ที่ทำงานร่วมกันในบริษัทสมาชิกทั่วโลก บริษัทที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเคพีเอ็มจีจะถือเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล  (KPMG International) เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทสัญชาติสวิส ทั้งนี้ แต่ละบริษัทที่เป็นสมาชิกเคพีเอ็มจีเป็นนิติบุคคลที่แยกต่างหากจากกัน และมีอิสระตามกฎหมาย

เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย

เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เป็นสมาชิกของ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งให้บริการด้านตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย และให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 1,700 คน

ไทยส่งออกรถยนต์ทะลุ 6.8 แสนล้าน ขึ้นอันดับ 1 โลก

ฐานเศรษฐกิจ

21 ต.ค. 2567 | 06:30 น.

กรมส่งเสริมฯ รายงาน ไทยส่งออกรถยนต์ เดือนม.ค. – ส.ค. 67 เป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 20,809 ล้านดอลลาร์ หรือ 6.8 แสนล้านบาท แนะผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดรถยนต์ SPV ในยุโรปใต้เพิ่มขึ้น

กรมส่งเสริมการค้าระหง่างประเทศ รายงานว่า ช่วงปี มกราคม – สิงหาคม 2567 ไทยส่งออกสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบไปทั่วโลก เป็นอันดับ 1 มีมูลค่าการส่งออก 20,809 ล้านดอลลาร์ หรือ 6.8 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10.55% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทย และมีการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้นใน 4 ประเทศยุโรปใต้ พบว่าเป็นการส่งออกรถปิกอัพ รถบัสและรถบรรทุกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ได้แก่ 

  • อิตาลี ตลาดส่งออกอันดับ 9 มูลค่า 109.41 ล้านดอลลาร์ 
  • กรีซ ตลาดส่งออกอันดับ 34 มูลค่า 23.03 ล้านดอลลาร์
  • ไซปรัส ตลาดส่งออกอันดับ 60 มูลค่า 7.20 ล้านดอลลาร์ 
  • มอลตา ตลาดส่งออกอันดับ 84 มูลค่า 2.69 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ไทยเป็นแหล่งนำเข้าที่สำคัญอันดับ 23 มีมูลค่า 19.5 ล้านดอลลาร์ โดยกรีซนำเข้ารถยนต์ขนส่งสินค้า มูลค่า 219.2 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กรีซนำเข้ารถยนต์ขนส่งสินค้าจากไทยเป็นอันดับ 8 มีมูลค่า 10.9 ล้านดอลลาร์  

ขณะเดียวกัน ข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งชาติ เปิดเผยว่า เดือนกรกฎาคม 2567 การผลิตรถยนต์ในอิตาลี มีจำนวนประมาณ 23,000 คัน ลดลง 54.7% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2566 และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 มีการผลิตรถยนต์ในอิตาลี 225,000 คัน ลดลง 35.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าเดือนกรกฎาคม 2567 ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ ของอิตาลีโดยรวมหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ -24.8% 

ขณะที่ ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ ของอิตาลีโดยรวม หดตัว 17.6% ดัชนีการผลิตยานยนต์ หดตัว 21.8% และดัชนีการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมสำหรับยานยนต์และเครื่องยนต์ หดตัว 18.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

1 ปีที่แล้ว

ยอดขายรถยนต์เวียดนาม ปี 68 คาดแตะ 8 แสนคัน ดันเป็นตลาดเกิดใหม่

1 ปีที่แล้ว

“พิชัย” ถก ทูตสหรัฐ ชวนลงทุนในไทย เร่งต่ออายุสิทธิ GSP

1 ปีที่แล้ว

พาณิชย์ กางเป้าปิดดีลเจรจา FTA ไทย-อียู ปลายปี 2568

สำหรับแนวโน้มการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบจากไทยมายังประเทศยุโรปใต้ ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่น ๆ ที่อยู่ในภาวะหดตัว เช่น สหราชอาณาจักร -49.01% เนเธอร์แลนด์ -4.24% ฝรั่งเศส -46.59% ออสเตรีย -62.48% และสวิตเซอร์แลนด์ -51.02% และหากพิจารณาตัวเลขการนำเข้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบจากไทยของอิตาลีในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 พบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงขึ้นโดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ารถปิกอัพ รถบัสและรถบรรทุก 

ขณะที่ การผลิตของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในอิตาลีหดตัวลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้งานรถปิกอัพ รถบัสและรถบรรทุกเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการบรรทุกขนส่งหรือการเกษตร ดังนั้น ปี 2567 คาดว่า สถานการณ์การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบจากไทยมายังอิตาลี จะยังคงมีแนวโน้มเติบโตเช่นเดียวกับกรีซ ไซปรัส และมอลตา

นอกจากนี้ แนวโน้มความต้องการยานยนต์กิจการพิเศษ ซึ่งออกแบบตามความต้องการพิเศษ เพื่อใช้ในภารกิจพิเศษ เช่น กิจการทหาร การบรรเทาสาธารณภัย เริ่มเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นในตลาดยุโรป เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด เช่น รถยนต์ Cyber truck ของ Tesla 

อย่างไรก็ดี หากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของไทยที่สนใจเจาะตลาดรถยนต์ SPV ในยุโรปใต้เพิ่มมากขึ้น อาทิ ไซปรัส กรีซ มอลตา ควรศึกษาข้อมูลเชิงลึกของประเทศนั้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม วัฒนธรรม รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคในประเทศ และกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าดังกล่าวมายังยุโรปใต้ เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่ยังมีจำนวนคู่แข่งไม่สูงมาก ในขณะที่ ตลาดรถยนต์ในอิตาลียังคงเป็นตลาดที่ค่อนข้างท้าทายแก่ผู้ส่งออกไทย เนื่องจากเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ในอันดับต้น ๆ ของโลก

ทั้งนี้ ไทยถือเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่มีศักยภาพของโลก ดังนั้น ผู้ส่งออกสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยที่มีความสนใจ ในการขยายการส่งออกสินค้าดังกล่าวมายังตลาดในยุโรปใต้ ควรเข้าเยี่ยมชมงานแสดงสินค้ารถยนต์ที่สำคัญ 

Previous Post

N1710331 ณสมบ เป นได แค ยาม part 2

Next Post

N1710335 ญค ณหม part 2

Next Post
N1710335 ญค ณหม part 2

N1710335 ญค ณหม part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0111331 เวลาของเราไม เท าก part 2
  • N0111323 วยต วเOงในมหาล part 2
  • N0111327 แฟนหน าตาแบบน เป นค ณจะอายไหม part 2
  • N0111328 แกล งขอทาน #สน กด part 2
  • N0111325 แอบก uสาม เพ oนว าซ าน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.