ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก ทำยอดส่งออกได้กว่า 688,531 ล้าน
-กกก+
สถาบันยานยนต์ เผยไทยยังเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก ส่งออก 3 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ เอเชีย โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง ปี 66 ทำยอดส่งออกได้กว่า 688,531.24 ล้านบาท พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมสู่นวัตกรรมการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด
ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดยานยนต์ในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18% ของ GDP ของประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก อันดับ 5 ของเอเชีย และอันดับ 1 ของอาเซียน
โดยเฉพาะยานยนต์สันดาปภายใน ที่ไทยเป็นฐานการผลิตมายาวนานและภาครัฐให้ความสำคัญ โดยมุ่งเน้นการผลิตยานยนต์สันดาปภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงและมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ พร้อมตั้งเป้าหมายภายในปี 2030 ไทยจะมีสัดส่วนการผลิตยานยนต์สันดาปภายใน 70% และจะเป็นฐานการผลิตยานยนต์สันดาปภายในแห่งสุดท้ายของโลก
สำหรับการส่งออก ประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกรถยนต์ใน 3 ภูมิภาคหลัก คือ เอเชีย โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง มากกว่าร้อยละ 70 ของปริมาณการส่งออกรวม สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมาก โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ถึง 19,776.19 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 688,531.24 ล้านบาท จากแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการส่งออกรถยนต์ของไทย ทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่มีมากกว่า 2,300 ราย มีการขยายตัวไปด้วยเช่นกัน
…
AdvertisementsX
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากการผลิตยานยนต์แบบดั้งเดิมมาเป็นการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ที่เน้นด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกสูง ภายใต้นโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นและผลักดันให้ยานยนต์ที่ผลิตในประเทศเป็นยานยนต์ที่สะอาด ประหยัด และปลอดภัย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ควบคู่ไปกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
จากมาตรการการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การใช้งานและโครงสร้าง พื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของไทยขยายตัวอย่างวรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีค่ายรถยนต์ทั้งจากประเทศจีนและญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนและมีแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศไทยในปี 2567 กว่า 9 ราย
นำโดย BYD, MG, Changan, NETA, GAC, Nissan ฯลฯ และมีกำลังการผลิตรวมกว่า 596,000 คันต่อปี ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ไทยเริ่มมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตรวม 2,466 คัน นำโดย ค่าย GWM, MG และ Honda (ผลิตรถยนต์ BEV HRV-en1 จำนวน 30 คัน ในเดือน มกราคม 2567 ที่ผ่านมา)
ขณะเดียวกันตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาไทยมีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BEV ทั้งสิ้น 73,568 คัน อัตราการขยายตัว 694% ขณะที่ในช่วงไตรมาสแรกของ ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BEV กว่า 19,131 คัน ซึ่งหากพิจารณาตามข้อมูลสถิติปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าสะสมในประเทศไทยพบว่า จนถึงปัจจุบันมีจำนวนรถไฟฟ้า BEV ที่จดทะเบียนแล้วกว่า 113,435 คัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเราจึงจับมือกับ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ พร้อมจัดงาน Automotive Summit 2024 ในวันที่ 19-20 มิ.ย. 67 โดยจัดร่วมกับงาน Automotive Manufacturing ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรม Manufacturing Expo ที่ไบเทค เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสู่นวัตกรรมการขับเคลื่อนแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืน
นางวราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็ก กล่าวว่า งาน Automotive Manufacturing 2024 ในปีนี้ กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Transition to Future Mobility พุ่งทะยานสู่ยานยนต์แห่งอนาคตที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ได้ก้าวทันกระแสความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
…
ส่วนงาน Automotive Manufacturing จะมีการแสดงเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และวัตถุดิบที่ใช้ทำชิ้นส่วนยานยนต์อย่างอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเรายังคงเป็นไฮไลต์สำคัญของงานที่นอกจากผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาจะได้รับองค์ความรู้ใหม่แล้ว ยังจะได้เข้าชมเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย.
10 อันดับแรก: รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก
นาทีที่ 9
หลายคนเคยสงสัยว่า รถที่เร็วที่สุดในโลกคืออะไร. ที่นี่เราได้จัดทำรายการด้วย 10 อันดับที่เร็วที่สุดในขณะนี้ คุณจึงทราบความเร็วและลักษณะเฉพาะของมันได้ แน่นอนว่านี่คือรถยนต์ที่คนส่วนใหญ่เอื้อมไม่ถึง อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยคุณก็สามารถฝันและมีความสุขกับสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ได้สักครู่ แน่นอนว่าเราได้รวมเฉพาะรถที่ขายจริงในรายการเท่านั้น ไม่มีรถต้นแบบหรือรถที่ไม่ได้ขาย…
รถที่เร็วที่สุดในโลกคืออะไร?
เพื่อค้นหาว่ารถยนต์คันใดที่เร็วที่สุดในโลก เราจะมาดูกัน รายการ 10 อันดับแรก ด้วยความรวดเร็วที่สุดในปัจจุบัน เห็นแล้วคุณจะแปลกใจ…
*หมายเหตุ: ราคาจะแตกต่างกันมากเนื่องจากบางรุ่นผลิตจำนวนมากและบางรุ่นเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัดซึ่งมีเพียงไม่กี่เครื่องเท่านั้นที่ออกจำหน่าย และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงมีราคาแพงกว่า…
10) โคนิกเซ็กก์ เจสโก แอบโซลูท
ความเร็วสูงสุด: 483 กม./ชม. (ตามทฤษฎี)
บริษัทไฮเปอร์คาร์ Koenigsegg ไม่ใช่ครั้งแรกที่รวมหนึ่งในรุ่นที่เร็วที่สุดในโลก รถคันนี้มีเครื่องยนต์ V8 90º เทอร์โบคู่ 5 ลิตร ด้วยน้ำมันเบนซินมาตรฐานจะสามารถเพิ่มกำลังได้ถึง 1298 แรงม้า ในขณะที่หากใช้น้ำมันเบนซินคู่แข่ง E85 (เบนซินผสมเอทานอล) ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 1625 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 1500 นิวตันเมตร
ทั้งหมดนี้ประกอบกับการกำหนดค่าแอโรไดนามิกด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านเพียง 0.278 Cd ทำให้ Koenigsegg Jesko Absolut ทำความเร็วได้สูงสุด 483 กม./ชม. (ตามทฤษฎี) เร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที ฉันใช้ความเร็วตามทฤษฎีเพราะมันมี “กับดัก” เนื่องจากใช้น้ำมันเบนซิน E85 สูงสุดไปแล้ว
ราคา: 2.370.000 €
9) แลมโบกินี อเวนทาดอร์ เอสวีเจ
ความเร็วสูงสุด: >350 กม./ชม
หนึ่งในรถยนต์ที่ผลิตเร็วที่สุดในโลกคือ Lamborghini Aventador SVJ รถสปอร์ตจากประเภทอื่นที่มีจำหน่ายเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น และสร้างความประหลาดใจด้วยการออกแบบที่ดุดัน แต่ยังรวมถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวถังด้วย และนั่นคือข้อกำหนดทางเทคนิคเป็นเรื่องอื้อฉาว
แชสซีที่เบามากพร้อมเครื่องยนต์ 6498 ซีซี และกำลังสูงสุด 770 CV ที่ 8500 รอบต่อนาที ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 350 กม./ชม. และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.8 วินาที
ราคาเริ่มต้น 525.362 €
8) ปากานี ฮูเอรา
ความเร็วสูงสุด: 383 Km / h
Pagani Huayra เป็นรถที่ดูน่าทึ่งพร้อมเครื่องจักรที่น่าทึ่งไม่แพ้กัน มีเครื่องยนต์ Mercedes AMG M12 60º biturbo V158 ขนาด 5980 ซีซี และสร้างกำลังสูงสุดระหว่าง 730-850 CV แรงบิดสูงถึง 1100 นิวตันเมตร สัตว์ร้ายทั้งหมดของถนน
Huayra ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เป็นหลักเพื่อลดน้ำหนักและทำให้มันแข็งขึ้น และมันถูกปกคลุมด้วยแอโรไดนามิกเพื่อช่วยให้มันเหินผ่านอากาศได้ง่ายขึ้น อัตราเร่ง Cx เพียง 0.31 – 0.37 อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 2.8 วินาที
ราคา: € 7.000.000
7) แอสตัน มาร์ติน วาลคิรี
ความเร็วสูงสุด: 402 Km / h
Aston Martin Valkyrie นั้นถูกกฎหมายบนท้องถนน แม้จะดูเหมือนรถที่ผลิตมาเพื่อการแข่งขันก็ตาม รถคันนี้ซึ่ง Adrian Newey เองและ Red Bull Racing มีส่วนร่วมในการออกแบบ เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริงไม่ว่าคุณจะมองอย่างไร มันมีน้ำหนักเพียง 1030 กิโลกรัม ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ปีศาจ
ติดตั้งด้านหลังคนขับเป็นเครื่องยนต์ V12 ไฮบริด 6.5 ลิตร 1130 แรงม้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันคือ Cosworth RA ในชั้นบรรยากาศที่สามารถผลักดันรถคันนี้จาก 0 ถึง 10 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 2.5 วินาที
ราคา: € 2.890.000
6) โคนิกเซ็กก์ เรเกรา
ความเร็วสูงสุด: 410 Km / h
Koenigsegg Regera เป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอีกรุ่นหนึ่งและอยู่ในอันดับที่หกในรายการของเรา แบรนด์ที่มาจากสวีเดนนี้มีเครื่องยนต์ V8 biturbo พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังรวมประมาณ 1500 แรงม้า
แตกต่างจากรถอื่นๆ ในรายการ รถรุ่นนี้น่าประหลาดใจที่สามารถทำความเร็ว 0 ถึง 410 กม./ชม. ด้วยเกียร์เดียว ใช่ เกียร์เดียว อย่างที่คุณอ่าน นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.8 วินาที
ราคา: จาก 900.000 ยูโร
5) แมคลาเรน สปีดเทล
ความเร็วสูงสุด: 410 Km / h
McLaren Speedtail เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน รถคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ที่ 90º biturbo M840T พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า การไฮบริดนี้สามารถบรรลุถึง 1036 CV ของกำลังรวมกันเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 746 และไฟฟ้า 308 แรงบิดรวมสูงสุดคือ 1150 นิวตันเมตร
นอกจากนี้ รถยนต์ที่น่าทึ่งคันนี้ยังสามารถทำความเร็วได้ถึง 410 กม./ชม. และคุณจะประหลาดใจเมื่อรู้ว่ามันสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 299 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 13 วินาที ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในตัวเครื่องที่มีการออกแบบล้ำยุคในสไตล์ไซเบอร์พังค์ที่บริสุทธิ์ที่สุด
ราคา: ประมาณ 3.500.000 ยูโร
4) ตู้เย็นไรแมค
ความเร็วสูงสุด: 412 Km / h
ด้วยแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถเหล่านี้เร่งความเร็วได้ในทันที และนั่นคือสิ่งที่รถที่เร็วที่สุดในโลกคันต่อไปคือ Rimac Nevera ไฮเปอร์คาร์คันนี้มีมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ให้กำลังรวมไม่น้อยกว่า 1914 แรงม้า และแรงบิด 2360 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมีระยะทางมากกว่า 500 กม. ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 120 กิโลวัตต์ชั่วโมง
สิ่งนี้ทำให้ตัวเลขอื้อฉาว เช่น อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 1.85 วินาที ความเร็วสูงสุดในกรณีนี้คือ 412 กม./ชม. ไม่น่าแปลกใจที่สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับตำแหน่งก่อนขึ้นโพเดี้ยม
ราคา: € 2.000.000
3) SSC ทัวทารา
ความเร็วสูงสุด: 474.8 Km / h
American SSC Tuatara อยู่ในอันดับที่สามในรายการรถที่เร็วที่สุดในโลกนี้ รถคันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 8 ลิตร ทวินเทอร์โบ 90º V5.9 จาก Nelson Racing Engines โดยสามารถพัฒนากำลังได้ 1369 CV ด้วยน้ำมันเบนซินทั่วไป และสูงถึง 1774 CV ด้วยเชื้อเพลิงคู่แข่ง E85 (เบนซิน + เอทานอล) แรงบิดอยู่ที่ 1735 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 474.8 กม./ชม. เป็นเรื่องน่าอายสำหรับรถยนต์ที่กฎหมายให้ขับบนถนนและทางหลวง…
ราคา: € 1.400.000
2) เฮนเนสซี่ เวนอม F5
ความเร็วสูงสุด: 500 กม./ชม. (ตามทฤษฎี)
Hennessey Venom F5 เป็นอีกหนึ่งสัตว์ร้ายในรายชื่อรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกที่ผลิตเพื่อการขับขี่บนท้องถนน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 90º Fury เทอร์โบคู่ 6,6 ลิตร ให้กำลัง 1.817 แรงม้า แรงบิด 1.617 นิวตันเมตร เร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 2,6 วินาที
ความเร็วสูงสุดที่ Hennessey เคยทำได้คือ 500 กม./ชม. ซึ่งเป็นอุปสรรคด้านความเร็วที่น่าประทับใจเช่นเดียวกับการออกแบบ
ราคา: € 2.970.000
1) บูกัตติ ชีรอน ซูเปอร์สปอร์ต 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.48 Km / h
Bugatti Chiron Supersport 300+ เป็นคนรู้จักเก่า บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสแห่งนี้ผลิตเครื่องยนต์ของโฟล์คสวาเก้นเอง ทำความเร็วได้สูงสุด 490,48 กม./ชม. และเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.4 วินาที megamachine อย่างไม่ต้องสงสัยที่ควรอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเรา
สำหรับเครื่องยนต์ มันน่าประหลาดใจไม่มากก็น้อยตามความเร็ว เนื่องจากพวกเขาได้รวมเครื่องยนต์ V8 Volkswagen สองเครื่องเข้าด้วยกันเพื่อสร้าง W16 ที่ 90º พร้อมเทอร์โบสี่เท่าและปริมาตรกระบอกสูบ 8 ลิตร กำลังสูงสุดถึง 1600 CV และแรงบิด 1600 นิวตันเมตร
ราคา: € 3.500.000
