ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
LEXUS แบรนด์ที่ลูกค้าเก่าหวนกลับมาซื้อรถใหม่แบบไม่เปลี่ยนใจ
-กกก+
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดสามรายของญี่ปุ่น ได้แก่ Toyota Honda และ Nissan ตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ในตลาดระดับไฮเอนด์ Honda แจ้งเกิดในอเมริกากับแบรนด์หรูอัพเกรด Acuraา ส่วน Nissan สร้างแบรนด์ infiniti เพื่อผสมผสานความหรูหราลงในรถยนต์โมเดลใหม่ ซึ่งขายเฉพาะในอเมริกาและบางแห่งในยุโรป สำหรับ Toyota มองไกลกว่าตลาดรถหรูในสหรัฐ ฯ ด้วยการให้กำเนิดแบรนด์ Lexus ที่พร้อมส่งความหรูให้กับเศรษฐีทั่วโลก ทั้งสามแบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน Acura กับ infiniti ถือเป็นแบรนด์หลักในสหรัฐอเมริกา ส่วน Lexus เติบโตทั่วโลกด้วยสาขาที่ตั้งอยู่ใน 90 ประเทศ Lexus กลายเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมียมรายใหญ่ที่สุดในตลาดบ้านเกิดของตนอย่างญี่ปุ่น รวมถึงในตลาดโลก แม้จะมียอดขายตามหลัง BMW และ Mercedes-Benz สำหรับ Honda ไม่เคยเปิดตัวแบรนด์ Acura นอกแผ่นดินอเมริกา แต่ทั้ง Nissan และ Toyota ตัดสินใจว่าแบรนด์ระดับพรีเมียมจากญี่ปุ่นมีทางเลือกในการทำตลาดนอกอเมริกา infiniti ประสบความล้มเหลวและอยู่ได้เพียง 12 ปี ในอังกฤษ แต่ Lexus พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง หลังจากเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปครั้งแรกเมื่อปี 1990 ปัจจุบัน ตัวแทนจำหน่าย Lexus กลายเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในตลาดรถหรูของยุโรป

…
Lexus เน้นหนักในด้านคุณภาพและความทนทาน ซึ่งต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก สโลแกนของแบรนด์ที่ว่า “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่ลดละ” ถูกถ่ายทอดผ่านรถยนต์หลากหลายรุ่น ต่อมา Lexus เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริด ในช่วงเวลาดังกล่าว รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆของโลกยังวิ่งได้แค่ 150-200 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นที่รู้กันดีว่า Toyota คือผู้บุกเบิกรถยนต์ไฮบริด ส่วน Lexus ก็ทำเช่นเดียวกันสำหรับลูกค้าผู้ที่มีเงินเหลือใช้ ด้วยยานพาหนะพลังงานผสมเครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งพยายามเข้ามาแทนเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียวๆ

จุดเริ่มต้นของ Lexus เกิดขึ้นในปี 1983 เมื่อผู้บริหารระดับสูงของ Toyota ริเริ่มโครงการ “Flagship 1” เพื่อ “สร้างรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก” ซึ่งก็คือ Lexus LS 400 รถหรูรุ่นแรกนั่นเอง ทีมงาน Toyota ตั้งเป้าหมายสุดท้าทาย สำหรับรถยนต์คันใหม่ รวมถึงโครงการ “ต่อต้านความเสื่อมสภาพ” ด้วยรถยนต์ Lexus ที่มีเลขไมล์ 800,000 กิโลเมตร แต่ยังให้ความรู้สึกของการขับขี่เหมือนรถใหม่เอี่ยม



ในช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่น ออกมาตรการจำกัดการส่งออกรถยนต์ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ สามารถขายรถยนต์รุ่นที่มีราคาแพงกว่าไปยังต่างประเทศได้กำไรมากขึ้น ส่งผลให้หลังจากการวิจัยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือ โตโยต้า เปิดตัว Lexus LS400 ในปี 1989 ภายในสิ้นปีนั้น LS 400 ถูกขายไปแล้วกว่า 16,000 คัน ซึ่งส่วนใหญ่ขายให้กับลูกค้าชาวอเมริกัน
…


Lexus ข้ามมาเปิดตัวในยุโรป (สหราชอาณาจักร) ในปี 1990 โดยมีรถเพียงสองรุ่นที่เข้ามาทำตลาด ( LS และ GS ซีดาน) ซึ่งเปิดตัวในปี 1993 ในเวลานั้น Lexus ได้เพิ่มรุ่นรถอีกหลายรุ่นในสหรัฐอเมริกา และมียอดขายแซงหน้า BMW กับ Mercedes-Benz ครองอันดับหนึ่งในการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้ามาอย่างยาวนาน

…



…
นอกจากการแนะนำนวัตกรรมใหม่ ในปี 1998 LS 400 เจเนอเรชั่นที่สอง เป็นรถยนต์ในยุโรปรุ่นแรกที่ติดตั้งระบบนำทางผ่านดาวเทียมมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หลังจากนั้น LS 430 ปี 2000 เปิดตัวระบบช่วงล่างถุงลม Alr Suspension ซึ่งช่วยเพิ่มความนุ่นนวลและการยึดเกาะถนน ไม่ว่าจะบรรทุกของหนักหรือพื้นผิวถนนจะเป็นอย่างไร Lexus ยังได้เปิดตัวระบบความปลอดภัยแบบใหม่ตามออกมา เช่น แกนพวงมาลัยแบบพับได้ และถุงลมนิรภัยแบบสี่ตำแหน่ง Lexus เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในช่วงเวลานั้น จนสตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับภาพยนตร์แนวไซไฟระทึกขวัญเรื่อง Minority Report มอบหมายให้ Lexus สร้างรถยนต์ต้นแบบที่ทอม ครูซ ดาราดังขับในหนังเรื่องนี้


แม้จะประสบความสำเร็จทั่วโลก แต่ Lexus ก็ไม่ได้เปิดตัวในตลาดบ้านเกิดอย่างญี่ปุ่นจนกระทั่งปี 2005 หนึ่งปีต่อมา GS 450h ถือเป็นการเปิดตัวระบบส่งกำลังไฮบริด นำเสนอในรูปแบบการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Lexus ได้รับการประชาสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมากในปีต่อๆ มา ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีไฮบริด


Lexus ก้าวสู่ยุคใหม่ในโลกแห่งซูปเปอร์คาร์ ในปี 2011 การเปิดตัว LFA ซูเปอร์คาร์คาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งผลิตในจำนวนน้อยนิดเพียง 500 คัน และขายหมดอย่างรวดเร็ว ปี 2019 Lexus มีตัวแทนจำหน่ายใน 90 ประเทศ และจำหน่ายรถยนต์คันที่ 10 ล้านในปีนั้น โดย 1.6 ล้านคัน เป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบไฮบริด ปี 2020 Lexus ก้าวไปอีกขั้นด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น UX 300e




Lexus ที่เน้นหนักในรถรถซาลูนหรูเพื่อแข่งกับ BMW ซีรีส์ 5 และ Mercedes S-Class เริ่มหันเหมาผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ ทั้งครอสโอเวอร์และเอสยูวี โดยมีรถให้เลือกถึง 9 รุ่นหลัก และใช้ตัวอักษร “X” เป็นตัวย่อ ด้วย UX, NX และ RX นี่คือ SUV หัวหมู่ทะลวงฟันที่มีให้เลือกทั้งแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด UX ซึ่งเปิดตัวในปี 2019 เป็นรถครอสขนาดกะทัดรัดรุ่นแรก ในปี 2020 ก็มีรุ่นไฟฟ้าตามมา ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของแบรนด์ ส่วน NX ครอสโอเวอร์ขนาดกลาง ตั้งเป้าไปที่ BMW X3 และ Audi Q5 ยังเป็น Lexus รุ่นแรกที่เปิดตัวระบบปลั๊กอินไฮบริด เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับการตอบรับอย่างมากในตลาดโลก สื่อมวลชนอเมริกา ขนานนามว่า NX เป็น “รถยนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่ Lexus เคยเปิดตัวมาในรอบหลายปี”


Lexus RX ถูกกำหนดให้เป็นทางเลือกใหม่ในกลุ่ม BMW X5 Mercedes-Benz GLE Audi Q8 Land Rover Discovery Sport ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ Lexus ที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด รุ่นปัจจุบัน เปิดตัวในโชว์รูมเมื่อปลายปี 2022 นับเป็นรุ่นที่ 5 และได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างมากจากไดนามิกและความคงทน ส่วน RZ ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2023 นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สองของ Lexus เป็นทางเลือกพลังงานไฟฟ้า โดยมีพี่น้องร่วมสายเลือดอย่าง Toyota bZ4X และ Subaru Solterra แต่ RZ มีราคาแพงกว่ามาก


หลังจากนั้น Lexus สร้าง LBX ครอสโอเวอร์คันจิ๋วรุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 LBX คือรุ่นหรูหราสุดเกรดของ Toyota Yaris Cross เป็น Lexus ขนาดเล็กที่สุดที่มีขายในปัจจุบัน และมีจำหน่ายเฉพาะรุ่นไฮบริดเท่านั้น







Lexus ทิ้งโมเดล GS ขับเคลื่อนล้อหลังไปอย่างน่าเสียดายเนื่องจากยอดขายในอเมริกายังไม่เข้าเป้าหมายเท่าที่ควร แต่ยังไปต่อกับโมเดล ES รถซาลูนหรูขนาดใหญ่ขับเคลื่อนล้อหน้า ES ขายในสหรัฐอเมริกามานานหลายปี เปิดตัวครั้งแรกในอังกฤษเมื่อปี 2019 มีจำหน่ายเฉพาะรุ่นไฮบริดเท่านั้น ในแง่ของความประณีต สื่อหลายสำนักของต่างประเทศลงความเห็นว่า ES เทียบได้กับรถ BMW Series-5 และ Mercedes-Benz E-Class รวมถึงแบรนด์ระดับพรีเมียมจากเยอรมันอย่าง Audi A6







รถยนต์ที่มีความหรูหราในระดับสุดขั้ว ต้องยกให้ Lexus LS เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร ไฮบริด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ LS เป็นรุ่นที่ได้รับการยกย่องในญี่ปุ่นว่าเนียนพอๆกับ Series-7 และ S-Class แต่มีราคาที่แพงกว่ามาก ในบรรดารถรุ่นต่างๆ ของแบรนด์ Lexus โมเดล LS อยู่มานานสุด ภายในสวยงามสุด และราคาในไทยก็ถือเป็นที่สุดของซาลูนสี่ประตูอีกตะหาก ส่วน Lexus รุ่นที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันก็คือ LC ทั้งแบบคูเป้และเปิดประทุน ระบบส่งกำลังไฮบริด 359 แรงม้า หรือไปที่ F Sport กับเครื่องยนต์เบนซิน V8 5.0 ลิตร กำลัง 500 แรงม้า แน่นอนว่า LC F เครื่องยนต์ V8 ขายดีกว่า LC รุ่นไฮบริด!


ปี 2023 Lexus พร้อมที่จะแหกกฎเกณฑ์ของตลาดรถหรู ด้วยการเปิดตัวรถ MPV โมเดล LM เจเนอเรชั่นที่สอง ซึ่งก่อนหน้านี้จำหน่ายเฉพาะในประเทศจีน พร้อมระบบส่งกำลังไฮบริดและส่งขายทั่วโลก ความหวังคือการดึงดูดตลาดรถหรู VIP ซึ่งกำลังดิ้นรนหารถที่เหมาะสมมาแทนที่รุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว LM ในรูปแบบมาตรฐานมีที่นั่ง 7 ที่นั่ง แต่รุ่น 4 ที่นั่ง ขายดีกว่ามาก
Lexus เหลือรถซีดาน ES อยู่เพียงแค่รุ่นเดียวที่ได้ไปต่อ การปิดฉากของ GS และล่าสุด IS กับ LS กำลังจะโบกมือลาจาก เพื่อหลีกทางให้กับรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ ซึ่งขายดีกว่า นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะทั้งสามรุ่น เป็นซีดานที่สร้างตำนานการขับเคลื่อนเอาไว้ไม่น้อย โดยเฉพาะ LS ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์


ปี 2026 Lexus มีแผนเปิดตัวรถยนต์ซูปเปอร์คาร์ Electrified Sport ต่อยอดจิตวิญญาณอมตะของ LFA แต่ยังไม่ได้เปิดเผยศักยภาพที่แท้จริงของระบบส่งกำลัง คาดว่ารถรุ่นนี้ ทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.5 วินาที

ระบบส่งกำลังไฮบริดช่วยยกระดับชื่อเสียงของ Lexus ในตลาดพรีเมียม แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จคือคุณภาพ ตั้งแต่เริ่มส่งรถยนต์รุ่นแรกออกวางตลาด ทีมงานที่รับผิดชอบในการสร้างรถยนต์ Lexus คันแรก มุ่งไปที่ความใส่ใจในรายละเอียดทุกจุด และสร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของการใช้งาน
Lexus สามารถสร้างสถานะที่มั่นคงในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้ด้วยความมุ่งมั่นของพนักงานและผู้บริหารของ Toyota การปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลังที่มีความหลากหลาย เน้นคงทน ไม่จุกจิก ถ้าดูแลดีพอก็จะใช้งานยาวนานเกิน 500,000 กิโลเมตร ความสะดวกสบาย หรูหราและทนทาน ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ และความสำเร็จนั้น มาจากคุณภาพของรถล้วนๆ โดยไม่เกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ใดๆทั้งสิ้น.

