ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ข้อมูลล่าสุด พฤษภาคม 2566

อันดับ	ประเทศ	ขนาด (ตารางกิโลเมตร)
1	รัสเซีย	17,098,242
2	แคนาดา	9,984,670
3	สหรัฐอเมริกา	9,826,675
4	จีน	9,596,960
5	บราซิล	8,514,877
6	ออสเตรเลีย	7,741,220
7	อินเดีย	3,287,263
8	อาร์เจนตินา	2,780,400
9	คาซัคสถาน	2,724,900
10	แอลจีเรีย	2,381,741
51	ประเทศไทย	513,115

ข้ามไปดู อันดับ ที่ 11 ถึง 50

ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก 10 อันดับแรกของโลก

1. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 1 รัสเซีย

รัสเซียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ถึง 17.1 ล้านตารางกิโลเมตร รัสเซียมีพรมแดนติดกับประเทศอื่น 14 ประเทศ รัสเซียไม่มีเขตอากาศแบบร้อนชื้น แม้ว่าอากาศแบบฤดูร้อนและชื้นจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในทางตอนใต้ของรัสเซียก็ตาม ผืนป่าโดยทั่วไปทางตอนเหนือเป็น ป่าไทกา (หรือ ป่าเขตหนาว หรือป่าหิมะ เป็นชีวนิเวศซึ่งมีลักษณะเป็นป่าสนเขาที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยต้นไพน์ สพรูสและลาตช์) เป็นชีวนิเวศน์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลกแผ่ขยายไปทั่วตั้งแต่แคนาดาตะวันออก มาจนถึงรัสเซียตอนเหนือด้วย ในส่วนของทรัพยากรธรรมชาติ แม้ว่ารัสเซียจะมีน้ำมันสำรองจำนวนมากอยู่ใต้ป่าน้ำแข็งและทุ่งทุนดราของรัสเซีย แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายและความยากในการสกัดน้ำมันจากพื้นที่ดังกล่าว ทำให้รัสเซียยังคงไม่ได้รับผลตอบแทนจากทรัพยากรในส่วนนี้มากเท่าที่ควร

2. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 2 แคนาดา

แคนาดามีพื้นที่ 9.984 ล้านตารางกิโลเมตร ทำให้เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก และแนวชายฝั่งยาวถึง 202,080 กิโลเมตร ซึ่งเป็นชายฝั่งที่ยาวกว่าประเทศอื่น ๆ อนึ่งด้วยจำนวนประชากรกว่า 35 ล้านคนในแคนาดา เมื่อเทียบกับพื้นที่แล้วเทียบได้เท่ากับความหนาแน่นของประชากร 4 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร ซึ่งหมายความว่า ประชากรจะมีพื้นที่ 61 เอเคอร์

ตำแหน่งที่ตั้งของประเทศแคนาดา ที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปอาร์กติกและสหรัฐอเมริกา ทำให้มีสภาพอากาศแบบทุนดรา ที่มีความหนาวเย็นจัด อีกทั้งยังตั้งอยู่ในโซนของ Arctic Circle การแบ่งโซนประเทศค่อนข้างคล้ายกับสหรัฐอเมริกา ครึ่งนึงของประเทศในส่วนของภาคตะวันตกที่ขั้นด้วยเทือกเขาร็อคกี้ตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ เป็นท้องทุ่งที่สามารถทำการเพาะปลูก ข้าวและคาโนลาขนาดใหญ่ อีกครึ่งหนึ่งแคนาดาฝั่งตะวันออกเป็นศูนย์กลางดั้งเดิมของประเทศโดยมี โตรอนโตมอนทรีออล และเมืองหลวง ออตตาวา (Ottawa) ตั้งอยู่

3. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกามีขนาดใหญ่กว่าจีน แต่เล็กกว่าแคนาดาเล็กน้อย โดยมีพื้นที่รวม 9.63 ล้านตารางกิโลเมตร พรมแดนทางตอนใต้ติดกับประเทศเม็กซิโก ส่วนทางเหนือติดกับแคนาดา สหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยภูมิประเทศและสัตว์ป่าที่หลากหลาย

สหรัฐอเมริกา ได้แบ่งประเทศออกเป็นสามส่วนอย่างค่อนข้างเด่นชัด ได้แก่

1 ทางตะวันตกของเทือกเขาร็อคกี้ รู้จักกันในชื่อของ รัฐแปซิฟิก (Pacific states) ซึ่งมีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี และมีชายหาดที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย
2 ตอนกลางของประเทศ ที่ตั้งอยู่ระหว่าง เทือกเขาร็อกกี้และแม่น้ำมิสซิสซิปปี มีสภาพเป็นที่ราบอันยิ่งใหญ่ทอดยาวจากแคนาดาไปยังเม็กซิโกทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตมากที่สุดในโลก
3. บริเวณทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของอเมริกา มีเมืองสำคัญกระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเลตะวันออก

4. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 4 จีน

ประเทศจีน มีเนื้อที่ประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ประเทศจีนมีพรมแดนติดกับประเทศอื่นรวม 14 ประเทศ อาทิ เช่น ติดกับอัฟกานิสถานทางทิศตะวันตก ติดกับรัสเซียทางทิศเหนือ ติดกับเวียดนามทางทิศใต้ ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย

ความแตกต่างสภาพภูมิอากาศและประชากรในแต่ละพื้นที่ในประเทศแตกต่างกันอย่างมาก ในภาคเหนืออุณหภูมิจะลดลงถึงระดับ subarctic (subarctic คือสภาพภูมิอากาศที่มีลักษณะยาวนาน มีทั้งช่วงหนาวมาก หนาวช่วงสั้น ๆ และเย็นสบาย) และมีทะเลทรายโกบี ซึ่งเป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และทางตอนใต้ ลักษณะอากาศเป็นแบบเขตร้อนชื้น และด้วยประชากรกว่า 1.35 พันล้านคน ประเทศจีนจึงเป็นประเทศที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับถึง 56 กลุ่ม และเป็นประเทศที่มีประชาชนชาวมุสลิมมากเป็นอันดับที่ 18 และเป็นชาวคริสเตียนอันดับที่ 19 ของโลก จำนวนแพทย์เฉลี่ย 1.9 คนต่อประชากร 1,000 คน ประเทศจีนจึงมีประชากรที่เป็นแพทย์มากกว่าประชากรของประเทศกาตาร์ทั้งประเทศ

5. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 5 บราซิล

บราซิล เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ที่มีพื้นที่กว่า 8.51 ล้านตารางกิโลเมตร บราซิลเป็นที่ตั้งของ ป่าดิบชื้น (อเมซอน) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อเมซอนนั้นหนาแน่นและกว้างใหญ่ไพศาลจนนักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบอารยธรรมของมนุษย์ที่ไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอก

บราซิลมีชายฝั่งทางด้านตะวันออกติดมหาสมุทรแอตแลนติกที่ยาวเหยียด ซึ่งชายฝั่งมีความยาวประมาณ 8,000 กิโลเมตร เมืองสำคัญส่วนใหญ่อยู่ใกล้กับชายฝั่ง ซึ่งรวมถึง ริโอเดอจาเนโร และ เซาเปาโล ด้วย

6. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 6 ออสเตรเลีย

ออสเตรเลีย มีพื้นที่ประมาณ 7.69 ล้านตารางกิโลเมตร โดย ออสเตรเลีย ถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปโอเชียเนีย ในทางเทคนิคมันมีขนาดใหญ่มากจนไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเกาะได้ และถูกจัดเป็นทวีป

ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองชายฝั่ง เช่น ซิดนีย์ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก หรือ เพิร์ท ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก และด้วยเหตุผลที่ดี Outback เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่วิเศษสุดและร้อนแรงที่สุดในโลก นอกเหนือจากสภาพอากาศที่รุนแรงและ ภูมิประเทศที่ท้าทายแล้ว ออสเตรเลียเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นประเทศที่มีธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีสัตว์ป่าที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วย

7. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 7 อินเดีย

เส้นแบ่งเขตของประเทศอินเดียถูกเปลี่ยนมาหลายครั้งในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ถึงกระนั้น ประเทศอินเดียก็ยังคงรักษาสิทธิการครอบครองดินแดนทางตอนเหนือ ที่ชื่อว่า แคชเมียร์ ไว้ได้ (เป็นดินแดนที่มีข้อพิพาทกับประเทศปากีสถาน)

และถึงแม้ว่าจะขาดดินแดน แคชเมียร์ ที่มีข้อพิพาทอยู่นั้น ประเทศอินเดียก็ยังมีอาณาเขตพื้นที่อยู่ถึง 3.29 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับที่ 7 โดยมีชายแดนติดต่อกับประเทศจีน ปากีสถาน บังคลาเทศ และเนปาล

ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศอินเดีย มีขอบเขตตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยอันงดงาม ไปจนถึงชายฝั่งเขตร้อนของคาบสมุทรทางตอนใต้ ในทางธรณีวิทยา อินเดียถูกค้นพบว่าตั้งอยู่ในอนุทวีปของตนเอง และจากการศึกษาทางธรณีวิทยาแสดงให้เห็นว่าแผ่นดินประเทศนี้ทั้งหมด รวมถึงแผ่นดินของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ครั้งหนึ่งเคยอยู่แยกกับทวีปเอเชียในปัจจุบัน (อ่านเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/Indian_Plate)

8. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 8 อาร์เจนตินา

อาร์เจนตินา มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับที่ 32 ของโลก และอยู่ในอันดับ 8 ของประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พ่วงด้วยตำแหน่ง ประเทศที่มีการพูดภาษาสเปนมากที่สุดในโลกเมื่อวัดจากขนาดพื้นที่ อีกด้วย ด้วยพื้นที่ขนาด 2.78 ล้านตารางกิโลเมตร ที่มีความหลากหลายทั้งทางภูมิศาสตร์ และภูมิอากาศ อีกแห่งหนึ่งของโลก

สภาพแวดล้อมแบบหนองน้ำ แวดล้อมด้วยสภาพอากาศแบบร้อนชื้นในตอนเหนือของประเทศ ทำให้สภาพอากาศหนาวเย็นจัดถึงเยือกแข็ง ประเทศอาร์เจนตินา มี ปาตาโกเนีย หรือ พาทาโกเนีย (Patagonia) ที่ตั้งอยู่ปลายใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีภูมิประเทศที่น่าประทับใจ และมีความอันตรายจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน สถานที่นี้ ทางตะวันตก ติดกับ เทือกเขาแอนดิสตอนใต้ ไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออก อีกสถานที่หนึ่งที่นักผจญภัยมักไม่พลาดเมื่อมาเยือนอาร์เจนตินา คือที่ แหลมฮอร์น ซึ่งอยู่ในประเทศชิลี ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความมหัศจรรยืทางธรรมชาติ และเป็นสถานที่ที่มีสภาพอากาศเลวร้ายที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกด้วย

9. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 9 คาซัคสถาน

คาซัคสถาน มีพื้นที่ 2.72 ล้านตารางกิโลเมตร ที่กว้างขวางที่มีทั้งพื้นที่ราบเรียบและที่ราบสูงชัน อากาศเย็นและแห้ง แต่ไม่เหมือนกับอากาศแบบทะเลทรายซะทีเดียว ซึ่งสภาพอากาศเป็นเช่นนี้เกือบตลอดทั้งปี ซึ่งถือว่าอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของประเทศอยู่ในช่วงที่ดีเยี่ยมในการอยู่อาศัยเกือบตลอดทั้งปี โดยอากาศที่เย็นนั้น ไม่ถึงขั้นหนาวมากแบบประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือ คือ รัสเซีย ที่มีชายแดนติดกัน (โดยรัสเซียนั้นเป็น ประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในศตวรรษที่ 20 นี้) และในอดีต คาซัคสถาน ก็เป็นส่วนหนึ่งของ สหภาพโซเวียต (USSR) หรือรัสเซียด้วยเช่นกัน

ในปัจจุบัน คาซัคสถาน ถือเป็นประเทศที่ถูกล้อมรอบไปด้วยแผ่นดิน (ไม่มีทางออกสู่ทะเล) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

10. ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 10 แอลจีเรีย

แอลจีเรีย มีพื้นที่ขนาด 2.38 ล้านตารางกิโลเมตร ประเทศแอลจีเรียจึงเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 10 ของโลก และถือเป็นประเทศแอฟริกันเพียงประเทศเดียวที่อยู่ใน 10 อันดับนี้

ประเทศแอลจีเรีย ตั้งอยู่ที่แอฟริกาเหนือ หรือ แอฟริกาตอนเหนือ (ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา) มีแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ยาวถึง 998 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายกว่า 90% และเป็นพื้นที่ยกสูง มีเทือกเขา เทล อัตลาส เป็นเส้นเขตแดนของประเทศทางตอนเหนือ พื้นที่ในตอนกลางของประเทศส่วนใหญ่ อยู่ในระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเล 100 เมตรขึ้นไป โดยเป็นทะเลทรายสะฮารา ยาวตลอดไปจนสุดเขตแดนของประเทศทางตอนใต้ซึ่งเชื่อมกับ สาธารณรัฐไนเจอร์ และ สาธารณรัฐมาลี

ประเทศไทย เป็น ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับที่เท่าไหร่

ประเทศไทย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 51 ของโลก มีพื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร และขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซียและพม่า

เพจแนะนำ ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก

ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 11 – 50

อันดับ	ประเทศ	ขนาด (ตารางกิโลเมตร)
11	สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก	2,344,858
12	กรีนแลนด์ (เดนมาร์ก)	2,166,086
13	ซาอุดิอาระเบีย	2,149,690
14	เม็กซิโก	1,964,375
15	อินโดนีเซีย	1,904,569
16	ซูดาน	1,861,484
17	ลิเบีย	1,759,540
18	อิหร่าน	1,648,195
19	มองโกเลีย	1,564,116
20	เปรู	1,285,216
21	ชาด	1,284,000
22	ไนเจอร์	1,267,000
23	แองโกลา	1,246,700
24	มาลี	1,240,192
25	แอฟริกาใต้	1,219,090
26	โคลัมเบีย	1,138,910
27	เอธิโอเปีย	1,104,300
28	โบลิเวีย	1,098,581
29	มอริเตเนีย	1,030,700
30	อียิปต์	1,001,450
31	แทนซาเนีย	947,300
32	ไนจีเรีย	923,768
33	วเนซุเอลา	912,050
34	นามิเบีย	824,292
35	โมซัมบิก	799,380
36	ปากีสถาน	796,095
37	ตุรกี	783,562
38	ชิลี	756,102
39	แซมเบีย	752,618
40	พม่า	676,578
41	อัฟกานิสถาน	652,230
42	ซูดานใต้	644,329
43	ฝรั่งเศส	643,801
44	โซมาเลีย	637,657
45	สาธารณรัฐแอฟริกากลาง	622,984
46	ยูเครน	603,550
47	มาดากัสการ์	587,041
48	บอตสวานา	581,730
49	เคนยา	580,367
50	เยเมน	527,968

ข้อมูลเชิงวิชาการ จาก worldatlas

From Cape Horn all the way to the Arctic Circle, the world’s largest countries provide a beautiful snapshot of the variety of geography, climate and wildlife on the planet. Collectively, the world’s largest countries contain rainforest and tundra, mountains and valleys, coastline and desert.

ไม่ว่าจะเป็นจากแหลมฮอร์นที่อยู่จุดใต้สุด ไปจนถึงวงกลมอาร์กติกที่อยู่จุดเหนือสุดของโลกก็ตาม ประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีทิวทัศน์ที่สวยงามด้วยความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ และสัตว์ป่า ในภาพรวมแล้ว ประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้นประกอบไปด้วย ป่าที่มีฝนตกชุก หรือ ทุ่งทุนดราที่เป็นที่ราบที่ไม่มีต้นไม้ในเขตหนาว เขตที่เป็นภูเขาและหุบเขา แนวชายฝั่งทะเล รวมทั้งมีเขตทะเลทรายอีกด้วย

As this we explore the largest nations, we visit five different continents, some of the world’s most spectacular geography, and every type of climate imaginable.

Excitingly, it’s always changing, too: history has taught that geopolitical boundaries shift dramatically as centuries pass. In the next decades, who’s to say which countries will become the world’s largest?

ตามที่ทางเราได้สำรวจประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งไปทั้ง 5 ทวีปที่แตกต่างกัน โดยบางส่วนของโลกนั้นมีสภาพภูมิศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีสภาพอากาศในทุก ๆ แบบที่สามารถนึกภาพออกได้

และสิ่งนี้ยังคงมีความน่าตื่นเต้นและน่าติดตามอยู่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ได้สอนให้เรารู้ว่า เขตการปกครองในเชิงภูมิศาสตร์ของรัฐใด ๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงเปลี่ยนผ่านของศตวรรษ (100 ปี) ดังนั้นแล้ว ในช่วงหลายทศวรรษ (ช่วงหลาย 10 ปี) ข้างหน้า คงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า ประเทศใดจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

When 11.5 percent of all the land in the entire world is claimed by just one country, it’s not surprising to learn that the tenth largest country (Algeria) could fit into the largest (Russia) seven times over. When all 10 of the world’s largest countries are taken together, they total 49% of the earth’s entire 149 million square kilometres of land.

เมื่อ 11.5% จากแผ่นดินทั้งหมดในผืนโลกใบนี้ ถูกอ้างสิทธิ์โดยประเทศเดียว จึงไม่น่าประหลาดใจที่ ประเทศที่มีขนาดใหญ่ในอันดับที่ 10 ของโลก (แอลจีเรีย) สามารถนำไปวางต่อกันในพื้นที่ของประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (รัสเซีย) ได้ถึง 7 ครั้ง และเมื่อคำนวณพื้นที่ของประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก 10 อันดับแรก รวมกันแล้ว จะมีขนาดรวมคิดเป็น 49% ของพื้นแผ่นดินทั้งหมดของโลก (ประมาณ 149 ล้านตารางกิโลเมตร)

ชิปปิ้ง 10 ท่าเรือขนส่งสินค้าได้มากที่สุดในโลก (หน่วย : ล้าน TEU)

ชิปปิ้งWorld Shipping Council (WSC) รวบรวม 50 ท่าเรือที่รองรับการขนส่งสินค้าได้มากที่สุดในโลก ซึ่ง BKKShipping ขอนำเสนอเพียง 10 อันดับแรกของโลก ที่เป็นท่าเรือทันสมัย ได้มาตรฐาน และมีระบบการจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ดีเยี่ยม

จากการสำรวจครั้งนี้ ทำให้เราพบว่า ‘จีน’ ยังคงครองความเป็นเจ้าของท่าเรือจำนวนมากที่สุดของโลก สะท้อนให้เห็นถึงธุรกิจด้านชิปปิ้งและโลจิสติกส์ที่ก้าวหน้าและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 

ในขณะที่ท่าเรือแหลมฉบังของไทย ติดอันดับที่ 21 ใน 50 ท่าเรือของโลก และต่อไปนี้คือ 10 ท่าเรือที่รองรับการขนส่ง เรียงลำดับจากมากที่สุดไปน้อยที่สุด

1. ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน / รองรับการขนส่งสินค้า 42.01 TEU

ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในจีน สามารถรองรับการชิปปิ้งสินค้าได้สูงสุดในโลกถึง 42.01 TEU นำหน้าสิงคโปร์ไปอย่างขาดลอย ซึ่งตัวเลขนี้ ยังเท่ากับปริมาณการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ของทุกท่าเรือในสหรัฐอเมริการวมกันอีกด้วย ปัจจุบัน ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ยังเป็นท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติแห่งแรกในประเทศจีน และรัฐบาลจีนมีนโยบายยกระดับให้เซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือระดับโลกในปี 2020 นี้อีกด้วย

2. ท่าเรือสิงคโปร์ / รองรับการขนส่งสินค้า 36.60 TEU

ท่าเรือสิงคโปร์ รองรับการชิปปิ้งสินค้าได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ทั้งยังได้รับการยอมรับว่ามีระบบเก็บค่าธรรมเนียมการจัดส่งสินค้าที่เป็นธรรม มีการจัดโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ ที่เหมาะสมต่อการจัดส่งสินค้าที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ ตลอดจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการด้านโลจิสติกส์

3. ท่าเรือเซินเจิ้น ประเทศจีน / รองรับการขนส่งสินค้า 27.74 TEU

เซินเจิ้นในวันนี้ ไม่เพียงเป็นแหล่งรวมความทันสมัย เทคโนโลยีและวิทยาการขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคม การขนส่งโลจิสติกส์ ทั้งทางทะเลและอากาศทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อเขตชนบทของจีนไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก หรือเรียกได้ว่าเป็น Gateway ไปยัง Pearl River Delta และฮ่องกง ปัจจุบัน ท่าเรือเซินเจิ้นจึงติดอันดับท่าเรือที่มีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศจีน

4. ท่าเรือหนิงโป-โจวชาน ประเทศจีน / รองรับการขนส่งสินค้า 26.35 TEU

เป็นเมืองท่าที่สำคัญของจีนมากว่า 2,000 ปี หรือที่ผู้คนนิยมเรียกว่า ‘เส้นทางสายไหม’ ท่าเรือหนิงโปเปรียบได้กับเป็น 1 ใน 4 ของท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดของจีน เป็นสถานีขนส่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่และกองเรือบรรทุกแร่ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของพื้นที่จัดเก็บสารเคมีเหลวภายในประเทศจีนอีกด้วย

5. ท่าเรือกว่างโจว ประเทศจีน / รองรับการขนส่งสินค้า 21.87 TEU

ท่าเรือกว่างโจว ตั้งอยู่ปากแม่น้ำ Pearl River ของมณฑลกวางตุ้งใกล้กับฮ่องกงและมาเก๊า ถือเป็นท่าเรือหลักของภูมิภาค Pearl River Delta โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่ จัดเป็นเขตอุตสาหกรรมและสินค้าทางการเกษตร ปัจจุบันเมืองกว่างโจว มีโกดังสินค้าของบริษัทชิปปิ้งจำนวนมากที่มาตั้งอยู่ที่นี้ อาทิ BKKShipping เป็นต้น

6. ท่าเรือปูซาน เกาหลีใต้ / รองรับการขนส่งสินค้า 21.66 TEU

เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเกาหลี พื้นที่โดยรอบเกือบทั้งหมดเป็นทะเลและมหาสมุทร จึงทำให้มีผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะท่าเรือปูซาน ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศญี่ปุ่น และจัดเป็นท่าเรือที่มีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลกอีกด้วย

7. ท่าเรือฮ่องกง / รองรับการขนส่งสินค้า 19.60 TEU

เป็นท่าเรือเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์มาช้านาน ปัจจุบัน ท่าเรือฮ่องกง เป็นท่าเรือที่มีการขนถ่ายสินค้ามากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจโลจิสติกส์ในระดับ World Class นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีความได้เปรียบด้านการเชื่อมต่อกับสนามบินและทางท่าเรือ ที่มีความถี่ด้านการบินและการเดินเรืออยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก จึงสามารถเชื่อมโยงกับจุดหมายปลายทางกว่า 470 แห่งในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างสะดวกสบาย

8. ท่าเรือชิงเต่า ประเทศจีน / รองรับการขนส่งสินค้า 18.26 TEU

เป็นท่าเรือสำคัญในการขนส่งระหว่างประเทศ และเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจีน สามารถชิปปิ้งสินค้าไปยังท่าเรือต่างๆ ได้มากกว่า 450 ท่าเรือ ใน 130 ประเทศทั่วโลก ภายในท่าเรือชิงเต่า แบ่งออกเป็น 3 พื้นที่หลัก คือ พื้นที่ท่าเรือเก่า (Old Port Area) พื้นที่ท่าขนส่งน้ำมันหวงต่าว (Huangdao Oil Port Area) และพื้นที่ท่าเรือใหม่เฉียนวาน (Qianwan New Port) โดยสามารถรองรับสินค้าได้ 141,780,000 ตัน และมีความสามารถในการจัดการรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ถึง 5,139,000 ต่อปี

9. ท่าเรือเทียนจิน ประเทศจีน / รองรับการขนส่งสินค้า 16.00 TEU

เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของจีน เปิดให้บริการ 11 จังหวัดทางภาคเหนือของจีนและประเทศมองโกเลีย เดิมทีท่าเรือเทียนจิง มีชื่อว่าท่าเรือ Tangu เป็นประตูสู่ทะเลหลักหรือกรุงปักกิ่ง ปัจจุบันท่าเรือนี้ครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นท่าเรือที่เชื่อมกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่สำคัญท่าเรือเทียนจิง ยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับเอเชียกลางและตะวันตกอีกด้วย

10. ท่าเรือเจเบล อาล ดูไบ (Jebel Ali Dubai) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ / รองรับการขนส่งสินค้า 14.95 TEU

ท่าเรือสินค้าหลักของดูไบ Jebel Ali เป็นท่าเรือที่หนาแน่นที่สุดในตะวันออกกลาง และเป็นแหล่งค้าขายสินค้าที่มีค่าที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่าเรือแห่งนี้คึกคักก็คือ ท่าเรือ Jebel Ali นั้นเป็นเขตปลอดภาษีหรือที่เรียกว่า Jebel Ali Free Zone หรือ Jafza โดยเป็นเขตปลอดอากรที่มีอุตสาหกรรมเฉพาะทางกว่า 20 แห่งตั้งอยู่โดยรอบที่ก่อตั้งโดยรัฐบาล เขตเหล่านี้ดึงดูดธุรกิจด้วยการแบ่งภาษี สิทธิประโยชน์ที่กำหนดเองและไม่มีข้อจำกัดที่ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจ