ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับบ้านที่มีราคาแพงที่สุดในโลกหรูหราตื่นตาตื่นใจ
คฤหาสน์หรู หรือบ้านหลังใหญ่เป็นอีกหนึ่งความฝันของ หลายๆคนที่ฝันอยากเข้าไปอยู่อาศัย เปรียบเหมือนตัวเองเป็นเจ้าชาย หรือเจ้าหญิง หลายคนเลยพยายามสร้างบ้านให้ สะดวกสบายรองรับความต้องการของตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเคยสงสัยกันหรือเปล่าว่าที่พักอาศัยของคนเรานั้น มีมูลค่าแพงที่สุดได้มากขนาดไหน วันนี้เราเลยจะพาไปชมบ้าน 10 แห่งทั่วโลก ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารไทม์ (TIME) ว่าเป็นบ้านที่แพงที่สุดในโลก พร้อมเปิดเผยชื่อเจ้าของบ้านแต่ละหลังด้วย ส่วนจะสวยขนาดไหนนั้นเราไปชมกันเลยจ้า
อันดับ 10 7 อัปเปอร์ ฟิลลิมอร์ การ์เด้นส์ (7 Upper Phillimore Gardens)
ตั้งอยู่ที่ กรุงลอนดอน, สหราชอาณาจักร ราคา 4.6 พันล้านบาท จากโรงเรียนกลายมาเป็นคฤหาสน์สุดหรูประกอบไปด้วยห้องนอน 10 ห้อง มีสระว่ายน้ำ, ซาวน่า, โรงยิม, โรงภาพยนตร์รวมไปถึงห้องนิรภัยอยู่ชั้นใต้ดิน โดยภายในจะตกแต่งด้วยหิน, ทองคำ และงานศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้ เจ้าของคือ โอเลน่า พินชัก (Olena Pinchuk) ลูกสาวของ ลีโอนิด คุชมา (Leonid Kuchma) รองประธานาธิบดียูเครน ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ANTIAIDS และยังเป็นเพื่อนสาวของนักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง เอลตัน จอห์น อีกด้วย
อันดับ 9 เคนซิงตัน พาเลซ การ์เด้นส์ (Kensington Palace Gardens)
ตั้งอยู่ที่ กรุงลอนดอน, สหราชอาณาจัก มูลค่า 5 พันล้านบาท ตั้งอยู่ในย่านมหาเศรษฐีในกรุงลอนดอน บ้านมีแผงยื่นขยายลงไปชั้นใต้ดินกลายเป็นสนามเทนนิส, ศูนย์พยาบาล และพิพิธภัณฑ์รถยนต์ เจ้าของคือโรมัน อับราโมวิช (Roman Abramovich) มหาเศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซียและเป็นเจ้าของหลักของบริษัทลงทุนเอกชน บริษัทมิลล์เฮาส์ แคปปิทัล เขาเป็นที่รู้จักของชาติตะวันตกในฐานะเจ้าของสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกชื่อดังของอังกฤษอย่าง เชลซี ( Chelsea)
อันดับ 8 เซเว่น เดอะ พินนาเคิล (Seven The Pinnacle)
ตั้งอยู่ที่ บิ๊ก สกาย, รัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา มูลค่า 5.6 พันล้านบาท เป็นทรัพย์สมบัติที่ใหญ่ที่สุดในเยลโลว์สโตนคลับ หรือชุมชนการเล่นกอล์ฟและสกีแบบส่วนตัวสำหรับผู้ที่มั่งมี บ้านประกอบไปด้วยชั้นให้ความร้อน สระว่ายน้ำจำนวนมาก โรงยิมและห้องเก็บไวน์ เจ้าของ : เอ็ดดรา และทิม บลิกซ์เซ็ธ (Edra and Tim Blixseth) นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
อันดับ 7 ปราสาทเฮิร์สต์ (Hearst Castle)
ตั้งอยู่ที่ ซาน ไซเมียน, รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มูลค่า : 6.9 พันล้านบาท ปราสาทหลังโตขนาด 27 ห้องนอน ถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเดอะ ก็อดฟาเธอร์ (The Godfather) เจ้าของ : วิลเลียม แรนดอล์ฟ (William Randolph) ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการดูแลปราสาทหลังนี้ ปัจจุบันกลายเป็นมรดกและสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย
อันดับ 6 เอลลิสัน เอสเตท (Ellison Estate)
ตั้งอยู่ที่ วู้ดไซด์, รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มูลค่า : 7.2 พันล้านบาท คฤหาสน์ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 23 เอเคอร์ ประกอบไปด้วยตึกถึง 10 ตึก ด้วยกัน เจ้าของ : แลร์รี่ เอลลิสัน (Larry Ellison) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ออราเคิล ผู้ซึ่งถูกขนานนามให้เป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก ในปี 2013 (พ.ศ. 2556)
อันดับ 5 18-19 เคนซิงตัน พาเลซ การ์เด้นส์ (18-19 Kensington Palace Gardens)
ตั้งอยู่ที่ กรุงลอนดอน, สหราชอาณาจักร ราคา 8 พันล้านบาท เป็นอีกหนึ่งทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในย่านมหาเศรษฐีในกรุงลอนดอน คฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ติดกับพระราชวังของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท โดยจะประกอบไปด้วย 12 ห้องนอน ห้องน้ำสไตล์เตอร์กิช สระว่ายน้ำกลางแจ้ง และที่จอดรถสำหรับ 20 คัน เจ้าของ : ลักษมี มิตตัล (Lakshmi Mittal) ประธานใหญ่แห่ง Arcelor Mittal บริษัทชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กครบวงจร และยังเป็น 1 ใน 100 บุคคลที่รวยที่สุดในประเทศอินเดียอีกด้วย
อันดับ 4 โฟร์ แฟร์ฟิลด์ พอนด์ (Four Fairfield Pond)
ตั้งอยู่ที่ ซากาโปแน็ก, นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา ราคา 9 พันล้านบาท คฤหาสน์หลังโตตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 63 เอเคอร์ ที่มีโรงงานผลิตไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ภายในตัวคฤหาสน์ประกอบไปด้วย 29 ห้องนอน, 39 ห้องน้ำ, สนามบาสเกตบอล, ลานโยนโบว์ลิ่ง, สนามสควอช, สนามเทนนิส, สระว่ายน้ำ 3 แห่ง และโต๊ะทานอาหารที่มีความยาวกว่า 28 เมตร เจ้าของ : อิรา เรนเนิร์ท (Ira Rennert) เจ้าของกิจการเรนโค้ กรุ๊ป บริษัทผู้ลงทุนในเครือผู้ผลิตรถยนต์และการหลอม และยังรวมไปถึงโลหะและเหมืองแร่อีกด้วย
อันดับ 3 วิลล่า ลีโอโพลดา (Villa Leopolda)
ตั้งอยู่ที่ โกตดาซูร์, ชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ราคา 2.7 หมื่นล้านบาท คฤหาสน์หลังมโหฬารตั้งอยู่บนพื้นที่ 50 เอเคอร์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นสีเขียวเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่มีทั้งสระว่ายน้ำและบ้านสระว่ายน้ำ, ห้องครัวกลางแจ้ง, ลานจอดเฮลิคอปเตอร์และเกสต์เฮ้าส์ขนาดใหญ่ซึ่งใหญ่กว่าคฤหาสน์ของเศรษฐีส่วนใหญ่ซะอีก และคฤหาสน์หลังนี้ยังถูกใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์สุดคลาสสิกชื่อดังอย่าง ฮิตช์ค็อก (Hitchcock) ในปี 1955 (พ.ศ 2498) เจ้าของ : ลิลลี่ ซาฟรา (Lily Safra) นักสังคมสงเคราะห์ชาวบราซิล และยังเป็นแม่หม้าย อดีตภรรยาของวิลเลี่ยม วาฟรา นายธนาคารชาวเลบานอน ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้านของคู่รักคู่หนึ่งหลังจากถูกลอบวางเพลิง
อันดับ 2 แอนทิเลีย (Antilia)
ตั้งอยู่ที่ นครมุมไบ, ประเทศอินเดีย มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท บ้านพักส่วนตัวสมัยใหม่ของมหาเศรษฐีชาวมุมไบ เป็นทรงตึก 27 ชั้น บนพื้นที่ประมาณ 122 ตารางเมตร มีที่จอดรถชั้นใต้ดินถึง 6 ชั้น และมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ 3 ลาน โดยมีพนักงานรับใช้ประจำการอยู่ทั้งสิ้นกว่า 600 คนเลยทีเดียว เจ้าของ : มูเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) บุคคลที่ได้ชื่อว่ารวยที่สุดและเป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดของอินเดีย เขามีทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่าประมาณ 856,400 ล้านบาท นอกจากนี้เขามีรายได้จากการเป็นเจ้าของบริษัทความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรม บริษัทพลังงานและวัสดุ
อันดับ 1 พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)
ตั้งอยู่ที่ กรุงดอนดอน, สหราชอาณาจักร มูลค่า 5.6 หมื่นล้านบาท แม้ตามหลังโครงสร้างแล้วจะถือว่าเป็นบ้าน แต่แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับขาย เนื่องจากเป็นพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับของราชินีของอังกฤษ โดยประกอบไปด้วยห้องหับทั้งหมด 775 ห้อง แบ่งเป็นห้องรับรอง 19 ห้อง, ห้องนอน 52 ห้อง, ห้องพนักงาน 188 ห้อง, ห้องสำนักงาน 82 ห้อง และห้องน้ำอีก 78 ห้อง เจ้าของ : พระราชวังบักกิงแฮมเป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ ปัจจุบันเป็นของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประธานเครือจักรภพและผู้ปกครองสูงสุดแห่งคริสตจักรแห่งอังกฤษ ตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495
คฤหาสน์แต่ละหลังเรียกได้ว่าหรูหรา และมีมูลค่าแพงมากจริงๆ ที่สำคัญเจ้าของบ้านแต่ละหลังก็ล้วนเป็นคนดัง และมหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกเลย เห็นแล้วก็อยากจะไปดู ให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้งจริงๆ
10 อันดับ เมืองในอเมริกาน่าอยู่ 2024 ไปแล้วไม่อยากกลับ
Writer
ผลสำรวจจากเว็บไซต์ในอเมริกาได้มีการจัดอันดับเกี่ยวกับเมืองน่าอยู่ในประเทศอเมริกา เราจึงอยากนำมาแชร์ให้ทุกคนได้ลองพิจารณากันเผื่อไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่อยากไปทำงานหรือเรียนต่ออเมริกากันกับลิสต์ 10 อันดับ เมืองในอเมริกาน่าอยู่ จะมีเมืองในติดโผเข้ามาบ้างมาดูกัน
อันดับที่ 10. San Francisco
เริ่มจากอันดับที่ 10 กับซานฟรานซิสโก เมืองทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียถือเป็นภูมิภาคที่มีความสวยงามในด้านสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ย่านประวัติศาสตร์ ภูเขาเขียวขจี ไปจนถึงท่าเรือและย่านคนอยู่อาศัยที่มีความคึกคัก แหล่งรวมของชาวเอเชียตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน รวมถึงยังเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนสิทธิ LGBT ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีชั้นยอด จึงนับเป็นเมืองที่ใครมาอยู่แล้วต่างก็ประทับใจ มีความสมบูรณ์แบบรอบด้านแท้จริง
อันดับที่ 9. Sarasota, Florida
ต่อด้วย เมืองในอเมริกาน่าอยู่ 2024 อันดับที่ 9 กับซาราโซตา ในรัฐฟลอริดา ด้วยกลิ่นอายที่แตกต่างจากเมืองใหญ่ทั่วไป ที่นี่คือเมืองท่าที่ผสานฉากของความเป็นศิลปะได้อย่างมีชีวิตชีวา ด้วยบรรยากาศสุดชิลล์ ลมทะเลพัดโชย วัฒนธรรมด้านอาหารที่ค่อย ๆ เติบโต คนที่อาศัยอยู่เมืองนี้จึงมักหลงรักในความผ่อนคลาย ตกเย็นไปนั่งเล่นดาดฟ้าของบาร์ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ถึงขนาดเคยได้รับการขนานนามว่า “สนามเด็กเล่นของคนวัยเกษียณ” เลยทีเดียว
อันดับที่ 8. Portland, Maine
เมืองดัง ๆ ในอเมริกา ที่หลายคนคุ้นชื่อดีกับพอร์ตแลนด์ รัฐเมน เมืองขนาดใหญ่สุดของรัฐ ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ แต่ทั้งนี้ในบางมุมก็ยังผสานวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายเอาไว้ด้วยเช่นกัน ผู้คนเป็นมิตรไมตรี มักหยิบยื่นน้ำใจให้กันอยู่ตลอด มีร้านค้าท้องถิ่นสำหรับประกอบอาชีพไปจนถึงบริษัทใหญ่โต บรรยากาศเมืองริมทะเลอีกแห่งที่ควรค่ากับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก
อันดับที่ 7. Fayetteville, Arkansas
เมืองเฟย์เอตต์วิลล์ แห่งรัฐอาร์คันซอ ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในเวลาอันรวดเร็ว เปลี่ยนจากเมืองเล็ก ๆ สู่ศูนย์กลางด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการค้า ธุรกิจ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เป็นต้นกำเนิดของห้างสรรพสินค้า Walmart, มีสำนักงานใหญ่ Tyson Foods รวมถึง University of Arkansas สถาบันระดับโลก ชาวเมืองมีความเป็นมิตรสูง มักทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชนเสมอ ความสุขแห่งชีวิตไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อันดับที่ 6. Raleigh and Durham, North Carolina
ต่อกับ เมืองในอเมริกาน่าอยู่ 2024 อันดับที่ 6 กับเมืองที่มีชื่อว่าราลีและเดอแรมในรัฐนอร์ทแคโรไลนา มีชื่อเสียงในเรื่องของงานวิจัย เทคโนโลยี และการแข่งขันด้านการศึกษา ซึ่งจริง ๆ ต้องรวมเมือง Chapel Hill (ชาเปล ฮิลล์) เข้าไปด้วยเพื่อให้ครบฐานะการเป็น “พื้นที่สามเหลี่ยมแห่งการวิจัย” ผู้คนมักเรียกว่าที่นี่คือบ้านของหนุ่มสาวผู้มีน้ำใจไม่ตรี แหล่งรวมวัฒนธรรมจากหลายท้องถิ่น นิยมทานอาหารนอกบ้านกับร้านท้องถิ่น พูดคุยเฮฮา แม้คนพึ่งรู้จักก็ผูกมิตรง่าย แถมยังมี 2 มหาวิทยาลัยดังอย่าง Duke University และ North Carolina Central University ตั้งอยู่ด้วย
อันดับที่ 5. San Jose, California
อีกแห่งกับ เมืองดัง ๆ ในอเมริกา น่าอยู่อาศัย ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย มาพร้อมชื่อเล่นสุดน่ารักว่า “เมืองหลวงแห่งซิลิคอน วัลเล่ย์” ศูนย์กลางด้านความหลากหลายและจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม แต่ละย่านใจกลางเมืองจะให้บรรยากาศต่างกันไป อัดแน่นด้วยอาคารสำนักงานจำนวนมาก เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของทั้ง Google, Apple แต่สำหรับใครชอบบรรยากาศธรรมชาติอีกมุมของเมืองก็สัมผัสได้เต็มที่เช่นกัน
อันดับที่ 4. Boulder, Colorado
เมืองในอเมริกาน่าอยู่ 2024 อันดับที่ 4 ก็คือ โบลเดอร์ รัฐโคโลราโด แนบชิดกับหุบเขาป่าไม้อันเขียวขจี จุดกำเนิดของเทือกเขา Rocky จึงถือเป็นเมืองที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพอย่างยิ่ง มีกิจกรรมน่าสนใจเยอะมาก อาทิ การอาบน้ำในป่าและทำสมาธิฟรี, การทำสปา, ศูนย์สุขภาพ ไปจนถึงร้านขายกัญชาถูกกฎหมาย แถมวิถีชีวิตผู้คนก็แสนเรียบง่าย มักจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพจึงเป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวสายลุยมาก ๆ
อันดับที่ 3. Green Bay, Wisconsin
แนะนำ เมืองในอเมริกาน่าอยู่ 2024 อันดับที่ 3 กันต่อกับ เมืองกรีนเบย์ รัฐวิสคอนซิน จัดเต็มสาธารณูปโภคสุดครบครัน แม้เป็นเมืองใหญ่แต่บรรยากาศดีคล้ายกับอาศัยใกล้ชนบท โดดเด่นด้วยสถานที่น่าสนใจทั้งมหาวิทยาลัย พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านของเก่า ไปจนถึงสถานบันเทิง แถมยังมีอุตสาหกรรมคราฟต์เบียร์ที่เฟื่องฟูสุด ๆ ใครเป็นสไตล์สุดชิลล์กับชีวิต เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เมืองแห่งนี้ ผู้คนมิตรไมตรีดีเยี่ยม
อันดับที่ 2. Colorado Springs, Colorado
ห้ามพลาดกับ เมืองดัง ๆ ในอเมริกา สำหรับโคโลราโด สปริงส์ แห่งรัฐโคโลราโด คุณจะได้สัมผัสกับเมืองที่ผสานเอาความเป็นธรรมชาติอันแสนงดงามกับประวัติศาสตร์และซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างในอดีตเอาไว้ได้อย่างน่าประหลาดใจ ทางเหนือจะมีผู้คนอยู่อาศัยเยอะ แหล่งการทำงานชั้นเยี่ยม ส่วนทางใต้เน้นความหรูหราแต่เรียบง่าย การใช้ชีวิตของชาวเมืองไม่รีบร้อนเกินไป และมักทักทายกันบ่อยครั้งตามร้านอาหารและบาร์ ความสุขอยู่เพียงแค่เอื้อม
อันดับที่ 1. Huntsville, Alabama
ปิดท้ายด้วย เมืองในอเมริกาน่าอยู่ 2024 อันดับที่ 1 กับฮันตส์วิลล์ รัฐอลาบามา ในอดีตเคยเป็นเมืองเกษตรกรรมก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาจนโดดเด่นในหลายด้านกระทั่งเป็นเมืองที่มีรถไฟฟ้าใต้ดินเติบโตเร็วสุดแห่งรัฐนี้เลยทีเดียว ย่านใจกลางเมืองพึ่งได้รับการฟื้นฟูมาไม่นาน มีเหล่าบรรดาอพาร์ทเม้นต์ ร้านอาหาร สำนักงานต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ส่วนด้านตะวันตกของเมืองก็ยังรวมงานศิลปะและโรงเบียร์คราฟต์เอาไว้คับคั่ง น่าอยู่อาศัยสุด ๆ ไปเลย
