ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับอาหารที่แพงที่สุดในโลก
ตั้งกระทู้ใหม่
10 อันดับ อาหารที่แพงที่สุดในโลก
อันดับที่ 10 – ไอศครีม ซันเด ของร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน
ไอศครีมช็อคโกแลตซันเด ถ้วยนี้ ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสบุ้ค ออฟ เวิล์ด เรคคอร์ด ว่าเป็น “ขนมหวานแพงที่สุดในโลก” มีจำหน่ายที่ร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน กลางกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยสนนราคาถ้วยละ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 850,000 บาท “Frrrozen Haute Chocolate” คือ ชื่อของช็อคโกแลต ซันเดแพงระยับถ้วยนี้ ส่วนสาเหตุที่มีราคาแพงเนื่องมาจากไอศครีมมีส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ดีและหายากมากๆ จำนวน 28 ผล (ในจำนวนนี้มีอยู่ 14 ผลที่เป็นโกโก้ชนิดแพงที่สุด) และทองคำ 23 เค ชนิดทานได้ น้ำหนัก 5 กรัม ไอศครีมดังกล่าวจะถูกบรรจุลงในถ้วยทองคำ ที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีมยังตกแต่งด้วยสร้อยทอง 18 เค พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต
อันดับที่ 9 – ออมเล็ตของภัตตาคาร Le Parker Meridien ในกรุงนิวยอร์ค
“ออมเล็ต” หรือไข่คน แพงที่สุดในโลกหารับประทานได้ที่ภัตตาคาร “Le Parker Meridien” ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่นั่นเขาขายออมเล็ต (ภาพบน) จานละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 34,000 บาท ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ ไข่ปลาคาเวียร์ (sevruga) น้ำหนัก 10 ออนซ์ กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งตัว และไข่อีก 6 ฟอง เป็นต้น (เขาว่าถ้านำส่วนผสมทั้งหมด มาทำเองที่บ้าน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 700 เหรียญ หรือประมาณ 23,800 บาท)
อันดับที่ 8 – พิซซ่า Luis XIII
พิซซ่าที่แพงสุดในโลก คือ พิซซ่า “Louis XIII” ฝีมือเชฟหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อ “เรนาโต้ วิโอล่า” พิซซ่า “Louis XIII” มีขนาด 8 นิ้ว ก่อนทำต้องใช้เวลาในการเตรียมแป้งเป็นเวลานานถึง 72 ช.ม. ขณะที่ท็อปปิ้งหรือหน้าพิซซ่าล้วนมาจากส่วนผสมคุณภาพเยี่ยม อาทิ ชีส mozzarella di bufala ไข่ปลาคาเวียร์ 3 ชนิด กุ้งล็อบสเตอร์จาก Cilento (ในอิตาลี) และประเทศนอร์เวย์ โรยหน้าด้วยเกลือสีชมพูที่มาจากแม่น้ำ Murray ในประเทศออสเตรเลีย ฯลฯ
อันดับที่ 7 – คลับแซนด์วิช “von Essen Platinum”
นี่คือโฉมหน้าแซนด์วิช “แพงที่สุดในโลก” ฝีมือนายเจมส์ พาร์คินสัน หัวหน้าเชฟของโรงแรมหรู “von Essen” ในเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ หลังจากสังเกตุส่วนผสมของแซนด์วิชในโรงแรมหรูห้าดาวทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน เขาจึงคิดรวบรวมส่วนผสมที่ดีที่สุดของแซนด์วิชในแต่ละโรงแรมมาไว้ในอันเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ “von Essen Platinum Club Sandwich” ของเขาจึงกลายเป็นคลับแซนด์วิชแพงที่สุดในโลก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่อย่างดี (พันธุ์ poulet de Bresse ของฝรั่งเศส) แฮม Iberian ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฮมหายากคุณภาพเยี่ยมจากประเทศสเปน เห็ดทรัฟเฟิลขาวและมะเขือเทศจากประเทศอิตาลี ไข่นกกระทาต้มสุก และขนมปังที่ผลิตจากแป้งชนิดพิเศษ แซนด์วิช “von Essen Platinum” ของเชฟพาร์คินสัน จำหน่ายในราคาอันละ 100 ปอนด์ หรือกว่า 5.5 พันบาท ถ้าใครอยากลองทานว่าจะเด็ดสักแค่ไหน ก็ไปพิสูจน์ได้ที่ภัตตาคาร “Cliveden’s Waldo” ของโรงแรม “von Essen”
อันดับที่ 6 – เนื้อวัววากิว
เนื้อแพงที่สุดในโลก คือ เนื้อที่มาจากวัววากิว (Wagyu) ประเทศญี่ปุ่น วัววากิวถือเป็นวัวพื้นเมืองที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน ชาวญี่ปุ่นจะเลี้ยงดูวัวเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้หญ้าพันธุ์ดี ธัญพีช ฟาร์มบางแห่งถึงขนาดมีการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้วัว หรือไม่ก็ผสมสาเก หรือเบียร์ ลงไปในอาหาร เนื้อวัวหลายชนิดที่คนรักเนื้อในบ้านเรารู้จักกันดีอย่างเช่น เนื้อโกเบ และมัตสึซากะ ฯลฯ ก็มาจากวัววากิวเช่นกัน แต่สาเหตุที่เรียกชื่อต่างกันเป็นเพราะว่าเลี้ยงกันคนละเมือง (เนื้อโกเบ มาจากฟาร์มในเมืองโกเบ ส่วนเนื้อมัตสึซากะมาจากฟาร์มในเมือง มัตสึซากะ เป็นต้น) เนื้อจากวัววากิวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไขมันต่ำ รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น ราวกับละลายในปาก จึงมีราคาสูงมาก – ที่ยุโรปเนื้อจากวัววากิวน้ำหนักประมาณ 200 กรัม มีราคาขายสูงกว่า 34,000 บาท
อันดับที่ 5 – La Bonnotte
มันฝรั่งราคาแพงที่สุดในโลก คือ “La Bonnotte” ปลูกได้เฉพาะบนเกาะนีวร์มูทีเยของประเทศ ฝรั่งเศสเท่านั้น แถมปีหนึ่งๆ ยังเก็บเกี่ยวได้เพียง 10 วัน ทั้งยังบอบบางมากเสียจนต้องใช้มือถอน และให้ผลผลิตเพียงปีละ 20,000 ก.ก. ด้วยเหตุนี้มันฝรั่งที่ว่าจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 2.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว
อันดับที่ 4 – ทรัฟเฟิลขาว
เห็ดที่มีราคาแพงที่สุดในโลกคือ เห็ดทรัฟเฟิลขาว ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบ Langhe แห่งแคว้นปีเอมอนเต ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ในอดีตคนเก็บเห็ดทรัฟเฟิลจะใช้หมูช่วยดมกลิ่นค้นหา แต่ระยะหลังๆ มักนิยมใช้สุนัขมากกว่า เพราะสุนัขจะไม่กินเห็ดเหมือนหมู เห็ดชนิดนี้มีราคาขายสูงถึง 1,700 – 3,800 ยูโร ต่อ 1 ก.ก. (ราว 82,000 – 183,502 บาท/ก.ก) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เห็ดทรัฟเฟิลสีขาว น้ำหนัก 1.08 กก. จากอิตาลี ถูกนายสแตนลีย์ โฮ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจคาสิโนในมาเก๊า ประมูลไปในราคาสูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.8 ล้านบาท แต่สถิติเห็ดทรัฟเฟิลขาวราคาสูงสุดที่มีการบันทึกไว้ คือ 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งนายสแตนลีย์ โฮ เจ้าเก่า เป็นผู้ชนะประมูลเมื่อปี ค.ศ. 2007
อันดับที่ 3 – เบลูก้า คาเวียร์
ไข่ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก ไม่ได้มีสีดำอย่างที่หลายท่านคุ้นเคย แต่เป็นชนิดที่มีสีเทาอ่อนๆ ไล่ลงมาจนเกือบขาวตามอายุของปลา ยิ่งปลาอายุมากไข่ก็จะมีสีอ่อนลง และมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ไข่ปลาคาเวียร์อัลมาส (ภาษาเปอร์เซี่ยนแปลว่า “เพชร”) ที่ได้มาจากปลา “เบลูก้า สเตอเจี้ยน” อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ประมาณ 850,000 บาท/ก.ก.) ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000 – 10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)
อันดับที่ 2 – แมคคาเดเมีย
ถั่วที่มีราคาแพงที่สุดในโลก คือ ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วชนิดนี้จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป ซึ่งการปลูกให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้นจะต้องหมั่นคอยดูแลใส่ปุ๋ย และปลูกในที่ๆ มีฝนตกชุก ถั่วชนิดนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์ ที่นิว คาเลโดเนีย 1 สายพันธุ์ และ ที่เมืองสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย อีก 1 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีความสำคัญและมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุดมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ และควีนสแลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย ไร่แมคคาเดเมียที่ปลูกขึ้นเพื่อการค้าเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในช่วงต้นของยุคปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) ในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ ของประเทศออสเตรเลีย อีก 2 ปีต่อมาได้มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์แมคคาเดเมียจากออสเตรเลียไปทดลองปลูกที่ฮาวาย และเริ่มมีการปลูกแมคคาเดเมียในเชิงการค้าที่นั่นอย่างจริงจังนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 (พ.ศ. 2463) เป็นต้นมา นอกจาก ออสเตรเลีย และฮาวายแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ปลูกแมคคาเดเมียเป็นพืชเศรษฐกิจอีก ได้แก่แอฟริกาใต้ บราซิล สหรัฐอเมริกา (แคลิฟอร์เนีย) คอสตา ริก้า อิสราเอล เคนย่า โบลิเวีย นิวซีแลนด์ และมาลาวี โดยมีออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก สำหรับราคาขายของถั่วชนิดนี้จะอยู่ที่มากกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (มากกว่า 1 พันบาท/ก.ก.)
อันดับที่ 1 แซฟฟรอน
แซฟฟรอน เป็นเครื่องเทศที่ได้มาจากเกสรตัวเมีย (สีแดงอมส้ม) ของดอกแซฟฟรอน โครคัส ซึ่งแต่ละดอกจะมีเพียง 3 เกสรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การที่จะผลิตแซฟฟรอนแห้งให้ได้น้ำหนักเพียง 1 ปอนด์ (0.45 ก.ก.) จะต้องใช้ดอกแซฟฟรอน โครคัส มากถึง 50,000-75,000 ดอก หรือปริมาณมากเท่ากับ 1 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว ดอกโครคัส พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ ประเทศสเปน กรีซ อิหร่าน อินเดีย โมร็อกโก เป็นต้น แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องเทศแซฟฟรอนได้มากที่สุดในโลกก็คือ อิหร่าน ซึ่งคิดเป็นส่วนมากถึง 94 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั่วโลก ประเทศที่นิยมใช้แซฟฟรอนเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้แก่ อิหร่าน และประเทศอาหรับอื่นๆ รวมถึงประเทศในแถบเอเชียกลาง อินเดีย ตุรกี ยุโรป ฯลฯ ราคาขายส่งและขายปลีกของเครื่องเทศชนิดนี้อยู่ที่ระหว่าง 500-5,000 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งปอนด์ (ราว 17,000-170,000 บาท/0.45 ก.ก) หรือ 1,100-11,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 37,400 – 374,000 บาท/ก.ก.)
10 เมืองที่แพงที่สุดสำหรับ “ชีวิตคนรวย” ปี 2021 “เซี่ยงไฮ้” ขึ้นครองแชมป์
By
–
July 14, 2021

Julius Baer จัดทำรายงาน “เมือง” ที่แพงที่สุดในโลกสำหรับการใช้ “ชีวิตคนรวย” โดยวัดจากราคาไลฟ์สไตล์หลายด้าน ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยไปจนถึงชุดสูท หลังผ่านปีแห่งโรคระบาดและอัตราเงินเฟ้อ “เซี่ยงไฮ้” ก้าวขึ้นมาครองแชมป์แทนที่ฮ่องกง ส่วนกรุงเทพฯ อยู่ในอันดับ 11 จากทั้งหมด 25 เมือง
ปี 2021 เป็นปีที่สองที่ Julius Baer จัดทำรายงาน Global Wealth and Lifestyle Report 2021 โดยปีนี้รายงานถูกจัดทำหลังผ่านปีแห่งโรคระบาด COVID-19 มีการเก็บสถิติสองรอบ คือ รอบวันที่ 13-19 กรกฎาคม 2020 และ รอบวันที่ 16-22 พฤศจิกายน 2020
ภาพรวมของปีนี้เห็นได้ว่าเม็ดเงินที่จะต้องใช้เพื่อดำรง “ชีวิตคนรวย” ที่สะดวกสบายดังเดิมนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดภาวะเงินเฟ้อ ความผันผวนของค่าเงิน การปรับเพิ่มข้อกำหนดและกำแพงภาษีของหลายประเทศ
ปีนี้มีการสำรวจทั้งหมด 25 เมืองทั่วโลก (ลดลงจากปีก่อนที่มี 28 เมือง) 10 อันดับแรก เมืองที่แพงที่สุดสำหรับ “ชีวิตคนรวย” ปี 2021 มีดังนี้
อันดับ 1 – เซี่ยงไฮ้
อันดับ 2 – โตเกียว
อันดับ 3 – ฮ่องกง
อันดับ 4 – โมนาโก
อันดับ 5 – ไทเป
อันดับ 6 – ซูริค
อันดับ 7 – ปารีส
อันดับ 8 – ลอนดอน
อันดับ 9 – สิงคโปร์
อันดับ 10 – นิวยอร์ก
แชมป์เก่าอย่าง “ฮ่องกง” นั้นอันดับลดลงไปอยู่อันดับ 3 และมี “เซี่ยงไฮ้” ขยับขึ้นมาแทนที่บัลลังก์แชมป์ชีวิตหรูหราที่แพงที่สุด ส่วนเมืองที่หลุดออกจาก Top 10 ไปในปีนี้คือ “ลอสแอนเจลิส”
ฮ่องกงนั้นมีปัจจัยที่ทำให้ราคาไลฟ์สไตล์คนรวยลดลงคือ “ค่าห้องพักสวีทในโรงแรม” ซึ่งปรับลดจากโรคระบาดที่ทำให้การท่องเที่ยวหยุดชะงัก

ขณะที่เซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองสุดแพงของคนรวย ค่าเฉลี่ยเม็ดเงินที่ต้องใช้เพื่อคงไลฟ์สไตล์เดิมเพิ่มขึ้น 5% ในรอบปี ปัจจัยที่ปรับขึ้นสูงมาก เช่น เที่ยวบินธุรกิจ ราคาตั๋วขึ้น 82% มื้ออาหารเย็นรสเลิศ ปรับขึ้น 12% รวมไปถึงที่อยู่อาศัยที่มีดีมานด์สูงมากจนรัฐบาลจีนต้องจัดระบบ ‘social scoring’ และลอตเตอรี่สุ่มผู้ซื้อ เพื่อลดความร้อนแรงในตลาดลง
การสำรวจของ Julius Baer ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการทั้งหมด 18 อย่าง ได้แก่ มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เครื่องประดับ กระเป๋าถือผู้หญิง รองเท้าสตรี ชุดสูทผู้ชาย ที่อยู่อาศัย แพ็กเกจเทคโนโลยี ลู่วิ่งสายพาน นาฬิกาข้อมือ วิสกี้ ไวน์ ตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ มื้ออาหารค่ำเลิศรส ประกันสุขภาพ ห้องพักสวีทในโรงแรม การทำเลสิก และค่าจ้างทนายความ

สำหรับกรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 11 เท่ากับปีก่อน ราคาสินค้าที่จัดว่า “แพง” ของกรุงเทพฯ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นในโลกคือกลุ่มเสื้อผ้า โดยเฉพาะ “ชุดสูทผู้ชาย” ที่ราคาแพงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 20% ด้านบริการนั้น “ประกันสุขภาพ” ของกรุงเทพฯ จัดว่าแพงอันดับ 1 ของโลกร่วมกับเซี่ยงไฮ้
แต่สินค้าที่ “ถูกกว่า” ของกรุงเทพฯ คือ เครื่องประดับ กระเป๋าถือสตรี นาฬิกาข้อมือ เมื่อรวมกับ ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจและค่าห้องพักสวีทที่ถูกกว่าเช่นกัน ทำให้กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่น่าสนใจในการมา “ช้อปปิ้ง” ของชาวต่างชาติ หากประเทศไทยสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้

นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังมีราคาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบครึ่งหนึ่ง แถมปีนี้ยังเป็นปีของผู้ซื้อ ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ทำให้เศรษฐีที่ยังมีกำลังซื้อช้อนชื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองกันจำนวนมาก
แล้วถ้าคุณเป็นเศรษฐีที่อยากใช้เม็ดเงินให้คุ้มค่า ควรจะไปอยู่ที่ไหน? 5 อันดับที่ไลฟ์สไตล์คนรวยถูกที่สุด ได้แก่ อันดับ 21 – เซาเปาโล อันดับ 22 – มุมไบ อันดับ 23 – เม็กซิโก ซิตี้ อันดับ 24 – แวนคูเวอร์ และอันดับ 25 – โจฮันเนสเบิร์ก

