ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก อลังการงานสร้าง รองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
schedule28 / 02 / 2568
share
เวลาเดินทางไปต่างประเทศ สนามบินคือจุดเริ่มต้นของทุกทริป และบางแห่งไม่ใช่แค่ที่เช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้น แต่ยังอลังการจนต้องร้องว้าว! บางที่ใหญ่เท่ากับเมืองทั้งเมือง บางที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และบางที่ก็มีเรื่องเล่าชวนขนลุกที่ทำให้สนามบินกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ วันนี้มาดูกันว่า 10 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีอะไรเด็ด ๆ บ้าง
แน่นอนว่าการเดินทางไกลแบบนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วน! นอกจากตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตแล้ว ประกันเดินทาง ก็คืออีกหนึ่งไอเทมที่ต้องมีติดตัว เที่ยวไหนก็อุ่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน เพราะประกันเดินทางเบี้ยเริ่มต้นแค่ 59 บาทต่อทริป แต่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็ม พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง จะเดินทางเที่ยวเดียวหรือเดินทางบ่อยก็เลือกได้ทั้ง รายเที่ยว และ รายปี สบายใจทุกทริปแน่นอน
1. สนามบินคิงฟาฮัด (King Fahd International Airport) – ซาอุดีอาระเบีย
ถ้าเรื่องขนาดต้องยกให้ที่นี่แบบไม่มีใครเทียบได้ เพราะสนามบินนี้มีพื้นที่ใหญ่ถึง 780 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถสร้างเมืองใหม่ได้สบาย ๆ ตั้งอยู่ในเมืองดัมมาม เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1999 ออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารจำนวนมหาศาล มีอาคารผู้โดยสารที่จุคนได้กว่า 12 ล้านคนต่อปี ที่สำคัญคือเป็นสนามบินเดียวในโลกที่มีมัสยิดภายในตัวอาคาร เพื่อให้ผู้โดยสารที่นับถือศาสนาอิสลามสามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างสะดวกสุด ๆ
อีกจุดที่ทำให้สนามบินนี้โดดเด่นคือ ลานจอดเครื่องบินที่กว้างขวาง รองรับเครื่องบินทุกขนาด ตั้งแต่เครื่องบินโดยสารทั่วไปยันเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่มีปัญหา ระบบขนส่งภายในสนามบินก็จัดว่าครบครัน มีทางเดินเชื่อมที่ออกแบบมาให้ผู้โดยสารเดินสะดวก ไม่ต้องกลัวหลง ที่สำคัญคือสนามบินยังมีพื้นที่รกร้างที่เตรียมไว้ขยายเพิ่มในอนาคตอีกเพียบ ถือเป็นหนึ่งในสนามบินที่มีศักยภาพสูงสุดในโลกเลยก็ว่าได้
2. สนามบินเดนเวอร์ (Denver International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้ไม่ได้มีดีแค่ขนาดใหญ่ 135 ตารางกิโลเมตร แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าปริศนาที่ทำให้คนสงสัยกันมานาน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1995 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองเดนเวอร์ในอนาคต มีรันเวย์ทั้งหมด 6 เส้น ซึ่งเส้นที่ยาวที่สุดดันมีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่าง ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดขึ้นเพียบ
ภายในสนามบินมีอาคารผู้โดยสารหลักที่ชื่อว่า Jeppesen Terminal ที่ออกแบบให้มีเพดานสูง โปร่งโล่ง ดูหรูหรา จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือสนามบินนี้มีงานศิลปะลึกลับกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ภาพวาดขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนมีเรื่องราวซ่อนอยู่ ไปจนถึงรูปปั้นม้าสีฟ้าตาแดง “Blucifer” ที่ทำให้ผู้โดยสารหลายคนขนลุก ที่สำคัญคือใต้สนามบินยังมีเครือข่ายอุโมงค์ลับที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันมีไว้เพื่ออะไร นี่จึงเป็นสนามบินที่เต็มไปด้วยปริศนาน่าค้นหา และเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ในตัวเอง
3. สนามบินดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ (Dallas/Fort Worth International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส กินพื้นที่กว่า 69.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถใส่มหานครแมนฮัตตันลงไปได้แบบเหลือ ๆ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1974 โดยเป็นศูนย์กลางการบินหลักของสายการบิน American Airlines มีรันเวย์ทั้งหมด 7 เส้น ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินที่ขึ้นลงได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีติดขัด
ความพิเศษของสนามบินนี้คือระบบขนส่งภายในที่ชื่อว่า SkyLink ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับการเดินทางภายในสนามบิน ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางระหว่างอาคารได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ สนามบินยังมีโรงแรมอยู่ภายในตัวอาคาร ทำให้ผู้โดยสารที่ต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลานานสามารถพักผ่อนได้โดยไม่ต้องออกไปไหน ถือเป็นสนามบินที่ให้ความสะดวกสบายระดับสุดยอดเลยก็ว่าได้
4. สนามบินออร์แลนโด (Orlando International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้ไม่ได้เป็นแค่สนามบิน แต่เป็นเหมือนประตูสู่โลกแห่งเวทมนตร์ เพราะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มา Disney World และ Universal Studios โดยมีขนาดพื้นที่กว่า 53.8 ตารางกิโลเมตร และมีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี
สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้พิเศษคือการออกแบบที่ให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ต มากกว่าสนามบินทั่วไป ทุกมุมของสนามบินให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด มีพื้นที่สีเขียวให้ผู้โดยสารได้พักสายตา และยังมีร้านขายของที่ระลึกจากดิสนีย์โดยเฉพาะ ทำให้แม้แต่การรอเที่ยวบินก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ตั้งแต่ก่อนเริ่มทริป
5. สนามบินวอชิงตัน ดัลเลส (Washington Dulles International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้เป็นสนามบินหลักของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีพื้นที่กว่า 48.6 ตารางกิโลเมตร เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1962 และออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Eero Saarinen จุดเด่นที่ทำให้สนามบินนี้แตกต่างจากที่อื่นคือ “Mobile Lounges” หรือรถรับส่งผู้โดยสารที่มีดีไซน์เหมือนยานพาหนะในหนังไซไฟ ระบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารเดินทางจากประตูเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินไกล
อีกหนึ่งความพิเศษคือสนามบินนี้เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีเที่ยวบินตรงไปยังนานาประเทศมากที่สุดในสหรัฐฯ จึงกลายเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างประเทศที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัย และการจัดการเที่ยวบินที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้แม้จะเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น แต่ก็ยังให้บริการได้อย่างราบรื่น
6. สนามบินปักกิ่ง แดซิง (Beijing Daxing International Airport) – จีน
สนามบินแห่งใหม่ที่เปิดตัวในปี 2019 ด้วยดีไซน์สุดล้ำที่ดูเหมือนปลาดาว แค่เห็นจากมุมสูงก็ตะลึงแล้ว ด้วยพื้นที่ 47 ตารางกิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นอาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบมาเพื่อลดระยะเวลาเดินทางของผู้โดยสาร มีระบบ AI และอัตโนมัติที่ช่วยให้การเดินทางในสนามบินสะดวกสุด ๆ ระบบจดจำใบหน้าและการเช็คอินไร้สัมผัสทำให้การขึ้นเครื่องรวดเร็วขึ้นแบบสุด ๆ
ที่นี่เป็นฮับสำคัญของสายการบินหลักของจีนอย่าง China Southern Airlines และ China Eastern Airlines และยังมีแผนจะขยายระบบขนส่งให้เชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย ถือเป็นสนามบินแห่งอนาคตที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง
7. สนามบินจอร์จ บุช อินเตอร์คอนติเนนทัล (George Bush Intercontinental Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินขนาด 44.5 ตารางกิโลเมตร แห่งเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ที่นี่เป็นสนามบินที่มีเที่ยวบินไปยังลาตินอเมริกาเยอะที่สุดในอเมริกาเหนือ เป็นศูนย์กลางของสายการบิน United Airlines และรองรับผู้โดยสารกว่า 45 ล้านคนต่อปี
สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้แตกต่างจากที่อื่นคือความสามารถในการรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ระดับ Airbus A380 ได้แบบไม่มีปัญหา แถมยังมีรันเวย์ที่ยาวถึง 5,000 เมตร ซึ่งช่วยให้เครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างราบรื่นแม้ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยนำทางที่ทันสมัย ทำให้สนามบินนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักสำหรับนักเดินทางทั่วโลก
8. สนามบินเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง (Shanghai Pudong International Airport) – จีน
สนามบินที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจจีน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40 ตารางกิโลเมตร และเป็นหนึ่งในสนามบินขนส่งสินค้าทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่สำคัญแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยเฉพาะระบบรถไฟ Maglev ที่เชื่อมต่อสนามบินเข้ากับตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม.
อีกจุดที่น่าสนใจคือการออกแบบอาคารที่ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ ลดการใช้พลังงาน และทำให้สนามบินดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด แม้ว่าจะเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารเยอะมาก แต่ระบบการจัดการทำให้การเดินทางสะดวกสุด ๆ
9. สนามบินไคโร (Cairo International Airport) – อียิปต์
สนามบินหลักของแอฟริกา ครอบคลุมพื้นที่ 37 ตารางกิโลเมตร และมีผู้โดยสารมากกว่า 15 ล้านคนต่อปี เป็นสนามบินที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของภูมิภาค
จุดเด่นของสนามบินนี้คือการมีอาคารผู้โดยสารหลายแห่งที่รองรับทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีโซนร้านค้าปลอดภาษีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา ทำให้สนามบินนี้เป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการช้อปปิ้งก่อนเดินทางต่อ
10. สนามบินซูการ์โน-ฮัตตา (Soekarno-Hatta International Airport) – อินโดนีเซีย
สนามบินหลักของจาการ์ตาที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 36 ตารางกิโลเมตร และรองรับผู้โดยสารมากกว่า 60 ล้านคนต่อปี สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้พิเศษคือการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมอินโดนีเซียแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัยอย่างลงตัว
อีกหนึ่งจุดเด่นของสนามบินนี้คือสวนหย่อมขนาดใหญ่ภายในอาคารที่ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง และยังมีระบบขนส่งเชื่อมต่อกับตัวเมืองจาการ์ตาที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น สนามบินแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสนามบินที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
สรุป
สนามบินไม่ได้เป็นแค่จุดแวะพักระหว่างเดินทาง แต่เป็นสถาปัตยกรรมสุดอลังที่สะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการคมนาคมของโลก บางแห่งออกแบบให้หรูหราเหมือนรีสอร์ต บางแห่งมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำให้การเดินทางเร็วขึ้นและสะดวกขึ้น หรือแม้แต่สนามบินที่เต็มไปด้วยปริศนาและเรื่องเล่าชวนขนลุกก็ตาม
ไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินระดับโลกเหล่านี้ หรือแค่บินข้ามประเทศ อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันเดินทาง ติดไว้ ปลอดภัยและอุ่นใจสุด ๆ หมดห่วงเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือค่ารักษาแพง ๆ ต่างประเทศ ใครเดินทางบ่อยเลือกแบบ รายปี คุ้มค่ากว่า แถมซื้อทีเดียวคุ้มครองทั้งปี จะไปกี่ทริปก็ไม่ต้องซื้อใหม่ทุกครั้ง วางแผนเที่ยวให้สนุก แล้วออกเดินทางได้แบบไร้กังวลเลย
5 คำถามที่พบบ่อย
สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือที่ไหน?
สนามบินคิงฟาฮัด (King Fahd International Airport) ในซาอุดีอาระเบีย เป็นสนามบินที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 780 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าหลายเมืองรวมกัน
สนามบินไหนที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด?
สนามบินที่มีผู้โดยสารเยอะที่สุดขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและปีนั้น ๆ แต่สนามบินอย่าง แอตแลนตา (Hartsfield-Jackson Atlanta International Airport) มักติดอันดับสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในโลก
สนามบินไหนมีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด?
สนามบินปักกิ่ง แดซิง (Beijing Daxing International Airport) ถือว่าเป็นหนึ่งในสนามบินที่ล้ำสมัยที่สุด ด้วยการใช้ AI, ระบบอัตโนมัติ, การจดจำใบหน้า และระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง
สนามบินที่มีรันเวย์ยาวที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน?
สนามบินคูลา ลุมเปอร์ (Kuala Lumpur International Airport) และสนามบินเดนเวอร์ (Denver International Airport) มีรันเวย์ที่ยาวมาก โดยรันเวย์ของเดนเวอร์มีความยาวถึง 4.88 กิโลเมตร
เดินทางไปต่างประเทศ ควรมีประกันเดินทางหรือไม่?
แน่นอน! ประกันเดินทางช่วยคุ้มครองทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์ทดีเลย์, กระเป๋าหาย, เจ็บป่วยฉุกเฉิน และอื่น ๆ โดยสามารถเลือกได้ทั้ง รายเที่ยวและรายปี ซึ่งเริ่มต้นเพียง 59 บาทต่อทริป เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยและไร้กังวล
7 อันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก 2025 จาก Skytrax
24 มี.ค. 68 (10:40 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้
Skytrax ได้ประกาศรายชื่อ 7 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ประสบการณ์การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบายและน่าประทับใจ มาดูกันว่า 7 สนามบินที่ดีทีสุดในโลก 2025 ได้รับการจัดอันดับสูงสุดมีที่ไหนบ้าง
7 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก 2025
1. สนามบินชางงี สิงคโปร์ (Changi Airport – SIN)
สนามบินชางงีถือเป็นสนามบินที่สวยงามและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยและมีเอกลักษณ์ เช่น สวนในร่มและน้ำตกที่สูงที่สุดในโลกภายในอาคาร Jewel Changi Airport สิ่งอำนวยความสะดวกของสนามบินนี้มีครบครัน ตั้งแต่ร้านค้า ร้านอาหาร ไปจนถึงโรงภาพยนตร์ สระว่ายน้ำบนดาดฟ้า และสวนผีเสื้อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนระหว่างรอเที่ยวบิน

อีกจุดเด่นที่สำคัญคือระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ สนามบินมีป้ายบอกทางชัดเจน พนักงานคอยช่วยเหลือ และบริการ Wi-Fi ฟรีให้ใช้งานตลอดเวลา รวมถึงโปรแกรมสะสมแต้มผ่าน QR Code เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง
2. สนามบินนานาชาติฮาหมัด กาตาร์ (Hamad International Airport – DOH)
สนามบินฮาหมัดขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือระดับ โดยมีเลานจ์สุดพรีเมียม เช่น Al Mourjan Business Lounge และ Al Safwa First Lounge ที่ให้บริการอาหารระดับภัตตาคาร สปา และห้องพักส่วนตัว

อีกจุดเด่นของสนามบินนี้คือคอลเลกชันงานศิลปะที่กระจายอยู่ทั่วสนามบิน ทั้งงานประติมากรรมถาวรกว่า 20 ชิ้น และนิทรรศการหมุนเวียนที่นำเสนอผลงานของศิลปินระดับโลก นอกจากนี้ สนามบินยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ และเครื่องเช็กอินด้วยตนเองที่ช่วยลดเวลารอคอยของผู้โดยสาร
3. สนามบินนานาชาติโตเกียว ฮาเนดะ (Tokyo International Airport – HND)
สนามบินฮาเนดะเป็นสนามบินที่มีระบบจัดการดีที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น จุดเช็กอินอัตโนมัติ และระบบขนถ่ายสัมภาระที่รวดเร็ว สนามบินแห่งนี้ยังมีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่าง เช่น ออนเซ็น (บ่อน้ำร้อนญี่ปุ่น) ให้ผู้โดยสารได้ผ่อนคลายก่อนเดินทาง

อีกหนึ่งจุดเด่นคือทำเลที่ตั้งของสนามบิน ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงโตเกียวเพียง 14 กิโลเมตร ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้าเมือง
4. สนามบินนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้ (Incheon International Airport – ICN)
สนามบินอินชอนได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ด้วยอาคารผู้โดยสารที่กว้างขวาง โปร่งสบาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Wi-Fi ฟรี จุดชาร์จอุปกรณ์ และพื้นที่นั่งพักที่สะดวกสบาย

สนามบินแห่งนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และเลานจ์ให้บริการ รวมถึงโรงแรมภายในสนามบินสำหรับผู้ที่มีเวลาแวะพักนาน นอกจากนี้ ยังมีบริการรับฝากสัมภาระ และระบบขนส่งที่เอื้อต่อการเดินทาง สนามบินอินชอนยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และศูนย์การแพทย์ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
5. สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ฝรั่งเศส (Paris Charles de Gaulle Airport – CDG)
สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสนามบินที่คึกคักที่สุดในยุโรป โดยได้มีการปรับปรุงและขยายอาคารผู้โดยสารให้ทันสมัยมากขึ้น จุดเด่นของสนามบินนี้คือร้านค้าและร้านอาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด นอกจากนี้ยังมีเลานจ์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารระดับพรีเมียม

สนามบินแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะของฝรั่งเศสอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเดินทางไปยังกรุงปารีสและเมืองใหญ่ในยุโรปได้อย่างสะดวก
6. สนามบินอิสตันบูล ตุรกี (Istanbul Airport – IST)
สนามบินอิสตันบูลเป็นหนึ่งในสนามบินที่ใหม่ที่สุดในโลก โดยเปิดให้บริการในปี 2018 แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นสนามบินระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 76.5 ล้านตารางเมตร และรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 200 ล้านคนต่อปี

แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ แต่สนามบินแห่งนี้ถูกออกแบบให้เดินทางได้ง่าย มีป้ายบอกทางที่ชัดเจน และระบบช่วยนำทางอัจฉริยะ อีกหนึ่งจุดเด่นคือบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม พนักงานให้บริการอย่างเป็นมิตรและมืออาชีพ สนามบินยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น โรงแรมภายในสนามบิน มัสยิด และเลานจ์สำหรับนักเดินทางทุกระดับ
7. สนามบินมิวนิก เยอรมนี (Munich Airport – MUC)
สนามบินมิวนิกเป็นสนามบินที่โดดเด่นด้านการออกแบบและเทคโนโลยี ด้วยอาคารผู้โดยสารที่ทันสมัย และระบบเช็กอินอัตโนมัติที่ช่วยลดเวลารอคอย สนามบินแห่งนี้มีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมถึงพื้นที่พักผ่อนที่เหมาะสำหรับทุกวัย เช่น สปา เลานจ์ และโซนสำหรับเด็ก

อีกหนึ่งจุดแข็งของสนามบินมิวนิกคือความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้พลังงานหมุนเวียน ลดขยะ และมีมาตรการประหยัดน้ำ ทำให้เป็นสนามบินแรกของโลกที่ได้รับสถานะ “คาร์บอนเป็นศูนย์”

