ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
Julius Baer เผย สิงคโปร์คว้าอันดับ 1 เมืองค่าครองชีพสูงสุดในหมู่ผู้มั่งคั่ง

พรรณราย ดวงดีเด่น / ONLINE CONTENT CREATOR
28 Jun 2024 | 03:30 PM
READ 1807
รายงาน Global Wealth & Lifestyle Report ประจำปี 2024 โดย Julius Baer เผยรายชื่อ 25 เมืองที่มีค่าครองชีพของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงมากที่สุด สิงคโปร์นำมาเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
Julius Baer เผย Global Wealth & Lifestyle Report ประจำปี 2024 รายงานว่าด้วยค่าครองชีพตามเมืองต่างๆ ทั้งหมด 25 แห่งทั่วโลกที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่ม High Net Worth Individual (HNWI) หรือกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง โดยมีการสำรวจเพื่อวิเคราะห์ราคาสินค้าและบริการ 20 อย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนประกอบของไลฟ์สไตล์คนรวย อาทิ นาฬิกา แชมเปญ ตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ ห้องสวีทโรงแรม โรงเรียนเอกชน
เอเชีย-แปซิฟิก (APAC) เคยเป็นภูมิภาคที่มีค่าครองชีพของกลุ่ม HNWI สูงสุดของโลกถึง 5 เมืองใน 10 อันดับแรกเมื่อปี 2022 ทว่าปีนี้กลับเหลือเพียง 4 เมือง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และซิดนีย์ เท่ากับภูมิภาคยุโรป ตะวันออกลาง และแอฟริกา (EMEA) ได้แก่ ลอนดอน โมนาโก ซูริก และปารีส โดยสิงคโปร์ครองตำแหน่งเมืองที่มีค่าครองชีพฯ สูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ราคาสินค้าและบริการต่างๆ โดยภาพรวมยังคงแพงขึ้น สินค้าที่มีราคาสูงขึ้น 3 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี +9.6%, รองเท้าสตรีมีราคาสูงขึ้น +9.3% และชุดสูทสุภาพบุรุษ +9.3% ทั้งนี้แต่อัตราการเพิ่มของราคากลับชะลอตัวลงโดยเหลือเพียง 4% จาก 6% ในปี 2023
ทั้งนี้ แม้ราคาสินค้าและบริการต่างๆ จะแพงขึ้น แต่เหล่าผู้มั่งคั่ง HNWI ทั่วโลกยังคงยินดีจะใช้จ่าย โดยสินค้าและบริการที่มาแรง ได้แก่ โรงแรมที่พัก, มื้ออาหารคุณภาพสูง, สินค้าแฟชั่น และเครื่องประดับ สอดคล้องกับผลสำรวจที่พบว่าในปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้มั่งคั่งเหล่านี้นิยมเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
ค่าเงินมีผลอย่างมากต่อการจัดอันดับในปีนี้ ค่าเงินฟรังก์สวิสที่แข็งขึ้นพาซูริกทะยานขึ้นสู่อันดับ 6 จาก 14 เมื่อปีที่ผ่านมา ตรงข้ามกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่อ่อนลงอย่างหนักส่งผลให้โตเกียวตกจากอันดับ 15 ในปี 2023 มาอยู่ที่อันดับ 23 ในปีนี้
สำหรับ 10 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในกลุ่ม HNWI ประจำปี 2024 ได้แก่
อันดับ 1 สิงคโปร์
อันดับ 2 ฮ่องกง
อันดับ 3 ลอนดอน
อันดับ 4 เซี่ยงไฮ้
อันดับ 5 โมนาโก
อันดับ 6 ซูริก
อันดับ 7 นิวยอร์ก
อันดับ 8 ปารีส
อันดับ 9 เซาเปาโล
อันดับ 10 มิลาน
ด้านกรุงเทพฯ ตกลงจากอันดับ 11 มาอยู่ที่อันดับ 17 ในปีนี้ โดยสินค้าที่มีราคาแพงขึ้นสูงสุดคือเครื่องประดับอัญมณีที่ +10.5% ตามด้วยลู่วิ่งสำหรับออกกำลังกาย +9.1% และรองเท้าสตรี +7.6% ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่มีราคาต่ำลงมามากที่สุด ได้แก่ วิสกี้ -10.6% และตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ -8.2%
ขณะที่ภาพรวมภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โรงเรียนเอกชน +9.9%, เครื่องประดับอัญมณี +9.7%, รองเท้าสตรี +8.3%, กระเป๋าถือสำหรับสตรี +6.9% และชุดสูทสุภาพบุรุษ +6.2%
50 อันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก โรงแรมไทยประกาศศักดาอันดับ 1 บนเวทีโลก
30 ก.ย. 67
07:25 น.
อุตสาหกรรมโรงแรมทั่วโลกต้องจับตา เมื่อโรงแรม Capella Bangkok จากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์คว้าตำแหน่งโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024 จากการจัดอันดับ The World’s 50 Best Hotels นี่ไม่ใช่เพียงความสำเร็จของ Capella Bangkok เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพและความเป็นเลิศของอุตสาหกรรมโรงแรมไทย ที่สามารถแข่งขันและโดดเด่นบนเวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
50 อันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก โรงแรมไทยประกาศศักดาอันดับ 1 บนเวทีโลก

อุตสาหกรรมโรงแรมทั่วโลกต่างจับจ้องเมื่อ The World’s 50 Best Hotels ประกาศผลการจัดอันดับประจำปี 2024 ในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเชิดชูโรงแรมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นเลิศของภาคธุรกิจโรงแรมไทยที่มีถึง 4 แห่งที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
50 Best ไม่ใช่เพียงแค่การจัดอันดับ แต่เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ เริ่มต้นจากการจัดอันดับร้านอาหารยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเมื่อปี 2002 และขยายขอบเขตสู่การจัดอันดับบริการอื่นๆ รวมถึงโรงแรมยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเมื่อปี 2023 โดยมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอิสระกว่า 600 คนร่วมพิจารณา
ในปี 2024 นี้ ประเทศไทยได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าภาคภูมิใจ ด้วยการที่มีโรงแรมถึง 4 แห่งติดอันดับ นำโดย Capella Bangkok โรงแรมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผสมผสานความหรูหราสง่างามเข้ากับความเป็นส่วนตัวได้อย่างลงตัว โรงแรมแห่งนี้ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 จากอันดับ 11 ในปีที่แล้ว นับเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมหลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 4 ปี
4 โรงแรมไทยที่ได้รับเกียรติ

- อันดับ 1 Capella Bangkok (กรุงเทพฯ) – บริหารงานโดย บริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด ภายใต้ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)

- อันดับ 12 Mandarin Oriental Bangkok (กรุงเทพฯ) – บริหารงานโดย บริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ OHTL

- อันดับ 14 Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River (กรุงเทพฯ) – บริหารงานโดย บริษัท เออร์เบิร์น รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด ภายใต้ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)

- อันดับ 26 The Siam (กรุงเทพฯ) – บริหารงานโดย กุโกศล กรุ๊ป (Sukosol Group)
การที่โรงแรมไทยติดอันดับถึง 4 แห่ง ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมโรงแรมไทย ที่พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่เป็นเลิศให้กับนักเดินทางจากทั่วโลก
“50 อันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก” ประจำปี 2024

| อันดับ | ชื่อโรงแรม | สถานที่ |
| 1 | Capella Bangkok | กรุงเทพฯ |
| 2 | Passalacqua | Lake Como |
| 3 | Rosewood Hong Kong | ฮ่องกง |
| 4 | Cheval Blanc | ปารีส |
| 5 | The Upper House | ฮ่องกง |
| 6 | Raffles Singapore | สิงคโปร์ |
| 7 | Aman Tokyo | โตเกียว |
| 8 | Soneva Fushi | Maldives |
| 9 | Atlantis The Royal | ดูไบ |
| 10 | Nihi Sumba | เกาะ Sumba |
| 11 | Claridge’s | ลอนดอน |
| 12 | Mandarin Oriental Bangkok | กรุงเทพฯ |
| 13 | Raffles London at The OWO | ลอนดอน |
| 14 | Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River | กรุงเทพฯ |
| 15 | Hôtel de Crillon | ปารีส |
| 16 | Chablé Yucatán | Chocholá |
| 17 | Hotel Du Cap-Eden-Roc | Antibes |
| 18 | Maroma | Riviera Maya |
| 19 | Four Seasons Firenze | ฟลอเรนซ์ |
| 20 | Borgo Santandrea | Amalfi |
| 21 | Desa Potato Head | บาหลี |
| 22 | Bulgari Tokyo | โตเกียว |
| 23 | The Lana | ดูไบ |
| 24 | Rosewood São Paulo | เซาเปาโล |
| 25 | The Calile | บริสเบน |
| 26 | The Siam | กรุงเทพฯ |
| 27 | Park Hyatt Kyoto | เกียวโต |
| 28 | Mount Nelson | เคปทาวน์ |
| 29 | One&Only Mandarina | Riviera Nayarit |
| 30 | The Carlyle | นิวยอร์ก |
| 31 | La Mamounia | มาร์ราคิช |
| 32 | Four Seasons Madrid | มาดริด |
| 33 | Capella Singapore | สิงคโปร์ |
| 34 | Four Seasons at The Surf Club | Surfside |
| 35 | Hotel Bel-Air | ลอสแอนเจลิส |
| 36 | Eden Rock | St. Barths |
| 37 | Aman New York | นิวยอร์ก |
| 38 | Royal Mansour | มาร์ราคิช |
| 39 | Amangalla | กอลล์ |
| 40 | Le Bristol | ปารีส |
| 41 | Gleneagles | Auchterarder |
| 42 | Castello di Reschio | Lisciano Niccone |
| 43 | Suján Jawai | Rajasthan |
| 44 | Singita – Kruger National Park | Kruger National Park |
| 45 | Six Senses Zighy Bay | Zighy |
| 46 | The Connaught | ลอนดอน |
| 47 | The Brando | Tetiaroa |
| 48 | Hotel Esencia | Tulum |
| 49 | The Tasman | Hobart |
| 50 | Kokomo Private Island | Yaukuve Levu Island |
ธุรกิจโรงแรมไทยผงาดรับการท่องเที่ยวฟื้นตัว แม้ต้องเผชิญความท้าทาย

ภาคธุรกิจโรงแรมของประเทศไทยกำลังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวที่น่าพอใจ สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักได้ปรับตัวสูงขึ้น ใกล้เคียงกับระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 Krungthai COMPASS คาดการณ์ว่ารายได้ของธุรกิจโรงแรมในปี 2567 และ 2568 จะสูงถึง 9 แสนล้านบาท และ 9.6 แสนล้านบาทตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการปรับราคาห้องพักให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจโรงแรมยังคงเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย อาทิ การแข่งขันที่รุนแรง การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่สมบูรณ์ และต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงแรมระดับกลางและระดับล่าง
กลยุทธ์เพื่อความสำเร็จ การปรับตัวและสร้างความแตกต่าง
เพื่อรับมือกับความท้าทายและรักษาการเติบโต ผู้ประกอบการโรงแรมควรพิจารณากลยุทธ์ดังต่อไปนี้:
- การสร้างความแตกต่าง: การนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และตอบสนองความต้องการเฉพาะของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น การพัฒนาโรงแรมในธีมเฉพาะ หรือการให้บริการที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัว
- การแสวงหาตลาดใหม่: การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีศักยภาพสูง เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายด้านที่พักมากกว่ากลุ่มลูกค้าทั่วไป
- การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้: การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เช่น การใช้ AI ในการจัดการพนักงานและทรัพยากร
ก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมโรงแรมไทย
ความสำเร็จของ Capella Bangkok และโรงแรมไทยอีก 3 แห่งในการติดอันดับ 50 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมโรงแรมไทย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศในการมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่อุตสาหกรรมโรงแรมของไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ นวัตกรรม และความเข้าใจในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการไทยจะสามารถนำพาธุรกิจโรงแรมของตนให้ก้าวข้ามความท้าทาย และบรรลุความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างแน่นอน จากการฟื้นตัวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน อุตสาหกรรมโรงแรมไทยพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า
อ้างอิง Theworlds50best และ บทความธุรกิจโรงแรมไทย 2568 ฟื้นตัว แต่ยังต้องแต่ระวัง 3 ปัจจัยเสี่ยง

