ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
5 อันดับ ตึกที่สูงที่สุดในโลก 2024
ด้วยเทคโนโลยีในการก่อสร้างยุคปัจจุบันนี้ ได้ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ประกอบกับศิลปะในการออกแบบที่หลากหลาย ทำให้เกิดตึกสูงๆมากมายในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละตึกนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง แต่ทุกท่านรู้หรือไม่ว่า ตึกที่สูงที่สุดในโลก 2024 ปัจจุบันนี้มีอะไรบ้าง เราขอยกมาให้กับทุกท่านได้รับทราบกันเป็น 5 อันดับดังต่อไปนี้

อันดับ 5 PANG AN FINANCE CENTRE
Ping An Finance Center เป็นตึกระฟ้าที่อยู่ในประเทศจีน และเป็นตึกที่สูงที่สุดในอันดับ 5 ด้วยความสูง 599 เมตร มีจำนวน 115 ชั้น ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งประเทศจีน โดยถูกว่าจ้างจากบริษัท Pink An และถูกออกแบบโดยนักออกแบบสัญชาติอเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสิ้นในปีพ.ศ. 2560 และนี่คือตึกที่สูงที่สุดในเมืองเซินเจิ้น และยังเป็นตึกที่สูงอันดับที่ 2 ของประเทศจีนอีกด้วย มาด้วยกับสถิติที่เป็นหอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุดในอาคารระดับ 562 เมตร ตึกที่สูงที่สุดแห่งนี้มีมูลค่าในการก่อสร้างประมาณ 1.54 ล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับ 4 ABRAJ AL BAIT
ด้วยความสูง 601 เมตร เมตรทำกลายเป็นสิ่งที่สูงที่สุดในโลกในอันดับ 4 เป็นตึกสูงที่ตั้งอยู่ในนครเมกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Complex หรูของกษัตริย์ อับดุล อะซีส เพื่อใช้ในการจัดเลี้ยงของผู้ที่แสวงบุญให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้านบนประกอบไปด้วยนาฬิกาชิ้นใหญ่ที่สุดในโลก เป็นทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และหอดูดาวส่วนด้านบน 4 ชั้นสูงสุดประกอบไปด้วยหอนาฬิกาและพิพิธภัณฑ์ สำหรับมูลค่าในการก่อสร้างนั้นอยู่ที่ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยถูกสร้างขึ้นจากบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดิอาระเบียที่ชื่อว่า Saudi Bin Laden Group
อันดับ 3 SHANGHAI TOWER
ตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 อยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่มีชื่อว่า Shanghai Tower ซึ่งตึกนี้มีความสูงอยู่ที่ 632 เมตร มีจำนวนชั้นอยู่ที่ 128 ชั้น มีจำนวนลิฟท์อยู่ที่ 97 ตัว ระยะเวลาในการก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี พ.ศ 2551 และเสร็จสิ้นในปีพ.ศ 2557 ถูกก่อสร้างขึ้นมาด้วยบริษัทเจนส์เลอร์ ซึ่งสถานที่ก่อสร้างนี้จะมีตึกประกอบด้วยกัน 3 ตึก นั่นก็คือ ตึกศูนย์การเงินโลกเซี่ยงไฮ้ และตึกจินเม่าทาวเวอร์ แต่เซี่ยงไฮ้เทาเวอร์ นั้นเป็นตึกที่สูงที่สุดในบรรดาตึก 3 หลังที่อยู่ด้วยกัน และมีมูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

อันดับ 2 MERDEKA-118
เป็นตึกสูง 118 ชั้น และเป็นตึกที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นก็คือ Merdeka -118 มาด้วยกับความสูง 678.9 เมตร ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และในปีนี้ได้กลายมาเป็นอันดับ 2 ของตึกที่สูงที่สุดในโลก 2024 แซงตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ที่มีความสูง 632 เมตร ด้านบนจะมีปลายแหลมที่สูงมาก ซึ่งสูงถึง 160 เมตร เป็นลักษณะความหมายถึงการประกาศอิสรภาพ เหมือนกับการชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า ในประเทศมาเลเซียนี้ก็มีตึกที่สูงมากมาย แต่ก็ไม่มีตึกใดที่จะโดดเด่นไปเท่ากับตึกสูงแห่งนี้อีกแล้ว รวมถึงเป็นตึกที่มีความสวยงามและได้รับรางวัลมากมายมานับไม่ถ้วน ถือว่าเป็นอันดับ 2 ของสิ่งที่สูงที่สุดในโลก อีกอย่างหนึ่งที่เป็นความภูมิใจ ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราด้วย

อันดับ 1 BURJ KHALIFA
Burj Khalifa นี่คือตึกที่สูงในเอเชีย และเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก และยังเป็นการก่อสร้างสิ่งที่สูงที่สุดในโลก ด้วยฝีมือมนุษย์ในปี 2024 ตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยความสูงเหนือเมฆที่ 828 เมตร ทำให้เป็นสิ่งที่ยากสำหรับการที่ใครจะมาล้มสถิตินี้ อาคารเริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2547 แล้วเสร็จเปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2553 ในวันที่ 4 มกราคม ตึกนี้มีจำนวนชั้นอยู่ที่ 163 ชั้น สำหรับใครที่นึกความสุขของตึกนี้ไม่ออก ก็ให้ไปเปรียบเทียบกับหอไอเฟล ซึ่งมีความสูงมากกว่าถึง 3 เท่า ใช้มูลค่าในการก่อสร้าง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญภายในตึกมีครบทุกสิ่งอย่างที่ทุกคนต้องการ เป็นตึกที่มีการอำนวยความสะดวกครบทุกด้าน และยังเป็นตึกที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่วนในเรื่องความสวยงาม ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองใคร ที่สำคัญยังมีลิฟท์ที่สูงที่สุด และเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ด้วยเทคโนโลยี ความต้องการ และความท้าทายของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด รวมไปถึงการแข่งขันของแต่ละประเทศ ที่ทำตึกสูง ๆ ออกมาเพื่อเป็นสถิติกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอาจจะได้เห็นตึกที่สูงที่สุดในอนาคตอีกมากมายก็ได้ใครจะรู้ ชื่อว่าใครได้มีโอกาสไปประเทศที่มีตึกสูงเหล่านี้ ต้องห้ามลืมไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพสวย ๆ กลับมาฝากกันด้วย
5 อันดับสนามบิน (Airport) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
LnW Loon 5 กรกฎาคม 2025

ลาเดินทางไปต่างประเทศ สนามบิน (Airport) คือจุดเริ่มต้นของทุกทริป และบางแห่งไม่ใช่แค่ที่เช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้น แต่ยังอลังการจนต้องร้องว้าว! บางที่ใหญ่เท่ากับเมืองทั้งเมือง บางที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และบางที่ก็มีเรื่องเล่าชวนขนลุกที่ทำให้สนามบินกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ วันนี้มาดูกันว่า 10 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีอะไรเด็ด ๆ บ้าง
แน่นอนว่าการเดินทางไกลแบบนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วน! นอกจากตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตแล้ว ประกันเดินทาง ก็คืออีกหนึ่งไอเทมที่ต้องมีติดตัว เที่ยวไหนก็อุ่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน เพราะประกันเดินทางเบี้ยเริ่มต้นแค่ 59 บาทต่อทริป แต่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็ม พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง จะเดินทางเที่ยวเดียวหรือเดินทางบ่อยก็เลือกได้ทั้ง รายเที่ยว และ รายปี สบายใจทุกทริปแน่นอน
มาชม 5 สนามบิน (Airport) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เห็นแล้วต้องว้าว!

1.สนามบินคิงฟาฮัด (King Fahd International Airport) – ซาอุดีอาระเบีย
ถ้าเรื่องขนาดต้องยกให้ที่นี่แบบไม่มีใครเทียบได้ เพราะสนามบินนี้มีพื้นที่ใหญ่ถึง 780 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถสร้างเมืองใหม่ได้สบาย ๆ ตั้งอยู่ในเมืองดัมมาม เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1999 ออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารจำนวนมหาศาล มีอาคารผู้โดยสารที่จุคนได้กว่า 12 ล้านคนต่อปี ที่สำคัญคือเป็นสนามบินเดียวในโลกที่มีมัสยิดภายในตัวอาคาร เพื่อให้ผู้โดยสารที่นับถือศาสนาอิสลามสามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างสะดวกสุด ๆ
อีกจุดที่ทำให้สนามบินนี้โดดเด่นคือ ลานจอดเครื่องบินที่กว้างขวาง รองรับเครื่องบินทุกขนาด ตั้งแต่เครื่องบินโดยสารทั่วไปยันเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่มีปัญหา ระบบขนส่งภายในสนามบินก็จัดว่าครบครัน มีทางเดินเชื่อมที่ออกแบบมาให้ผู้โดยสารเดินสะดวก ไม่ต้องกลัวหลง ที่สำคัญคือสนามบินยังมีพื้นที่รกร้างที่เตรียมไว้ขยายเพิ่มในอนาคตอีกเพียบ ถือเป็นหนึ่งในสนามบินที่มีศักยภาพสูงสุดในโลกเลยก็ว่าได้

2.สนามบินเดนเวอร์ (Denver International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้ไม่ได้มีดีแค่ขนาดใหญ่ 135 ตารางกิโลเมตร แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าปริศนาที่ทำให้คนสงสัยกันมานาน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1995 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองเดนเวอร์ในอนาคต มีรันเวย์ทั้งหมด 6 เส้น ซึ่งเส้นที่ยาวที่สุดดันมีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่าง ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดขึ้นเพียบ
ภายในสนามบินมีอาคารผู้โดยสารหลักที่ชื่อว่า Jeppesen Terminal ที่ออกแบบให้มีเพดานสูง โปร่งโล่ง ดูหรูหรา จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือสนามบินนี้มีงานศิลปะลึกลับกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ภาพวาดขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนมีเรื่องราวซ่อนอยู่ ไปจนถึงรูปปั้นม้าสีฟ้าตาแดง “Blucifer” ที่ทำให้ผู้โดยสารหลายคนขนลุก ที่สำคัญคือใต้สนามบินยังมีเครือข่ายอุโมงค์ลับที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันมีไว้เพื่ออะไร นี่จึงเป็นสนามบินที่เต็มไปด้วยปริศนาน่าค้นหา และเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ในตัวเอง

3.สนามบินดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ (Dallas/Fort Worth International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส กินพื้นที่กว่า 69.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถใส่มหานครแมนฮัตตันลงไปได้แบบเหลือ ๆ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1974 โดยเป็นศูนย์กลางการบินหลักของสายการบิน American Airlines มีรันเวย์ทั้งหมด 7 เส้น ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินที่ขึ้นลงได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีติดขัด
ความพิเศษของสนามบินนี้คือระบบขนส่งภายในที่ชื่อว่า SkyLink ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับการเดินทางภายในสนามบิน ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางระหว่างอาคารได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ สนามบินยังมีโรงแรมอยู่ภายในตัวอาคาร ทำให้ผู้โดยสารที่ต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลานานสามารถพักผ่อนได้โดยไม่ต้องออกไปไหน ถือเป็นสนามบินที่ให้ความสะดวกสบายระดับสุดยอดเลยก็ว่าได้

4.สนามบินออร์แลนโด (Orlando International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้ไม่ได้เป็นแค่สนามบิน แต่เป็นเหมือนประตูสู่โลกแห่งเวทมนตร์ เพราะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มา Disney World และ Universal Studios โดยมีขนาดพื้นที่กว่า 53.8 ตารางกิโลเมตร และมีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี
สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้พิเศษคือการออกแบบที่ให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ต มากกว่าสนามบินทั่วไป ทุกมุมของสนามบินให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด มีพื้นที่สีเขียวให้ผู้โดยสารได้พักสายตา และยังมีร้านขายของที่ระลึกจากดิสนีย์โดยเฉพาะ ทำให้แม้แต่การรอเที่ยวบินก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ตั้งแต่ก่อนเริ่มทริป

5.สนามบินวอชิงตัน ดัลเลส (Washington Dulles International Airport) – สหรัฐอเมริกา
สนามบินนี้เป็นสนามบินหลักของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีพื้นที่กว่า 48.6 ตารางกิโลเมตร เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1962 และออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Eero Saarinen จุดเด่นที่ทำให้สนามบินนี้แตกต่างจากที่อื่นคือ “Mobile Lounges” หรือรถรับส่งผู้โดยสารที่มีดีไซน์เหมือนยานพาหนะในหนังไซไฟ ระบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารเดินทางจากประตูเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินไกล
อีกหนึ่งความพิเศษคือสนามบินนี้เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีเที่ยวบินตรงไปยังนานาประเทศมากที่สุดในสหรัฐฯ จึงกลายเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างประเทศที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัย และการจัดการเที่ยวบินที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้แม้จะเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น แต่ก็ยังให้บริการได้อย่างราบรื่น

